ใบหน้าของชิงผีซานที่อยู่ชั้นสิบของวังผ่านภาเต็มไปด้วยความใ เนื่องจากสถานการณ์ของหนิงเทียนเป็สิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ในความทรงจำของเขา ผู้บำเพ็ญหรือิญญาพฤกษาที่ได้รับมรดกบางส่วนจากต้นไม้โบราณนี้ทุกคนล้วนเสียชีวิตลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ทว่าหนิงเทียนกลับใช้ไหมสีเขียวเจ็ดเส้นสร้างความเชื่อมโยงกับต้นไม้โบราณ ซึ่งเป็วิธีการที่ชิงผีซานไม่เคยคิดมาก่อน
เหตุใดจึงเป็เช่นนี้?
ชิงผีซานไม่เข้าใจ ขณะที่หนิงเทียนก็สับสนไม่ต่างกัน
“ข้าสับสนยิ่งนัก เ้าจงแสวงหาและไขข้อสงสัยหน่อยเถิด”
หนิงเทียนตอบเบาๆ แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ต้นไม้โบราณ
ต้นไม้โบราณแกว่งไกวไปมา กิ่งก้านและใบไม้พลิ้วไหวด้วยคลื่นแสงสีเขียวราวกับมรกต และพื้นที่โดยรอบก็สว่างขึ้นในพริบตา
“ส่งมือของเ้ามา ให้ข้าดูว่าสถานการณ์ของเ้าเป็อย่างไร” เสียงชราดังขึ้นในใจของหนิงเทียน และการสื่อสารระหว่างทั้งสองฝ่ายก็เริ่มต้นขึ้น
หนิงเทียนก้าวไปข้างหน้าแล้วยื่นมือขวาออกมาช้าๆ ต้นไม้โบราณแกว่งไกวเบาๆ กิ่งก้านหนึ่งลดระดับลงมา และใบไม้สีเขียวก็ค่อยๆ กดลงบนมือของเขา
ทันใดนั้นร่างกายของหนิงเทียนก็เกิดปฏิกิริยาตอบสนองโดยอัตโนมัติ ยุทธศาสตร์ครอง์ดำเนินไปด้วยความเร็วสูง แผนที่จิติญญาทั้งเจ็ดต่างตื่นขึ้นในเวลาเดียวกัน และสัญลักษณ์ยันต์เต๋าอนันต์ในวังวนสายธารก็แผ่รัศมีลึกลับราวกับถูกกระตุ้นด้วยพลังบางอย่าง
ต้นไม้โบราณสั่นไหว เส้นสายต่างๆ ปรากฏบนใบไม้ก่อนจะกลายเป็ดวงตาประหลาดคู่หนึ่งซึ่งจ้องมองมายังหนิงเทียน
ชิงผีซานเกือบจะกรีดร้อง เขายกมือปิดปากตามสัญชาตญาณแล้วจ้องมาด้วยแววตาใ
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตกวัดแกว่งและพลิ้วไหวท่ามกลางแสงแห่งความโกลาหล พร้อมกระตุ้นการทำงานในร่างกายของหนิงเทียนและสร้างการป้องกันแบบพิเศษขึ้นมา
ดูเหมือนต้นไม้โบราณจะรู้ตัว ดวงตาบนใบไม้จึงค่อยๆ หายไป บรรดากิ่งก้านที่ห้อยลงมาก็ผละออกจากมือของหนิงเทียนเช่นกัน
“สถานการณ์ของเ้าพิเศษมาก ไม่เหมือนคนอื่นๆ เลย” เสียงชราทรงเสน่ห์ราวกับชายชราผู้ข้ามผ่านกาลเวลามาหลายปีกำลังมองดูเขาอยู่
หนิงเทียนถามอย่างสงสัย “ต่างอย่างไร?”
ต้นไม้โบราณกล่าวว่า “เ้าก้าวเข้าสู่เส้นทางเต๋าพฤกษา แต่ก็ยังผสมผสานวิถีแห่งเต๋าธรรมชาติไปพร้อมกัน”
ดวงตาของหนิงเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าต้นไม้โบราณจะทรงพลังถึงเพียงนี้ แค่ััครั้งเดียวก็สามารถเห็นได้ว่าเขาได้ผสานวิถีแห่งเต๋าธรรมชาติ
“ทำเช่นนี้ไม่ดีหรือ?”
