จะตีเหล็กต้องตีตอนร้อน ไม่เช่นนั้นเื่ที่อวี้หวางพาทหารฝีมือดีมากวาดล้างหลิงหลงเซวียนไม่นานก็จะแพร่ไปทั่วเมืองหลวง ขุนนางทั้งบุ๋นบู๊ก็จะทราบถึงข่าวนี้ ตอนนั้นคิดอยากจะจับกุมก็คงจะยากขึ้นไปอีก
มู่หรงอวี้สั่งให้ทหารม้าสองหน่วยมุ่งไปที่จวนของว่านฟางกับหวังเทา แล้วจับกุมสองคนนี้มา
วันนี้ ว่านฟางกับหวังเทาไม่ได้อยู่ที่กองทัพตรวจสอบอาวุธ
มู่หรงฉือสั่งให้ฉินรั่วกลับตำหนักบูรพาโดยด่วน ฉินรั่วรับคำสั่งก่อนจะออกเดินทางไป
มู่หรงอวี้สั่งการเสร็จก็หันมาพูดกับนาง “เตี้ยนเซี่ย กลับไปรอฟังข่าวดีที่จวนหวางเถิด”
ในเวลานี้องค์หญิงตวนโหรวคงจะพักผ่อนไปแล้ว ไม่มีทางมาตอแยนาง นางจึงเข้าจวนได้อย่างเปิดเผย แต่เพิ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าวนางก็หยุดฝีเท้า คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น “ไม่ถูกต้อง!”
เขารู้สึกถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ในเวลานี้ สีหน้าพลันเคร่งขรึม แล้วพุ่งไปที่ม้าทันที คว้าบังเหียนเอาไว้ก่อนจะยื่นมือไปทางนาง “ขึ้นมา!”
นางรู้ว่าพาหนะของเขาเป็ม้าหนุ่มกำยำ ฝีเท้ารวดเร็วจนม้าธรรมดาไม่อาจเทียบได้
นางกัดฟันแน่น ก่อนจะวางมือลงไปที่ฝ่ามือของเขาแล้วะโขึ้นม้า
ภายใต้ท้องนภาสีหมึก ม้าทะยานวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น มีม้าจำนวนมากติดตามมา เสียงฝีเท้าของม้าดังก้องอยู่ในยามค่ำคืน
“ไปจวนของหวังเทา”
มู่หรงฉือไม่ได้อธิบายอะไรอีก ในบรรดาขุนนางที่อยู่ในกองทัพตรวจสอบอาวุธพวกนั้นว่านฟางเป็คนเ้าเล่ห์เพทุบาย มากแผนการ เป็ตัววางแผนเื้ั ส่วนหวังเทาเป็คนโลภมากแต่ขี้ขลาด มักติดกับได้ง่าย ดังนั้นจึงจำเป็ต้องเลือกหวังเทามาเป็ตัวไขคดี
เขาเองก็ไม่ได้ถามอะไร ยกบังเหียนขึ้นเร่งม้า เพียงครู่เดียวก็เดินทางมาถึงจวนของหวังเทา
มู่หรงอวี้ยกมือขึ้น เงาสีดำก็พุ่งมาจากด้านหลังทะยานขึ้นฟ้าไป ก่อนจะหยุดลงบนหลังคาจวนสกุลหวัง แล้วพุ่งไปทางเรือนหลังอย่างรวดเร็ว
นางรู้ นั่นก็คือองครักษ์เงาของเขา ฝีมือการต่อสู้สูงส่ง คงจะใกล้เคียงกับเขา
เขาโอบนางแล้วะโขึ้นไปบนหลังคา หลบซ่อนตัวในที่มืด ยืมความมืดมิดยามรัตติกาลมาปกคลุมตัว
เป็อย่างที่คิดเอาไว้ หลังจากที่เงาดำพุ่งไปยังเรือนหลังแล้ว ก็พุ่งหลบหนีไปทางตะวันออก
มู่หรงอวี้รุดตามไปทันที เสื้อคลุมสีดำสะบัดขึ้น แขนเสื้อกว้างราวกับลูกไฟสีดำลอยไปกลางอากาศ ราวกับปีกที่สยายอยู่ในความมืด
มู่หรงฉืออยู่ที่เดิม มองไปยังเขาที่ถูกความมืดมิดกลืนหายไป หัวใจพลันเต้นแรง
