“ชะตาของคนผู้นี้ทรงพลังยิ่งนัก ดูจากรัศมีชะตาก็รู้แล้วว่าจะต้องแข็งแกร่งมาก ชะตาของเขาน่าจะแข็งแกร่งกว่านี่จ้านเทียนและคนอื่น ๆ หลายเท่า ไม่รู้ว่าชายผู้นั้นรวบรวมชะตาที่ทรงพลังขนาดนี้ได้เยี่ยงไร!” ผู้ฝึกยุทธ์บางคนกล่าวอย่างใ เมื่อเห็นรัศมีชะตาอันเจิดจรัสบนตัวของเย่เฟิง แม้จะอยู่ไกลจากอีกฝ่าย ก็ยังรู้สึกได้ถึงรัศมีชะตาที่ทรงพลัง ไม่มีใครเทียบกับเขาได้เลย ต่อให้เป็นี่จ้านเทียน อี้ชิง หรือคนอื่นๆ ก็ตาม
“นั่นสิ ยิ่งกว่านั้นการบ่มเพาะของชายคนนี้ดูเหมือนจะอยู่จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายา อันที่จริงระดับแบบนี้ควรจะตกตายอยู่ในแดนลับถึงจะถูก แต่ชายคนนั้นนอกจากจะขึ้นมาถึงระดับนี้ได้ ยังรวบรวมชะตาที่แข็งแกร่งเช่นนี้อีก ประหลาดเกินไปแล้ว!” ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนกล่าวเสริม เห็นเย่เฟิงเดินมาที่นี่ทุกสายตาก็ล้วนจับจ้องที่เย่เฟิงเป็ตาเดียวพลางในใจครุ่นคิดไปต่าง ๆ นานา
“ดูท่าพวกเ้าคงไม่รู้ว่าถึงระดับการบ่มเพาะของชายผู้นี้จะอยู่แค่ขั้นบ่มเพาะกายา แต่พลังกลับแข็งแกร่งกว่าคนระดับเดียวกัน ก่อนเข้าแดนลับ ข้ามาจากทิศเดียวกับเขา ข้าเห็นกับตาว่าเขาเอาชนะหวังซวนจากตระกูลหวังได้อย่างสบาย และทำลายวรยุทธ์ของอีกฝ่าย ทั้งยังจัดการลูกน้องของหวังซวนจนหนีแทบไม่ทัน ที่นี่อาจจะมียอดฝีมือมากมาย แต่ไม่มีใครต่อกรกับเขาได้” ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นพูดขณะมองไปที่เย่เฟิงด้วยความเลื่อมใส
ประโยคนี้สร้างความใให้กับฝูงชนเป็อย่างมาก หลาย ๆ คนต่างรู้จักหวังซวน คนคนนี้เป็อัจฉริยะของตระกูลหวังและยังทรงพลังมากอีกด้วย แต่เย่เฟิงที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายากลับเอาชนะหวังซวนได้อย่างง่ายดาย นี่เพียงพอที่จะอธิบายถึงความแข็งแกร่งของเขาแล้ว แต่พวกเขาก็ฟังความแค่เดียว หลายคนจึงไม่ปักใจเชื่อเต็มร้อย และบางคนก็ไม่เชื่อเขาเสียด้วยซ้ำ
“ที่เ้าเห็นเป็แค่จุดเริ่มต้น หลังจากที่ชายคนนี้ทำลายวรยุทธ์ของหวังซวน ต่อมาเหล่าผู้ฝึกยุทธ์สำนักศึกษาเสินเจียงพากันควานหาร่องรอยของคนผู้นี้ จนในที่สุดก็พบ ในตอนนั้นชายคนนี้กำลังทำลายวรยุทธ์ของผู้ฝึกยุทธ์สามคน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีหลี่ซวี่จากตระกูลหลี่อยู่ด้วย เมื่อผู้ฝึกยุทธ์สำนักศึกษาเสินเจียงมาถึง พวกเขาก็พยายามฆ่าชายผู้นี้ แต่ชายผู้นี้ทรงพลังเกินไป ก่อนจะสังหารผู้ฝึกยุทธ์สำนักศึกษาเสินเจียงจนหมด เวลานั้นจงเทาแห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ผู้อยู่อันดับที่ 6 ในรายนามขั้นรวมชี่ก็ได้เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการสังหารนั้นได้ ผู้ฝึกยุทธ์หลายสิบคนล้วนตกตายด้วยมือของเขา สุดท้ายชายผู้นี้ก็หนีรอดไปได้ คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าวันนี้ ชายคนนี้จะมาปรากฏตัวที่นี่ ไม่รู้ว่าสำนักศึกษาเสินเจียงจะปล่อยเขาไปไหม?”
ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนพูดขึ้น เขาเห็นฉากการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างเย่เฟิงกับคนสำนักศึกษาเสินเจียง และจงเทาด้วยตาของตัวเอง ทุกวันนี้เขายังจดจำได้ไม่ลืมเลือน เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ซึ่งทันทีที่เขาพูดจบ ทุกคนต่างตกตะลึงจนอ้าปากค้างไปทั้งสนาม
ตอนที่คนแรกพูดถึงความเก่งกาจของเย่เฟิง พวกเขาก็ปักใจเชื่อแค่ครึ่งหนึ่ง จากนั้นคำพูดของคนที่สองก็ได้เพิ่มความน่าเชื่อถือขึ้นไปอีก หากสิ่งที่คนนั้นพูดเป็เื่จริง เช่นนั้นพลังของเย่เฟิงก็ไม่อาจใช้คำว่าแข็งแกร่งมาอธิบายได้ นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว
คนเพียงคนเดียวฝ่าวงล้อมสังหารของผู้ฝึกยุทธ์สำนักศึกษาเสินเจียงนับสิบคนได้ แม้จะมีจงเทาแห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียนร่วมด้วยก็ตาม ไม่เพียงแต่จะสังหารคนพวกนั้นได้มากมาย แต่ยังสามารถหนีรอดออกมาได้อีกด้วย ที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ที่ทำผลงานได้ดีเยี่ยมเช่นนี้ กลับอยู่แค่ขั้นบ่มเพาะกายาเท่านั้น เื่นี้ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว! จนคนอื่น ๆ ยากจะเชื่อ
ไม่แปลกใจที่คนแบบนี้มีรัศมีชะตาแข็งแกร่งเพียงนี้ ชะตาจากคนที่เขาฆ่าล้วนตกเป็ของเขาคนเดียว ดังนั้นชะตาของเขาก็ย่อมทรงพลัง
“เป็อย่างไรบ้าง!” เย่เฟิงไม่สนใจคำวิจารณ์ที่คนอื่น ๆ พูดถึงเขา แต่เอ่ยถามนักดาบแขนเดียวด้วยความเป็กังวล
“วางใจเถอะ ข้ายังไม่ตาย” นักดาบแขนเดียวกล่าว จากนั้นเย่เฟิงมอบยาเม็ดหนึ่งให้กับนักดาบแขนเดียว มันคือยารักษาที่ผู้าุโหุบเขาเทียนเสวียนมอบให้เขาเป็ของรางวัลที่คว้าอันดับหนึ่งในการทดสอบหุบเขาเทียนเสวียนได้ ยาเม็ดนี้ทรงพลังมาก แค่เม็ดเดียวก็สามารถรักษาอาการาเ็ของนักดาบแขนเดียวได้
เย่เฟิงประคองนักดาบแขนเดียวให้นอนลง แล้วมองฟู่เจินที่อยู่ในแดนมรดกอีกครั้งอย่างเ็า ฟู่เจินก็มองมาที่เย่เฟิงเช่นกัน ก่อนจะแสยะยิ้มอย่างเหยียดหยาม “มันไม่ได้เลวร้ายนักหรอก อย่างน้อยไอ้สวะนั่นก็ยังมีชีวิตอยู่มิใช่หรือ และจากที่ข้าได้ฟังมา ดูเหมือนเ้าจะมีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย แต่มิรู้ว่าเป็เื่จริงหรือเท็จ!”
