เมื่อกลับถึงเรือนอวิ๋นไคใบหน้าของซูจิ่นซีก็แดงก่ำราวกับก้นลิงอย่างไรอย่างนั้น
แม่นมฮวามองซูจิ่นซีแล้วเผยยิ้มอย่างมีเลศนัย
ทว่าลวี่หลีกลับเป็เด็กสาวที่ไม่รู้เื่ทางโลก นางไม่เข้าใจสิ่งใดเลย
“คุณหนู ท่านร้อนใช่หรือไม่เพคะ? ”
“ไม่นี่! ”
ลวี่หลีมองไปยังด้านนอกอย่างสงสัย “วันนี้อากาศก็ไม่ได้ร้อนมากนะเพคะเหตุใดใบหน้าของคุณหนูจึงแดงได้ถึงเพียงนี้? หรือว่าคุณหนูได้รับลมเย็นแล้วเป็ไข้?้าให้ข้าน้อยไปเชิญหมอหรือไม่เพคะ”
ซูจิ่นซีกะพริบตาเล็กน้อย จงใจหลีกเลี่ยงสายตาของลวี่หลี
“ไม่เป็ไร ข้านั่งพักสักครู่ก็หายแล้ว”
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกันเพคะ? ป่วยแล้วก็ต้องเชิญหมอมิเช่นนั้นอาการป่วยจะหายได้อย่างไรเพคะ? ”
แม่นมฮวายกถ้วยกระเบื้องใบเล็กเข้ามาแล้วผลักลวี่หลีออกไป
“เ้าเด็กนี่ช่างไม่เข้าใจอันใดเลย อย่าได้พูดจาสุ่มสี่สุ่มห้า”
“แม่นมฮวา ข้าพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าที่ใดกัน ท่านดูใบหน้าคุณหนูสิ ท่านร้อนจนเป็เช่นนี้แล้ว”
ลวี่หลีเต็มไปด้วยความคับข้องใจ นางชี้ไปยังแก้มของซูจิ่นซี
แม่นมฮวาเม้มปากยิ้ม นางหวังจะกันให้ลวี่หลีออกไป “ไปๆ ห้องครัวเล็กยังพอมีน้ำแกงไก่เหลืออยู่อีกหนึ่งถ้วย เ้ายกไปให้ท่านอ๋องไป”
สีหน้าของลวี่หลีซีดลงด้วยความใ
“ไม่เอา ข้าไม่ไป! แม่นมฮวา้าถวายให้ท่านอ๋องท่านก็ไปเองสิ”
ลวี่หลีปฏิเสธโอกาสทั้งหมดที่จะจัดการเื่ต่างๆ ให้เยี่ยโยวเหยา
ท่านอ๋อง... เ็าและน่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ
แม่นมฮวายิ้ม ในดวงตาปรากฏความภาคภูมิใจ “กลัวท่านอ๋องหรือ?กลัวก็ถูกแล้ว อยู่ห่างๆ เล่า”
ลวี่หลีทำหน้ามุ่ย ยืนอยู่ด้านข้างด้วยความน้อยอกน้อยใจเป็อย่างมาก
แม่นมฮวายิ้มอีกครั้ง นางวางสิ่งของที่อยู่ในมือไว้ด้านข้างของซูจิ่นซี
“พระชายาเพคะ น้ำแกงไก่ตุ๋นโสมเสร็จแล้วนะเพคะ ข้าน้อยทราบว่าคืนนี้พระชายาอาจต้องลำบากข้าน้อยจึงได้เพิ่มยาบำรุงร่างกายลงไปในน้ำแกงอีกจำนวนหนึ่งแล้ว ท่านลองชิมดูเพคะ”
ซูจิ่นซีอารมณ์หดหู่
แม่นมฮวาเห็นซูจิ่นซีไม่พูด นางจึงยิ้มและกล่าวอีกว่า “ท่านอ๋องนี่จริงๆ เลย พระชายากับท่านอ๋อง เท้าหน้าพึ่งจะเดินเข้าประตูมาเท้าหลังก็... ฮิฮิ เพียงแต่พระชายา ท่านก็ทนลำบากเอาหน่อยอย่างไรข้างกายท่านอ๋องก็มีท่านเพียงผู้เดียวดีกว่าจวนอื่นที่มีนางสนมอีกสามสี่นาง พระชายา...ท่านว่าอย่างไรเพคะ! ”
