พอกลับมาถึงหมู่บ้านสกุลฉิน ถังชิงหรูสะพายกระบุงเข้าไปในครัว ก่อนหยิบของในนั้นออกมา
น่าหลันหลิงค่อยๆ เกาะกำแพงประคองตนเองเดินเข้ามา ยามเห็นสิ่งของกองเต็มโต๊ะ ดวงตาพลันฉายแววประหลาดใจแกมสงสัย เอ่ยถามอย่างกังขา "หรูเอ๋อร์ เ้าไปเอาของมากมายขนาดนี้มาจากไหน"
ถังชิงหรูกำลังง่วนอยู่กับงานในมือ จึงตอบโดยไม่หันกลับไป "ข้าไปตลาดรักษาโรคให้คนจนโดยไม่เก็บค่ารักษา พวกเขาก็เลยให้ของกินของใช้เหล่านี้มาเป็การตอบแทน ท่านคงหิวแล้วกระมัง เดี๋ยวข้าจะทำอาหารให้กิน ่นี้ท่านยังขยับตัวมากไม่ได้ พักผ่อนให้มากหน่อยดีกว่า ในแต่ละวันเพียงแค่เดินให้มากขึ้น ไม่ช้าก็จะเดินเหินได้ราวกับเหาะ"
"หรูเอ๋อร์ ลำบากเ้าแล้ว สตรีเช่นเ้าต้องออกไปเผยโฉมนอกบ้าน ทนรับคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่นเพื่อข้า..." ความรู้สึกละอายใจผุดวาบในแววตาของน่าหลันหลิง
"ญาติผู้พี่ พูดอะไรของท่านน่ะ สตรีที่ออกไปเผยโฉมนอกบ้านมีถมไป ไม่เห็นพวกนางต้องฆ่าตัวตายล้างอายสักคน" ถังชิงหรูเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม "ในโลกนี้มีคนเท่าไรต้องอดตาย หรือว่าเพื่อชื่อเสียงเกียรติยศแล้ว แม้แต่ชีวิตไม่้าก็ได้? ข้าไม่ได้โง่อย่างนั้น หาก้าเกียรติและศักดิ์ศรี ไหนเลยจะเข้าจวนผู้อื่นไปเป็สาวใช้ ตายอยู่ข้างนอกมิง่ายกว่าหรือ"
"ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่รู้สึกปวดใจที่เ้าทำเพื่อข้ามากมาย" น่าหลันหลินรีบตอบ "เมื่อก่อนยามอยู่ในจวน เ้ามีหน้าที่ปรนนิบัติข้า จะดีจะร้ายก็ไม่ต้องทุกข์ร้อนเื่การกินอยู่"
"อย่าเอ่ยเื่เหล่านี้เลย ท่านหาที่นั่งก่อน หากทนอยู่เฉยไม่ไหว มิสู้มาช่วยข้าก่อไฟดีหรือไม่"
ถ้าเป็ถังชิงหรูคนก่อนคงไม่กล้าเรียกน่าหลันหลิงมาช่วยงานแบบนี้ แม้ตนเองจะเหนื่อยสายตัวแทบขาดหรือหิวปางตาย ก็ต้องดูแลน่าหลันหลิงก่อน ใช่เพราะเห็นว่าเขาเป็เ้านายของตน แต่เพราะนางหลงรักเขาด้วย ทว่าถังชิงหรูคนนี้ไม่ใช่คนประเภท 'รักหยกถนอมบุปผา' เยี่ยงนั้น
่เวลานี้น่าหลันหลิงเริ่มปรับตัวได้บ้างแล้ว และเข้าใจสถานการณ์ของตนเองดี ปรกติก็ไม่ใช่คุณชายที่ถือตัวมากนัก ดังนั้นจึงไม่คิดอะไรกับสิ่งที่นางเสนอมา
เขานั่งลงหน้าเตา ใช้หินจุดไฟเผาถ่าน ตอนแรกจุดเท่าไรไฟก็ไม่ติดเสียที จึงเปลี่ยนวิธีสารพัด ท้ายที่สุดก็จุดไฟสำเร็จ ชั่วขณะนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก็บานสะพรั่ง
