บทที่ 59 คุณหนูหลิน
สามวันต่อมา ในห้องปรุงโอสถของเรือนหงอวี่บนูเาเทียนฉยง
เรือนหงอวี่ เป็ชื่อที่ลู่อวี่ตั้งให้กับเรือนของเขาเอง ห้องปรุงโอสถก็เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เหตุผลที่เพิ่งทำเสร็จตอนนี้ก็เพราะที่พักของเขาอยู่ไกลจากไฟใต้พิภพมากเกินไป หากไม่ใช่เพราะชื่อเสียงและบารมีในตระกูลลู่ตอนนี้ของเขาที่เหมือนดั่งพระอาทิตย์ที่ส่องแสงเจิดจ้า ต่อให้ลู่อวี่เอ่ยปากขอ ก็คงจะถูกคัดค้านไม่น้อย คงไม่มีทางสร้างห้องปรุงโอสถไฟใต้พิภพอย่างตอนนี้ให้ เพราะที่พักของเขาไม่ได้อยู่ที่เชิงเขา แต่อยู่ใกล้ยอดเขาเทียนฉยง
ในเวลานี้ จีชิงรั่วกำลังนั่งเงียบๆ อยู่ตรงข้ามกับอาจารย์ของนาง และฟังเกี่ยวกับข้อห้ามต่างๆ ในการปรุงยาอายุวัฒนะที่ลู่อวี่อธิบายให้ฟังอยู่ ยังมีลู่หงิ ลู่เหว่ยเฉิน และลู่หนานมาฟังด้วย
หลังจากที่จีชิงรั่วได้พบกับพ่อแม่และญาติพี่น้องเมื่อวานนี้ ก็สบายใจขึ้นมาก ยิ่งไปกว่านั้น นางยังเป็ลูกศิษย์เพียงคนเดียวของลู่อวี่อีกด้วย นางทั้งอ่อนโยนและสงบเสงี่ยม จึงเป็ที่รักไม่ด้อยไปกว่าลู่หนานเ้าหญิงน้อยของตระกูลลู่
“ปรุงยาอายุวัฒนะจะควบคุมอุณหภูมิในเตาปรุงโอสถได้อย่างไร และจะขจัดสิ่งเจือปนในวัตถุดิบยาได้อย่างไรโดยไม่ทำลายสรรพคุณของยา?” ลู่อวี่ถามด้วยท่าทีเรียบเฉย ทำให้คนที่กำลังฟังอยู่อย่างใจจดใจจ่อใทันที
ยังเป็ลู่หงิที่รู้ตัวเป็คนแรกและพูดว่า “เื่นี้คงต้องขึ้นอยู่กับประสบการณ์แล้ว ยิ่งปรุงยามากเท่าไร ก็จะยิ่งควบคุมอุณหภูมิได้ดีมากขึ้นเท่านั้น! สำหรับวิธีการกลั่นกรองสิ่งเจือปนออก โดยไม่ทำลายสรรพคุณของยา เื่นี้ ก็น่าจะต้องฝึกฝนให้มากยิ่งขึ้น!”
แม้แต่ลู่หงิก็ยังตอบคำถามอย่างติดๆ ขัดๆ ดังนั้นคนอื่นที่เหลือก็อย่าได้คาดหวัง แต่ลู่อวี่กลับไม่โกรธ เพราะเดิมทีเขาก็ไม่้าให้พวกเขาตอบคำถามให้ได้กันจริงๆ เพียงเปิดโอกาสให้พวกเขาได้คิดและให้ความสำคัญต่อคำถามนี้ก็เท่านั้น
“ท่านอาจารย์ การควบคุมอุณหภูมิ หมายถึงการควบคุมเปลวไฟใช่หรือไม่? เช่นนั้น การจะกลั่นสิ่งเจือปนออกไป โดยไม่ให้ทำลายสรรพคุณของยา ก็ต้องระบุก่อนว่าสิ่งเจือปนนั้นคืออะไร แต่ยาอายุวัฒนะอยู่ในเตาหลอม ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่นนั้นก็ต้องใช้ อะ อันนี้ อันนั้น... “
จีชิงรั่วอายุเพียงสิบสองปีเท่านั้น และใช้เวลาในการฝึกฝนเพียงน้อยนิด ดังนั้นถึงแม้จะมีความรู้ในการฝึกจิตกำเนิดลมปราณมากมาย ลู่อวี่ก็เลือกใช้ดัชนีสัมพันธ์จิตใจส่งต่อไปในหัวของนาง เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้ขึ้นมาจริงๆ ก็จะเข้าใจขึ้นมาทันที มันเป็อะไรที่พูดไม่ออก
“มันคือสติปัญญา และไหวพริบ น้องชิงรั่ว ใช่หรือไม่?” ลู่หนานและจีชิงรั่วนั่งอยู่ข้างกัน เมื่อได้ยินจีชิงรั่วพูดติดอ่าง ก็รู้สึกร้อนใจและช่วยพูดให้ เมื่อจีชิงรั่วได้ยินเช่นนี้ ดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นมาทันที รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว และหันไปมองลู่หนานด้วยความขอบคุณ จากนั้นจึงมองลู่อวี่อย่างคาดหวัง เพราะกลัวว่าสิ่งที่ตัวเองพูดจะผิด
บนใบหน้าเรียบเฉยของลู่อวี่ มีรอยยิ้มแห่งความภูมิใจปรากฏขึ้นในเวลานี้ เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ชิงรั่วพูดได้ดียิ่งนัก หาก้าควบคุมอุณหภูมิ ต้องควบคุมเปลวไฟเสียก่อน ส่วนใหญ่คนปรุงโอสถระดับต่ำจะใช้ไฟใต้พิภพในการปรุงยาอายุวัฒนะทั้งหมด แม้ว่าไฟจะมีอุณหภูมิที่เพียงพอ แต่ก็มีความร้อนตามธรรมชาติ และควบคุมได้ยาก ซึ่งเพิ่มความยากในการปรุงยาไม่น้อย แต่มีเปลวไฟน้อยมากในโลกนี้ที่สามารถควบคุมได้ง่าย เช่นนั้น คนปรุงโอสถส่วนใหญ่จึงอาศัยประสบการณ์ในการควบคุมเปลวไฟ”
“สำหรับการกำจัดและการขัดเกลาสิ่งเจือปน นับว่าเป็เื่ซับซ้อนยิ่งกว่า แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชิงรั่วพูดถูก ด่านนี้ต้องใช้สติปัญญาและไหวพริบสูงไม่น้อย!”