ซูจิ่นซีไม่้าทนอีกต่อไป และนางก็ไม่้าให้แม่นมฮวาเข้าใจผิดเช่นนี้ด้วย
“แม่นมฮวา ระหว่างข้ากับท่านอ๋องไม่มีอันใดเกินเลยเ้าไม่เชื่อก็ไปถามท่านอ๋องดู ต่อไปข้าไม่อนุญาตให้เ้าพูดทำนองนี้อีกหากเ้าพูดให้ข้าได้ยินอีกครั้ง ข้าจะส่งเ้ากลับไปอยู่ข้างกายเยี่ยโยวเหยา ไม่ต้องติดตามข้าอีกต่อไปแล้ว”
แม่นมฮวาตกตะลึง ใบหน้าชราสะดุ้งทั้งยังใมาก นางยืนค้างไม่ตอบสนองเป็เวลานาน
ซูจิ่นซีมองไปที่น้ำแกงไก่บนมือของแม่นมฮวา
“แล้วก็น้ำแกงไก่นี้ ต่อไปไม่อนุญาตให้ต้มแล้วแล้วก็ไม่อนุญาตให้พูดถึงน้ำแกงไก่ตุ๋นโสมต่อหน้าข้า หากผู้ใดกล้าเอ่ยถึงข้าไม่จบกับคนผู้นั้นแน่”
แม่นมฮวาตกตะลึง ตัวแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอย่างไรอย่างนั้น
ในใจของแม่นมฮวารู้สึกเสมอว่าความสัมพันธ์ระหว่างเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีนั้นพวกเขารักกันอย่างดูดดื่มหวานซึ้งจนไม่รู้จะเอ่ยอย่างไรแล้วเยี่ยโยวเหยาก็โปรดปรานรักใคร่ซูจิ่นซีมากเช่นกัน ท่านอ๋องที่ราวกับน้ำแข็งเย็นะเืนับพันปีในที่สุดก็รู้จักััสตรีแล้ว ความกังวลใจตลอดชีวิตของแม่นมฮวาเกี่ยวกับเื่สำคัญของเยี่ยโยวเหยาพังครืนลงมา
กลับคาดไม่ถึงว่า ที่แท้ความสัมพันธ์ระหว่างซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยานั้นไม่มีอันใดเลย
เพียงได้ยินประโยคนี้เท่านั้น แม่นมฮวาก็รู้สึกราวกับว่าเื่ราวดีงามทั้งหลายที่นางได้เห็นใน่เวลาที่ผ่านมานี้ได้กลายเป็ภาพมายาและสลายหายไปประโยคหลังซูจิ่นซีพูดว่าอย่างไร ไม่ได้ผ่านเข้าหูนางเลยสักคำ
“แม่นมฮวา เ้าไม่เป็อันใดใช่หรือไม่? ”
ลวี่หลีเห็นว่าแม่นมฮวามีท่าทีแปลกไป จึงดึงแขนเสื้อของแม่นมฮวา “แม่นมฮวา! แม่นมฮวา! ”
หลังจากนั้นไม่นานแม่นมฮวาถึงมีการตอบสนองกลับมา บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มแห้งๆส่งให้ซูจิ่นซี
“พระชายา หากท่านไม่ชอบ ต่อไปนี้ข้าน้อยก็จะไม่พูดอีก น้ำแกงนี่ก็ไม่ทำแล้วท่านชอบทานสิ่งใด อยากทานสิ่งใด บอกข้าน้อยได้เลยเพคะ ข้าน้อยจะทำให้ท่าน”
“เช่นนั้น... ข้าน้อยขอตัวลาก่อน”