ถังชิงหรูเห็นเขาแค่จุดไฟติดก็แสดงท่าทางดีใจขนาดนั้น จึงอดอมยิ้มไม่ได้ แท้จริงแล้วเมื่อก่อนนี้ ชีวิตของน่าหลันหลินเรียบง่ายมาก มีแต่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หมายนำพาชื่อเสียงมาสู่วงศ์ตระกูล แต่ไม่คิดว่าครอบครัวจะประสบเหตุการณ์เยี่ยงนั้น ทั้งบ้านเหลือเขาเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต นางนึกว่าน่าหลันหลิงจะเปลี่ยนไปเป็คนอมทุกข์ แต่ผลกลับอยู่นอกเหนือจากความคาดหมาย เขายังคงเป็บุรุษที่อ่อนโยนและสง่าผ่าเผยอยู่เหมือนเดิม
ถังชิงหรูทำโจ๊กถั่วแดง หลังจากนั้นก็อบขนมเปี๊ยะอีกจำนวนหนึ่ง แม้จะเป็อาหารเรียบง่าย แต่รสชาติดีเป็พิเศษ น่าหลันหลิงกินขนมเปี๊ยะไปหลายชิ้น ทำให้นางนึกวิตกเล็กน้อยว่ากระเพาะของเขาจะรับไหวหรือไม่
"ข้าซื้อตำรามาให้ท่านด้วย เผื่อยามว่างรู้สึกเบื่อหน่ายก็เอามาอ่านได้" กินข้าวเสร็จ ถังชิงหรูก็หยิบหนังสือสองสามเล่มมาวางตรงหน้าเขา
ตำราเ่าั้นางซื้อมาจากแผงหนังสือ ด้วยคิดว่าปรกติเขาไม่มีงานทำ หากนั่งอยู่เฉยๆ อาจคิดฟุ้งซ่าน ทำให้พลัดหกล้มได้ง่าย มิสู้ให้เขาอ่านหนังสือฆ่าเวลาดีกว่า
"พี่หญิงหรู..." เสียงของฉินลี่ร้องทักมาจากด้านนอก "ข้าเข้าไปได้หรือไม่" ถังชิงหรูกำลังเก้อเขินอยู่พอดี จึงหันเหออกไปต้อนรับแขก ฉินลี่หิ้วตะกร้ามาใบหนึ่ง พอเห็นนางออกมาก็เปิดตะกร้ากล่าวว่า "ข้าเพิ่งเก็บไข่ไก่มาได้รังหนึ่ง บ้านของเ้ามีคนป่วยใช่หรือไม่ ไข่ไก่ช่วยบำรุง..."
ฉินลี่เห็นน่าหลันหลิงเดินออกมา ดวงหน้าน้อยน่ารักพลันแดงซ่าน ยอบกายคำนับอย่างลนลาน "ท่านคงจะเป็ญาติผู้พี่ของพี่หญิงหรูกระมัง ข้ามีนามว่าฉินลี่เ้าค่ะ"
น่าหลันหลิงยิ้มพลางเอ่ยวาจาอย่างนุ่มนวล "แม่นางฉินไม่ต้องเกรงใจ คิดเสียว่าเป็บ้านของตนเองเถิด พวกเ้าสองคนคุยกันตามสบาย ข้ากลับห้องก่อนล่ะ"
"ญาติผู้พี่ ยาต้มเสร็จแล้ว ท่านอย่าลืมดื่มเล่า" ถังชิงหรูกล่าวจบ ก็หันมาคุยกับฉินลี่ "ไปกันเถอะ พวกเราเข้าไปคุยในบ้าน บ้านข้าค่อนข้างคับแคบ เ้าอย่าเห็นเป็เื่ขบขันก็แล้วกัน"
วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ถังชิงหรูเข้าเมืองไปตรวจคนไข้ทุกวัน และเริ่มเป็ที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ วิธีการรักษาที่แปลกประหลาดของนางดึงดูดให้คนมากันมากมาย มีคนชื่นชม แน่นอนว่าย่อมมีคนสงสัย นอกจากวันแรกที่พบกันคนปัญญาอ่อนผู้นั้น ก็แทบไม่ได้พบกับคนมีเงินอีกเลย นางรักษาให้คนยากจนเ่าั้ มิเพียงแต่ไม่เก็บเงิน บางครั้งยังให้เงินไปอีกด้วย
