วันรุ่งขึ้น
ูเี่อันรับปากไว้ดิบดีว่าวันนี้จะไปบริษัทพร้อมกับลู่เป๋าเหยียนทว่าลู่เป๋าเหยียนที่กำลังเตรียมตัวกินมื้อเช้าแล้วกลับไม่เห็นเธอแม้แต่เงาป้าหลิวเห็นดังนั้นจึงถามขึ้น
“คุณชายจะให้ดิฉันขึ้นไปเรียกคุณผู้หญิงไหมคะ”
ลู่เป๋าเหยียนวางหนังสือพิมพ์ในมือลง
“ฉันไปเอง”
เมื่อเดินเข้ามาในห้องนอนของูเี่อันผ้าปูที่นอนและผ้าห่มก็ถูกเธอเตะไปคนละทิศคนละทางมีหมอนใบหนึ่งตกอยู่บนพื้นข้างเตียงในขณะที่เ้าตัวกำลังนอนหลับอย่างสบายใจโดยมีผ้าห่มคลุมอยู่เพียงครึ่งตัว
ลู่เป๋าเหยียนหยิบหมอนขึ้นมาวางบนหัวเตียง
“เจี่ยนอัน”
“…”
ูเี่อันไม่ตอบสนองใดๆเธอหลับสนิทราวเด็กน้อย
ลู่เป๋าเหยียนก็ไม่ได้เรียกเธอซ้ำเขาลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป แต่ตอนนั้นเองคนที่เหมือนกำลังนอนฝันอะไรอยู่สักอย่าง จู่ๆ ก็เริ่มเม้มริมฝีปากอิ่มของตน
ลู่เป๋าเหยียนถูกการกระทำดังกล่าวของเธอสะกดโดยไม่รู้ตัวเขาก้มตัวลงและประทับริมฝีปากลงบนเรียวปากอิ่มคู่นั้นอย่างแ่เบาจากนั้นจึงเดินออกไป
สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดูเี่อันไม่ได้รับรู้แม้แต่น้อย เธอตื่นขึ้นมาพลางมองนาฬิกาเป็อย่างแรกด้วยความเคยชิน
9:30 น.
ยังโอเคในวันหยุดบางทีเธอนอนยาวยันเที่ยงเลยก็มี เวลานี้ยังนอนต่อได้อีกหน่อย
เธอหลับตาลงแต่แล้วเสียงของลู่เป๋าเหยียนก็ดังก้องขึ้นมาในหัว
มะรืนนี้ไปบริษัทกับฉัน...ไปบริษัท...บริษัท...
เธอสะดุ้งเด้งออกจากเตียงทันทีราวกับเพิ่งตื่นจากฝันร้ายและหันไปมองนาฬิกาอีกครั้งเพื่อยืนยัน
9:33 น.!
หมดกัน ตายๆๆ!
เธอรีบลุกจากเตียงและใส่รองเท้าแตะวิ่งลงมาจากห้องชั้นล่างตอนนี้เหลือเพียงพวกลุงสวีกับป้าหลิวที่กำลังทำงานของตนอยู่ เธอไม่เห็นลู่เป๋าเหยียนแม้แต่เงา
“คุณชายออกไปบริษัทแล้วล่ะครับคุณผู้หญิง” ลุงสวีกล่าว
ูเี่อันทึ้งผมตัวเองอย่างกลุ้มใจ
“เขาออกไปก่อนแล้วเหรอคะ...”เธอได้ยินน้ำเสียงผิดหวังของตัวเองดังขึ้น
ลุงสวียิ้มตอบ“เพราะคุณผู้หญิงกำลังหลับอยู่น่ะสิครับ คุณชายขึ้นไปเรียกแล้วแต่อาจเป็เพราะคุณผู้หญิงกำลังหลับสบาย จึงสั่งห้ามไม่ให้พวกผมขึ้นไปรบกวนหากคุณผู้หญิงตื่นเมื่อไรค่อยให้คนขับรถไปส่งที่บริษัทว่าแต่เดี๋ยวผมขอตัวไปสั่งทางครัวให้เตรียมอาหารเช้าก่อนนะครับ”
