เย่กุ้นตอนนี้เกิดความรู้สึกหงุดหงิดรำคาญเป็อย่างมาก ออกศึกกับสาวงามเกือบทั้งคืนเพิ่งจะได้ล้มหัวลงนอนกลับถูกคนเรียกให้ตื่น แบบนี้ไม่ว่าใครก็ต้องหงุดหงิดและเดือดดาลเป็เื่ธรรมดา
เย่กุ้นเป็ลูกหลานสายเืบ้านเล็กของตระกูล พลังฝีมือไม่ค่อยสูงมากนักระดับขั้นที่สามของขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ แต่โชคดีที่สามารถเรียกสัตว์อสูรคุณภาพระดับหกพยัคฆ์สองหัวออกมาได้ หลังจากรวมร่างพลังฝีมือจะเพิ่มสูงขึ้นถึงระดับขอบเขตนักรบ พลังฝีมือระดับขอบเขตนักรบในตระกูลเย่ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ แต่ก็นับเป็ผู้มีฝีมือคนหนึ่ง เมืองหมันมีลักษณะภูมิประเทศที่พิเศษมีเทือกเขารกร้างที่เป็ทรัพยากรธรรมชาติอย่างดี ไม่ใช่ว่าผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตนักรบทุกคนจะสามารถมาได้ เย่กุ้นเองก็เสียสละทรัพย์สินไปเป็จำนวนมากกว่าจะได้มานั่งอยู่ในตำแหน่งนี้
ในเมื่อลงทุนไปเป็จำนวนมากกว่าจะได้มาเป็จ้าวเมืองหมันแห่งนี้ แน่นอนว่าจะต้องเสพสุขให้คุ้มกับสิ่งที่เสียไป ดังเช่นลูกคุณหนูสุดสวยจากตระกูลเล็กๆ ที่นอนอยู่ข้างกายในขณะนี้เป็หนึ่งในสิ่งที่เขาเสพสุขมาตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา
แต่ว่าเพิ่งจะออกศึกไปทั้งคืน ทั้งปีนเขา ทั้งลงห้วยอย่างเหน็ดเหนื่อยและเพิ่งจะได้พัก เสียงเคาะประตูที่น่ารังเกียจนั้นกลับดังขึ้นไม่หยุด ดังนั้นเขาจึงเดือดดาลเป็อย่างมาก เดินไปด่าไปเปิดประตูออกถลึงตามองยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูพร้อมกับตะคอกออกมา “ถ้าหากเ้าไม่สามารถให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับข้าได้ น้องสาวอายุสิบสี่คนนั้นของเ้าคงจะได้ออกเรือนก่อนกำหนดแน่”
“นายท่าน น้องสาวของข้าหน้าตาอัปลักษณ์น่าเกลียดเหมือนข้า! เอ่อ...ข้างนอกมีคนอยากพบท่าน” ยามเฝ้าประตูได้ยินดังนั้นใบหน้าเปลี่ยนสีไปในทันที รีบพูดอธิบายออกมาอย่างไม่รอช้า
“บิดาเ้าเถอะ! เ้ามันสมองหมาปัญญาควายหรืออย่างไร? มีคนอยากพบข้า ข้าจำเป็ต้องพบมันด้วยรึ? บอกมันว่าพรุ่งนี้บ่ายค่อยมาใหม่” เย่กุ้นตบหน้ายามเฝ้าประตูไปทีหนึ่ง เป็ถึงจ้าวเมืองภายในเมืองหมันเขาเป็ใหญ่ที่สุด เมืองหมันเป็ถิ่นของตระกูลเย่ นอกเสียจากว่ามีคนของตระกูลเย่มาเยือน แต่โดยมากหากเป็คนของตระกูลระดับทั่วไปมาขอพบเขาจะทำเป็ไม่สนใจก็ได้
ยามเฝ้าประตูเห็นเย่กุ้นตบตนฉาดหนึ่งเสร็จแล้วกำลังจะจากไป จึงรีบร้อนพูดขึ้น “นายท่าน เด็กหนุ่มคนนั้นมีป้ายสีทองของตระกูลเย่”
“ป้ายสีทอง?” จังหวะก้าวเท้าของเย่กุ้นหยุดชะงักลงไปในทันที ใบหน้าที่ดูเหี้ยมเกรียมของเขากระตุกสั่นไม่หยุด คิ้วดกดำทั้งสองข้างเลิกขึ้น จากนั้นฝ่ามือที่ใหญ่หนาตบฉาดมายังยามเฝ้าประตูอีกครั้งหนึ่ง “มารดาเ้าเถอะ ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ รีบนำทางไปเร็ว”