ผู้บังคับบัญชากับรองผู้บังคับบัญชากองทัพตรวจสอบอาวุธคือว่านฟางกับหวังเทา เมื่อไม่นานมานี้พวกเขาเคยไปตรวจสอบที่กองทัพตรวจสอบอาวุธ ทั้งยังสร้างเื่ที่มีนักฆ่าบุกกองทัพอีก เื่เหล่านี้คุณชายชุดทองจะต้องรู้แน่นอน คุณชายชุดทองไม่มีทางสังหารขุนนางที่มีความเกี่ยวข้องกับหลิงหลงเซวียน ถึงอย่างไรคนที่เกี่ยวข้องก็มีเยอะเกินไป สังหารคนมากเกินไปกลับกันจะยิ่งทำให้ความจริงเผยออกมามากเท่านั้น อีกอย่าง เขาเองก็ไม่กังวลว่าขุนนางเ่าั้จะเปิดเผยเื่ลับๆ ของหลิงหลงเซวียน เพราะว่าขุนนางเหล่านี้ไม่รู้ถึงกลไกสำคัญของหลิงหลงเซวียน
ว่านฟางและหวังเทาจากกองทัพตรวจสอบอาวุธกลับแตกต่างออกไป พวกเขาถูกตรวจสอบไปแล้ว หากคุณชายชุดทองคาดเดาได้ถึงเื่นี้ จะต้องสังหารคนให้สิ้นซาก ป้องกันมิให้ว่านฟางกับหวังเทาเปิดปาก
เมื่อเป็เช่นนี้ นางก็ยิ่งมั่นใจ การที่คุณชายชุดทองรีบร้อนสังหารคนปิดปาก เื่ที่กองทัพตรวจสอบอาวุธลอบค้าอาวุธก็มีความเป็ไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับหลิงหลงเซวียน
องครักษ์เงาพาหวังเทาที่ได้รับาเ็ออกมา หวังเทาถูกคนชุดดำลอบสังหารขณะที่กำลังนอนหลับอยู่ เขาใจนิญญาหลุดลอย หน้าอกถูกแทง แต่ไม่ได้แทงถูกหัวใจ ไม่มีทางตายง่ายๆ เพียงแต่ร่างทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยเื เห็นแล้วรู้สึกอนาถใจ
ขณะเดียวกันทหารฝีมือดีของจวนอวี้หวางก็เดินทางมาถึง แล้วล้อมบ้านหวังเทาเอาไว้
หวังเทาเห็นภาพนี้ ทั้งตนเองก็ได้รับาเ็หนัก ครั้นรู้ว่าเื่เหล่านี้จบลงแล้ว จึงนอนคิดมากมายอยู่กับพื้น
กุ่ยหยิงพันแผลให้เขาง่ายๆ มู่หรงฉือะโลงมาจากกำแพง ออกคำสั่งเสียงเย็น “พวกเ้าจงฟังให้ดี จับทุกคนในจวนสกุลหวังไปที่คุกของกรมราชทัณฑ์!”
“เตี้ยนเซี่ยโปรดไว้ชีวิต...เตี้ยนเซี่ยโปรดมีเมตตา...” หวังเทาอดทนต่อความเ็ปที่หน้าอกแล้วคลานไปยังแทบเท้าของนาง ขอร้องอย่างสิ้นหวัง
“ชีวิตของเ้าเป็เปิ่นกงช่วยเอาไว้ นี่ก็นับว่าเมตตามากแล้ว” นางกอดอกพูดเสียงเย็น
“กระหม่อม...” เขาคุกเข่านั่งร้องไห้น้ำตาไหลอยู่กับพื้น ชุดขาวที่เปื้อนเืไปทั้งตัวสะดุดตาเป็อย่างยิ่ง
“ต่อไปอวี้หวางจะเป็ผู้สอบสวน เขาไม่ได้นิสัยดีเหมือนเปิ่นกง เ้าจงพิจารณาให้ดี” นางพูดเสียงเย็น “ทางที่ดีเ้าจงอย่าตายไปเสียเล่า หากเ้าตายไป ภรรยาของเ้าก็จะลำบากไปด้วย ไม่แน่ว่าอวี้หวางอาจมีโทสะจนปะาเก้าชั่วโคตร”
หวังเทาแข็งค้างแน่นิ่งเป็ต้นไม้ ดวงหน้าขาวซีด
มู่หรงฉือะโขึ้นม้า ออกคำสั่งกับกุ่ยหยิง “พาเขากลับไปที่จวนอวี้หวาง ระวังอย่าให้เขาตายเล่า”
ทว่านางยังไม่ทันนั่งได้มั่นคง ม้าสีขาวปลอดก็ห้อตะบึงไปด้านหน้าอย่างไม่ทันให้นางตั้งตัว นางพยายามควบคุมม้า แต่ยิ่งนางเพิ่มแรงเท่าใด การต่อต้านของม้าก็ยิ่งหนักหน่วง มันใช้ทุกวิถีทางเพื่อจะสะบัดนางลงไป
นางโกรธจัด ไม่เชื่อว่านางจะสยบม้าศึกตัวนี้ไม่ได้!
