หลินลั่วหรานอุ่นหม้อทำยา ใช้พลังจนหมดเกลี้ยงจากนั้นก็พักแล้วลุกขึ้นมาทำยาอีกครั้งแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา อยู่ที่บ้านเป็เวลากว่าหนึ่งเดือนเต็มเมื่อเห็นลูกสาวของตัวเองต้องใช้ชีวิตผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่ายในทุกๆ วันแล้วผู้เป็แม่ก็อดจะเป็ห่วงขึ้นมาไม่ได้เธอจึงเอาแต่ใช้เวลากับการหาของมาช่วยบำรุงร่างกายให้หลินลั่วหรานอยู่ตลอดทั้งวัน
“อดทน” ในทุกๆ ครั้งที่หลินลั่วหรานออกมาจากห้องใต้ดินนั้นผู้เป็แม่ก็มักจะทำซุปที่เธอชอบเอาไว้ให้ อีกทั้งยังมีไก่ป่าและปลาจากแม่น้ำหน้าคฤหาสน์ ไก่ป่านั้นเธอได้มันมาตอนที่เสี่ยวจินจับกลับมาความจริงแล้วมันตั้งใจว่าจะเอามาเป็ของกินเล่นหลังอาหารแต่ก็ถูกผู้เป็แม่แย่งไปเสียก่อนส่วนปลานั้นก็ได้มาจากการที่ผู้เป็พ่อออกไปตกกลับมาใน่ว่างๆวิธีการฝึกศาสตร์ของเขาก็คือ เขาจะเอาเบ็ดตกปลาออกไปตกปลาก่อนที่จะนั่งรวบรวมสมาธิอยู่ข้างแม่น้ำ ผ่อนคลายลมหายใจซึมซับพลังในธรรมชาติ
การที่พ่อของเธอใช้วิธีการฝึกศาสตร์แบบนี้ หลินลั่วหรานก็ไม่ได้แย้งอะไร
ใครตั้งกฎล่ะ ว่าการควบคุมลมหายใจจำเป็จะต้องนั่งสมาธิ? อย่างหลินลั่วหรานในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะกินข้าว นอนหลับ เดินหรือแม้แต่ตอนที่เธอนั่งทำยา ต่างก็คอยควบคุมอัตราการหายใจอยู่เสมอและเธอก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะดูดซับพลังได้ช้ากว่าตอนที่นั่งสมาธิเสียเท่าไร
การฝึกศาสตร์ ก็เพียงแค่้าความสงบใจเท่านั้น
ก็เหมือนกับการทำยา ที่้าความอดทนกับความเงียบงัน แม่น้ำสายเล็กๆต่างก็รวมกันเป็ทะเลอันกว้างใหญ่ เส้นทางแห่งเทพนั้นไร้ที่สิ้นสุดการสะสมประสบการณ์ในแต่ละย่างก้าวนั้น ก็เหมือนกันนั่นแหละ แม่น้ำสายเล็กๆที่จะรวมกันเป็ทะเลกว้าง ต่างก็มาจากหยดน้ำเล็กๆ ที่มารวมกันไม่ใช่เหรอ? มหาสมุทรไม่อาจจะสามารถมั่นใจในหยดน้ำทุกหยดได้ แต่เธอนั้นสามารถทำให้ตัวเองมั่นใจในทุกๆ ย่างก้าวได้
ตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมานั้น หลินลั่วหรานลงแรงลงใจไปกับธุรกิจการทำยาของเธอทุกครั้งที่ออกมาจากห้องใต้ดิน เธอก็มักจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อหัวถึงหมอนก็จะหลับใหลในทันที จึงไม่ได้มีเวลาไปฝึกศาสตร์นักแต่ว่าเมื่อตอนที่เธอได้รับยามาแล้ว เธอตรวจวัดระดับของตัวเอง ก็ดีใจขึ้นมา
ไม่ได้ถดถอยไป อีกทั้งยังขยับพัฒนาขึ้นมาเล็กน้อยด้วย
คนมักพูดกันว่าการทำลายทำให้เกิดการสร้างขึ้น แม้ว่าจะยังไม่ถึงขั้น “ทำลาย” แต่ว่าในทุกๆครั้งที่ทำยาก็จำเป็ต้องใช้พลังในกายไปจนหมดก่อนที่จะฟื้นฟูกลับมาในตอนที่ควบคุมการหายใจและตอนนอนหลับพักผ่อนการใช้มวลพลังแบบนี้ ความจริงก็ถือว่าเป็การฝึกอย่างหนึ่งเช่นกันหรือเปล่า?
