“พี่สาวหลานเขายุ่งกับธุระของตัวเองน่ะ”
หากเป็หลิวฟาง คงป่าวประกาศอวดโอ้ผลการเรียนของลูกสาวไปทั่วแล้ว หลิวเฟินเองก็ใช่ว่าไม่อยากอวด แต่เธอทนได้ และเกรงว่าการบอกคนอื่นไปทั่วจะเพิ่มความกดดันให้เซี่ยเสี่ยวหลาน ต้องทนจนกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดมหาวิทยาลัยค่อยบอกญาติพี่น้อง
เหลียงฮวนไม่ยอมแพ้ ซักไซ้ต่อไป “แม่ฉันบอกว่าพี่เสี่ยวหลานช่วยงานในร้าน ฉันนึกว่าจะได้พบพี่เสียอีก เจอกันก่อนตรุษจีนครั้งเดียวเอง นี่ก็ผ่านมานานมาก ฉันคิดถึงพี่เขาแล้ว!”
หลิวเฟินซาบซึ้งทีเดียว
ส่วนหลี่เฟิ่งเหมยแอบกลอกตา
ลูกพี่ลูกน้องที่ไม่ได้พบกันตั้งหกเจ็ดปี มีความผูกพันลึกซึ้งขนาดนั้นเชียวหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น ตอนอยู่ชนบทคราวก่อน กิริยาที่เหลียงฮวนแสดงออกมามิใช่ความชอบเสียหน่อย ทำไมพอเหลียงฮวนปรากฏตัวในครานี้ ท่าทีถึงเปลี่ยนไปโขกันนะ? แม้แต่หลิวฟางยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหุ้นส่วนใหญ่ที่แท้จริงของ ‘หลานเฟิ่งหวง’ คือเซี่ยเสี่ยวหลาน แล้วทำไมเหลียงฮวนถึงเปลี่ยนท่าทีต่อเซี่ยเสี่ยวหลานเช่นนี้
หลี่เฟิ่งเหมยรู้สึกสงสัยยิ่งนัก
“พี่เสี่ยวหลานเป็ผู้ใหญ่ ย่อมมีธุระของตัวเองให้ทำ ไม่ได้เรียนหนังสือสบายใจไร้กังวลเหมือนหลาน หลานตามหาพี่เขาด้วยธุระอะไรล่ะ?”
เหลียงฮวนช่างโชคดีขนาดไหน เกิดมาก็เป็องค์หญิงน้อยของบ้านเหลียง เสี่ยวหลานไม่ได้โชคชะตาเอื้ออำนวยแบบนั้น ผลการเรียนดีมาก ทว่าต้องปลีกความสนใจไปดูแลธุรกิจของครอบครัว หลี่เฟิ่งเหมยเข้าใจความคิดที่มิอาจละทิ้งธุรกิจของหลานสาว ล้วนเกิดจากความยากจน คนที่เคยยากจน ย่อมกลัวที่จะจนอีกครั้ง
เหลียงฮวนไม่ได้รับรู้ความหมายที่หลี่เฟิ่งเหมย้าสื่อเลย
เธอรับปากเป็มั่นเหมาะต่อหน้าแม่บ้านตระกูลฝานเรียบร้อยแล้ว ถ้าอุตส่าห์ถ่อมาซางตูโดยไม่รู้กระทั่งว่าเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ที่ไหน จะทำให้แม่บ้านได้พบเซี่ยเสี่ยวหลานได้อย่างไร? มารดาเธอก็ใช้ไม่ได้เสียจริงๆ บอกว่าพี่สาวช่วยงานในร้าน วันนี้เห็นท่าจะไม่ใช่แบบนั้น
ในร้านมีลูกค้าคนอื่น ทว่าเหล่านักเรียนหญิงยึดครองห้องลองเสื้อไว้ทั้งหมด
อีคิวของนักเรียนมัธยมปลายยังไม่มากพอ แถมไม่รู้จักอ่านบรรยากาศด้วยซ้ำ ลูกค้าหญิงสองคนรออยู่นานก็ยังไม่ได้ลองเสื้อผ้า หลี่เฟิ่งเหมยเกือบเสียลูกค้าตรงนี้ไปแล้ว
“หม่าเวย พาลูกค้าทั้งสองคนไปลองหน่อยสิ เธอยืนเฉยตรงนั้นทำไมน่ะ?”
