บรรยากาศภายในสตูดิโอที่เคยตึงเครียดกลับกลายเป็ความโกลาหลในพริบตา เมื่อคลื่นมนุษย์ด้านนอกส่งเสียงโห่ร้องต้อนรับการมาถึงของใครบางคน พายุที่ยืนหลบมุมอยู่หลังขาตั้งไฟพยายามหดตัวให้เล็กลงที่สุด สายตาของเขามองผ่านความมืดออกไปเห็นร่างของชายหนุ่มผู้มาใหม่ที่เดินท่ามกลางวงล้อมของบอดี้การ์ดร่างั์
เทพทร ปรากฏตัวขึ้นพร้อมออร่าของซุปเปอร์สตาร์ที่สว่างจ้า ใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มมั่นใจ เขาสวมสูทตัดเย็บประณีตราคาแพงระยับ ตุ้มหูเพชรข้างหนึ่งสะท้อนแสงไฟวิบวับยามเขาโบกมือทักทาย ทุกย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยความสง่าและหยิ่งทะนงในฐานะไฮโซหนุ่มผู้มั่งคั่ง
"อุ๊ยตาย! คุณเทพทรมาแล้วค่ะลูกสาว!" เสียงบีดี้ดังกังวานด้วยความตื่นเต้น หล่อนรีบสะบัดพัดในมือแล้วถลาเข้าไปต้อนรับแขกผู้มาเยือนผู้ทรงอิทธิพลทันที
ขณะที่พายุมองภาพนั้น หัวใจของเขากลับยิ่งดิ่งลึกสู่ความเศร้า เขาเห็นลิด้าละสายตาจากกระจกแต่งหน้าแล้วลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มละไม ซึ่งเป็รอยยิ้มที่มอบให้แด่คนในระดับเดียวกันเท่านั้น ภาพของกิ่งทองใบหยกที่กำลังจะร่วมงานในซีรีย์ฟอร์มั์ช่างดูเหมาะสมกันจนพายุรู้สึกแสบตา
"สวัสดีครับลิด้า วันนี้สวยกว่าในรูปอีกนะ" เทพทรเอ่ยทักทายพร้อมกับถือวิสาสะคว้ามือเรียวของลิด้าขึ้นมาจุมพิตเบาๆ ท่ามกลางเสียงรัวชัตเตอร์ของช่างภาพที่พยายามเก็บภาพช็อตเด็ดนี้ไว้
พายุกำหมัดแน่นจนเล็บแทบฝังเข้าเนื้อ ความรู้สึกอิจฉาปนสมเพชตัวเองแล่นพล่านอยู่ในอก เขาต้องทนดูภาพความใกล้ชิดนั้นโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย ความอบอุ่นที่เขาเคยได้รับจากผิวเนื้อของเธอเมื่อคืนนี้ บัดนี้กลับดูเหมือนเื่โกหกที่เขามโนขึ้นมาเอง
"ครับอาจารย์... ผมว่าผมไม่ไหวจริงๆ ขอตัวไปพักก่อนนะครับ" พายุกระซิบระรัวบอกอาจารย์ที่อยู่ใกล้ๆ เพราะเขาทนเห็นภาพเทพทรโอบไหล่ลิด้าไม่ไหวอีกต่อไป
เขารีบก้มหน้าเดินเบียดฝูงชนออกมาทางประตูหลังสตูดิโอ ทิ้งเสียงหัวเราะและบรรยากาศอันชื่นมื่นไว้เื้ั น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้หยดลงบนหลังมืออย่างห้ามไม่ได้
‘ใช่สินะ... นั่นคือที่ของเธอ และนี่คือที่ของฉัน’
พายุสาวเท้าก้าวผ่านประตูเหล็กด้านหลังสตูดิโอออกมาอย่างเงียบเชียบ ราวกับคนกำลังหลบหนีจากโลกความฝันที่กลายเป็ฝันร้าย ทันทีที่ประตูงับปิดลง ความเงียบงันของลานกิจกรรมกลางแจ้งก็เข้าปกคลุมแทนที่ เสียงกรี๊ดและแสงไฟแฟลชที่สว่างจ้าเมื่อครู่ ถูกตัดขาดด้วยกำแพงหนาหนาทึบ ทิ้งให้เขายืนอยู่ท่ามกลางลมเอื่อยๆ ในโลกของความเป็จริงที่ดูเงียบเหงาและว่องไว
ชายหนุ่มถอนหายใจยาวพลางเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนอัฒจันทร์ปูนปั้นที่ดูเก่าคร่ำคร่า เขาค่อยๆ ถอดฮู้ดและหน้ากากอนามัยออก เผยให้เห็นใบหน้าคมคายที่บัดนี้หมองหม่นด้วยร่องรอยแห่งความเศร้าสร้อย ดวงตาคมเข้มเหม่อมองกลับไปยังอาคารสตูดิโอที่ยังคงครึกครื้นด้วยเสียงของเหล่าเซเลบริตี้