ที่แท้เป็แบบนี้นี่เองความรู้สึกผิดหวังเมื่อครู่ของูเี่อันค่อยๆ เลือนหายเธอเดินกลับห้องตัวเองเพื่อล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนเสื้อผ้า
เพราะครั้งนี้เป็ครั้งแรกที่เธอจะไปปรากฏตัวที่บริษัทูเี่อันจึงต้องพิถีพิถันเื่การแต่งกายเป็พิเศษแต่ก็ต้องระวังไม่ให้เด่นมากเกินไป
เธอเลือกเสื้อผ้าอยู่ในห้องแต่งตัวอยู่นานสุดท้ายจริงเลือกเสื้อสูทที่เข้าชุดกับกระโปรงทรงกระสอบสีนู้ดส่วนด้านในเป็เสื้อเชิ้ตผ้าชีฟองยี่ห้อเดียวกันซึ่งให้ความรู้สึกดูเป็ทางการและน่ารักขี้เล่นในเวลาเดียวกันตรงกับความ้าของูเี่อันพอดี
เมื่อกินข้าวเสร็จลุงสวีจึงเดินออกไปส่งเธอที่หน้าบ้าน
“คุณผู้หญิงครับจะให้ผมโทรศัพท์บอกคุณชายไหมครับว่าคุณกำลังจะไปที่บริษัท”
“เขาคงกำลังยุ่งอยู่อย่าไปรบกวนเขาเลยดีกว่าค่ะ” ูเี่อันตอบ “เดี๋ยวไปถึงแล้วหนูค่อยขึ้นไปหาเขาเอง”
ที่จริงเธอตั้งใจจะไปเซอร์ไพรส์ให้เขาใเล่นสักหน่อย
ลุงสวีเข้าใจสิ่งทีู่เี่อันจะทำเขาจึงพยักหน้าตอบรับ และกำชับให้อาเฉียนขับรถอย่างระมัดระวัง
รถเบนซ์สีดำค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปตามถนนส่วนตัวอย่างช้าๆ
แสงแดดในฤดูร้อนที่ลอดผ่านต้นไม้สองข้างทางเข้ามาในรถบ้างก็สะท้อนลงบนขาเธอ บ้างก็สะท้อนลงบนใบหน้าเธอ
ูเี่อันนั่งรถพลางคิดว่าเื่ราวต่างๆ บนโลกใบนี้ก็เหมือนกับแสงอาทิตย์เหล่านี้ที่เราไม่อาจคาดเดาได้ว่ามันจะสะท้อนลงมาในทิศทางไหน
ก่อนหน้าที่จะแต่งงานกับลู่เป๋าเหยียนสำหรับเธอแล้ว การได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองกับเขาเป็เื่ไกลเกินเอื้อมยิ่งไม่ต้องพูดถึงการได้ไปหาเขาที่บริษัทแบบนี้เลย
แต่ทีหลังเมื่อพี่ชายบอกเธอว่าลู่เป๋าเหยียนตกลงแต่งงานกับเธอ
่ไม่กี่วันหลังจากนั้นเธอรู้สึกเหมือนตกอยู่ในห้วงความฝันเธอมีความสุขเสียจนบอกไม่ถูก ทว่าในตอนหลังลู่เป๋าเหยียนก็บอกเธอว่าสองปีต่อจากนี้ เมื่อจัดการเื่ซูหงเยวี่ยนเรียบร้อยแล้ว การแต่งงานของพวกเธอก็จะจบลง
ตอนนั้นเธอเตือนตัวเองว่าต้องไม่เผลอใจต้องไม่หลงระเริงไปกับสิ่งต่างๆ ที่กำลังจะได้รับที่ได้ใช้ชีวิตแต่งงานกับเขาเป็เวลาสองปีก็เหมือนกับเื่ที่์ประทานมาให้อยู่แล้วเธอไม่ควรจะเรียกร้องอะไรอีก คนเราไม่ควรจะโลภมากเกินไป