หลี่เฟิ่งเหมยส่งเสียงดัง ก่อนที่จะมีนักเรียนหญิงสองคนหอบเสื้อผ้าเป็กองเดินหน้าแดงออกมาจากห้องลองเสื้อ
เหลียงฮวนไม่พอใจนัก นี่กำลังตำหนิเพื่อนร่วมชั้นที่เธอพามาทางอ้อมไม่ใช่หรือ? เมื่อเห็นเพื่อนสองคนหอบเสื้อผ้าออกมาเป็กอง เหลียงฮวนอยากกู้หน้าเสียหน่อย “พวกเธอลองตั้งนาน ชอบตัวไหนหรือ?”
ชอบตัวไหน?
เหมือนจะชอบทุกตัว
แต่เสื้อผ้าของหลานเฟิ่งหวงราคาแพงเหลือเกิน เสื้อไหมพรมบางๆ หนึ่งตัวขายสามสี่สิบหยวน ไม่มีใครพกเงินมากขนาดนั้นติดตัวหรอก
นักเรียนหญิงคนหนึ่งหูแดงราวกับเืจะไหล
“เหลียงฮวน แพงเกินไป ฉันเอาเงินมาไม่พอ”
เหลียงฮวนขุ่นเคือง กว่าจะได้เข้าเมืองมาทั้งที และตกลงั้แ่แรกแล้วว่าจะมา ‘หลานเฟิ่งหวง’ หากไม่ซื้อเสื้อผ้าแล้วมาทำอะไร? จะซื้อเสื้อผ้า กลับบอกว่าเอาเงินมาไม่พอ! เธอฉวยเสื้อไหมพรมมา อยากดูหน่อยว่าเสื้อตัวนี้แพงสักแค่ไหนเชียว ทว่าเห็นบนป้ายเขียนไว้ 49 หยวน
เนื้อผ้าให้ััสบายมือทีเดียว สีสันก็สวยงาม เป็สีฟ้านกยูง
อยู่บนกายของเด็กสาววัยรุ่นช่างเหมาะยิ่งนัก!
บ้านเหลียงมีอันจะกิน เสื้อผ้าที่เหลียงฮวนใส่เป็ปกติก็ราคาสูงเช่นกัน ถึงกระนั้นเสื้อไหมพรมตัวละ 49 หยวนก็ยังคงทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจอยู่ดี
“ป้า คิดราคาให้เพื่อนฉันถูกลงอีกหน่อยได้หรือไม่?”
นักเรียนหญิงมองหลี่เฟิ่งเหมยด้วยสีหน้าคาดหวัง หลี่เฟิ่งเหมยแทบกระอักเืเลยทีเดียว การกำหนดราคาของหลานเฟิ่งหวงเข้มงวดมาก จะลดราคาก็ต่อเมื่อถึง่สิ้นสุดฤดูกาล นอกเสียจากลดเศษให้บางครั้งบางคราวเหมือนลูกค้าที่หลิวฟางพามา เนื่องจากพอซื้อทีก็ซื้อหลายร้อยหยวน
“ถ้าเธออยากได้ ก็ให้ 45 หยวนแล้วกัน”
ศักดิ์ศรีของเหลียงฮวนในร้านหลี่เฟิ่งเหมยรวมกันแล้วมีมูลค่าเพียง 4 หยวน มากกว่านี้หลี่เฟิ่งเหมยไม่ยินดีขายจริงๆ อีกอย่างเสื้อไหมพรมสีฟ้านกยูงนี่ขายดี ถ้าขายให้ผู้อื่นเธอจะได้กำไรตั้งเท่าไร เธอเป็ป้าสะใภ้ของเหลียงฮวน แต่ไม่มีสัมพันธ์ทางสายเืกับเหลียงฮวน ความผูกพันที่มีต่อเซี่ยเสี่ยวหลานก็ได้มาจากการใช้ชีวิตด้วยกัน ส่วนเหลียงฮวนไม่สนิทสนมกับหลี่เฟิ่งเหมยด้วยซ้ำ
ลดแค่ 4 หยวน?
เหลียงฮวนไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก เธอไม่รู้ว่าเสื้อผ้าหนึ่งตัวจะได้กำไรเท่าไร ทว่าไม่น่าใช่แค่ 4 หยวนแน่นอน ป้าสะใภ้ลดให้เพียง 4 หยวน เธอจะเหลือศักดิ์ศรีต่อหน้าเพื่อนนักเรียนที่ไหนกัน
นักเรียนหญิงรู้สึกผิดหวังเช่นเดียวกัน หากหลี่เฟิ่งเหมยลดราคาเสื้อให้ครึ่งหนึ่ง ขอแค่ 20 หยวน เธอจะกัดฟันซื้อแน่
45 หยวนยังแพงมากอยู่ดีนี่นา!
คำขอของเหลียงฮวนทำเอาหลี่เฟิ่งเหมยโมโหแทบแย่ ถ้าเป็เหลียงฮวนเองที่จะซื้อเสื้อผ้า ในเมื่ออีกฝ่ายคือลูกหลาน ต่อให้ฝืนทนก็จะให้เหลียงฮวนสักตัว ทว่านี่คือเพื่อนนักเรียนของเหลียงฮวน เป็คนที่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับหลี่เฟิ่งเหมย เหลียงฮวนช่างไม่รู้จักแยกแยะเลยจริงๆ !
หลิวเฟินอยากช่วยเกลี้ยกล่อม แต่เซี่ยเสี่ยวหลานเคยย้ำกับทั้งสองไว้ เวลาทำธุรกิจอย่าขัดแข้งขัดขาซึ่งกันและกัน ในเมื่อหลี่เฟิ่งเหมยแจ้งราคาแล้ว หลิวเฟินย่อมไม่อาจแสดงตนเป็คนดีขัดจังหวะเพื่อช่วยเหลียงฮวน ธุรกิจมิใช่ครอบครัว ทำแบบนี้หนสองหนนั้นไม่เป็ไร แต่นานวันเข้าจะทำลายความสัมพันธ์ของญาติพี่น้อง! มีหุ้นส่วนตั้งเท่าไรที่สุดท้ายกลายเป็ศัตรู อันดับแรกเพราะผลประโยชน์ สองก็เพราะรายละเอียดที่ปกติไม่ได้ใส่ใจจนค่อยๆ ทับถมกัน พอถึงตอนความขัดแย้งปะทุก็หมดหวังที่จะหวนกลับไปเป็ดั่งเดิมแล้ว
เหลียงฮวนเห็นว่าป้าสะใภ้ไม่มีท่าทีจะเปลี่ยนใจ แต่เพื่อรักษาหน้า ก็ต้องกล่อมเพื่อนนักเรียนให้ซื้อเสื้อไหมพรมไว้ “ถ้าเธอเอาเงินมาไม่พอ ฉันจะให้เธอยืมก่อน กลับไปค่อยคืนฉัน!”