เมื่อผ่านไปหนึ่งเดือน เธอก็หยุดการทำยาของตัวเอง
คนในบ้านต่างพากันเข้ามาล้อมยังกล่องหยกที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะก่อนที่เป่าเจียจะพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ใช้เวลาตั้งเดือนหนึ่งทำได้แค่นี้เหรอ...”
หลินลั่วหรานหยิกเป่าเจียไปหนึ่งทีพร้อมทั้งฝืนอดทนที่จะไม่ทำท่าทางเหนื่อยหน่ายออกมา แค่นี้? แค่นี้เธอก็เกือบตายแล้ว มันน้อยเสียที่ไหนล่ะ?
เวลาเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมานี้ เธอทำยาไปทั้งหมด 18 ครั้ง ทำยารวมพลังไปทั้งหมด14 ครั้ง ได้ยามาทั้งหมด 480 เม็ด ครั้งที่ได้น้อยที่สุดคือตอนที่ได้มา 29 เม็ดส่วนตอนที่ได้มามากที่สุดคือ 38 เม็ด อัตราความสำเร็จนั้นไม่แน่นอนเื่นี้ดูเหมือนว่าจะต้องรอให้หลินลั่วหรานสามารถทำยาได้คล่องกว่านี้เสียก่อน
เธอทำ “ยาฟื้นฟู” ไปทั้งหมด4 ครั้ง และได้มาทั้งหมด 78 เม็ด รอบที่มากที่สุดก็คือรอบที่ทำขึ้นมาเมื่อวานเธอได้มาทั้งหมด 28 เม็ด ทำเอาเธอดีใจเสียยกใหญ่
เพื่อยาทั้งห้าร้อยกว่าเม็ดนี้ สถานที่ใกล้ๆ บ้านของหลินลั่วหรานนั้นแม้แต่คางคกเองยังหาได้ยากแล้ว ดังนั้นจึงอย่าได้พูดถึงพวกสมุนไพรที่เธอใช้ไปเลย
หลินลั่วหรานรอเวลาให้พวกสมุนไพรของเธอนั้นมีอายุที่มากขึ้นเสียก่อนบางอย่างก็ต้องรอปลูกใหม่ ยาทั้งห้าร้อยกว่าเม็ดนี้ เมื่อรวมๆ กันแล้วก็ใช้สมุนไพรที่หลินลั่วหรานมีไปไม่น้อยโดยเฉพาะพวกที่ตอนแรกเธอไม่ได้ปลูกเอาไว้มากนัก ถ้าหากว่าอยากจะทำยาจำนวนมากๆใน่นี้อีก ดูเหมือนว่าจะเป็เื่ที่ลำบากมากทีเดียว
อย่าได้ดูถูกยารวมพลังจำนวนเท่านี้เลยเพราะนอกจากคนที่มีของที่ใช้ผลิตสมุนไพรได้อย่างขี้โกงแบบเธอแล้วแม้แต่สำนักยาในสมัยก่อน ก็ไม่สามารถทำออกมาได้เร็วขนาดนี้
ยารวมพลังนั้น ทานเข้าไปหนึ่งเม็ด ก็มีฤทธิ์คงอยู่ถึงหนึ่งเดือนหลินลั่วหรานเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้พ่อและเป่าเจียทานเข้าไปมากอย่างแรกคือมันสิ้นเปลือง ส่วนอีกอย่างก็คือ อย่างที่เคยพูดไปแล้วการใช้ยาช่วยเพิ่มระดับการฝึกศาสตร์ อีกทั้งยังอยู่ใน่เบื้องต้นนั้นมันไม่ได้ดีเสียเท่าไร
ดังนั้นหลินลั่วหรานจึงเหลือยารวมพลังเอาไว้ที่บ้านร้อยเม็ดและจำนวนเท่านี้ก็สามารถแบ่งให้พ่อและเป่าเจียใช้ได้กว่าสี่ปีแล้วอีกร้อยเม็ดก็เก็บเอาไว้เอง ดังนั้นเธอจึงเตรียมเอาไว้ขายเพียงสองร้อยเม็ดเท่านั้นจะเอาออกไปขายให้มีศัตรูแข็งแกร่งขึ้นมาก็คงไม่ดี ดังนั้นจึงต้องมีการจำกัดการขายให้แต่ละคน
ส่วน “ยาฟื้นฟู” นั้นอืม เก็บเอาไว้ให้คนในบ้านสักครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือก็ค่อยๆ ขายทีละเม็ดไป!