เพราะฉะนั้นเธอจึงพยายามหักห้ามใจตัวเองมาโดยตลอดเธอไม่กล้าหวังอะไรเกินเลย ต่อให้ลู่เป๋าเหยียนอ่อนโยนกับเธอ ทำดีกับเธอแค่ไหนเธอก็ไม่คิดจะเก็บมาใส่ใจ
แต่ตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่บนรถของเขา และกำลังมุ่งหน้าไปหาเขาที่บริษัท
่เวลาเหล่านี้เปรียบเสมือนความฝันที่เป็จริง
คงเพราะูเี่อันดูตื่นเต้นจนออกนอกหน้าอาเฉียนจึงยิ้มและพูดขึ้นว่า
“คุณผู้หญิงดีใจขนาดนี้เพิ่งเคยไปที่บริษัทเป็ครั้งแรกใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ”พูดจบูเี่อันก็เห็นเงาสะท้อนบนกระจกหน้าต่างของตัวเองที่กำลังยิ้มอย่างดีใจกว่าปกติจึงพูดเสริมขึ้นว่า
“เอ่อคือหนูสงสัยมานานแล้วล่ะค่ะว่า บริษัทที่ใหญ่ติด Top 100 ของโลกจะเป็ยังไงพอวันนี้จะได้เห็นเองกับตา เลยรู้สึกดีใจน่ะค่ะ”
“ข้างในบริษัทสวยและกว้างขวางมากครับโดยเฉพาะห้องทำงานของคุณชาย!” อาเฉียนพูดอย่างตื่นเต้น “ผมเคยเข้าไปหลายครั้งบรรยากาศการทำงานที่นั่นยอดเยี่ยมไปเลยครับมิน่าหลายคนถึงได้พยายามอย่างหนักเพื่อจะได้เข้าไปทำงานที่นั่นอีกเดี๋ยวคุณชายคงพาคุณผู้หญิงเดินชมรอบๆ บริษัทแน่นอนครับ”
ูเี่อันไม่ได้คาดหวังให้เขาเอาเวลามาพาเธอเดินชมรอบบริษัทจึงยิ้มออกไปโดยไม่พูดอะไรต่อ หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงรถก็จอดลงใต้ตึกของเครือลู่
อาคารออฟฟิศแห่งนี้คือสิ่งก่อสร้างที่เป็สัญลักษณ์ของศูนย์กลางธุรกิจที่มักจะปรากฏอยู่ตามภาพโฆษณาต่างๆ ของเมืองรวมถึงบนรูปภาพของนักท่องเที่ยวที่ได้มาเยี่ยมเยือนโดยาาของอาณาจักรแห่งนี้ก็คือลู่เป๋าเหยียน
ูเี่อันก้าวเท้าเดินตรงไปยังประตูใหญ่ด้านหน้าอย่างตื่นเต้นยิ่งกว่าสมัยที่เธอได้รับผิดชอบคดีแรกเสียด้วยซ้ำ
ทว่าความรู้สึกดังกล่าวกลับถูกรปภ.หน้าดึกเบรกเอาไว้กลางคันอาจเป็เพราะเธอดูไม่คุ้นหน้า แถมยังไม่ได้ห้อยบัตรพนักงาน รปภ.จึงยกมือห้ามเธอไว้
“มาหาใครครับคุณ”
ูเี่อันชี้ไปบนตึก“ลู่เป๋าเหยียนค่ะ”
รปภ.มองูเี่อันอย่างพิจารณาจากนั้นก็ถึงกับสะดุ้งโหยง
“แม่เ้า! คุณนายลู่นี่นา!เชิญเลยครับ!”
เขาหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมารายงานใครสักคนูเี่อันเดินเข้าไปยังโถงอาคาร ประชาสัมพันธ์สาวจึงเดินเข้ามาต้อนรับ
“คุณผู้หญิงผู้ช่วยเสิ่นบอกว่าจะมารับคุณที่ด้านล่าง เดี๋ยวดิฉันพาไปที่ลิฟต์นะคะ”
ูเี่อันรู้สึกไม่ค่อยชินกับการถูกประคบประหงมแบบนี้เธอจึงยิ้มและพูดว่า