ส่วนสุขภาพของน่าหลันหลิงก็ฟื้นฟูจนเกือบหายดีแล้ว เขาไม่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้อง สามารถออกไปไหนมาไหนได้ เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของครอบครัวให้ดีขึ้น แค่คัดลอกหนังสือให้ผู้อื่นก็สามารถหาเงินมาได้บ้าง เพื่อปิดบังชื่อแซ่ จึงบอกผู้อื่นไปว่าตนเองชื่อถังหลิง ดังนั้นนอกจากถังชิงหรูแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดรู้จักชื่อแซ่ที่แท้จริงของเขา
ที่ข้างถนน ถังชิงหรูที่เพิ่งส่งคนไข้คนสุดท้ายออกไปก็ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก แหงนหน้ามองฟ้าพลางขมวดคิ้ว
วันนี้ก็มีแต่คนยากจนเหมือนสองสามวันก่อน แม้ว่าสถานการณ์ครอบครัวจะดีขึ้น แต่ผู้อื่นที่เห็นนางรักษาคนไข้ไม่คิดเงิน ก็เลยพลอยไม่จ่ายค่ารักษาไปตามกัน นางคิดว่าหากปล่อยให้เป็เช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีนัก นาง้าคะแนนจิตพิสัยจรรยาแพทย์ก็จริง แต่ก็ต้องหาเงินเหมือนกัน หากทุกวันมีแต่ขาดทุนการค้า แล้วชีวิตจะดำเนินต่อไปได้อย่างไร
"ท่านหมอเทวดา... ท่านหมอเทวดา..." พ่อบ้านหลินที่มาปรากฏตัวเมื่อหลายวันก่อนวิ่งเข้ามาอย่างเร่งร้อน "ท่านหมอเทวดา ท่านต้องช่วยนายท่านของข้าด้วยนะขอรับ"
ถังชิงหรูเห็นหน้าพ่อบ้านหลิน ความรู้สึกแรกคือไม่อยากยุ่งเกี่ยว เ้าหนุ่มนั่นน่ารังเกียจขนาดนั้น นางไม่อยากสนใจความเป็ความตายของเขาอีกแล้ว ทว่า... ความโลภก็เริ่มครอบงำจิตใจ
เงินที่ได้จากเขามาคราก่อนใช้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง หากได้อีกสักก้อน ก็มิต้องกังวลเื่ปากท้องไปอีกหนึ่งเดือน
"เป็อันใดอีกแล้วล่ะ" ถังชิงหรูใช้เวลาเพียงสั้นๆ ก็ใคร่ครวญผลได้ผลเสียเรียบร้อย แม้ตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยพ่อบ้านหลินผู้นี้ แต่ก็ยังคงต้องเล่นตัวหน่อย
"เ้านายของเราเอาแต่ใจตนเอง ไม่ยอมดื่มยาที่ท่านออกให้ เขาฉวยโอกาส่ที่พวกเราเผลอแอบเทยาทิ้ง" พ่อบ้านหลินทั้งโมโหทั้งหวาดวิตก "ตอนนี้พิษของเขาไม่สามารถควบคุมได้แล้ว ดูจะสาหัสยิ่งกว่าเมื่อก่อนประกอบกับเขาเป็คนอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย ดังนั้น... ท่านหมอเทวดา ผู้มีจิตใจประเสริฐเช่นท่านจะทนเห็นเ้านายของพวกเรากลายเป็เช่นนี้ได้หรือ ได้โปรดช่วยเขาด้วยเถิดขอรับ"
ถังชิงหรูไม่คิดว่าเ้าหนุ่มนั่นจะเอาแต่ใจขนาดนี้ แม้แต่ชีวิตของตนเองยังไม่ห่วง แต่ก็เป็ปรกติ คนผู้นั้นแค่เห็นก็รู้ว่าไม่ใช่คนนิสัยดีเท่าไร นางยั่วโทสะเขาขนาดนั้น ย่อมสะสมความโกรธแค้นไว้ในใจมากมาย ถึงนางจะไปแล้ว แต่ใจของเขาย่อมมิคลายโทสะ ดังนั้นจึงไม่ยอมดื่มยาของนาง