หลินลั่วหรานที่มีพื้นฐานการเป็แม่ค้าหน้าเืเปิดฟอรั่มขึ้นมาก่อนที่จะแก้จากคำว่า “เตรียมการขาย” ให้กลายเป็ “วางขาย” แทน เหล่านักปราชญ์ที่เตรียมหยกกันเอาไว้ก่อนแล้วสุดท้ายก็ถอนลมหายใจออกมา เตรียมที่จะตรงมาที่เมืองหรงเฉิง
สาเหตุที่เธอไม่สามารถทำการขายผ่านอินเทอร์เน็ตได้ในครั้งนี้ก็เป็เพราะว่าอาจารย์พี่หลินบอกเอาไว้ว่า้าใช้คุณภาพของหยกในการตัดสินว่าจะแลกได้เท่าไร
ส่วนสำนักใหญ่แห่งหนึ่งที่มีลูกศิษย์ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลินลั่วหรานอย่างสีเหิงนั้นแน่นอนว่าจะต้องดีใจเป็อย่างมาก เพียงแต่หากจะส่งลูกศิษย์ของเขาไปก็ดูจะน่าสงสัยมากจนเกินไป ดังนั้นจึงตัดสินใจส่งคนอื่นไปน่าจะดีเสียกว่าเมื่ออยู่ภายใต้ชื่อของหลีซีเอ๋อร์ อย่างไรก็น่าจะได้รับน้ำใจกลับมาไม่น้อย
หัวหน้าตระกูลเหวินเองก็ยิ้มออกมาจนตาหยีหรือแม้แต่หัวหน้าหน่วยพิเศษอย่างเฉินหยุนก็กำลังคิดว่าเขาควรจะไปแลกยามาไว้เป็รางวัลในการทำภารกิจหรือว่าเป็ของขวัญอะไรให้กับหน่วยบ้างดีไหม
ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็เตรียมหยกกันเอาไว้แล้ว จะต้องแย่งซื้อมาให้ได้มากๆทุกคนต่างก็คิดแบบนี้ ต่างคนต่างก็เหมือนว่าจะมีแผนดีๆ อยู่ในใจ
คนที่ตั้งใจว่าจะจำกัดการขายอย่างหลินลั่วหรานนั้นนั่งยิ้มราวกับจิ้งจอกตัวน้อยๆ อยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์ จนแม้แต่หลินลั่วตงที่เดินผ่านห้องหนังสือไปยังต้องเสียวสันหลังขึ้นมา
ทั้งที่เป็รอยยิ้มเหมือนกันแท้ๆ แต่ทำไมวันนี้รอยยิ้มของพี่สาวถึงดูแปลกๆจนทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเงินที่เขามีทั้งหมดจะถูกเธอแย่งเอาไว้จนหมดเลย?
