นอกพรรคเทพหมาป่า์ ใต้ต้นพฤกษาใหญ่ในป่าเขาแห่งหนึ่ง
หวังเค่อ จางเจิ้งเต้าแหงนหน้ามองฟ้า จากนั้นก็รีบหลบเข้าใต้เงาไม้
“แม่งเอ๊ย จางหลี่เอ๋อร์ จางเสินซวี สองพี่น้องคู่นี้สติวายป่วงรึไง!? ถึงได้ส่งกระเรียนมงกุฎแดงมาล่าตัวพวกเรายั้วเยี้ยขนาดนี้!” หวังเค่อสบถ
นกกระเรียนบนฟ้ากางปีกร่อนตัวผ่านไปเร็วไว ราวกับว่ากำลังหาอะไรบางอย่าง
“ข้ารู้แล้ว จางหลี่เอ๋อร์กำลังตามหาเ้าอยู่! เ้าจบเห่แน่ หวังเค่อ เ้าถึงกับกล้าวิ่งแจ้นออกมาด้านนอก? หากถูกนางจับได้ เ้าจบไม่สวยแน่!” จางเจิ้งเต้ายินดีในคราเคราะห์ของผู้อื่น
“ถุย หากข้าไม่ออกจากพรรคแล้วจะให้ข้ารอติดอุบายของโม่ซันซันกับมู่หรงลวี่กวงรึไง? อย่างน้อยพวกเราออกมาใครอื่นก็หาเราไม่พบ แต่ถ้าอยู่ในสำนักจะถูกธนูซุ่มยิงตอนไหนเราไม่มีทางรู้ได้เลย!” หวังเค่อเอ่ยเสียงเครียด
“ไม่ใช่พวกเรา เป็เ้าคนเดียวต่างหาก! ข้าไปเกี่ยวอะไรด้วย!” จางเจิ้งเต้าปัดความรับผิดชอบ
“ใครว่าไม่เกี่ยวกับเ้า? ก่อนนี้ตอนที่ข้าให้เ้าเป็ผู้จัดการ ข้าถามเ้าว่าตอนที่จางเสินซวีไปแล้วเ้าได้จ่ายค่าเวรยามให้มันหรือเปล่าไม่ใช่รึ?” หวังเค่อถาม
“อึก นั่นเป็หน้าที่ข้ารึ?” จางเจิ้งเต้าชะงักไป
“หนี้สินล้วนต้องคืนไป ฟ้าดินยุติธรรม เ้ากล้าหมกเม็ดเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง เ้ายังมีมนุษยธรรมอยู่บ้างไหม!? ประเดี๋ยวมันเจอตัวเ้าเมื่อไหร่เ้าได้ถูกจับถลกหนังทั้งเป็แน่!” หวังเค่อขู่
“ไม่เกี่ยวกับข้านะ! มันไม่เอาเองต่างหาก!” จางเจิ้งเต้าร้อนรนกังวลใจ
“เพราะงั้นก็วางใจเถอะ ยังไงซะเราก็ถูกพวกมันไล่ฆ่าอยู่ดี ไม่ต้องคิดมากความ!” หวังเค่อปลอบ
“ผายลม เดิมทีล้วนเป็เพราะเ้าให้ข้ารั้งอยู่ในอาคารเสินหวัง แล้วจู่ๆ ทำไมถึงเรียกให้ข้าหนีออกมากับเ้าด้วย? ยังไม่ใช่เพราะเห็นว่ามีคนไล่ล่าเ้า เ้าก็เลยพาข้าออกมาเพื่อใช้ข้าเป็นกต่อล่อเป้าความแค้นไป ส่วนเ้าจะได้หนีไปได้อย่างปลอดโปร่งอุรา!” จางเจิ้งเต้าถลึงตา