แม่นมฮวาพูดเสร็จก็รีบวิ่งลงไปข้างล่าง เมื่อพ้นจากสายตาของซูจิ่นซีขาของแม่นมฮวาก็อ่อนแรงลง หากไม่ได้จับราวบันไดไว้ก็อาจล้มลงแล้ว
แม่นมฮวาถือน้ำแกงไก่ในมือเข้าไปในครัวอย่างอ่อนแรง จากนั้นนางก็เดินกลับไปยังห้องของตนขังตัวเองอยู่ในห้องและไม่ออกมาเลยตลอด่บ่าย
แม่นมฮวาไม่มีความสุข ไม่ใช่เพราะถูกซูจิ่นซีตำหนิ และไม่ใช่เพราะคิดไม่ตกทว่านางกำลังเป็ห่วงเยี่ยโยวเหยา
แม้ระหว่างนางและเยี่ยโยวเหยาจะมีความแตกต่างทางสถานภาพกันอยู่มากทว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม่นมฮวาก็ปฏิบัติต่อเยี่ยโยวเหยาเหมือนเป็บุตรชายของตนเอง
ท่านอ๋องเ็าเกินไป โดดเดี่ยวเกินไปภาระหน้าที่ของเขาก็มากเกินไปเช่นกัน เขาไม่มีแม้กระทั่งความเป็มิตรและความเห็นอกเห็นใจดั่งเช่นมนุษย์ดังนั้นนางจึงหวังอยู่เสมอว่าข้างกายของเยี่ยโยวเหยาจะมีพระชายาที่อ่อนโยนและมีคุณธรรมคอยสอนให้เขาเข้าใจถึงการยิ้ม การร้องไห้ เข้าใจที่จะวางแผน ปรึกษาหารือและโต้เถียงกันสอนให้เขาเข้าใจถึงอารมณ์ของคนว่านอกจากความเ็าแล้วนั้น ยังมีความสุข ความโกรธความเศร้า ความสุข และความ้า
เป็เวลานานมากแล้วที่ซูจิ่นซีปรากฏตัวขึ้น หลังจากที่เยี่ยโยวเหยาให้ข้อยกเว้นมากมายกับนางตอนที่ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาไปไหนมาไหนด้วยกัน หรือตอนที่มีข่าวลือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีแม่นมฮวาก็คิดว่าสตรีที่นางรอคอยมานานแสนนานสุดท้ายก็ปรากฎตัวขึ้นแล้ว
ทว่านางคิดไม่ถึงว่า แท้จริงแล้วทั้งหมดนี้ล้วนเป็เพียงภาพลวงตาของนางเอง
“ลวี่หลี ข้าพูดรุนแรงเกินไปหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีมองตามหลังของแม่นมฮวาที่จากไปอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย
ลวี่หลีขมวดคิ้วอย่างแ่เบา
“คุณหนู ท่านไม่จำเป็ต้องโทษตนเองเพคะ พวกเราทุกคนเป็บ่าวรับใช้ คุณหนูเป็เ้านายเมื่อพวกเราปรนนิบัติท่านได้ไม่ทั่วถึง ท่านพูดตักเตือนสองประโยคก็สมควรแล้วเพคะ”
กล่าวได้ว่า ใน่เวลาที่ผ่านมานี้ ซูจิ่นซีพยายามอย่างหนักเพื่อปรับตัวให้เข้ากับแิของห้วงเวลานี้ทว่าโดยพื้นฐานอุปนิสัยของนาง นางมีความคิดที่ว่าทุกคนมีความเท่าเทียมกันและความคิดนั้นยังไม่บิดเบือนไปแต่อย่างใด