วันนี้ผู้เฝ้าประตูของหมู่บ้านคฤหาสน์บนเขานั้นใช้เวลาผ่านไปอย่างมีความสุข และในเวลาเดียวกันมันก็เป็วันที่เขาเต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน
เขารู้ดีว่าพวกคนที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์เหล่านี้นั้นร่ำรวยมากแต่ว่าทำไมตอนนี้ คนที่มีเงินต่างก็กลายเป็คนหน้าตาดีกันไปหมด? โลกใบนี้ไม่ยุติธรรมเกินไปแล้วหรือเปล่า!
เหล่าคุณชายร่ำรวยที่ขับรถเข้ามากันนั้น ต่างก็บอกว่ามาพบ “คฤหาสน์หมายเลข 18” กันไปเสียหมดวันนี้มีไปเกือบสิบกว่าคนแล้วด้วยซ้ำ!
แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกดีใจขึ้นมาแม้ว่าจะอิจฉานั่นก็คือ ทุกๆคนต่างก็จะให้เงินเล็กๆ น้อยๆ กับเขาทั้งนั้น...ตอนนี้แม้แต่คนที่ทำงานเป็พนักงานเฝ้าประตูหน้าคฤหาสน์ก็ได้รับทิปแล้วความแตกต่างระหว่างคนรวยและคนจนนั้นมันช่างมากมายเสียจริง!แต่ว่าคนหน้าตาดีมากมายขนาดนี้ ต่างก็้าไปที่คฤหาสน์หมายเลข 18หรือว่าผู้พักอาศัยลึกลับของคฤหาสน์หลังนั้น จะเป็ผู้มีอิทธิพลด้านวงการหนังและภาพยนตร์แล้วคนพวกนี้ก็้าจะไปสัมภาษณ์กัน?
แน่นอนว่านักปราชญ์เหล่านี้ไม่ได้รู้เลยว่าพวกเขาถูกผู้เฝ้าประตูคิดว่าเป็นักแสดงไปเสียหมดแล้วเมื่อพูดถึงการใช้หยกแลกเปลี่ยนยาวิเศษในครั้งนี้แล้วไอดีหนึ่งในฟอรั่มที่มีชื่อว่า “วันวานอันแสนขมขื่น”อย่างเจิงเทียน ที่บ้านของเขานั้นทำธุรกิจโดยตรงมีเงินมากมายจนไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร แต่ก็ยังซื้อหยกพวกนี้มาอย่างยากลำบากวันนี้เขาขับรถกระบะมา ด้านหลังถูกบรรจุเต็มไปด้วยแร่หยก แม้ว่าจะไม่ได้ดีที่สุดแต่สำหรับเขาแล้ว หากจะให้เอาชนะในเื่จำนวนแล้ว ก็มั่นใจมากทีเดียว
ปกติแล้วเจิงเทียนนั้นเป็คนที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรเท่าไรแต่ว่าคนที่เขาจะไปพบนั้นคือ “อาจารย์พี่หลิน” ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าจะมองข้ามอะไรไป นอกจากหยกแล้วเขาจึงเตรียมของขวัญมาด้วยมากมาย เขาจอดรถห่างจากบ้านหลินมาระยะราวๆ ครึ่งลี้ ก่อนที่จะยกกล่องใหญ่ทั้งสองเดินขึ้นไปด้วยตัวเองเมื่อมาถึงหน้าประตูแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าจะเข้าไปได้อย่างไรชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งตกปลาอยู่ที่ข้างแม่น้ำชี้เข้าไปที่ด้านในเจิงเทียนหยิบเอาบุหรี่ออกมาให้ชายวัยกลางคนอย่างชาญฉลาด ไม่จำเป็ต้องพูดอะไรคนที่ลื่นไหลอย่างเจิงเทียนนั้นฉลาดอยู่ไม่เบา เขาตกปลาแล้วอย่างไร? แต่งตัวธรรมดาแล้วจะทำไมในเมื่อคงไม่มีคนธรรมดาที่ไหนสามารถมานั่งตกปลาอยู่หน้าประตูใหญ่ของบ้านหลินได้หรอก