‘ที่นั่นคือสรวง์... แต่ที่นี่คือที่ของคนอย่างมึง ไอ้พายุ’ เขาบอกตัวเองด้วยความขมขื่น
ความเ็ปจากการที่ต้องเห็นเธอในอ้อมแขนคนอื่น ทำให้เขารู้สึกว่าการอยู่ที่นี่ต่อเปรียบเสมือนการกรีดแผลสดซ้ำๆ พายุตัดสินใจล้วงโทรศัพท์มือถือที่ดูตกรุ่นออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ เขากดเบอร์โทรศัพท์ที่คุ้นเคยเพื่อติดต่อผู้จัดการทั่วไปของหอศิลปะ
"ฮัลโหล... สวัสดีครับผู้จัดการ ผมพายุนนะครับ" ชายหนุ่มพยายามทำน้ำเสียงให้มั่นคงที่สุด "คือ... ผมโทรมาเพื่อจะแจ้งขอลาออกจากงานดูแลร้านมินิมาร์ทครับ พอดีผมมีปัญหาเื่การเรียนที่ต้องทุ่มเทเวลาให้มากขึ้นน่ะครับ"
ปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะมีเสียงชายวัยกลางคนตอบกลับมาด้วยความเข้าใจ "อ๋อ... ได้สิพายุ เสียดายเหมือนกันนะขยันแบบเธอหาไม่ง่าย แต่ถ้าเื่เรียนก็สำคัญกว่า เดี๋ยวผมจัดการเื่เอกสารให้ แล้วจะโอนเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายเข้าบัญชีให้ทันทีเลยนะ"
"ขอบพระคุณมากครับผู้จัดการ"
เมื่อสิ้นสุดการสนทนา พายุรู้สึกเหมือนยกูเาออกจากอก แต่มันกลับเป็ูเาที่ทิ้งความว่างเปล่าไว้ในหัวใจ เขาเก็บโทรศัพท์ลงที่เดิม ก่อนจะค่อยๆ เอนกายลงนอนบนอัฒจันทร์เย็นเยียบ สองมือหนาประสานกันหนุนแทนหมอน สายตาคมทอดมองหมู่เมฆสีขาวที่ค่อยๆ เคลื่อนคล้อยไปตามแรงลมบนท้องฟ้าสีครามกว้างใหญ่
สายลมที่พัดผ่านใบหน้าช่วยชะล้างความร้อนรุ่มในใจ กลิ่นน้ำหอมของลิด้าที่เคยติดอยู่ที่ปลายจมูกเริ่มจางหายไปแทนที่ด้วยกลิ่นไอแดดและใบไม้แห้ง ความเหนื่อยล้าจากการทำงานดึกและความบอบช้ำทางจิตใจเข้าจู่โจม จนในที่สุดเปลือกตาของเขาก็ค่อยๆ หนักอึ้ง และพายุก็เผลองีบหลับไปในความเงียบสงบนั้น... โดยไม่รู้เลยว่าพายุครั้งใหม่กำลังจะก่อตัวขึ้นอีกครั้งในชีวิตของเขา
พายุสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางอัฒจันทร์ที่เงียบสงบ แต่ความเงียบนั้นถูกทำลายด้วยเสียงอึกทึกที่ดังลอดมาจากภายในสตูดิโอ มันไม่ใช่เสียงการถ่ายทำปกติ แต่เป็เสียงการขว้างปาสิ่งของและเสียงด่าทอที่เต็มไปด้วยโทสะ ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น สัญชาตญาณบางอย่างบอกเขาว่ากำลังเกิดเื่ไม่ดีขึ้น
เขารีบดึงหน้ากากอนามัยขึ้นมาปิดบังใบหน้า กระชับฮู้ดสีเข้มให้คลุมศีรษะมิดชิด แล้วสาวเท้าเดินมุ่งหน้ากลับไปยังทิศทางของสตูดิโอทันที เมื่อเข้าใกล้ประตูหลังที่ปิดสนิท เสียงเหตุการณ์ข้างในก็ชัดเจนขึ้นจนน่าใ
"มึงรู้ไหมว่าโทรศัพท์เครื่องนี้ราคาเท่าไหร่! ชาตินี้ทั้งชาติมึงจะมีปัญญาหาเงินมาใช้คืนกูไหม ไอ้สถุน!" เสียงห้าวระคายหูของ เทพทร ดังลั่นด้วยความโมโห