“มันดีมาก แม้ความเชี่ยวชาญด้านวิถีแห่งเต๋าธรรมชาติของเ้าจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็เป็โอกาสที่หาได้ยากสำหรับจื๋อซิว”
หนิงเทียนโล่งใจเล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าวว่า “วิถีแห่งเต๋าธรรมชาติของข้ามาจากจิติญญาแห่งธรรมชาติ น่าเสียดายที่เวลาของข้ากับนางสั้นเกินไป ข้าจึงเรียนรู้จากนางเพียงน้อยนิดเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ข้าเห็นมรดกหยวนซิวและซิงซิวบนชั้นแปดและเก้า ข้าสงสัยว่ามีมรดกจื๋อซิวอยู่ในชั้นสิบด้วยหรือไม่?”
ต้นไม้โบราณถามว่า “มรดกอะไร?”
หนิงเทียนพูดต่อ “อย่างเช่นทักษะขัดเกลาอาวุธของหยวนซิว วิชาโหราศาสตร์ของซิงซิว สิ่งเหล่านี้เป็มรดกที่โดดเด่นมาก น่าเสียดายที่จื๋อซิวไม่สามารถปรับแต่งอาวุธได้ ทั้งยังตามหลังหยวนซิวอยู่มาก”
“จื๋อซิวมีเอกลักษณ์ของตนเอง แต่ระดับของเ้าในยามนี้ยังต่ำเกินไป ความเข้าใจของเ้าก็ยังน้อยเกินไป”
“แม้ข้าจะไม่ได้อยู่ในระดับที่สูง แต่ข้าก็รู้ว่าจื๋อซิวไม่สามารถปรับแต่งอาวุธได้ อาวุธิญญาจื๋อซิวเ่าั้ล้วนต้องใช้เวลานานหลายปีในการบ่มเพาะ เมื่อเทียบกับทักษะขัดเกลาอาวุธของหยวนซิวแล้วพวกมันยังเป็แบบดั้งเดิมและโบราณ ทั้งยังมีประสิทธิภาพทีต่ำเกินไป”
“เ้ารู้จักจื๋อซิวน้อยเกินไป ใครบอกเ้าว่าจื๋อซิวไม่สามารถปรับแต่งอาวุธได้”
“ทุกคนล้วนพูดเช่นนี้ ท่านกำลังกล่าวว่าทุกคนโกหกข้าหรือ?”
ต้นไม้โบราณพึมพำ “กลุ่มคนโง่เขลา พวกกบก้นบ่อ[1]”
หนิงเทียนถามอย่างประหลาดใจ “ท่านจะบอกว่าเื่ที่จื๋อซิวไม่สามารถปรับแต่งอาวุธได้นั้นเป็เื่ที่ผิดหรือ?”
“บอกข้ามาว่าเ้ารู้อะไรเกี่ยวกับจื๋อซิวบ้าง ข้าอยากรู้ว่าเ้ารู้มากน้อยเพียงใด?”
จากนั้นหนิงเทียนก็อธิบายความรู้และความคิดเห็นของตนเกี่ยวกับหยวนซิว ซิงซิว และจื๋อซิวอย่างละเอียด แต่เขากลับถูกต้นไม้โบราณตำหนิ
“กบในกะลาผู้โง่เขลายังกล้าพูดเื่ไร้สาระ! ดินแดนหยวนซิงเป็เพียงสถานที่เล็กๆ เท่านั้น ผู้บำเพ็ญที่นี่ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย! ใครบอกเ้าว่าผู้บำเพ็ญมีเพียงจื๋อซิว หยวนซิว และซิงซิวเท่านั้น?”
หนิงเทียนตอบอย่างประชดประชัน “ไม่ใช่ว่าข้าแค่ฟังสิ่งที่คนอื่นพูดมาหรอกหรือ?”
“์ทั้งปวงมีเป็หมื่นวิถี ทุกวิถีล้วนมีความลึกลับของตนเอง เต๋าเพาะปลูกไม่ได้เลวร้ายไปกว่าเต๋าหยวนและเต๋าดารา แต่มันได้เสื่อมลงในดินแดนหยวนซิง นอกจากนี้ที่บอกว่าเต๋าเพาะปลูกแบ่งออกเป็พฤกษาิญญาและอสูริญญาก็เป็เื่ไร้สาระ เต๋าเพาะปลูกหมายถึงบ่มเพาะพืชพรรณ ส่วนอสูรร้ายเมื่อตื่นรู้ย่อมเป็มาร ขอบเขตของพวกเขาย่อมเป็วิถีมาร”
หนิงเทียนตกตะลึงไปชั่วขณะ นี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้ยินเื่ราวเช่นนี้ “อสูรเป็มาร ข้าก็พอจะเข้าใจได้ แต่หากเป็ผู้บำเพ็ญมนุษย์ที่ฝังอสูริญญาไว้ในร่าง เราไม่สามารถเรียกพวกเขาว่ามารไม่ใช่หรือ?”