เมื่อสูบบุหรี่เสร็จแล้ว ชายวัยกลางคนก็พูดออกมาด้วยความประหลาดใจ “ทำไมไม่เข้าไปล่ะ? ไม่ได้มาแลกเปลี่ยนยาเหรอ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจิงเทียนก็สนใจขึ้นมาก่อนจะส่ายหน้าด้วยท่าทางที่รู้สึกไม่ดีเท่าไร “พี่ชาย...ผมไม่กล้าเข้าไปน่ะครับ”
พ่อของหลินลั่วหรานเกือบจะสำลักควันบุหรี่ออกมาเขาอายุมากกว่าชายที่อยู่ตรงหน้านี่ตั้งเท่าไรแต่เ้าเด็กนี่ก็ยังเรียกเขาว่าพี่ชาย! เมื่อคิดดูแล้วเขาก็กำลังชมว่าตัวของผู้เป็พ่อนั้นดูเด็กมากในใจของผู้เป็พ่อเต็มไปด้วยความพึงพอใจ เขารู้สึกว่าพวกนักปราชญ์ที่เคยมาคนอื่นนั้นไม่เคยมีใครน่าสนใจเท่าเด็กคนนี้มาก่อน เขาจึงเลิกตกปลาแล้วพาเจิงเทียนเข้าไปในตัวบ้านด้วยตัวเอง
เจิงเทียนเดินตามไปติดๆ ดูราวกับสาวน้อยที่เข้าวังเป็ครั้งแรกเขาไม่กล้ามองอะไรมากนัก จนกระทั่งเดินมาถึงที่โถงดอกไม้ สิ่งที่เด็กชายคนหนึ่งนำมาเสิร์ฟให้กับเขานั้นไม่ใช่ชาแต่เป็เหล้าแก้วหนึ่งและในตอนนั้นเจิงเทียนก็เพิ่งจะได้โอกาสในการมองพิจารณาสิ่งต่างๆ ขึ้นมา
การต้อนรับแขกของอาจารย์พี่หลินดูแปลกดีนะ มีการเสิร์ฟเหล้าด้วยแบบนั้นก็ต้องชิมดูสักหน่อยดีกว่าว่าเหล้านี่มีอะไรต่างออกไปจากธรรมดาเมื่อเขายกแก้วไม้ไผ่ขึ้นมา ก็เห็นว่าชายวัยกลางคนกำลังมองมาที่เขาผู้ชายนั้นจะทำตัวอ่อนแอไม่ได้เขาจึงดื่มลงไปทันที...เมื่อเหล้าไหลลงไปยังท้องของเขาใบหน้าของเขาก็เป็ราวกับถาดเปลี่ยนสี มันแดงขึ้นก่อนจะเปลี่ยนเป็สีม่วง ซีดลงแล้วแดงขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่ใช่ว่าเขานั้นทนไม่ได้แต่ว่าเป็เพราะการไหลเข้าสู่ร่างกายของพลังที่สงบนิ่งมันช่างแปลกประหลาดเสียจริง!
หลังจากนั้น เมื่อเจิงเทียนลืมตาขึ้น เขาถอนหายใจออกมายาวๆอาจารย์พี่หลินนั้นใจกว้างเสียจริง ถึงได้เอาเหล้าวิเศษแบบนี้มาใช้ต้อนรับคน
เมื่อผู้เป็พ่อเห็นเขาลืมตาขึ้น ก็ยิ้มเสียจนตาหยี “เป็ไง?”
ใบหน้าของเจิงเทียนเต็มไปด้วยความสงสัย “ท่านผู้าุโเหล้าแก้วนี้ ช่วยบรรเทาการฝึกที่แสนจะยากลำบากของผมได้หลายวันท่านคิดว่าผมจะรู้สึกอะไรได้ล่ะครับ?”
ผู้เป็พ่อโบกมือไปมา “ฉันหมายถึงรสชาติถูกปากไหม?”