พายุแง้มประตูเข้าไปเห็นภาพที่ทำให้เืในกายเดือดพล่าน โย่ง เพื่อนสนิทของเขายืนหน้าซีดเผือด ริมฝีปากแตกมีเืไหลซึม ก้มหน้าก้มตาตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น ขณะที่อาจารย์พยายามเข้าไกล่เกลี่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเพื่อให้โย่งขอโทษดาราหนุ่มซุปเปอร์สตาร์
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นคือความโชคร้ายที่เกินจะรับไหว เทพทรสะดุ้งตัวลุกขึ้นยืนปรบมือให้ลิด้าที่เพิ่งเดินแบบจบ จนเท้าไปเกี่ยวเข้ากับขาโต๊ะส่งผลให้โทรศัพท์หรูรุ่นลิมิเต็ดกระเด็นลงพื้น และเป็จังหวะเดียวกับที่โย่งซึ่งกำลังก้มเก็บของเดินไปเหยียบมันเข้าอย่างจังจนแตกละเอียด เทพทรที่ขาดสติง้างเท้าเตะเข้าที่ปากของโย่งจนล้มคว่ำต่อหน้าทุกคน
"เทพทร หยุดเดี๋ยวนี้นะ! มันเป็อุบัติเหตุ!" ลิด้าถลาเข้ามารั้งแขนเทพทรไว้แน่น กลิ่นกายหอมกรุ่นและความอ่อนนุ่มของมือเธอแทนที่จะทำให้ชายหนุ่มใจเย็นลง กลับยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากสำแดงอำนาจโชว์ต่อหน้าหญิงสาว
"ปล่อยลิด้า! คนแบบนี้ต้องสั่งสอนให้จำ!" เทพทรสะบัดแขนออกอย่างแรง ก่อนจะหันไปตวาดใส่บอดี้การ์ดร่างั์ที่ยืนคุมเชิงอยู่ "เฮ้ย! สั่งสอนมันหน่อย ในเมื่อมันไม่มีปัญญาจ่ายด้วยเงิน ก็ให้มันจ่ายด้วยเื จัดการมัน!!!"
บอดี้การ์ดร่างั์เดินตรงเข้าหาโย่งทันที เพื่อนนักศึกษาคนอื่นพยายามจะเข้าช่วย แต่กลับถูกบอดี้การ์ดอีกคนขวางไว้พร้อมเสียงข่มขู่ "ใครไม่อยากเจ็บตัวก็อย่าเสือก!"
บอดี้การ์ดคนแรกคว้าคอเสื้อโย่งขึ้นมาจนตัวลอย มือหนาของมันบีบแน่นราวก้ามปูเหล็ก โย่งหลับตาปี๋เตรียมรับชะตากรรม
วูบ!
ทันใดนั้นเอง ประกายลมพัดผ่านเข้ากลางวงราวกับพายุหมุน เงาร่างสูงโปร่งภายใต้ชุดฮู้ดสีเข้มพุ่งทะยานเข้ามาแทรกกลางระหว่างโย่งกับบอดี้การ์ดด้วยความเร็วที่ตาเปล่ามองแทบไม่ทัน พายุใช้สองมือพุ่งหลาวกำหมัดกันแล้วะเิพลังบานแขนออกกระแทกเข้าที่ลำแขนมหึมาของบอดี้การ์ดอย่างจัง แรงปะทะทำให้นิ้วที่บีบคอเสื้อโย่งอยู่กระเด็นหลุดออกทันที!
บอดี้การ์ดร่างั์คำรามด้วยความโกรธจัด มันง้างหมัดหมายจะทุบผู้มาใหม่ให้จมดิน แต่พายุไวกว่า เขาใช้ฝ่ามือซ้ายแบกว้างปิดเข้าที่ดวงตาของมันเพื่อทำลายวิสัยทัศน์ ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อยแล้วส่งแรงจากพื้นผ่านเอวพุ่งตรงไปยังกำปั้นขวา
พลั่ก!
หมัดอัปเปอร์คัตทรงพลังเสยเข้าเต็มกระโดงคางของเ้าั์ เสียงกระดูกกรามปะทะกันดังสนั่น ร่างที่หนักเกือบหนึ่งร้อยกิโลกรัมลอยละลิ่วก่อนจะรูดลงไปสลบเหมือดอยู่บนพื้นสตูดิโอทันทีโดยไม่มีแม้แต่เสียงร้อง เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียว!
พายุยืนตระหง่านอยู่กลางสตูดิโอ แผ่นหลังกว้างภายใต้ชุดฮู้ดดูน่าเกรงขามราวกับั์ปักหลั่น เขาค่อยๆ หันมองไปรอบห้องด้วยแววตาที่ดุดันผ่านแมสสีเข้ม ก่อนจะประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังจนทุกคนในห้องต้องขนลุกซู่
"ใครหน้าไหนกล้าแตะเพื่อนข้า... ก็เข้ามา!!!"