“ไอหยา? นี่เ้ากำลังแดกดันข้า? ข้าเป็นายใหญ่ของบริษัทเสินหวัง เ้าเป็แค่พนักงาน ในฐานะพนักงาน ไม่ใช่ควรปกป้องนายของตัวเองจนสุดความสามารถหรอกรึ? เ้าลืมกฎข้อบังคับของบริษัทไปหมดแล้วรึ? ความปลอดภัยของนายใหญ่มาก่อนสิ่งอื่นใด เ้าได้อ่านบ้างหรือเปล่า? หากนายใหญ่เกิดเื่ขึ้น ใครจะเป็คนให้เงินเดือนพวกเ้า?” หวังเค่อจ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง
“ข้า เ้า...!”จางเจิ้งเต้าตาโตด้วยความโมโห
ไม่เคยพบเจอใครหน้าหนาไร้ยางอายขนาดนี้มาก่อน แม่งเอ๊ย ลากคนอื่นมาแบกหม้อก้นดำแทนตัวเองแล้วยังมีหน้ามายืดอกทำเหมือนตัวเองถูกแบบนี้อีก? หากนายใหญ่ประเสริฐเลิศเลอนักละก็ งั้นข้าก็ขอลาออกเลยแล้วกัน
“เอาละ ไม่ต้องไปสนนกกระเรียนพวกนั้น ยังไงก็เป็แค่สัตว์เดรัจฉาน มีหรือจะแยกแยะจดจำพวกเราได้? พวกเราปลอดภัยหายห่วง! อีกอย่างตอนนี้ฝั่งบริษัทเสินหวังก็ไม่มีอะไรสำคัญ เ้าอยู่ที่นั่นก็เสียเวลาเปล่า มิสู้ฉวยโอกาสนี้เติมเต็มพลัง สั่งสมความรู้ความสามารถเพื่อที่จะเป็ผู้จัดการที่ยอดเยี่ยมยิ่งๆ ขึ้นไปในอนาคตจะดีกว่า!” หวังเค่อปลอบ
“สั่งสมความรู้อันใด?”
“ก็ต้องเป็ทักษะการหาเงินอยู่แล้ว! ไป ข้าจะพาเ้าไปหาเงิน! เ้าจะได้เรียนรู้ไปในตัวว่าต้องทำยังไงถึงจะพัฒนาธุรกิจประกันของเราได้!” หวังเค่ออธิบาย
“ประกัน? ไม่ใช่ก่อนหน้านี้เ้าก็เคยขายไปแล้ว? ข้าดูจนเข้าใจหมดแล้วเถอะ!” จางเจิ้งเต้าแค่นเสียงอย่างดูถูก
“เ้าจะไปรู้อะไร งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์วันนั้นขายประกันไปได้ตั้งเท่าไหร่? เ้าสามารถทำได้อีกไหมล่ะ?” หวังเค่อเอ่ยเสียงหยาม
“ไม่ได้!” จางเจิ้งเต้าเอ่ยด้วยสีหน้าพิลึก
ให้ทำอีก? พวกมันไม่ได้โง่นะ
“เพราะเ้าเพิ่งจะรู้เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น ไป ข้าจะสอนภาคปฏิบัติให้เ้าเอง! ข้าจะพาเ้าไปขายประกัน!” หวังเค่อปลอบประโลม
จางเจิ้งเต้าทำหน้าพิกล “ข้าสังหรณ์ใจอยู่ตลอดเวลาว่าเ้าจะให้ข้าไปเป็แพะรับบาปแทน!”