การแบ่งระดับชั้นของคนภายในตระกูลเย่เข้มงวดเป็อย่างมาก อยู่ในระดับไหนก็จะได้ป้ายในระดับนั้น สีของป้ายแต่ละระดับจะบ่งบอกถึงสิทธิอำนาจและตำแหน่งฐานะภายในตระกูล เห็นเย่กุ้นที่ใหญ่คับฟ้าภายในเมืองหมันเช่นนี้ แต่เขากลับมีเพียงป้ายสีทองระดับหนึ่งเพียงเท่านั้น เด็กหนุ่มที่จะพบตนเองในคืนนี้มีป้ายสีทองใน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็ลูกหลานสายเืโดยตรงของตระกูลอย่างแน่นอน แล้วมีหรือที่เย่กุ้นจะกล้าเมินเฉยใส่ เพราะนั่นเปรียบได้กับลูกหลานเ้าฟ้ามหากษัตริย์เลยทีเดียว
เย่ชิงหานไม่ได้คิดว่าตนเองเปรียบดั่งลูกเ้าฟ้ามหากบัตริย์แต่อย่างใด เขาเพียงแค่ร้อนใจอยากรีบกลับบ้านโดยเร็ว ดังนั้นจึงลองชั่งใจมาจวนจ้าวเมืองดู แม้ในนามเขาจะเป็นายน้อยคนหนึ่งของตระกูล แต่ในเมืองชางแล้วกลับไม่ได้มีตัวตนแต่อย่างใด เขาคิดแค่ว่าตนเองเป็ลูกหลานคนที่เจ็ดของตระกูลเพียงเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่นายน้อยลำดับเจ็ด
แต่เมื่อเขาหยิบป้ายสีทองออกมา ยามเฝ้าหน้าประตูที่เดิมทีวางมาดหยิ่งยโสโอหังอวดดีพลันเปลี่ยนเป็แมวน้อยที่อ่อนโยนไปในทันที ทันใดนั้นเย่ชิงหานเข้าใจได้ในทันทีว่าเขาสามารถกลายเป็นายน้อยลำดับเจ็ดของตระกูลเย่ได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาศัยพลังฝีมือของตนเองในตอนนี้ สามารถที่จะกลายเป็นายน้อยลำดับเจ็ดได้อย่างแท้จริง
“มาจากจวนท่านจ้าวเมืองหลัก?” เย่กุ้นเดินเข้ามามองเห็นเด็กหนุ่มแปลกหน้าจึงหรี่ตาลงมอง เขายิ้มออกมาจากใบหน้าที่ดูเหี้ยมเกรียมนั้น
“เย่ชิงหานคารวะท่านจ้าวเมืองเย่กุ้น” เย่ชิงหานเลิกคิ้วขึ้นยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับทำการโค้งคำนับไปครั้งหนึ่ง
เย่กุ้นนั่งลงบนเกาอี้เ้ามืองแล้วพยักหน้าตอบรับ “อืม...แสดงตราลูกหลานของตระกูลให้ข้าดูหน่อยเพื่อเป็การยืนยัน เป็ระเบียบปฏิบัติเพียงเท่านั้น หลานผู้มีความสามารถอย่าได้ถือสา”
เย่ชิงหานพยักหน้าตอบรับเบาๆ คิดภายในใจว่าจ้าวเมืองที่อ้วนอย่างกับหมูคนนี้ ดูภายนอกไม่ต่างจากพวกคนเลวที่มีความประพฤติเสื่อมทราม แต่ยังดีที่ไม่เลอะเลือนจนเกินไป เขารู้ดีในความหมายของเย่กุ้นว่าให้แสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์ไม่เพียงแค่ป้ายสีทองเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอัตลักษณ์เฉพาะของตระกูลเย่ด้วยซึ่งก็คือสัตว์อสูร ดังนั้น เพื่อเป็การข่มขวัญจ้าวเมืองคนนี้ และเพื่อให้การเดินทางเป็ไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น เขาตัดสินใจว่าจะแสดงฝีมือออกมามากสักหน่อย
“ท่าตัดแยกัคะนอง”