นิสัยของม้าแปลกประหลาดอยู่มาก พยศดุดัน คนปกติทั่วไปไม่อาจขี่ได้
กุ่ยหยิงทนดูไม่ไหวอีกต่อไปจึงเอ่ยเตือน “เตี้ยนเซี่ย เสวี่ยหยิงยอมรับเพียงท่านอ๋อง ไม่ยอมให้ผู้อื่นขี่ เตี้ยนเซี่ยลงมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
มีทหารเก่งกาจมากมายมองดูอยู่ หากมู่หรงฉือรามือจากการสยบม้า ก็เท่ากับยอมจำนนต่อ ‘อำนาจม้า’ เช่นนี้ก็เสียหน้ามากไม่ใช่หรือ?
ตอนนี้นางนั่งอยู่บนหลังเสือแล้วย่อมลงได้ยาก นางขึ้นมาอยู่บนตัวของเสวี่ยหยิงแล้ว ย่อมจะต้องสู้กับมันให้ตายกันไปข้าง
เสวี่ยหยิงเองก็ขยับตัวอย่างโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด ส่งเสียงร้องดังราวกับจะฉีกม่านราตรีนี้ให้พังลง ทั้งยังเปลี่ยนวิธีเพื่อจะสะบัดคนน่ารำคาญบนหลังลงไป
มันไม่มีทางยอมผู้อื่นที่ไม่ใช่เ้านายหรอก!
นางนอนฟุบอยู่บนหลังม้า สองมือกอดแผงคอม้าเอาไว้แน่น แต่ว่าเพราะเสวี่ยหยิงะโขึ้นลง อีกทั้งขนของม้าที่ลื่นอยู่เล็กน้อย ทำให้มือทั้งสองของนางค่อยๆ ลื่นไหล จวนเจียนจะจับไม่อยู่แล้ว
แม้กุ่ยหยิงจะกังวลถึงความปลอดภัยขององค์รัชทายาท แต่ในสายตาของเขามีเพียงความปลอดภัยของอวี้หวางเท่านั้นที่สำคัญ เื่ของคนอื่นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา เขาจึงไม่ได้ลงมืออะไร
ส่วนทหารที่เก่งกาจทั้งหลาย ครั้นเห็นองค์รัชทายาทตกอยู่ในอันตราย ย่อมอยากจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ แต่กลับไร้ความสามารถ
มู่หรงฉือรู้สึกว่าทั้งตัวร่วงหล่นลงไป จากการเตะถีบอย่างบ้าคลั่งของเสวี่ยหยิง นางจับไม่อยู่แล้ว จบกัน นางจะตายหรือไม่?
ถูกม้าตัวหนึ่งทำให้ตาย ตายไปด้วยเหตุนี้จะเสียหน้าเกินไปหรือไม่?
มีเงาดำสายหนึ่งปรากฏขึ้นด้วยความรวดเร็วราวกับิญญา ท้องฟ้าสีดำราวน้ำหมึกทำให้มองอะไรไม่ค่อยชัด
ร่างเงานั้นะโขึ้นมาบนหลังม้าด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะส่งเสียงปลอบ “จุ๊ๆ”
นางรู้สึกเพียงว่าเสวี่ยหยิงไม่ได้อาละวาดถึงเพียงนั้นอีกแล้ว คอเสื้อด้านหลังของนางถูกดึง ก่อนจะพิงเข้ากับคนด้านหลังพลางหายใจอย่างรุนแรง
เมื่อครู่ช่างอันตรายเกินไปแล้ว!
เ้านายกลับมาแล้ว อารมณ์รุนแรงของเสวี่ยหยิงก็ค่อยๆ กลับมาสงบลง แล้วเดินหน้ากลับไปที่จวนหวางช้าๆ
มู่หรงอวี้ดึงนางเข้าไปในอ้อมกอด พูดเสียงทุ้มต่ำ “ใหรือไม่?”
