รั่วปินป่วยแล้ว
ฉินหลางร้อนใจมาก แต่เขารู้ว่าการอ้อนวอนโซ่งเวินหยูนั้นไม่มีประโยชน์ ผู้หญิงคนนี้ใจแข็งอย่างกับเหล็ก เธอต้องไม่ให้ฉินหลางเข้าใกล้รั่วปินแน่ๆ
แล้วอีกอย่าง โซ๋งเวินหยู๋สงสัยว่าฉินหลางกับรั่วปินยังคง ‘ยังมีเยื่อใยกันอยู่’ และจะต้องแอบติดต่อกันแน่ ดังนั้นจึงทำให้รั่วปินเป็ ‘โรคทางใจ’ แล้วกลายมาเป็อาการเจ็บป่วย โซ่งเวินหยูถึงได้มาเตือนฉินหลางในวันนี้
เมื่อโซ่งเวินหยูจากไปแล้ว หวางจือเสี้ยวกลับมาในห้อง ผอ. ระหว่างทางเธอเจอกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของฉินหลาง จึงถามด้วยความห่วงใยว่า “นักเรียนฉินหลาง เธอเป็อะไร?”
“รั่วปินป่วยแล้ว” ฉินหลางตอบอย่างเลื่อนลอย
“อะไรนะ! ทำไมถึงเป็อย่างนี้?” หวางจือเสี้ยวถามด้วยความร้อนใจ “รั่วปินกำลังจะไปอเมริกาแล้ว ทำไมถึงมาป่วยในเวลานี้ ถ้าเธอไปเรียนช้าจะทำยังไง—แน่นอนว่า นายเองก็ไม่ต้องเป็ห่วง ผอ.เขตโซ่งจะต้องให้รั่วปินได้รับการรักษาที่ดีที่สุดแน่ อีกไม่นานเธอต้องหายแน่”
“ผมก็หวังว่าจะเป็อย่างนั้นครับ” ฉินหลางถอนหายใจเบาๆ
“นักเรียนฉินหลาง—” ในขณะที่ฉินหลางเตรียมจะจากไป หวางจือเสี้ยวก็เรียกฉินหลางไว้อีกครั้ง เธอเตือนว่า “ฉันไม่รู้ว่านายเป็อะไรกับผอ.เขตโซ่ง แต่สไตล์ของผอ.โซ่ง เธอจะใช้ไม้แข็งเสมอ ดังนั้นต่อไปถ้านายคุยกับเธออีก น้ำเสียงอ่อนน้อมหน่อย และมีมารยามหน่อยก็ดี”
“ขอบคุณครับ ผอ.” ฉินหลางรู้ว่าผอ.หวังเตือนด้วยความหวังดี
ฉินหลางกลับเข้ามาในห้องเรียนอย่างรวดเร็ว แล้วเขาก็รีบไปหาจ้าวเหว่ย “ช่วยหาวิธีติดต่อกับรั่วปินให้หน่อย!”
โซ่งเวินหยูระแวงว่าฉินหลางกับรั่วปินยังคงติดต่อกันอยู่ แต่ความจริงแล้วฉินหลางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องติดต่อรั่วปินด้วยวิธีไหน แล้วจะแอบสานสายใยได้ยังไง อีกอย่างฉินหลางไม่ได้ส่งดอกไม้ให้รั่วปินด้วยซ้ำ เื่นี้มันไม่ชอบมาพากลจริงๆ
“ทำไมนายถึงรีบขนาดนี้—โห นายไม่ได้จะไป ‘สารภาพรักกลางสนามบิน’ ใช่ไหม? แต่มันก็โรแมนติกไม่เลว…”
“อย่าไร้สาระ รีบไปหามาให้ฉัน!” ฉินหลางพูดขัดจ้าวเหว่ย
ความรู้เื่คอมฯ ของจ้าวเหว่ยค่อนข้างแน่น และเพื่อให้สะดวกต่อการเล่นเกม เขาพกโน้ตบุ๊กติดตัวตลอด ดังนั้นจะหาข้อมูล และวิธีการติดต่อของรั่วปิน ฉินหลางจึงคิดถึงจ้าวเหว่ยเป็คนแรก
ตอนนี้ซุนปอกำลังสอนหนังสืออยู่ เห็นฉินหลางกับจ้าวเหว่ยซุบซิบนินทากันอยู่ข้างหลัง จึงอดที่จะด่าทั้งคู่ในใจไม่ได้ ‘พวกแกะดำ’ แต่เขาก็ด่าแค่เพียงในใจเท่านั้น เพราะขอแค่สองคนนี้ไม่รบกวนคนอื่นๆ ซุนปอตัดสินใจแล้วว่าจะปล่อยผ่านแล้ว ยังไงซะพวกเขาก็กำลังจะจบแล้ว ต่อไปค่อยให้ตำรวจไปอบรมสั่งสอนพวกเขาเองแล้วกัน
จ้าวเหว่ยหาในอินเทอร์เน็ตพักใหญ่ ก่อนจะพูดขึ้น “ในเว็บไซต์โรงเรียน อีเมลของรั่วปินไม่ได้เป็สาธารณะ เบอร์โทรศัพท์ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง—จริงสิ ซุนปอเป็อาจารย์ประจำชั้น เขาจะต้องมีที่อยู่ของรั่วปินแน่!”