พลังปราณรบทั่วทั้งร่างโคจรขึ้น ร่างกายเย่ชิงหานกลายเป็เงาเลือนรางหลายสายร่ายรำอย่างดุดันไปรอบๆ จากนั้นปรากฏแสงวาบขึ้นบริเวณทรวงอก สัตว์อสูรที่ดูคล้ายสุนัขจมูกราชสีห์แต่มีเขาเล็กแหลมเขาหนึ่งปรากฏออกมาให้เห็นอย่างเลือนรางวูบหนึ่งแล้วก็เลือนหายไปกลางอากาศ
รับป้ายที่เย่ชิงหานส่งมาให้ ในใจเย่กุ้นปรากฏความงุนงงสงสัยขึ้น ภายในตระกูลมีลูกหลานที่บรรลุถึงเงื่อนไขในการเป็ศิษย์สายในเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งั้แ่เมื่อไหร่? แต่เย่กุ้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ในเมื่อเด็กหนุ่มคนนี้มีป้ายสีทองของตระกูลอีกทั้งยังสามารถเรียกสัตว์อสูรออกมาได้ และใช้ท่าตัดแยกัคะนองได้อีก แน่ใจได้เลยว่าเป็ลูกหลานของตระกูล แถมยังเป็ผู้ที่กำลังจะกลายเป็ศิษย์สายใน เชื่อว่าอีกไม่นานป้ายสีทองของเด็กหนุ่มคนนี้จะถูกเปลี่ยนเป็ป้ายหยกแข็งที่สูงกว่าอีกหนึ่งระดับอย่างแน่นอน เมื่อคิดได้ดังนั้นใบหน้าที่เหี้ยมเกรียมของเย่กุ้นสั่นกระตุกไปด้วยความปีติยินดีมากยิ่งขึ้น
“หลานผู้มีความสามารถพลังฝีมือไม่ธรรมดา ภายภาคหน้าอนาคตต้องไปได้ไกลอย่างแน่นอน ในเมื่อมาถึงเมืองหมันทั้งที ให้อาทำการต้อนรับอย่างดีสักหน่อยเป็อย่างไร อยู่ที่นี่เที่ยวให้สนุกสักหลายๆ วัน เด็กๆ จัดโต๊ะอาหารเช้า”
“ความปรารถนาดีของท่านจ้าวเมือง ชิงหานขอรับไว้ด้วยใจ ชิงหานยังมีเื่อยากรบกวนอีกสักเื่หนึ่ง”
“พูดมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ” เย่กุ้นโบกมือตอบออกมาอย่างสบายอารมณ์
เย่ชิงหานพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “มารบกวนท่านจ้าวเมืองั้แ่เช้าตรู่ชิงหานรู้สึกละอายใจยิ่งนัก ชิงหานเพิ่งจะกลับมาจากฝึกฝนพลังฝีมือ ตอนนี้มีเื่เร่งด่วนต้องรีบกลับไปยังเมืองชาง หวังว่าท่านจ้าวเมืองจะช่วยเป็ธุระช่วยจัดเตรียมการเดินทางให้สักหน่อย”
“เื่เล็กน้อยเพียงแค่นี้เอง แต่ว่าเ้าจะไม่อยู่เที่ยวเล่นที่นี่สักหลายวันก่อนหรือ? เด็กสาวที่เมืองหมันมีแต่เด็ดๆ ทั้งนั้นเลยนะ” เย่กุ้นดวงตาเป็ประกาย ส่งสัญญาณบอกเย่ชิงหานทำนองว่า “เ้ารู้ว่าข้าหมายถึงอะไร” ออกมา
แน่นอนว่าไม่เลว เมื่อคืนวานข้านายน้อยคนนี้ทั้งลองทั้งชิมมากับมือตัวเองแล้ว เย่ชิงหานลอบคิดภายในใจเงียบๆ ยังคงยืนกรานคำเดิม “ข้าคิดว่าเอาไว้โอกาสหน้าจะดีกว่า ตอนนี้รบกวนท่านจ้าวเมืองช่วยจัดเตรียมให้ที”
“อืม...เอาอย่างนั้นก็ได้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่รั้งเ้าไว้แล้วละ อย่าลืมล่ะ ครั้งหน้าถ้ามาหยุดเที่ยวหลายๆ วันก่อนกลับ” เย่กุ้นยิ้มออกมาอย่างผิดหวัง พยักหน้าหันไปบอกยามเฝ้าหน้าประตูคนเดิมสั่งกำชับขึ้น “เอารถม้าคันที่เร็วที่สุดของข้าคันนั้นจัดเตรียมให้นายน้อยชิงหาน อีกทั้งจัดองครักษ์คุ้มกันอีกสี่คนส่งนายน้อยกลับไปยังจวน”
“ขอบพระคุณท่านจ้าวเมืองเป็อย่างสูง ชิงหานขอลาไปก่อน มีโอกาสชิงหานจะกลับมาตอบแทนเพื่อแสดงความขอบคุณ” เย่ชิงหานทำการโค้งคำนับครั้งหนึ่ง เดินตามยามเฝ้าประตูออกจากจวนจ้าวเมืองไป