“ม้าของท่านพยศถึงเพียงนี้เหตุใดไม่บอกเปิ่นกงก่อน? ทำเอาเปิ่นกงเกือบจะถูกมันทำให้ตกลงไปตายแล้ว!” มู่หรงฉือค่อยๆ ดึงสติกลับมา ตีม้าเข้าไปหนึ่งทีด้วยความโกรธ “เปิ่นกงจะต้องลงโทษเ้าม้าเสวี่ยหยิง!”
“พาหนะของเปิ่นหวางผิดต่อเตี้ยนเซี่ย แต่ว่าเหตุใดเตี้ยนเซี่ยถึงต้องคิดเล็กคิดน้อยกับสัตว์เดรัจฉานด้วยเล่า?” น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความขบขัน เหมือนอารมณ์จะดีมาก “เช่นนี้ดีหรือไม่ ให้เปิ่นหวางที่เป็เ้านายของมันรับโทษแทน เตี้ยนเซี่ยคิดว่าการลงโทษเช่นนี้เป็อย่างไร?”
ทันได้นั้นนางก็คิดได้ว่าท่าทางที่พวกเขาขี่ม้าตัวเดียวกันช่างคลุมเครือยิ่งนัก ทั้งยังร้อนแรงเกินไป จึงอดที่จะขัดขืนไม่ได้ “ท่านขยับไปข้างหลังหน่อย”
ลูกน้องของเขามองกันอยู่นะ!
ไม่รู้ว่าจะถูกเอาไปพูดเป็เื่อย่างไรออกมา
ยอดทหารที่ติดตามกลับจวนมาด้วยต่างเงยหน้ามองดาวมองเดือนมองท้องฟ้าอันกว้างไกล แสร้งทำเป็มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
ท่านอ๋องกับองค์รัชทายาทขี่ม้าตัวเดียวกัน ดูเหมือนว่าที่มีลมผ่านช่องว่างมาได้นั้นไม่ใช่ไม่มีเหตุผล[1] ท่านอ๋องกลับมาที่ราชสำนักได้ห้าปีโดยที่ไม่ได้แต่งพระชายา ที่แท้ก็เป็พวกนิยมตัดแขนเสื้อนี่เอง
องค์รัชทายาทรูปร่างหน้าตางดงาม ท่านอ๋องจะชมชอบองค์รัชทายาทก็เป็เื่ที่สมควร
เห็นพวกเขาขี่ม้าตัวเดียวกันด้วยท่าทางสง่างาม ดูแล้วเป็ดั่งคู่์สรรสร้าง
มู่หรงฉือทำตัวไม่ถูก อยากจะขอขี่ม้าด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่มีม้าเพียงพอให้ขี่
“มิสู้เตี้ยนเซี่ยคิดว่าคืนนี้จะลงโทษเปิ่นหวางอย่างไรดีกว่า” มู่หรงอวี้พูดหยอกเย้าต่อไป โดยใช้ระดับเสียงที่พวกเขาได้ยินกันแค่สองคน
“ใครจะลงโทษท่าน? เปิ่นกงจะลงโทษเสวี่ยหยิง!” นางพูดเสียงหนักแน่น
เสวี่ยหยิงเหมือนเข้าใจภาษามนุษย์ ส่งเสียงร้องต่อต้านอย่างขุ่นเคืองออกมา
นางคิดถึงมือสังหารผู้นั้นจึงเอ่ยถาม “ใช่แล้ว ท่านไม่ได้จับนักฆ่าคนนั้นมาหรือ?”
แววตาลึกๆ ของเขาปรากฏความเ็า “มือสังหารคนนั้นฝีมือดียิ่ง เปิ่นหวางกับเขาประมือกันหลายกระบวนท่าก่อนเขาหนีไปได้”
มู่หรงฉือกล่าว “โชคดีที่พวกเรามาได้ทันเวลา ถึงช่วยชีวิตหวังเทามาได้”
อารมณ์ของเขายิ่งดีขึ้นกว่าเดิม เพราะคำว่า ‘พวกเรา’ ที่นางพูดนั้นเป็การยืนยันความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด
...