นักเรียนหญิงอับอายมาก
เงินที่ยืมมิใช่ไม่ต้องคืน เสื้อไหมพรมราคาตัวละ 45 หยวนเกินกำลังซื้อของเธอแล้ว
ผู้คนที่ซื้อเสื้อไหมพรมสำเร็จรูปในปัจจุบันยังมีไม่เยอะ เช่นนักเรียนหญิงแบบพวกเธอนี้ เสื้อไหมพรมที่สวมอยู่ก็เป็ของที่ครอบครัวถักให้ หากจ่ายเงิน 45 หยวนซื้อเสื้อตัวนี้ กลับไปย่อมไม่กล้าบอกครอบครัว เงินที่ยืมมาไม่พ้นต้องค่อยๆ คืน—นี่เดือนเมษายนเข้าไปแล้ว เสื้อไหมพรมตัวบางดูดีขนาดไหนก็ใส่ได้อีกไม่กี่วัน ไม่คุ้มเงิน ไม่สมควร
“ช่างเถอะ ฉันไม่เอาแล้ว”
นักเรียนหญิงวางเสื้อไหมพรมอย่างอาวรณ์ เพื่อนร่วมชั้นที่เหลียงฮวนพามาล้วนไม่มีอิสระทางการเงิน สำหรับเสื้อผ้าในหลานเฟิ่งหวง ไม่ว่าใครในพวกเธอนอกจากเหลียงฮวนก็ซื้อไม่ไหว ส่วนเหลียงฮวนไม่ได้คิดจะควักเงินซื้อเสื้อผ้าอยู่แล้ว เธอรอหลี่เฟิ่งเหมยเอ่ยปากเสนอมอบให้เธอเองต่างหาก
หลี่เฟิ่งเหมยคงต้องสมองมีปัญหาก่อนถึงจะแจกจ่ายทรัพย์ออกไปข้างนอก เธอเองก็ไม่อยากให้เหลียงฮวนเอ่ยปากขอนั่นแหละ
เหลียงฮวนเซ้าซี้ถามเธอว่าเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ไหนอีกครั้ง หลี่เฟิ่งเหมยเปลี่ยนความสงสัยเป็ความระแวง “หลานพูดความจริงกับป้าเถอะ จะเจอพี่สาวหลานเพื่ออะไรกันแน่?”
เหลียงฮวนอึกๆ อักๆ ไม่ยอมบอก
พวกเพื่อนนักเรียนของเธอลองเสื้อผ้าเป็ั้แ่ต้นดันไม่ซื้อสักตัว ยืนพะว้าพะวงอยู่ในร้านจึงรู้สึกกระอักกระอ่วน อย่างไรเสียได้มาหลานเฟิ่งหวงก็มีอะไรให้อวดโอ้แล้ว ตอนนี้ทุกคนก็ควรจากไปเสียที
ต่างฝ่ายต่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในที่สุดเซี่ยเสี่ยวหลานด็ขี่จักรยานมาถึงร้าน
เหลียงฮวนยินดีปรีดายิ่งกว่าอะไร
“พี่ ทำไมพี่เพิ่งกลับมาล่ะ!”
สำหรับเซี่ยเสี่ยวหลาน เหลียงฮวนเป็เพียง ‘ลูกพี่ลูกน้อง’ ที่เคยพบกันแค่ครั้งเดียว อีกทั้งสถานการณ์ที่พบกันคราวก่อนก็ไม่ถือว่าสวยงามเอาเสียเลย เหลียงฮวนปรากฏตัวในซางตูไม่ใช่เื่แปลก แต่การอัธยาศัยดีต่อเธอขนาดนี้ มันผิดปกติปกติเกินไปแล้ว
เหลียงฮวนขยับเข้ามาคล้องแขนของเธอ เซี่ยเสี่ยวหลานยิ่งขนพองสยองเกล้า
“เหลียงฮวน มีธุระอะไรเธอก็บอกมาเถอะ”
ความผูกพันของสองพี่น้องเปราะบางยิ่งกว่าพลาสติกเสียอีก หากให้เซี่ยเสี่ยวหลานต้องเสแสร้ง เธอจึงรู้สึกเหนื่อยมาก
พี่สาวของเหลียงฮวนสวยเหลือเกิน!
ตอนกำลังเดินเข้าไปในร้าน ความสวยของเธอทำให้ร้านที่เพริดพรายสุกสกาวอยู่แล้วสว่างไสวขึ้นไปอีก
“ป้า ป้ารอง ฉันกับพี่จะคุยกันเป็การส่วนตัวหน่อย”
เหลียงฮวนกล่าวพลางคล้องแขนของเซี่ยเสี่ยวหลาน และพาเธอออกไปจากร้านเสื้อผ้า หลิวฟางกระซิบกับหลี่เฟิ่งเหมย “อย่างไรเสียก็เป็พี่น้องร่วมสายเื คราวนี้คงไม่ห่างเหินแล้วล่ะนะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้