“ไม่เป็ไรค่ะเดี๋ยวฉันขึ้นไปเองก็ได้”
พนักงานคนดังกล่าวพยักหน้าและพาเดินนำูเี่อันไปยังลิฟต์ด้วยท่าทางสุภาพไร้ที่ติ
“งั้นเดี๋ยวดิฉันจะแจ้งกับทางผู้ช่วยเสิ่นว่าไม่ต้องลงมาแล้วนะคะนี่คือลิฟต์ส่วนตัวของท่านผอ. คุณสามารถขึ้นไปได้เลยค่ะ”
พูดจบประชาสัมพันธ์สาวก็ทำท่าจะปล่อยนิ้วจากปุ่มกดเพื่อใหู้เี่อันขึ้นไปข้างบนแตู่เี่อันกลับส่งสัญญาณเชิงให้เธอหยุดก่อน
“ช่วยบอกเสิ่นเยว่ชวนทีสิคะว่าอย่าเพิ่งบอกเื่ที่ฉันมาถึงแล้วกับลู่เป๋าเหยียน”
พนักงานสาวยิ้มและพยักหน้าตอบรับ“ได้ค่ะ”
ูเี่อันกล่าวคำขอบคุณก่อนที่ประตูลิฟต์จะค่อยๆปิดลง และเริ่มเคลื่อนตัวขึ้นข้างบนไปอย่างรวดเร็ว
ติ๊ง! ลิฟต์ได้มาถึงชั้นบนสุดเป็ที่เรียบร้อยเบื้องหน้าของูเี่อันคือโถงรับแขกขนาดเล็กที่มีโซฟากับโต๊ะน้ำชาวางตั้งอยู่และมีต้นไม้สีเขียวสดใสประดับอยู่ตามทาง แต่เมื่อเลี้ยวออกจากจุดนี้ไปก็เหมือนกับเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง
ออฟฟิศเปิดโล่งขนาดใหญ่และห้องทำงานส่วนตัวที่เป็ผนังกระจกใสอีกสามห้องพนักงานชายหญิงแต่ละคนต่างยุ่งอยู่กับงานของตัวเองเสียงเคาะคีย์บอร์ดและเสียงคุยโทรศัพท์นานาภาษาดังอยู่ทั่วห้องราวกับว่าในพื้นที่แห่งนี้โลกหมุนรอบตัวเองเร็วขึ้นกว่าเดิมในขณะที่พนักงานทุกคนต่างพากันวิ่งไล่ตามอย่างสุดกำลัง
เมื่อเสิ่นเยว่ชวนสังเกตเห็นูเี่อันจึงเดินออกมาจากห้องทำงาน
“มาแล้วเหรอคุณนายลู่”
สิ้นเสียงของเขาพนักงานทุกคนเหมือนถูกกดปุ่มหยุดชั่วคราวและเงยหน้าขึ้นมองูเี่อันอย่างตื่นตะลึงจากนั้นจึงเริ่มส่งเสียงทักทายอย่างมีมารยาท แต่ละคนเรียกเธอว่าคุณนายๆ ไปตลอดทางูเี่อันโค้งศีรษะลงเพื่อทักทายกลับอย่างไม่คุ้นชินจากนั้นจึงเรียกเสิ่นเยว่ชวนให้เดินหลบไปอีกทางพร้อมกับเธอพลางถามเสียงเบา
“ลู่เป๋าเหยียนรู้หรือยังว่าฉันมาถึงแล้ว”
“ยังเลยตอนที่ประชาสัมพันธ์โทรมา ผมยังไม่ได้บอกเลขาให้ไปแจ้งเขา”เสิ่นเยว่ชวนมองูเี่อันั้แ่หัวจรดเท้า “คุณนายลู่ คุณ...คิดจะทำอะไรกันเนี่ย”
“ว่าจะแกล้งให้เขาใสักหน่อย”
“งั้นผมไม่เข้าไปกวนพวกคุณแล้วดีกว่าไม่งั้นคงได้ถูกส่งไปที่กันดารอีกแน่” เสิ่นเยว่ชวนเดินกลับไปหยิบเอกสารปึกใหญ่ให้กับูเี่อัน“ฝากเอกสารนี่ติดมือไปด้วยนะครับ ห้องทำงานของบอสใหญ่อยู่ตรงนู้น...”