“เราสองคนคือคู่หู มาพูดว่าแพะรับปากอันใด! เอาละ กระเรียนพวกนั้นไปกันหมดแล้ว พวกเรารีบออกเดินทางกันดีกว่า!” หวังเค่อเร่ง
“เราจะไปไหนกัน?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างสงสัย
“ไปเมืองจูเซียน!” หวังเค่อทอดตามองไกลออกไป
“เมืองจูเซียน? เ้ายังจะกลับไปอีก? เ้าโกยเงินมาฟรีๆ สองครั้ง ยังจะไปก่อเื่ครั้งที่สามอีก? เ้ายังมีมนุษยธรรมบ้างหรือไม่!?” จางเจิ้งเต้าอุทาน
“ข้าคิดถึงเหล่าเพื่อนบ้านมิตรสหายที่อยู่ด้วยกันมาสิบปี ข้าก็เลยจะกลับไปเมืองจูเซียน!” หวังเค่อกล่าว
“เพื่อนบ้านมิตรสหายบ้านเ้าสิ พวกมันคงดวงซวยกันไปตลอดชาติมากกว่า!” จางเจิ้งเต้าทำหน้าพิกล
“ผายลม ข้าจะไปส่งมอบความอบอุ่น ความสุข และอนาคตให้พวกมันต่างหาก! ข้าเอาใจใส่ดูแลเพื่อนบ้านมิตรสหายเป็อย่างดี! นี่เขาเรียกช่วยดูแลความปลอดภัยแก่เพื่อนบ้าน! ขืนเ้ายังกล้าให้ร้ายข้าอีก บิดาจะไม่ให้เงินเ้าเลยสักแดงเดียว! เ้ากลับไปซะไป!” หวังเค่อขู่
“ไม่ๆๆ ข้าแค่พลั้งปากไป ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเราไปส่งมอบความอบอุ่น ความสุข และอนาคตกันดีกว่า! พวกเราไปดูแลความปลอดภัยให้เหล่าเพื่อนบ้านกัน!” จางเจิ้งเต้ายิ้มเผล่
สิบหมื่นมหาบรรพต ในถ้ำลับแห่งหนึ่ง
ถงอันอันนำสิบหัวโล้นเดินออกมานอกถ้ำเงียบๆ ทอดตามองไกลออกไป
“ผู้ดูแล พวกเรายังต้องจับตาดูหวังเค่ออีกหรือ? ครั้งนี้อุตส่าห์หนีตายออกจากพรรคเทพหมาป่า์มาได้ มิสู้กลับบ้านเรากันดีกว่า?” หนึ่งในสิบหัวโล้นเกลี้ยกล่อม
“ผายลม กลับบ้านเรามารดาเ้าสิ! สถานการณ์ตอนนี้ยังจะกลับไปได้อีกรึ?” ถงอันอันสบถด่า
“พวกเรา...!”
“พวกเราอะไร? ครั้งนี้ไม่เพียงแต่พลาดโอกาสฆ่าหวังเค่อ แต่ยังถูกจับตัวอีกด้วย ถึงจะหนีออกจากพรรคเทพหมาป่า์มาได้แต่ก็ต้องแลกด้วยการถูกเปิดโปงไส้ศึกที่เหล่าเ้าตำหนักทั้งหมดจัดวางไว้ ไส้ศึกพวกนั้นตายหมดเกลี้ยง พวกเรากลับไปมีแต่จะถูกลงโทษสิไม่ว่า!” ถงอันอันถลึงตา
“แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่ขอรับ! ไม่ใช่ท่านบอกว่าเ้าตำหนักสามเองก็มาด้วย? ท่านไม่ได้ช่วยพวกเรา เ้าตำหนักสามเองก็มีส่วนรับผิดชอบเหมือนกัน!” สมุนหัวโล้นคนนั้นว่า
“อย่าพูดถึงเ้าตำหนักสามจะได้ไหม? เ้ารู้ไหมว่าข้าต้องรู้สึกหนาวเยือกทุกทีที่ได้ยินคำเ้าตำหนักสาม? เ้าดูไม่ออกรึ?” ถงอันอันพิโรธ
“เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ?”