“การฝังอสูริญญาในร่างกายมนุษย์และผ่านการควบแน่นของเส้นลมปราณนั้นไม่มีอยู่ในจุดเริ่มต้น มันเป็วิธีการใหม่ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังคงเป็วิชามาร เมื่อฝึกจนสำเร็จก็อาจถูกยึดร่างไปหรือไม่ก็ตกเป็ทาส เช่นนี้คงไม่จบลงด้วยดีแน่”
หนิงเทียนยิ้มอย่างขมขื่นแล้วถามต่อ “ตามที่ท่านว่ามา มนุษย์ที่ไม่สามารถปลุกสายเืของตนจะถูกลิขิตให้ไม่สามารถฝึกฝนได้ั้แ่เกิด และแม้พวกเขาจะฝึกฝน พวกเขาก็จะไม่จบลงด้วยดีหรือ?”
“สิ่งที่เ้าเรียกว่าเต๋าเพาะปลูกเป็เพียงการใช้กายเป็ดิน การปลูกิญญาพฤกษาและอสูรในไว้ในร่างคือการปลูกถ่ายและส่งต่อ แม้จะมีแนวทางปฏิบัติแล้ว ทว่าหนทางก็ยังเต็มไปด้วยอันตรายและความไม่แน่นอน ในระยะแรกเ้าย่อมไม่เห็นถึงสิ่งผิดปกติ แต่ระยะหลังๆ ของการฝึกฝน หากเ้าไม่สามารถเอาชนะความยากลำบากได้ นั่นจะนำไปสู่การทำลายล้าง มีเพียงการเกิดใหม่และสร้างเส้นทางที่เป็เอกลักษณ์ของตนเท่านั้นที่จะสามารถปลดพันธะได้อย่างแท้จริง แม้ความหวังจะริบหรี่เพราะมีเพียงส่วนน้อยที่ทำได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความหวังเลย”
หนิงเทียนตกตะลึง หากเขาปฏิบัติตามที่ต้นไม้โบราณกล่าวมา ในภายภาคหน้าตัวเขาจะไม่พินาศไปด้วยหรือ? ไม่ใช่ว่าเขาอาจถูกปล้นร่างกาย หรือตกเป็ทาสด้วยหรอกหรือ?
“จะปลดพันธะได้อย่างไร?” หนิงเทียนพยายามคิดวิธีแก้ปัญหา
ต้นไม้โบราณตอบว่า “เ้าต้องค้นหาด้วยตนเอง เส้นทางของทุกคนล้วนแตกต่างกัน สิ่งมีชีวิตทั้งมวลล้วนแสวงหาความมีชัย แต่มีผู้ใดประสบความสำเร็จจริงๆ บ้างหรือไม่?”
“ท่านปลดพันธะแล้วหรือ?”
“หากข้าปลดพันธะแล้ว ข้าจะยังอยู่ที่นี่หรือ?”
หนิงเทียนยิ้มอย่างเคอะเขินก่อนจะกล่าวว่า “ในเมื่อเราพบกันแล้ว เหตุใดท่านไม่ส่งต่อทักษะพิเศษให้ข้าเล่า?”
ต้นไม้โบราณไม่ตอบในทันทีและจ้องมองเขาอย่างสงบนิ่ง “เ้า้าเรียนรู้สิ่งใด?”
หนิงเทียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “วิธีการปรับแต่งอาวุธ! ท่านไม่ได้บอกว่าจื๋อซิวสามารถปรับแต่งอาวุธได้หรอกหรือ? ข้าอยากจะลองทำ”
“จื๋อซิวสามารถปรับแต่งอาวุธได้จริง แต่มันต่างจากการปรับแต่งอาวุธของหยวนซิว เ้าต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมาย ดังนั้น เ้าต้องคิดให้รอบคอบ”
หนิงเทียนพูดอย่างจริงจัง “ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยสิ่งใด ข้าก็ไม่กลัว!”