ครั้นกลับถึงจวนอวี้หวาง มู่หรงอวี้ให้หมอประจำจวนจัดการกับแผลของหวังเทา จากนั้นก็สอบสวนต่อทันทีในคืนเดียวกัน
ทหารม้าที่ไปยังจวนของว่านฟางกลับมารายงานว่าว่านฟางถูกคนลอบสังหาร ที่หน้าอกถูกกระบี่แทงเสียชีวิตคาที่ คนของสกุลว่านถูกควบคุมตัวเอาไว้แล้ว
แสงไฟในห้องเล็กจ้อยราวเมล็ดถั่ว ไม่ค่อยสว่างเท่าใดนัก
หวังเทาที่ดวงหน้าซีดขาวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นอย่างเหม่อลอย ราวกับสูญเสียความคิดที่จะมีชีวิตอยู่ ดวงตาว่างเปล่า
หลังจากมู่หรงอวี้นั่งลงด้านหลังโต๊ะหนังสือ ตาก็อ่านสมุดบัญชีของกองทัพตรวจสอบอาวุธที่คัดลอกอออกมา “หวังเทา จะรับสารภาพหรือไม่?”
น้ำเสียงดุดันราวกับลูกธนูที่ตัดสินความเป็ความตายได้จากการยิงเพียงครั้งเดียว
หวังเทาหน้าขาวซีด จิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเพราะได้รับาเ็ ท่าทางราวกับว่าเขาจะหมดสติแล้วตายจากไปตอนไหนก็ได้
มู่หรงฉือหัวเราะเสียงเย็น “ไม่สารภาพออกมาก็ไม่เป็ไร ไปจับภรรยากับบุตรของเขามาขังไว้ด้านนอก ทยอยสังหารพวกนางทีละคน ให้เขาเห็นว่าภรรยาและบุตรของเขาตายอย่างไร”
“กระหม่อมสารภาพ...อะไรก็จะพูดหมดพ่ะย่ะค่ะ...” ในที่สุดหวังเทาก็รู้สึกกลัว พูดออกมาอย่างสิ้นหวัง “ท่านอ๋อง เตี้ยนเซี่ย เป็ว่านฟางที่ลากกระหม่อมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย กระหม่อมจะไปมีความกล้ามาทำเื่เช่นนี้ได้อย่างไร? นี่เป็ความผิดปะาเก้าชั่วโคตรเชียวนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่านฟางตายไปแล้ว คนตายไม่สามารถพิสูจน์ความจริงให้ตัวเองได้ เ้าเอาความผิดไปให้เขาก็นับว่าฉลาด”
“เขาตายแล้ว? ถูกลอบสังหารหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตระหนก
“ใช่ ถูกลอบสังหาร เ้าโชคดีที่พวกเราไปช่วยเอาไว้ได้ทัน” ก่อนที่นางจะตวาดเสียงกร้าวขึ้นมาทันที “หากเ้ายังทำตัวขี้แยเช่นสตรี เปิ่นกงจะสังหารเ้าเอง!”
“อย่าพ่ะย่ะค่ะ...กระหม่อมสารภาพ...” หวังเทาพูดอย่างขมขื่น แต่ในดวงตากลับทอประกายวาววับ “เป็ว่านฟางที่ลากกระหม่อมเ้าไปเกี่ยวข้องจริงๆ ปกติแล้วกระหม่อมอยู่อย่างสงบเสงี่ยม ขี้ขลาดตาขาว ไม่อยากเข้าไปร่วมมือกับว่านฟาง แต่เขาเอาภรรยาและอนาคตของกระหม่อมมาข่มขู่ กระหม่อมจึงทำได้เพียงต้องร่วมมือไปกับเขาพ่ะย่ะค่ะ...”
“ที่เปิ่นกงได้ยินมาไม่ใช่เช่นนี้ เปิ่นกงมีพยานที่น่าเชื่อถือ ยืนยันว่าเ้าเป็พวกโลภและมักมากในกาม ยินดีที่จะเข้าร่วมกับว่านฟางกระทำความผิดที่มีโทษปะานี้” มู่หรงฉือกล่าว
“ไม่มีทางมีเื่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ เตี้ยนเซี่ย ท่านอ๋อง มาถึงตอนนี้กระหม่อมมีอะไรก็สารภาพออกมาจนหมดสิ้น กระหม่อมยินดีโต้แย้งกับคนผู้นั้นพ่ะย่ะค่ะ”
เชิงอรรถ
[1] ลมผ่านช่องว่างมาได้นั้นไม่ใช่ไม่มีเหตุผล หมายถึงการที่มีข่าวลือพูดออกมาได้ ก็เพราะว่ามีมูลเหตุ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้