ถูกปาก? เจิงเทียนนั้นเต็มไปด้วยความสับสนที่แท้เหล้าวิเศษนี่ก็มีรสชาติด้วยเหรอ...เขานั้นกินมันเข้าไปเหมือนกับตือโป๋ยก่ายที่กินผลโสมตอนที่ทั้งหมดไหลลงไป เขานั้นก็จำได้เพียงความรู้สึกของการไหลเข้ามาของพลังแล้วจะไปจำเื่รสชาติได้อย่างไร?
หลินลั่วหรานเดินยิ้มออกมาจากตัวบ้าน “พ่อเลิกแกล้งเขาได้แล้ว!” การใช้เหล้าต้อนรับผู้มาเยือนนั้นเป็ความคิดของเป่าเจีย ไม่ใช่ว่าใจกว้างอะไรหรอกแต่เป็เพราะว่าวันนี้เพิ่งจะหมักเสร็จออกมาเป่าเจียจึงบอกว่าอยากจะลองดูว่าดื่มลงไปแล้วจะมีอาการแพ้หรืออาการผิดปกติอะไรหรือเปล่า ดังนั้น คนที่มาแลกเปลี่ยนยาในวันนี้ต่างก็กลายเป็หนูทดลองไปเสียหมด
เมื่อเห็นท่าทางของคนตรงหน้าเห็นได้ชัดว่าเป็หนูทดลองที่เต็มไปด้วยความดีใจชัดๆ!
เจิงเทียนทักทายหลินลั่วหรานด้วยความสุภาพ ก่อนจะแนะนำตัวขึ้นและนำแร่หยกที่เตรียมมาออกมา เพราะว่าคุณภาพของหยกนั้นไม่ใช่ว่าดีมากดังนั้นหยกทั้งกล่องของเขา หลินลั่วหรานจึงตัดสินใจให้แลก “ยารวมพลัง” ได้ทั้งหมด 6 เม็ด และ “ยาฟื้นฟู” 1 เม็ด
เมื่อเห็นท่าทางดีใจของเจิงเทียนแล้วคนที่เต็มไปด้วยความหน้าเือย่างหลินลั่วหรานก็สงสัยขึ้นมา หรือว่าเธอจะให้แลกมากเกินไป? คนพวกนี้พอใจกันง่ายเสียจริง!
“ระดับการฝึกเท่านี้ สองเดือนทานแค่เม็ดเดียวก็พอ อย่าโลภมากล่ะ”
เจิงเทียนพยักหน้าลงเร็วพลัน ก่อนจะเดินออกจากบ้านหลินไปด้วยความมึนงงเขาลูบลงที่กระเป๋าที่บรรจุกล่องหยกเอาไว้ ก่อนจะกำหมัดแน่นในใจการฝึกอย่างซื่อตรงอาจจะสำเร็จได้ในครั้งเดียวก็ได้ ลาก่อนวันวานอันแสนขมขื่น! ฮ่าฉันนี่โชคดีจริงๆ ที่แท้คนที่ให้บุหรี่ไป ก็เป็พ่อของอาจารย์พี่หลิน ฮ่าๆๆๆ...
คนที่มีอารมณ์ไม่ต่างจากเจิงเทียนนักก็คือคนที่รับหยกมามากมายเสียจนเมื่อยมืออย่างหลินลั่วหราน
ขอบประตูบ้านตระกูลหลินเกือบจะถูกคนที่เข้ามาแลกเปลี่ยนยาเหยียบจนพังไปหมดแล้วหยกที่หลินลั่วหรานได้รับมา ถูกกองเอาไว้ที่ห้องใต้ดินจนเป็เนินเขาเล็กๆเธอใช้ไข่มุกในการดูดซึมพลังไปพร้อมกับมีความสุขกับกำไรที่ได้มา!
เมื่อข่าวเื่การแลกเปลี่ยนยาเงียบลงแล้ว หลินลั่วหรานก็คิดขึ้นมาว่าเธอควรจะเข้าไปที่เมืองหลวงดีไหม?