“เกิดอะไรขึ้น? เ้าตำหนักสามเพราะเชื่อใจพวกเราก็เลยให้พวกเรายืมของวิเศษประจำตัว แส้เทพอสนีคือของวิเศษที่เ้าตำหนักสามภาคภูมิที่สุด แต่พวกเรากลับทำหายไป! แม่งเอ๊ย ครั้งก่อนมีศิษย์ลัทธิมารคนหนึ่งเผลอทำแส้เทพอสนีหมดสภาพไป เ้ารู้ไหมว่าคนที่ตายล่าสุดอเนจอนาถขนาดไหน? แต่นี่พวกเราทำหาย! นี่ นี่จะต่างอะไรกับทำชีวิตตัวเองหล่นหายกัน!” ถงอันอันเผยสีหน้าสิ้นหวัง
สิบหัวโล้นเงียบงันไป
“แส้เทพอสนีอยู่ในมือหวังเค่อ! ขอเพียงจับหวังเค่อมาได้ก็จะได้แส้เทพอสนีคืนมา มีแต่ต้องฆ่าหวังเค่อถึงจะทดแทนกันได้! พวกเ้าว่าพวกเ้ายังกลับบ้านได้ไหมล่ะ? จะให้กลับไปทำฟาร์มกันรึไง!? พับผ่าสิ ไอ้พวกไร้สมอง! ฆ่าหวังเค่อ เข้าใจหรือไม่?” ถงอันอันตาแดงฉาน
“ทราบ ฆ่าหวังเค่อ!” สิบหัวโล้นรับคำ
“แต่ไอ้เต่าหัวหดหวังเค่อก่อนหน้านี้เอาแต่มุดหัวหลบอยู่ในพรรคเทพหมาป่า์เกือบหนึ่งปีไม่ออกนอกพรรค แล้วพวกเราจะฆ่ามันได้ยังไง!?” อีกหนึ่งหัวโล้นเอ่ยขึ้นอย่างกังวลใจ
“ไม่ใช่ว่าเราเฝ้าระวังอยู่หรือ? แล้วก็หนีมาได้ครั้งนี้ ‘จมูกสุนัข’ ที่ไส้ศึกนั่นนำมาให้เรายังอยู่หรือไม่?” ถงอันอันจ้องถาม
“จมูกสุนัข?” หัวโล้นคนหนึ่งนำของวิเศษสีดำออกมา
“เพื่อช่วยพวกเราขโมย ‘จมูกสุนัข’ นี้ออกมา ไส้ศึกนั่นก็เลยต้อง...เฮ้อ! เลิกพูดถึงมันกันเถอะ มาพูดเื่ที่มีความสุขกันดีกว่า!” ถงอันอันส่ายหน้า
“ผู้ดูแล จมูกสุนัขนี่มีประสิทธิภาพจริงหรือขอรับ?” หัวโล้นคนหนึ่งเอ่ยถาม
“พรรคเทพหมาป่า์ สี่เ้าตำหนักหมาป่า ตำหนักหมาป่าประจิมรับผิดชอบด้านการจับตาดูโลกหล้า สอดส่องสิบหมื่นมหาบรรพต เ้าว่าทำไมศิษย์ตำหนักหมาป่าประจิมถึงตามรอยจับตาเป้าหมายได้อย่างดีเยี่ยมเพียงนั้น? นั่นเพราะพวกมันมีของวิเศษพิเศษจำเพาะอยู่ไงล่ะ! ตัวอย่างเช่น ‘จมูกสุนัข’ นี้ที่เป็ของวิเศษสำหรับการสะกดรอย!” ถงอันอันกุมของวิเศษสีดำขนาดเล็กไว้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“โฮ่?”
“จมูกสุนัขไม่ได้สร้างง่ายๆ ขนาดนั้น มีราคาค่างวดสุดเปรียบ แถมยังใช้ได้แค่ครั้งเดียว ขอเพียงได้รัศมีพลังจากเป้าหมายก็จะสามารถติดตามคนผู้นั้นได้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนในสิบหมื่นมหาบรรพตก็ล้วนหาตัวได้หมด ฮ่าฮ่า โม่ซันซันเ้าตำหนักหมาป่าประจิมถึงกับแอบขโมยของของหวังเค่อและเก็บรัศมีพลังของมันไว้! ผนึกไว้ในจมูกสุนัขชิ้นนี้! ไม่คิดเลยว่าจะถูกไส้ศึกนั่นขโมยออกมาได้!” ถงอันอันยิ้มเย็น
“โม่ซันซัน? แม้แต่ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ของตัวเองอย่างหวังเค่อก็ยังต้องคอยจับตาเอาไว้? แถมยังจงใจสร้างจมูกสุนัขชิ้นนี้ออกมาเพื่อมัน? ข้าว่ามันเองก็ไม่ใช่ตัวดี!” หัวโล้นคนหนึ่งเอ่ยอย่างดูถูก
“ใครจะไปรู้ได้? ลูกตัวบัดซบนี่ฆ่าไส้ศึกที่แฝงอยู่ในพรรคเทพหมาป่า์ของเราไปจนเหี้ยนเตียน สวะสมควรตาย แต่ท้ายที่สุดก็ยังทำเื่ดีๆ เอาไว้บ้าง!” ถงอันอันยิ้ม
“ผู้ดูแลท่านลองดูอีกทีดีไหมขอรับว่าหวังเค่อออกจากพรรคมาแล้วหรือยัง?” หัวโล้นคนนั้นถามอย่างคาดหวัง
ถงอันอันสวมของวิเศษ ‘จมูกสุนัข’ จากนั้นสูดลมหายใจเข้าบางเบา
“วู้ม!”