ฉินหลางเหลียวมองซุนปอ เขารู้ว่าความคิดนี้ของจ้าวเหว่ยไม่เลว เพียงแต่ประเด็นคือตอนนี้รั่วปินป่วยแล้ว ถ้ารู้แค่ที่อยู่บ้านเธอ มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ที่อยากรู้ตอนนี้คือตัวเธออยู่ไหนต่างหาก!
เมื่อเราเป็ห่วงก็จะขาดสติ ตอนนี้ฉินหลางรู้สึกวุ่นวายใจมาก ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร
“ช่างเถอะ เื่นี้ฉันจะหาวิธีเอง” ฉินหลางบังคับให้ตัวเองสงบ แล้วเริ่มคิดว่าควรจะทำยังไงต่อ
ฉินหลางเชื่อว่าแม่ของรั่วปิน โซ่งเวินหยูรักรั่วปินมากอย่างหาใครเปรียบไม่ได้ หลังจากที่รั่วปินป่วย เธอจะต้องหาวิธีให้รั่วปินได้รับการรักษาที่ดีที่สุดแน่ แต่ประเด็นคือฉินหลางรู้สึกว่าเื่นี้มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครไปส่งดอกไม้ในนามฉินหลางหรอก
“จริงสิ บางทีหม่าจิ้นหย่งอาจจะรู้เื่บางอย่างก็ได้!” จู่ๆ ฉินหลางก็นึกถึงหม่าจิ้นหย่ง
ครั้งก่อนหม่าจิ้นหย่งไปช่วยคุ้มครองฉินหลางที่สถานีตำรวจ ต้นสายปลายเหตุทั้งหมดล้วนเป็เพราะรั่วหิน ถ้าอย่างนั้นหม่าจิ้นหย่งจะต้องรู้เื่บางอย่างของรั่วปินแน่
คิดได้ดังนั้น ฉินหลางจึงแอบวิ่งออกมานอกห้องอย่างรวดเร็ว
ซุนปอเหลียวมองฉินหลางอย่างเคียดแค้น แต่ก็ทำได้เพียงเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ด่าในใจอีกครั้ง ‘ปลาตายตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง’
หลังจากออกจากห้องเรียนแล้ว ฉินหลางก็รีบโทรหาหม่าจิ้นหย่ง
หม่าจิ้นหย่งรับสายแล้วพูดขึ้น “น้องฉินเหรอ เปิดบริษัทราบรื่นดีไหม?”
“ทุกอย่างราบรื่นดี พี่หม่า วันนี้ผมโทรหาพี่เพราะเื่สำคัญ!” ฉินหลางบอกกับหม่าเจินหย่ง “รั่วปินป่วยแล้ว ผม้าพบกับเธอโดยเร็วที่สุด!”
“น้องฉิน เื่นี้ฉันช่วยเธอไม่ได้จริงๆ” หม่าจิ้นหย่งรีบปฏิเสธ “นายอาจจะไม่รู้ ภรรยาของผู้บังคับบัญชาพวกเรา นิสัยของเธอค่อนข้างขึ้นชื่อมาก—เอาเป็ว่า เื่นี้ฉันช่วยไม่ได้จริงๆ!”
“พี่หม่า พี่อย่าเพิ่งรีบวางสาย!” ฉินหลางรีบพูดขึ้น “ที่รั่วปินป่วยครั้งนี้ไม่ธรรมดา เมื่อกี้แม่ของรั่วปินมาเอาเื่ผมที่โรงเรียนแล้ว เธอบอกว่าหลังจากที่ผมส่งดอกไม้ไปให้รั่วปิน รั่วปินก็เริ่มป่วย แต่ว่าผมไม่เคยส่งดอกไม้ไปให้เธอ แสดงว่าจะต้องมีคนก่อกวนแน่ ไม่แน่อาจจะเป็การกระทำที่น่ากลัว!”
ฉินหลางตัดสินใจพูดให้เื่นี้ดูรุนแรงขึ้น แบบนั้นหม่าจิ้นหย่งถึงจะใส่ใจ
จริงอย่างที่คิด เมื่อได้ยินฉินหลางบอกว่าอาจจะเป็ ‘การกระทำที่น่ากลัว’ น้ำเสียงของหม่าจิ้นหย่งก็จริงจังขึ้นมา “น้องฉิน ที่นายพูดมามีหลักฐานรึเปล่า?”
“มี!” ฉินหลางกล่าว “การ์ดใบนั้นยังอยู่ในมือผม!”