บริเวณด้านหน้าประตูจวนจ้าวเมือง รถม้าหรูหราโอ่อ่าคันหนึ่งจอดรออยู่ั้แ่เนิ่นๆ พร้อมกับองครักษ์คุ้มกันอีกสี่คนที่จูงม้าสี่ตัวยืนรอด้วยความเคารพนอบน้อม เย่ชิงหานพยักหน้าให้ทั้งสี่พร้อมกับพูดขึ้น “ออกเดินทาง ใช้ระดับความเร็วสูงสุดมุ่งหน้าไปยังเมืองชาง”
เสว่อู๋เหินส่งองครักษ์มืดทั้งห้ามาสังหารตนเอง แม้สุดท้ายตนจะโชคดีจัดการได้ทั้งหมด แต่กลับรู้สึกว่าต้องมีเื่อะไรบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน คิดถึงน้องสาวที่ไกลออกไปยังเมืองชางภายในใจยิ่งเป็ห่วงกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงตัดสินใจเดินทางกลางดึกลุกจากเตียงใบใหญ่ที่อบอุ่นและอ่อนนุ่มนั้น ลองไปที่จวนจ้าวเมืองเพื่อพบกับเย่กุ้นและได้รถม้าหรูหราโออ่าคันนี้มา
ไม่ใช่เขาไม่มีเงินไปเช่ารถม้า และไม่ใช่โลภอยากนั่งรถม้าที่หรูหราโอ่อ่า แต่เป็เพราะรถม้าในเมืองหมันที่เร็วที่สุดมีแต่เฉพาะในจวนจ้าวเมืองเพียงเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนั่งรถม้าเช่นนี้ไปอุปสรรคในการเดินทางแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ สามารถไปถึงได้รวดเร็วกว่ารถม้าธรรมดามาก
มองเห็นรถม้าที่เคลื่อนตัวออกไปไกลอย่างรวดเร็ว ยามเฝ้าประตูหมุนตัวกลับเข้าจวนจ้าวเมือง มองเห็นเย่กุ้นนั่งอยู่ในห้องโถงเงียบๆ จึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “นายท่าน ที่จากไปเมื่อสักครู่คือนายน้อยลำดับเจ็ด?”
“ไอ้โง่เง่าเต่าตุ่น! เ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้าไม่รู้ว่าเขาเป็ลูกชายของเย่เตา” เย่กุ้นกวาดตามองอย่างเ็ามาครั้งหนึ่งก่อนจะพูดอย่างถากถางขึ้น
ยามเฝ้าประตูทำหน้างุนงนเข้ายิ่งกว่าเดิม พูดขึ้นด้วยความสงสัยอย่างที่สุด “แต่ว่านายท่าน...นายน้อยลำดับเจ็ดเป็นายน้อยขยะที่มีชื่อเสียงที่สุดในจวนเ้ามืองชาง แล้วทำไมนายท่านถึงได้ให้ความเกรงอกเกรงใจกับเขานัก?”
“ขยะ? ข้าว่าเ้านี่แหละขยะ!” ใบหน้าอันเหี้ยมเกรียมของเย่กุ้นกระตุกขึ้น ฝ่ามือใหญ่ตบฉาดไปอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับร้องด่าออกไป “เ้าเคยเห็นขยะที่พลังฝีมือจากระดับแรกของขอบเขตขั้นสูงฝึกฝนแค่เพียงสองเดือนบรรลุถึงระดับขอบเขตยอดยุทธ์? เ้าเคยเห็นสัตว์อสูรคุณภาพระดับสี่มีพลังกดดันที่น่าเกรงขามขนาดนี้? เย่เตาเป็วีรบุรุษองอาจมาทั้งชีวิตจะไม่ทิ้งอะไรไว้บ้างรึ? จะมีลูกที่เป็ขยะได้อย่างไรกัน? เ้าคอยดูเถอะ อีกไม่นานจวนจ้าวเมืองชางได้คึกคักขึ้นมาแน่ น้ำยิ่งขุ่น สถานการณ์ยิ่งชุลมุนมากเท่าไร นายน้อยลำดับสามก็จะมีโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ขณะที่เกิดความสับสนวุ่นวายมากขึ้นเท่านั้น ฮ่าๆ...”