โดยเฉพาะแม่นมฮวาที่เป็ผู้าุโของจวนนี้ ซูจิ่นซีจึงรู้สึกผิดกับนางอยู่เล็กน้อย
ดังนั้นในมื้อเย็น ซูจิ่นซีจึงขอให้ลวี่หลีไปที่ห้องครัวเล็กและนำน้ำแกงไก่ที่แม่นมฮวานำมาให้นางก่อนหน้านี้มาดื่มเสียจากนั้นซูจิ่นซีก็เรียกแม่นมฮวาให้มาหาและแอบมอบของขวัญล้ำค่าให้นางหนึ่งอย่าง
บัวหิมะเทียนซาน
ก่อนหน้านี้ตอนที่ไปถอนพิษกระดูกให้เฉินไท่เฟย ซูจิ่นซีได้ฉวยโอกาสทำลายเยี่ยเซินโดยการขอให้เยี่ยโยวเหยาไปแย่งชิงบัวหิมะเทียนซานมาจากเยี่ยเซิน
ในเวลานั้นซูจิ่นซีได้ทำให้มันกลายเป็ผง เพื่อความสะดวกในการ ‘กรอก’ และเก็บไว้ในร่างกายของนาง
เมื่อแม่นมฮวามา ซูจิ่นซีก็ไม่ได้บอกนางอย่างชัดเจน เพียงใส่ยาบำรุงจำนวนหนึ่งผสมลงในน้ำชาแล้วให้แม่นมฮวาดื่มลงไป
บัวหิมะเทียนซานเป็ยาสมุนไพรที่ล้ำค่ามาก และยังเป็ยาบำรุงที่มีค่ามากเช่นกันมันส่งผลดีต่อร่างกายของมนุษย์ยิ่งนัก โดยเฉพาะกับหญิงชราที่มีอายุมากอย่างแม่นมฮวามันยังมีสรรพคุณทำให้อายุยืนยาว ต่อต้านริ้วรอย และชะลอความแก่ชราได้
แม่นมฮวาไม่รู้เื่อันใดเลย อีกทั้งซูจิ่นซียังพูดถึงเื่ที่หลายปีมานี้แม่นมฮวาทุ่มเททำงานหนักอยู่ข้างกายเยี่ยโยวเหยามาโดยตลอด แม่นมฮวาจึงคิดว่าซูจิ่นซีกำลังปลอบโยนนางเื่เมื่อตอนกลางวันจึงเรียกให้นางมาดื่มน้ำชาธรรมดาๆหลังจากดื่มเสร็จซูจิ่นซีก็พูดเกี่ยวกับความซื่อสัตย์อีกเล็กน้อย และปล่อยให้แม่นมฮวาไปทำงานต่อ
ไม่นานเื่นี้ซูจิ่นซีกับแม่นมฮวาก็ได้เปิดใจปล่อยวางแล้ว ไม่ได้เก็บมาใส่ใจมากนักเพราะตอนนี้ยังมีเื่ที่สำคัญยิ่งกว่าให้ซูจิ่นซีใส่ใจ
นั่นก็คือ...เื่การสืบหาตัวฆาตกรที่วางยาฮองเฮา
ผ่านไปอีกหนึ่งวันแล้ว เหลือเวลาอีกเพียงห้าวันก่อนจะถึงกำหนดเส้นตายหนึ่งเดือน
อีกทั้งยังมีเื่ระหว่างนางกับฮั่วอวี้เจียวที่ได้เดิมพันกันไว้อีกด้วย
ความจริงแล้วการสืบสวนนี้ใช่ว่าไม่มีต้นสายปลายเหตุเพียงแต่มีการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็ค่อยไป กินระยะเวลายาวนานและค่อนข้างซับซ้อนเื่ที่เกิดขึ้นวันนี้ที่ร้านสุรานอกเมืองหลวงและในวัง ดูเหมือนว่าซูจิ่นซีได้แหวกหญ้าให้งูตื่นเข้าเสียแล้วดังนั้นหากคิดจะจับฆาตกรที่วางยาพิษฮองเฮาให้ได้ภายในห้าวัน ก็นับเป็เื่ที่ยากมากและไม่ธรรมดาเสียด้วย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้