จมูกสุนัขคล้ายรวบรวมกลิ่นมาจากทั่วทุกสารทิศ จากนั้นก็กอปรเป็ภาพปริศนายิ่งยวดในห้วงคำนึงของถงอันอันในเสี้ยวพริบตา
“ข้าได้กลิ่นบุปผาห่างออกไปสิบลี้ หอมนัก! ข้าได้กลิ่นคนกำลังย่างเนื้อ! แล้วก็...ถุย! ใครมันสร้างส้วมไว้ตรงนี้? ข้ายังได้กลิ่น...!” ถงอันอันสีหน้าตื่นเต้น
“จมูกสุนัขมีประสิทธิภาพปานนี้?” กลุ่มหัวโล้นอุทานด้วยความทึ่ง
ถงอันอันที่กำลังทดสอบของวิเศษจมูกสุนัขอยู่ๆ ก็สะท้านเฮือกขึ้นมา “ข้าได้กลิ่นหวังเค่อ นี่คือร่องรอยพิเศษ! ข้าจับกลิ่นมันได้ มันอยู่ทางนั้น!”
ถงอันอันชี้ไปทางทิศหนึ่ง
“ทางนั้น? ทางนั้นไม่ใช่พรรคเทพหมาป่า์นี่! หรือว่าหวังเค่อออกจากพรรคมาแล้ว?” กลุ่มหัวโล้นตาลุกวาว
ถงอันอันเองก็เผยสีหน้ายินดีเป็บ้าเป็หลัง “เยี่ยม หวังเค่อออกจากพรรคแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เป็โอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิตโดยแท้ ไป รีบไป พวกเราจะไปฆ่าหวังเค่อกัน!”
“ฆ่าหวังเค่อ!” กลุ่มหัวโล้นะโอย่างกระตือรือร้นขณะตามถงอันอันออกไป
พรรคเทพหมาป่า์ ตำหนักหมาป่าประจิม!
โม่ซันซันกำลังนั่งจิบชาอยู่ในศาลา
“เ้าตำหนักโม่ ไม่ใช่ท่าน้าให้หวังเค่อร่วมมือกับท่านหรอกหรือ? เมื่อกี้ข้าถามดูแล้ว หวังเค่อหายตัวไปจากยอดเขาหยั่งรู้กระบี่ ข้าพบว่ามันน่าจะไปได้หลายวันแล้ว แม้แต่จางเจิ้งเต้าเองก็ด้วย!” มู่หรงลวี่กวงเอ่ยเสียงเย็น
“ไม่เป็ไร!” โม่ซันซันยิ้ม
“หืม?” มู่หรงลวี่กวงกินแหนงแคลงใจ
“ไม่กี่วันก่อนข้าได้ความมาจากไส้ศึกที่จับมาได้ งานชุมนุมประตูัครั้งนี้ ลัทธิมารเตรียมตัวมาเป็อย่างดี พวกมันตั้งใจซ่องสุมเล่นงานฝ่ายธรรมะอย่างจั๋งหนับ มู่หรงลวี่กวง ก่อนอื่นเ้าก็คอยจับตาดูงานชุมนุมประตูันี้ให้ดี ส่วนข้าจะจับตาดูหวังเค่อกับถงอันอัน หากมีข่าว พวกเราจะมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ว่าอย่างไรล่ะ!” โม่ซันซันถามเสียงขรึม