ฟู่เจินกล่าวล้อเลียนโดยมีรอยยิ้มดูแคลนบนใบหน้า ทว่ารัศมีชะตาบนตัวของเย่เฟิงนั้นทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย เมื่อเทียบกับเย่เฟิงแล้ว รัศมีชะตาของเขานั้นไม่ควรค่าแก่การพูดถึง
“เ้าคิดว่านี่เป็เื่เล็กน้อยอย่างนั้นรึ เ้าวางอุบายใส่ข้ากับสหายข้าอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ไร้ยางอายยิ่งกว่าครั้งก่อน เ้าขัดจังหวะการเรียนรู้ของสหายข้า จนเขาาเ็สาหัส หนี้แค้นนี้ควรจัดการเช่นไร?” ดวงตาเย่เฟิงทอประกายแสงเ็าขณะกล่าว เขาไม่มีความประทับใจใด ๆ ต่อสองพี่น้องคู่นี้ั้แ่แรก ก่อนจะเข้าแดนลับ ชายผู้นี้ทําทุกอย่างที่ทําได้เพื่อดูถูกเขา นักดาบแขนเดียว และเซี่ยจวิ้นหลง มาตอนนี้ยังใช้กลอุบายต่ำช้าทำให้นักดาบแขนเดียวาเ็สาหัสอีก ถ้ามิใช่ว่านักดาบแขนเดียวแข็งแกร่งอยู่แล้ว เกรงว่าคงถูกฟู่เจินสังหารทิ้งไปแล้ว เช่นนี้แล้วต่อให้เย่เฟิงจะเป็คนอารมณ์ดีแค่ไหน ก็ทนไม่ไหวเช่นกัน
“เ้าอยากจะชำระแค้นกับข้าหรือ?” เมื่อได้ยินที่เย่เฟิงพูด ฟู่เจินจึงหัวเราะออกมา เป็เสียงหัวเราะที่ฟังดูเย่อหยิ่งไม่น้อย ในเสียงนั้นเต็มไปด้วยการดูถูกและเยาะเย้ยอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกันบุคคลระดับสูงของวังเทพโอสถที่อยู่บนยอดเขาเทพโอสถเริ่มสังเกตเห็นเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันระหว่างเย่เฟิงกับฟู่เจิน
“เด็กหนุ่มนั่นช่างรนหาที่ตายเสียจริง กล้าดียังไงมายั่วโมโหลูกข้า สมควรตาย!” สายตาของฟู่หยางฉายแววเ็าขณะกล่าวออกมา ตัวฟู่หยางนั้นค่อนข้างพอใจกับพฤติกรรมที่โอหังของฟู่เจินก่อนหน้านี้ ทั้งยังเื่ทำร้ายนักดาบแขนเดียวจนกระเด็นออกจากแดนมรดก เพราะเสมือนเป็การตบหน้าเซี่ยชิงซาน บัดนี้เย่เฟิงปรากฏตัวที่นี่และ้าออกหน้าแทนนักดาบแขนเดียว เช่นนั้นก็เท่ากับรนหาที่ตาย
“ศิษย์พี่ใหญ่ เ้าเด็กนั่นมาได้จังหวะพอดี หลังจากฟู่เจินทำลายเขาแล้วก็จะได้รับชะตาของเขา ด้วยวิธีนี้ฟู่เจินจะสามารถสืบทอดมรดกทั้งหมด” จี๋เหยียนกล่าวพลางเผยสีหน้าเ้าเล่ห์ ฟู่หยางก็พยักหน้าเบา ๆ ดูเหมือนการมาของสวะนี่จะเป็ประโยชน์ต่อบุตรชายเขามาก
ในแดนลับ ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปที่เย่เฟิงกับฟู่เจิน
“ก่อนหน้านี้เ้าพยายามยั่วโมโหข้า ทำร้ายสหายข้า เป็ธรรมดาที่ข้าจะคิดบัญชีกับเ้า!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเ็า ดวงตาเผยจิตสังหารออกมา
“ฮ่า ๆ ๆ!” เมื่อได้ยินที่เย่เฟิงพูด ฟู่เจินก็หัวเราะออกมาแล้วพูดต่อว่า “ข้าก็อยากเห็นเช่นกันว่าเ้าจะคิดบัญชีกับข้าเยี่ยงไร?”