"อาการของเขาตอนนี้เป็อย่างไรบ้าง" เื่นี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของคนไข้ นางจึงเริ่มจริงจังขึ้นมา แม้คนผู้นั้นจะน่าชังนัก แต่หากมีผลกระทบเกี่ยวพันถึงชีวิต นางย่อมไม่อาจเพิกเฉย
พ่อบ้านหลินกำลังกระวนกระวายใจ ดังนั้นจึงไม่เข้าใจความคิดของนาง เขาพยายามควบคุมตนเอง นึกก่อนเอ่ยปาก "ร่างกายสั่นไปทั้งตัว ทั้งที่เห็นอยู่ว่าตัวร้อนมาก แต่กลับไม่มีเหงื่อสักหยด ริมฝีปากเริ่มคล้ำ ใบหน้าขาวซีดผิดปรกติ ยังมีอีกอย่าง เขาเหมือนเพ้ออยู่ตลอดเวลา ราวกับกำลังฝันร้าย ไม่ว่าจะเรียกอย่างไรก็ไม่ตื่น"
"ข้าจะไปดูเขา อาการแบบนี้นับว่ารุนแรงมาก" ถังชิงหรูขมวดคิ้วพลางเอ่ยปาก
"ขอรับๆ ท่านหมอเทวดา รบกวนท่านแล้ว เชิญทางนี้ขอรับ" พ่อบ้านขานรับทันที
พ่อบ้านออกมาอย่างรีบร้อน บัดนี้รับถังชิงหรูขึ้นรถมาได้แล้ว ก็รีบตะบึงอาชาออกไปราวกับเหาะ
ครานี้เขาไม่คิดปิดบังสถานะของเ้านายอีก จึงพาถังชิงหรูเข้าทางประตูหลัก ย่อมจะเห็นป้ายสลักอักษรตัวใหญ่ว่าจวนชิ่งอ๋อง
จวนชิ่งอ๋อง? เ้าหนุ่มน่ารังเกียจผู้นั้นคือชิ่งอ๋องหรือนี่ ที่นี่เป็เขตพื้นที่ศักดินาของชิ่งอ๋อง ที่แท้นางก็ได้พบกับผู้เป็เ้าถิ่นของที่นี่โดยไม่ได้ตั้งใจ มิหนำซ้ำยังล่วงเกินเ้าถิ่นผู้นั้นไปแล้วด้วย
หนีไปตอนนี้ยังทันอยู่ไหม?
"พ่อบ้านหลิน เ้านายของท่านไม่ใช่คนวิสัยทัศน์คับแคบใช่หรือไม่" ถังชิงหรูฉีกยิ้มพลางเอ่ยถาม
พ่อบ้านหลินไม่รู้ความคิดของนาง เลยนึกว่าถังชิงหรูกังวลใจว่าเ้านายจะไม่ให้นางรักษา จึงตอบไปว่า "เ้านายเป็แค่เด็กที่ไม่รู้จักโต แท้จริงแล้วเขาไม่ใช่คนเลวร้าย ท่านหมอเทวดามีจิตใจที่ปรารถนาดี ช่วยรักษาอาการาเ็ของเขา เขาย่อมตระหนักได้ถึงความยากลำบากของท่าน ท่านหมอรักษาเขาให้หายก่อนเถิด บ่าวปรนนิบัติเขามาหลายปี เห็นั้แ่เล็กจนเติบใหญ่ ดังนั้นเขาย่อมจะไว้หน้าบ่าวเฒ่าผู้นี้อยู่บ้าง"
"เอาเถอะ ข้าไปรักษาเขาก่อนค่อยว่ากัน" ถังชิงหรูตามพ่อบ้านเข้าไปในคฤหาสน์ คนที่มาต้อนรับยังคงเป็หมัวหมัวเฒ่าผู้นั้น พอนางเห็นถังชิงหรู ก็ขมวดคิ้ว
พ่อบ้านหลินทราบว่านางจะเอ่ยปากอันใด จึงโบกไม้โบกมือกล่าวว่า "นายท่านดื้อดึงเอาแต่ใจ ไม่เกี่ยวกับทักษะการแพทย์ของท่านหมอเทวดา ชาวบ้านในเมืองมากมายล้วนได้รับความเมตตาจากท่านหมอผู้นี้ เ้าไปสอบถามดูได้ ที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครที่นางรักษาไม่หาย สาวใช้ในจวนเราก็ไปให้ท่านหมอเทวดารักษาให้มิใช่หรือ"