“ดี! งั้นนายรอฉันที่หน้าโรงเรียน! อีก 20 นาทีฉันจะไปถึง!” หม่าจิ้นหย่งพูดจบก็รีบวางสาย เ้าหมอนี่ไม่เสียทีที่เป็หน่วยรบพิเศษ ทำอะไรเด็ดขาด รวดเร็ว
หม่าจิ้นหย่งขับรถพุ่งมาอย่างรวดเร็ว เพราะเป็รถจี๊ปทหาร จึงไม่มีตำรวจจราจรขวาง ดังนั้นใช้เวลาเพียงไม่ถึง 20 นาทีเขาก็มาถึงหน้าประตูโรงเรียนชีจงแล้ว
หม่าจิ้นหย่งเดินออกมาจากรถจี๊ปทหาร พร้อมกับทหารอีกคน
“การ์ดใบนั้นล่ะ?” หม่าจิ้นหย่งถามฉินหลาง
“อยู่นี่” ฉินหลางยื่นการ์ดให้หม่าจิ้นหย่งด้วยความระมัดระวัง “ก่อนหน้านี้ฉันใช้เล็บคีบด้านข้างของการ์ด ไม่ได้ทิ้งลายนิ้วมือไว้บนการ์ด และการ์ดนี่ผมไม่ได้เป็คนเขียนแน่นอน!”
หม่าจิ้นหย่งยื่นการ์ดให้ทหารที่อยู่ท้ายรถจี๊ป เ้าหมอนั่นใช้เครื่องมือที่คล้ายๆ กับเซนเซอร์ ‘สแกน’ ไปทั่วๆ การ์ดหนึ่งรอบ จากนั้นก็สแกนฝ่ามือฉินหลางอีกหนึ่งรอบ หลังจากเทียบลายนิ้วมือแล้วก็พูดขึ้น “ลายนิ้วมือข้างบนไม่ใช่ของเขาจริงๆ ส่วนลายเซ็นบนการ์ด ก็น่าจะไม่ใช่ของเขาเหมือนกัน แต่นั่นไม่ได้แสดงว่าการ์ดนี่นายจะให้คนอื่นช่วยเขียนไม่ได้”
“ฉันเชื่อน้องฉิน” หม่าจิ้นหย่งรับรองให้ฉินหลาง จากนั้นกล่าวว่า “บนการ์ดใบนี้ มีข้อมูลอย่างอื่นอีกไหม?”
บนการ์ดเขียนแค่ ‘ขอให้เธอสวย และมีความสุขตลอดไป จากฉินหลาง’ ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น “จากสถานการณ์ตอนนี้ สามารถยืนยันได้แค่การ์ดใบนี้ฉินหลางไม่ได้เป็คนเขียนเท่านั้นเอง”
“ประเด็นคือผมไม่รู้ที่อยู่ของรั่วปินด้วยซ้ำ ต่อให้ผมจะหาคนช่วยส่งดอกไม้ ก็ต้องรู้ที่อยู่ของเธอด้วยถึงจะส่งได้—”
“น้องฉินอย่าเพิ่งตื่นเต้น หลิวเฟยไม่ได้สงสัยนาย เขาแค่จะบอกว่าหลักฐานที่มีน้ำหนักมากกว่านี้ ผู้บังคับบัญชาไม่เชื่อ ‘การกระทำที่น่ากลัว’ ที่นายพูดแน่” หม่าจิ้นหย่งอธิบาย “เอาอย่างนี้ดีไหม ฉันเอาการ์ดใบนี้กลับไปตรวจสอบก่อน ดูซิว่าจะพบเบาะแสอะไรบ้างรึเปล่า น้องฉิน นายเองก็ลองคิดทบทวนดู ว่ามีขั้นตอนไหนบ้างรึเปล่าที่นายยังไม่ได้เล่า”
“งั้นต้องรบกวนพี่หม่าด้วยนะครับ” ฉินหลางพูดอย่างจนปัญญา ตอนแรกเขาคิดว่าจะหารั่วปินเจอจากการช่วยเหลือของหม่าจิ้นหย่ง พลีชีพช่วยชาติได้สำเร็จ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เื่ราวจะไม่ราบรื่นแบบนี้ จากคำพูดของหม่าจิ้นหย่ง ฉินหลางรู้สึกได้ว่าทางนี้น่าจะไปไม่รอดแล้ว
มองดูหม่าจิ้นหย่งใกล้จะจากไปแล้ว จู่ๆ ฉินหลางก็บอกหม่าจิ้นหย่งว่า “พี่หม่า ผมขอดูการ์ดใบนั้นอีกครั้งได้ไหมครับ”
“ดูสิ” หม่าจิ้นหย่งยื่นการ์ดให้ฉินหลาง
ฉีก!
ฉินหลางฉีกมุมด้านหนึ่งของกระดาษ จากนั้นใส่เข้าไปในปากแล้วเคี้ยว ราวกับกำลังชิมอาหารรสเด็ดอยู่ ผ่านไปสักพัก สีหน้าฉินหลางเปลี่ยนไปทันที “แย่ละ! นี่คือ ‘ผีมาเอาชีวิต!’ ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้