มู่หรงลวี่กวงนิ่วหน้ามองโม่ซันซัน สุดท้ายก็พยักหน้าก่อนผละไป
ตอนนั้นเองที่ศิษย์ตำหนักหมาป่าประจิมคนหนึ่งเร่งรุดเข้ามา
“เ้าตำหนัก เมื่อกี้จมูกสุนัขหมายเลขสิบแปดคล้ายมีการเคลื่อนไหวขอรับ!” ศิษย์คนนั้นกล่าวรายงานอย่างนอบน้อม
“จมูกสุนัขหมายเลขสิบแปด?” โม่ซันซันหรี่ตา
“ขอรับ ครั้งก่อนกว่าเราจะสกัด ‘แก่นปราณหยดวารี’ จากอาภรณ์ที่เราสับเปลี่ยนมาตอนที่หวังเค่อกำลังอาบน้ำแล้วผสานเข้าสู่จมูกสุนัขหมายเลขสิบแปดได้ไม่ใช่ง่ายๆ เลย! เ้าตำหนัก ท่านคงไม่รู้ว่าสมุนกลุ่มนั้นของหวังเค่อมีปัญหา พวกมันจัดการกับข้าวของของหวังเค่ออย่างประณีตละเมียดละไมที่สุด แม้แต่เส้นผมที่ร่วงจากศีรษะหวังเค่อทุกวันๆ ก็ยังถูกเก็บรวบรวมเอาไปเผา ไม่ให้ใครมาเก็บเอาไปได้ เพื่อที่จะขโมยเสื้อผ้าผัดเปลี่ยนของหวังเค่อมาพวกเราต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงความพยายามไปเท่าไหร่! หลังขโมยอยู่ครึ่งปีจึงจะเก็บหอมรอมริบมาได้พอหอมปากหอมคอ หลังจากลงแรงกลั่นเกลาได้สำเร็จจมูกสุนัขหมายเลขสิบแปดก็มาหายไปอีก ตอนนี้มีคนกำลังใช้งานจมูกสุนัขหมายเลขสิบแปด และพวกเราก็ระบุพิกัดได้แล้ว! เ้าตำหนัก พวกเราส่งคนไปจับโจรชั่วที่ขโมยจมูกสุนัขไปเถอะขอรับ!” ศิษย์คนนั้นรายงานอย่างคั่งแค้นใจ
“ไม่จำเป็ จมูกสุนัขหมายเลขสิบแปดข้าจงใจปล่อยหลุดมือไปเอง ข้าแค่จับตาไว้ก็พอแล้ว พวกเ้าไปทำเื่ของตัวเองเถอะ!” โม่ซันซันเอ่ยเสียงต่ำ
“ทราบ!” ศิษย์คนนั้นถอนตัวไปด้วยความเคารพ
โม่ซันซันลุกขึ้นยืนทอดตามองไกลออกไป “จมูกสุนัขหมายเลขสิบแปด? ฮ่า ถงอันอัน เ้ายังไม่เลิกล้มความคิดที่จะเอาชีวิตหวังเค่อสินะ? แต่ไม่เป็ไร! ข้าจะให้เ้าดื่มด่ำกับความหอมหวานนี้ไปก่อน! แต่การตามกลิ่นของจมูกสุนัขนี้จะส่งผลข้างเคียงพิสดารบางอย่างต่อผู้ใช้! หากผู้ใช้ไม่ได้สังเกตใส่ใจนั้นก็ช่างเถิด แต่ถ้าเป็คนที่มีััไวละก็มันจะต้องรู้สึกได้แน่! เ้าใช่ว่าจะตามฆ่าหวังเค่อได้สำเร็จเสมอไปหรอกนะ!”