หมัวมัวกลืนคำพูดที่ติดอยู่ริมฝีปากลงคอไป ก่อนกล่าวกับพ่อบ้าน "บ่าวกังวลว่านายท่านจะไม่ยอมให้ความร่วมมือ คราก่อนก็อาละวาดเสียยกใหญ่"
"ครานี้ไม่อาจปล่อยให้เขาเอาแต่ใจอีกแล้ว" พ่อบ้านหลินมุ่นคิ้วขมวด "หากนายท่านยอมฟังที่ท่านหมอเตรียมไว้แต่แรก ป่านนี้คงหายไปนานแล้ว ไม่ต้องมาทรมานเช่นนี้หรอก ถ้าขืนยังดื้อดึงอีก เห็นทีข้าคงต้องใช้กำลังบังคับกรอกยาให้เขาด้วยตนเอง"
หมัวมัวไม่พูดอะไรอีก ในจวนชิ่งอ๋อง นอกจากชิ่งอ๋องแล้ว ผู้มีอำนาจสูงสุดก็คือพ่อบ้านหลิน เขาติดตามชิ่งอ๋องมาหลายปี ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างล้ำลึกมาโดยตลอด
ถังชิงหรูยังคงแต่งกายแบบบุรุษ นอกจากคนในจวนชิ่งอ๋อง นอกนั้นล้วนไม่มีใครทราบว่าหมอเทวดาผู้มีทักษะการแพทย์ล้ำเลิศผู้นี้เป็เพียงดรุณีน้อยคนหนึ่ง หากพวกเขารู้กันละก็ คงตกอกใขนานใหญ่เป็แน่
ในยุคสมัยนี้ไม่เคยได้ยินว่าสตรีคนไหนจะเลี้ยงชีพด้วยการเป็หมอ ปรกติหมอหญิงที่เห็นอยู่ภายนอกล้วนเป็หญิงมีอายุที่แต่งงานแล้ว อาศัยสมุนไพรจากชนบทมารักษามั่วซั่ว ชื่อเสียงของหมอหญิงจึงไม่ดีนัก และยังไม่เคยเห็นทักษะการแพทย์ของหมอหญิงคนไหนจะเหมือนอย่างถังชิงหรู ดังนั้นจึงไม่มีใครคลางแคลงเื่เพศของนาง
ถังชิงหรูนั่งลงข้างเตียง ตรวจชีพจรให้กับชายหนุ่มที่ชักกระตุกอยู่บนเตียง นางหยิบเครื่องมือแพทย์ของตนเองออกมาตรวจสอบให้บุรุษผู้นั้น
ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเหยเก ร่างกายกระตุกตลอดเวลา ดังนั้นย่อมไม่ได้ดูงดงามขนาดนั้นอีกแล้ว อาการที่เป็ตรงกับคำบรรยายของพ่อบ้านหลินทุกประการ เกร็งกระตุกไปทั้งร่าง ตัวร้อนผ่าวแต่กลับไม่หลั่งเหงื่อสักหยด ริมฝีปากคล้ำ ใบหน้าขาวซีด เหมือนเป็โรคลมชัก
"พิษของเขาเข้าสู่กระแสเืแล้ว อาการอยู่ในขั้นวิกฤติ" ถังชิงหรูเอ่ยปากอย่างไม่พึงใจนัก "ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องจ่ายค่าตอบแทนสำหรับความดื้อดึงของตนเอง"
"ท่านหมอเทวดา ครานี้ต้องรบกวนท่านแล้ว ต่อไปจะไม่เกิดเื่เช่นนี้ขึ้นอีกแน่นอน" พ่อบ้านหลิงเอ่ยปากอ้อนวอน "เขาเป็เด็กน่าสงสาร ั้แ่เล็กไม่มีบิดามารดาคอยรักใคร่ อยู่แต่กับบ่าวไพร่มาจนโต คนที่ท่านเห็นเมื่อครู่คือแม่นมของเขาเอง อุปนิสัยของนายท่านค่อนข้างสุดโต่ง ต่อไปพวกเราจะเกลี้ยกล่อมเขาให้ได้"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้