ผู้คนเองก็สงสัยเช่นกัน ถึงเย่เฟิงจะแข็งแกร่ง แต่หลังจากที่ฟู่เจินได้รับมรดกและเมื่อผสานธาตุไฟร่วมการโจมตี พลังของเขาก็เปลี่ยนไป ไม่น่าจะใช่สิ่งที่เย่เฟิงสามารถต้านทานได้
“ฟิ้ว!” เมื่อฟู่เจินพูดจบ เย่เฟิงก็เคลื่อนไหวทันที เขาพุ่งเข้าไปในแดนมรดก ราวกับฝนดาวตก ความเร็วของเขานั้นหาที่เปรียบมิได้
“เ้าหมอนั่นบ้าไปแล้วหรือ? ถึงจะมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ก็ไม่ควรทำเช่นนี้ แดนมรดกใช่ที่ที่เขาจะบุกเข้าไปได้ง่าย ๆ หรือ?” ผู้ฝึกยุทธ์บางคนพูดขึ้นมา เมื่อเห็นเย่เฟิงทะเล่อทะล่าพุ่งเข้าไปในแดนมรดก น้ำเสียงของเขายังแฝงความดูถูกเล็กน้อย ก่อนหน้านี้พวกเขาได้เห็นความอันตรายของแดนมรดกด้วยตาตัวเอง คนที่มีพร์น้อยเกินไปจะต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างแสนสาหัส อีกอย่างเย่เฟิงผู้นี้เหมือนจะไม่จริงจังกับแดนมรดกนี้มากนัก ถึงได้พยายามบุกเข้ามา ซึ่งนั่นเท่ากับเป็การรนหาที่ตาย!
ขณะที่ฝูงชนกำลังครุ่นคิดไปต่าง ๆ นานา เวลานี้เองเท้าของเย่เฟิงก็เหยียบเข้ามาในแดนมรดก ก่อนที่ทั่วทั้งร่างจะถูกห้อมล้อมด้วยพลังประหลาด ตอนนั้นเองทุกคนต้องประหลาดใจกันขึ้นมาเมื่อพบว่า เย่เฟิงเลือกแดนมรดกที่ฟู่หยิงน้องสาวของฟู่เจินอยู่ พลังประหลาดที่แดนมรดกปล่อยออกมาไม่อาจหยุดยั้งเย่เฟิงได้ ร่างของเขายังคงเคลื่อนไหวด้วยความเร็วคงที่ แค่พริบตาเดียวก็ถึงแดนมรดกที่ฟู่หยิงอยู่แล้ว ฟู่เจินที่ไม่สนใจคำพูดของเย่เฟิงก่อนหน้านี้ เริ่มหน้าถอดสีขึ้นมา เขาไม่แน่ใจว่าเย่เฟิงคิดจะทำอะไร
“เ้าคิดจะทำอะไร?” ฟู่เจินถลึงตาใส่เย่เฟิงอย่างเ็า และรักษาอาการสงบนิ่งเอาไว้ไม่อยู่
“เ้าทำร้ายสหายข้า เช่นนั้นข้าก็จะจัดการน้องสาวของเ้า!” เย่เฟิงยิ้มเยาะออกมาขณะปรายตามองฟู่เจินอย่างเ็า พลังประหลาดที่ห่อหุ้มร่างกายทำให้เย่เฟิงรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาในทันที แต่เขาไม่เข้าสู่สภาวะเรียนรู้เช่นคนอื่น ๆ
“ไอ้สารเลว ข้าเตือนเ้าไว้ก่อนนะ หากเ้าลงมือกับน้องสาวของข้าก็เท่ากับละเมิดกฎของแดนลับ และต้องถูกลงโทษจากวังเทพโอสถอย่างหนัก จงคิดให้ดี!” เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฟิง ในที่สุดฟู่เจินก็ไม่อาจสงบใจได้อีกต่อไป และเริ่มตะคอกใส่เย่เฟิงอย่างเดือดดาล หากเย่เฟิงลงมือกับฟู่หยิงในตอนนี้ ด้วยความสามารถของนาง คงไม่อาจต้านทานแรงสะท้อนของการเรียนรู้ได้