ระยะห่างจากเมืองจูเซียนเหลืออีกเพียงไม่ไกลแล้ว
แต่อยู่ๆ หวังเค่อก็หยุดเอาดื้อๆ
“หวังเค่อ? เป็อะไรไป?” จางเจิ้งเต้าฉงนสนเท่ห์
“ไม่รู้ทำไมแต่ข้ารู้สึกใจกระตุกวูบขึ้นมา รู้สึกเหมือนกับว่ามีคนกำลังจับจ้องอยู่!” หวังเค่อนิ่วหน้า
“เ้ามีทักษะแบบนี้อยู่ด้วย?” จางเจิ้งเต้าชะงักไป
“เปล่า เ้าไม่รู้ แต่ครึ่งปีมานี้ตอนที่อยู่ในพรรคเทพหมาป่า์ข้าเองก็รู้สึกเช่นนี้บ้างเป็ครั้งคราว ทุกครั้งที่เกิดความรู้สึกเช่นนี้ขึ้น ของของข้าก็จะหายไป!” หวังเค่อขมวดคิ้วแน่น
“ของหาย? ของอะไร?” จางเจิ้งเต้าทำหน้างง
“คนของข้าบอกว่าทุกครั้งที่นำเสื้อผ้ามาให้ข้า กางเกงในของข้าก็จะหายไปอย่างน่าพิศวง! ที่ผ่านมากางเกงในข้าหายไปสิบกว่าตัวเลยด้วยซ้ำ!” หวังเค่อขมวดคิ้วแน่นเข้าไปอีก
“ว่าอะไร? นี่เ้ากำลังล้อข้าเล่นอยู่สิท่า? กางเกงในเ้าน่ะนะหายไป?” จางเจิ้งเต้าผงะไป
“เป็ความจริง ข้าพลิกแผ่นดินหาอยู่นานแต่สุดท้ายก็หาตัวไอ้วิตถารนั่นไม่เจอ! แม่งเอ๊ย อย่าบอกนะว่าเกิดมาหล่อเองก็เป็ความผิด?” หวังเค่อสีหน้าไม่น่าดู
“หล่อ? กางเกงในหายไปเกี่ยวอะไรกับความหล่อ?” จางเจิ้งเต้าอึ้งกิมกี่
“จะต้องเป็สตรีวิตถารสักนางหนึ่ง พอไม่เห็นข้าก็เลยมาแอบย่องเบาเอากางเกงในข้าไปย่ำยี! แม่งเอ๊ย ก่อนหน้านี้เปิดข่าวทีไรล้วนมีแต่ข่าวบุรุษขโมยชุดชั้นในสตรี แต่พอถึงตาข้า ไฉนถึงกลับตาลปัตรไปได้? ต้องเป็เพราะข้าหล่อเกินไปแน่ๆ!” หวังเค่อส่ายหน้า
จางเจิ้งเต้า “…!”
เ้าหน้าเหม็นไร้ยางอาย! โม้ได้โม้ดีเหลือเกิน!
“เ้ากำลังจะสื่อว่าการที่จู่ๆ เ้าก็เกิดใจกระตุกวูบขึ้นมาเป็เพราะว่าเ้ากำลังถูกจับตาและกางเกงในของเ้าก็กำลังจะถูกขโมย?” จางเจิ้งเต้าพูดด้วยสีหน้าพิลึกพิลั่น
หวังเค่อเหลือบมองจางเจิ้งเต้า “ที่นี่มีแต่เ้า อย่าบอกนะว่าคนที่ขโมยของข้าไปล้วนเป็เ้ามาตลอด?”
“ผายลม ข้าไม่ได้สติไม่สมประกอบซะหน่อย! ต่อให้ข้ามีรสนิยมแบบนี้จริงเป้าหมายของข้าก็ต้องเป็อิสตรี! จะขโมยของเ้ามาทำเตี่ยอะไร!” จางเจิ้งเต้าแทบลมจับด้วยความโกรธ
“จริงของเ้า!” หวังเค่อพยักหน้า
“เ้าไม่ได้อำข้าเล่นใช่ไหม? คิดยังไงถึงได้พูดจาน่าเบื่อแบบนี้ออกมา?” จางเจิ้งเต้าจ้อง
หวังเค่อส่ายหน้า “น้อยครั้งที่ข้าจะมีััที่หกแบบนี้! แต่ในเมื่อััที่หกเตือนข้ามาแบบนี้แล้ว ข้าว่าครั้งนี้ข้าไม่อาจนั่งคอยความตายได้!”
จางเจิ้งเต้ามองหวังเค่อ “เ้าโม้อะไรของเ้า!? มีคนไล่ล่าพันลี้เพื่อที่จะมาขโมยกางเกงในเ้าให้ได้? เ้าก็เลยจะทำศึกปกป้องกางเกงใน?”