“ดี ในเมื่อเ้ามีความมุ่งมั่นเช่นนี้ก็จงนั่งลง”
หนิงเทียนเดินเข้าหาต้นไม้โบราณก่อนจะนั่งขัดสมาธิบนพื้นโดยหันหน้าไปทางลำต้น
“ก่อนที่ข้าจะสอนศาสตร์ขัดเกลาอาวุธแก่เ้า เ้าต้องเข้าใจสามัญสำนึกบางอย่างก่อน ในบรรดาหมื่นวิถีแห่ง์ หนทางที่มีชื่อเสียงที่สุดเรียกว่าสิบวิถีแห่ง์ และเส้นทางเต๋าพฤกษาก็เป็หนึ่งในสิบวิถีแห่ง์ ซึ่งอยู่ในอันดับที่สูงกว่าเต๋าหยวน”
หนิงเทียนอุทาน “แข็งแกร่งเพียงนั้นเลยหรือ?”
“วิถีแห่งเต๋าธรรมชาติก็ทรงพลังมาก แต่ตามธรรมเนียมแล้วเราเรียกมันว่าวิถีแห่งจิติญญา ซึ่งแตกต่างจากเส้นทางเต๋าพฤกษา แต่ก็เป็สิบวิถีแห่ง์เช่นกัน”
“เป็ไปได้หรือไม่ที่จะฝึกฝนทั้งเส้นทางเต๋าพฤกษาและวิถีแห่งเต๋าธรรมชาติ?” หนิงเทียนถามด้วยความสงสัย
“ได้ นี่เป็วิธีที่พบบ่อยมาก บางคนถึงกับคิดว่าเส้นทางเต๋าพฤกษาเป็ส่วนหนึ่งของวิถีแห่งเต๋าธรรมชาติด้วยซ้ำ แต่มันถูกแยกออกจากกันเนื่องจากการมีอยู่ของวิถีมาร การขัดเกลาอาวุธของผู้ฝึกเส้นทางเต๋าพฤกษาก็ค่อนข้างยาก เมื่อเวลาผ่านไปจึงมีการให้ข้อมูลผิดๆ ว่าเส้นทางเต๋าพฤกษาไม่สามารถปรับแต่งอาวุธได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบการขัดเกลาอาวุธของผู้ฝึกเส้นทางเต๋าพฤกษากับเต๋าหยวนแล้วมันยากกว่าจริงๆ สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับจิติญญาแห่งที่ปลูกฝัง ผู้คนแบ่งออกเป็ชายและหญิง พืชจิติญญาก็มีนับพันชนิด นี่คือสิ่งที่หลายคนมักมองข้ามไป”
“แล้วจื๋อซิวจะปรับแต่งอาวุธได้อย่างไร?”
ต้นไม้โบราณตอบว่า “การตั้งครรภ์อาวุธิญญาของผู้ใช้เส้นทางเต๋าพฤกษาอาจใช้เวลานับพันหรือหมื่นปี มันเกิดขึ้นตามธรรมชาติโดยกฎแห่งฟ้าดิน และประสิทธิภาพนั้นก็ต่ำจริงๆ หาก้าเปลี่ยนข้อจำกัดเหล่านี้ก็ย่อมมีค่าใช้จ่าย ในสมัยก่อนการก่อตัวของเต๋าหยวน มนุษย์ยังไม่ฟื้นตัว ยามนั้นผู้คนล้วนสวดภาวนาขอพรจาก์โดยหวังว่าอากาศคงจะดี ทั้งยังใชู้เา แม่น้ำ ต้นไม้เป็สัญลักษณ์ มีการเคารพสัตว์และต้นไม้แปลกๆ เพื่อบูชาดวงิญญา ปกป้องชนเผ่า และอุทิศจิติญญา”
หนิงเทียนใมาก มีเื่แบบนี้ในสมัยโบราณด้วยหรือ?
ต้นไม้โบราณกล่าวต่อ “ตลอดหลายปีที่ผ่านมาผู้คนต่างบูชาด้วยใจศรัทธาและสร้างความสัมพันธ์กับิญญา พวกเขาค่อยๆ เชี่ยวชาญกฎผิวเผินของฟ้าดินผ่านการบูชาิญญา และด้วยเหตุนี้จึงได้เริ่มเข้าสู่เส้นทางแห่งการปลูกฝัง เป็เวลายาวนานมาแล้วที่ผู้คนใช้จิติญญาของตนเป็เครื่องบูชา สื่อสารกับจิติญญา และค่อยๆ รับเอาต้นแบบของเต๋าผ่านการเรียนรู้ และพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็เต๋าหยวน”
หนิงเทียนไม่เคยได้ยินใครพูดถึงความลับโบราณเหล่านี้มาก่อน และเขาก็ยังคงสงสัย “แล้วเกี่ยวอะไรกับการปรับแต่งอาวุธ?”