“กฎ? คนอย่างเ้าคู่ควรที่จะพูดเื่กฎกับข้าหรือ? ถ้าหากกฎนั้นมีอยู่จริง เ้าก็คงไม่ทำร้ายสหายข้าอย่างไร้ยางอายเช่นนี้หรอก ฟู่เจิน!” เย่เฟิงแสยะยิ้มอย่างเ็า ก่อนจะมองไปที่ฟู่หยิงที่อยู่ไม่ไกลแล้วะโใส่ว่า “ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”
เสียงะโที่ดังกึกก้อง ก่อให้เกิดคลื่นเสียงทะลุทะลวงไปทั่วฟ้าดิน ทำให้มีเสียงดังวิ้ง ๆ ในหูของผู้คน พร้อมกับหัวใจสั่นระรัว เพราะเสียงะโนั่น ฟู่หยิงจึงตัวสั่นระริก เหมือนัักับบางสิ่งที่น่ากลัว นางลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหันด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว ก่อนจะจ้องเขม็งไปที่เย่เฟิง
สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปยังเงาร่างอันแสนเย่อหยิ่งในแดนมรดก ด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
“หมอนี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ทั้งที่ฟู่เจินเตือนไว้แล้วแท้ ๆ แต่ก็ยังบังคับฟู่หยิงที่อยู่ในสภาวะเรียนรู้ให้ตื่นขึ้นมา ช่างไม่รู้จักถนอมบุปผาเอาเสียเลย!” มีบางคนในฝูงชนกล่าวขึ้นมา ทำให้คนจำนวนไม่น้อยแสดงแววตาที่คมกริบออกมา
เย่เฟิงช่างหยิ่งผยองและไม่เห็นคำพูดของฟู่เจินอยู่ในสายตา ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้เพิกเฉยต่อกฎของแดนลับ บางทีในสายตาของเขาอาจจะไม่มีสิ่งที่เรียกว่ากฎเลยก็ได้ หรือไม่เขาก็ยอมละเมิดกฎเพื่อสหายของเขา!
ที่โลกภายนอก ณ ยอดเขาเทพโอสถ เหล่าบุคคลระดับสูงของวังเทพโอสถที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างมีสีหน้าดูไม่ได้ขึ้นมา
สีหน้าของฟู่หยางพลันเขียวคล้ำ พร้อมะเิจิตสังหารที่น่ากลัวออกมา เด็กสารเลวเย่เฟิงนั่นกล้าขัดจังหวะการเรียนรู้ของบุตรสาวเขา สมควรตาย!
“เป็เ้าหรือที่ปลุกข้า?” ฟู่หยิงเอ่ยถามเย่เฟิงด้วยน้ำเสียงเ็า การขัดจังหวะผู้อื่นขณะเรียนรู้ย่อมไม่ใช่มิตรสหายที่ดีอย่างแน่นอน เพราะเื่นี้เลวร้ายยิ่งกว่าการโจมตีตรง ๆ เสียอีก
“ใช่” เย่เฟิงพยักหน้าพลางมองฟู่หยิงด้วยสายตาคมกริบและสีหน้าเรียบเฉย ราวกับกำลังพูดคุยเื่ทั่ว ๆ ไปเท่านั้น