ูเี่อันเดินไปตามทางที่เสิ่นเยว่ชวนบอกสุดทางเดินคือประตูไม้โอ๊คขนาดใหญ่ หน้าประตูมีเลขาสาวชื่อเดซี่คอยต้อนรับเมื่อเห็นูเี่อันหอบเอกสารมาตั้งใหญ่ เดซี่ไม่ทำสีหน้าแปลกใจสักนิดเพียงแค่ทักทายเธอและช่วยเคาะประตูให้
“ผอ.คะมีเอกสารต้องเซ็นค่ะ”
เสียงของลู่เป๋าเหยียนดังขึ้น
“เข้ามา”
เลขาสาวช่วยูเี่อันเปิดประตููเี่อันหันไปขอบคุณจากนั้นจึงเดินเข้าไป
หลังเดินผ่านระเบียงทางเดินอันกว้างขวางออฟฟิศของลู่เป๋าเหยียนก็เข้ามาในทำนองสายตาการตกแต่งของห้องนี้เน้นโทนสีดำเข้มสไตล์เดียวกับห้องนอนของเขาไม่มีผิดบนโต๊ะทำงานของเขามีเอกสารกองอยู่เต็มทว่าถูกเรียงอย่างเป็ระเบียบ
ห้องทำงานแห่งนี้ดูโอ่อ่ากว้างขวางที่นอกหน้าต่างบานใหญ่จรดพื้นเป็วิวของอาคารสำนักงานต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางธุรกิจแห่งนี้และเมื่อมองไกลออกไปก็จะเห็นภาพของแม่น้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตของคนเมือง A เอาไว้มันดูเล็กลงไปทันทีเมื่อยืนมองจากจุดนี้ เช่นเดียวกันกับตึกรามบ้านช่องที่เรียงตัวอยู่ในฝั่งตรงข้ามทั้งหมดให้ความรู้สึกราวกับได้สิ่งต่างๆ ทั่วทั้งเมือง
ลู่เป๋าเหยียนกำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่บนเก้าอี้ทำงานนิ้วมือเรียวยาวจับปากกาหมึกซึมด้ามประณีตแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวโผล่ออกมาจากเสื้อสูทเล็กน้อย ท่าทางเวลาทำงานของเขาดูสง่างามูเี่อันชอบเขามากถึงขนาดเผลอใจเต้นไปกับรายละเอียดปลีกย่อยเหล่านี้
เธอวางเอกสารลงบนโต๊ะของเขาและดัดเสียงก่อนพูดว่า
“ผอ.ค่ะดิฉันวางเอกสารไว้ตรงนี้นะคะ”
“อืม”ลู่เป๋าเหยียนตอบโดยไม่เงยหน้ามอง “บอกเดซี่ให้ชงกาแฟให้ฉันแก้วหนึ่ง”
“ได้ค่ะ”
ูเี่อันเดินออกไปเพื่อถามเดซี่ว่าห้องแพนทรีอยู่ตรงไหน
เลขาสาวชี้ทางให้พลางบอกกับเธอว่าแก้วกาแฟของลู่เป๋าเหยียนถูกเก็บไว้ตรงไหนจากนั้นจึงพูดขึ้นอย่างรอบคอบ
“คุณนายคะท่านผอ.ดื่มกาแฟดำใส่น้ำตาล ไม่หวานมาก และท่านไม่ค่อยชอบกาแฟใส่นมค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ูเี่อันเดินไปยังห้องแพนทรีขนาดใหญ่ของที่นี่นอกจากโต๊ะตัวยาวที่วางอยู่ตรงกลางห้องแล้วที่ริมหน้าต่างยังมีชุดเก้าอี้หวายสำหรับนั่งพักผ่อนอีกด้วยในห้องนี้มีอุปกรณ์ชงชากาแฟครบครัน ดีกว่าที่สถานีตำรวจของพวกเธอหลายเท่า
เธอชงกาแฟให้ลู่เป๋าเหยียนด้วยความอิจฉาเมื่อกลับไปยังออฟฟิศของเขา เธอจึงเดินนำแก้วกาแฟเข้าไปวางลงบนโต๊ะข้างมือเขา
“ผอ.ลู่กาแฟเสร็จแล้วค่ะ”
พูดจบเธอถึงนึกขึ้นได้ว่าลืมดัดเสียงเป็เดซี่!
เธอกำลังคิดจะวิ่งหนีแต่เมื่อปรายตามองลู่เป๋าเหยียน เหมือนเขาจะยังไม่รู้ตัว
เขาฟังไม่ออกเหรอว่าเป็เสียงเธอ?
ูเี่อันล้มเลิกความตั้งใจเธอเดินเข้าไปใกล้เพื่อมองสำรวจซีกหน้าหล่อกระชากใจสาวของเขาเห็นแก่ความหล่อของเขาเธอจะยกโทษให้แล้วกัน เมื่อมองเสร็จ เธอก็ตั้งท่าจะเดินกลับแต่กลับถูกรั้งมือเอาไว้ วินาทีต่อมา ตัวเธอก็ถูกดึงลงไปนั่งบนตักของเขาซึ่งขณะนี้กำลังโอบเอวเธออย่างใกล้ชิด จนเธอหน้าแดงใจสั่นไปหมด
แต่นี่พวกเธออยู่ในห้องทำงานนะ!ไม่เหมาะมั้ง!
ูเี่อันกำลังจะดิ้นออกจากอ้อมแขนเขาแต่เขากลับลูบผมเธอพลางพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“เดซี่เธอเปลี่ยนทรงผมแล้วงั้นเหรอ”
เปรี้ยง!!!เหมือนถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ สมองของูเี่อันขาวโพลนตัวเธอนิ่งแข็งไปในฉับพลัน...