.................................
หลังจากที่รถม้าออกไปได้ไม่นาน ด้านทิศใต้ของเมืองหมันปรากฏคนชุดดำผู้หนึ่งพุ่งทะยานมาอย่างเร่งรีบ คนชุดดำรูปร่างค่อนข้างเตี้ยทั่วทั้งร่างเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นสภาพกระเซอะกระเซิง สีหน้าร้อนรนอย่างขีดสุด เขาเลี้ยวตามตรอกถนนอยู่ไม่กี่ครั้งก่อนจะมุดเข้าไปภายในโรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งหนึ่งมุ่งหน้าตรงไปลานที่พักทางด้านหลังในทันที จากนั้นทำการเคาะบานประตูแห่งนั้นขึ้น
พ่อบ้านหลิวยังไม่ได้หลับ ไม่ใช่เพราะสาวน้อยที่อยู่ข้างกาย แต่เป็เพราะเขาห่วงกังวล เสว่อีทั้งห้าคนเข้าไปยังเทือกเขาตั้งนานแล้วแต่กลับยังไม่ส่งข่าวคราวมา หรือว่าจะพบเจอเื่ราวอะไรบางอย่าง? เป้าหมายเป็เพียงนายน้อยขยะที่มีพลังฝีมือแค่ระดับขอบเขตขั้นสูง เขาไม่ได้ห่วงกังวลว่าทั้งห้าจะจัดการกับเป้าหมายไม่ได้ แต่ห่วงกังวลว่าพวกเขาจะพบเจอกับสถานการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
ก๊อกๆๆ!
เสียงเคาะประตูที่เป็จังหวะดังขึ้น เขารีบลุกลงจากเตียงหยิบเสื้อหนาตัวหนึ่งมาใส่แล้วเดินออกจากห้องไป
“ว่าอย่างไรนะ? เ้าบอกว่าทั้งห้าคนถูกเย่ชิงหานสังหารจนหมดสิ้น?”
มองเห็นหนิวจินที่ท่าทางกระเซอะกระเซิง ได้ยินข่าวที่น่าใจากปากของเขา พ่อบ้านหลิวมือไม้สั่นขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเป็เพราะสายลมหนาวในยามค่ำคืนของฤดูใบไม้ผลิ หรือเป็เพราะความรู้สึกหวาดกลัวที่เกิดขึ้นมาภายในใจ
“เื่ใหญ่ขนาดนี้ผู้น้อยอย่างข้าไฉนเลยจะกล้าพูดความเท็จ ข้าน้อยในตอนนั้นหลบซ่อนอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ สังเกตเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน” หนิวจินเช็ดเหงื่อเย็นที่ผุดออกมาที่หน้าผาก หวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ในตอนนั้น จนกระทั่งตอนนี้ใจของเขายังหนาวสั่นไม่หยุด หลังจากที่พวกเสว่อีทั้งห้าตายหมดเขาก็ไม่กล้าที่จะอยู่ที่นั่นอีกต่อไป รีบเร่งกลับมารายงานข่าว เพียงแต่ระหว่างทางเจอเข้ากับฝูงหมูป่ามารอสูรระดับสาม จึงทำให้เสียเวลาจนป่านนี้ถึงได้กลับมา
“เด็กๆ รีบจัดเตรียมรถม้าที่เร็วที่สุดสามคัน หนิวจินข้าจะจัดคนคุ้มกันเ้าไปสองคน เ้าต้องรีบนำข่าวไปแจ้งแก่นายน้อยให้เร็วที่สุด หากชักช้าทำให้งานใหญ่ของนายน้อยคลาดเคลื่อน ชีวิตน้อยๆ ของเ้าคงรักษาไว้ไม่ได้เป็แน่”
เมื่อไม่นานที่ผ่านมาพ่อบ้านหลิวได้รับข่าวมาว่า จวนจ้าวเมืองได้ส่งรถม้าที่เร็วที่สุดเดินทางออกไปยังเมืองชาง พิจารณาจากข่าวสารที่ได้รับจากหนิวจิน มือของพ่อบ้านหลิวยิ่งสั่นเร็วและแรงยิ่งกว่าเก่าจึงรีบร้อนะโออกมาอย่างสุดเสียง แม้เสียงจะดังมากแต่กลับปะปนไปด้วยความหวาดผวาและสั่นเครือ
ผ่านไปไม่นานรถม้าสามคันวิ่งแหวกม่านหมอกในยามเช้าของเมืองหมันเลือนหายไปจากหน้าประตูเมือง