“หลายปีที่ผ่านมา การสังเวยใช้ดวงิญญาบริสุทธิ์เป็วัตถุและรวมกฎแห่ง์เข้ากับพวกมันจนปรับแต่งอาวุธิญญาที่ทรงพลังที่สุด ซึ่งตอนนั้นมันน่าใมาก แต่ทักษะการขัดเกลาอาวุธของหยวนซิวมีพื้นฐานมาจากสิ่งนี้ ก่อนจะปรับปรุงและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ”
หนิงเทียนพูดด้วยความใ “ใช้ดวงิญญาบริสุทธิ์เป็วัตถุและรวมกฎแห่ง์! นี่เป็วิธีการขัดเกลาอาวุธของจื๋อซิวหรือ?”
ต้นไม้โบราณไม่ตอบอะไร มันแกว่งไปมาก่อนที่ใบของมันจะสว่างขึ้น “จงเปิดตาให้กว้าง”
หนิงเทียนใมาก เขาสังเกตใบไม้อย่างละเอียด จากนั้นจึงเห็นเส้นลึกลับปรากฏบนใบไม้แต่ละใบ แต่ละเส้นมีพลังิญญาและมีใบหน้าที่ดิ้นรนและบิดเบี้ยว
“ในอดีตข้าเป็ต้นไม้บูชายัญที่ปกป้องอาณาจักรมาหลายแสนปี ใบไม้แต่ละใบและลวดลายของลำต้นทุกเส้นล้วนบรรจุดวงิญญานับหมื่นดวง”
เมื่อได้ยินดังนั้นใบหน้าของหนิงเทียนก็เปลี่ยนสี ที่แท้ต้นไม้โบราณนี้ก็เป็ต้นไม้สังเวย “ท่านฝึกฝนเส้นทางเต๋าพฤกษา วิถีแห่งเต๋าธรรมชาติ หรือเต๋าอื่นๆ หรือไม่?”
ต้นไม้โบราณตอบว่า “ข้าได้รวมเส้นทางเต๋าพฤกษากับเส้นทางแห่งิญญาและจิตเข้าด้วยกัน แต่สุดท้ายก็ยังยากที่จะก้าวข้ามขีดจำกัด และข้าก็ถูกลิขิตให้ตายที่นี่ ในฐานะิญญาบูชายัญ ข้าแบกรับจิติญญาและความปรารถนามากมาย ในขณะที่มอบความแข็งแกร่งแก่ข้า สิ่งเ่าั้ก็ปิดผนึกชะตากรรมของข้าไปด้วย หากเ้า้าเรียนรู้ศาสตร์ขัดเกลาอาวุธข้าสามารถสอนเ้าได้ แต่ศาสตร์ขัดเกลาอาวุธของจื๋อซิวต้องใช้ิญญาเป็พาหะและจะถูกถล่มด้วยภัยธรรมชาติจนอาจถึงแก่ชีวิต เ้าต้องระวังให้ดี”
หนิงเทียนรู้สึกหวาดกลัวและจมอยู่กับความคิดของตน แต่กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตในร่างของเขากลับเคลื่อนไหวอยู่ตลอด พร้อมแผ่ความ้าที่รุนแรงออกมาราวกับจะชักชวนให้หนิงเทียนตอบรับในทันที
รากบ่มเพาะเป็รากฐานของจื๋อซิว หนิงเทียนจึงไม่ลังเลอะไรมากนักและพูดอย่างจริงจัง “ข้าอยากเรียน! ข้าอยากปลดพันธะ อยากจะอยู่ยงคงกระพัน และ้าเริ่มต้นการเดินทางที่มีเอกลักษณ์และรุ่งโรจน์ของตนเอง!”
“ได้ ในเมื่อเ้ามีจิติญญาการต่อสู้และจิตใจที่ทระนง ข้าจะสอนสิ่งที่ข้าเรียนรู้มาตลอดชีวิต ส่วนเ้าจะเข้าใจได้มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเ้า”
หลังจากนั้นหนิงเทียนก็นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ที่ยามนี้กิ่งก้านเริ่มพัวพันกันราวด้ายหลิว ใบไม้เข้าปกคลุมห่อหุ้มเขาไว้ทั้งตัว และก่อให้เกิดการเชื่อมต่อที่ราบรื่นระหว่างเขากับต้นไม้โบราณ
---------------------------------------
[1] กบก้นบ่อ (井底之蛙) หมายถึง คนที่มีความรู้หรือประสบการณ์น้อย แต่สำคัญตนว่าเป็ผู้รอบรู้