ลู่หงิ ไม่มีความอิจฉาหรือไม่พอใจที่จีชิงรั่วสามารถตอบคำถามของลู่อวี่ได้ ตอนนี้เขาอยู่ในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของการเป็คนปรุงโอสถขั้นหก และกำลังมุ่งมั่นที่จะเป็คนปรุงโอสถขั้นห้าคนที่สองของตระกูลลู่ จะมีเวลามาอิจฉาเด็กผู้หญิงอายุเพียงสิบสองปีผู้หนึ่งได้อย่างไรกัน หากทำเช่นนั้น ก็กลายเป็บุรุษหน้าไม่อายกันพอดี
“นายน้อย การควบคุมเปลวไฟนั้นพอจะเข้าใจ แต่สติปัญญาและไหวพริบคิดว่าคงยาก ตอนนี้ข้าก็มีพลังยุทธ์ในขั้นฟันฝ่าแล้วเหมือนกัน สติปัญญาและไหวพริบก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่านายน้อยมากนัก แต่เวลาปรุงยาอายุวัฒนะ สติปัญญาและไหวพริบไม่สามารถใช้ในเตาหลอมยาได้ ดูเหมือนว่าภายในจะมีบางอย่างขัดขวางอยู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแยกแยะ และระบุสิ่งเจือปนที่อยู่ในนั้น หากสติปัญญาและไหวพริบสามารถเจาะทะลุเข้าไปในเตาหลอมยาได้ ระดับความสามารถของคนปรุงโอสถก็คงพัฒนาขึ้นได้ราวกับก้าวะโ เช่นนั้น การใช้สติปัญญาและไหวพริบโดยพื้นฐานแล้ว มันเป็ไปไม่ได้เลย”
ลู่อวี่ได้ยินก็ยิ้มและพยักหน้าเช่นกัน มองไปยังสามสี่คนที่อยู่ตรงข้ามแล้วพูดว่า “พวกเ้ามีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?”
เมื่อเห็นว่าทุกคนเงียบไป ลู่อวี่ถึงพูดขึ้นมาว่า “ท่านผู้เฒ่าห้าบอกว่า มีบางอย่างขัดขวางเตาหลอมยา อุปสรรคเช่นนี้มีอยู่จริง! หากถามว่าจะทำลายมันได้หรือไม่? อุปสรรคเช่นนี้ตลอดหมื่นปีที่ผ่านมา แทบไม่มีใครรู้ว่ามันคือสิ่งใด หากเป็เช่นนั้น ข้าจะบอกกับพวกเ้าว่า อุปสรรคนี้เรียกว่า ‘อุปสรรคทางใจ’ ตราบใดที่ใจของเ้าคิดจะทำลายมัน หรือมั่นใจว่าทำลายมันไม่ได้ เมื่อนั้นมันก็จะปรากฏออกมาทุกเมื่อ และจะไม่มีวันทำลายมันไปได้ตลอด คล้ายกับ ‘ความไม่รู้’ ตามหลักพุทธศาสนา วิธีการทำลายก็คล้ายกันไม่น้อย ต้องใช้ทั้งความเพียร และความเข้าใจ ข้าบอกพวกเ้าได้เพียงว่านี่คือสิ่งใด และจะทำลายมันอย่างไร ล้วนขึ้นอยู่กับตัวพวกเ้า ไม่เช่นนั้นในโลกนี้คงจะมีคนปรุงโอสถขั้นสูงเต็มไปหมด”
“อ่า? ฟังพี่ชายพูดมาเช่นนี้ ดูเหมือนมันจะยากไม่น้อย หรือว่าคนปรุงโอสถขั้นสูงทุกคนต้องทำลายอุปสรรคทางใจก่อนถึงจะเป็ได้?” ลู่หนานขมวดคิ้วแน่นพร้อมทั้งเอ่ยปากถาม
ลู่อวี่พยักหน้าและกล่าวว่า “แน่นอนว่าไม่ ในโลกนี้ยังมีเคล็ดวิชาแปลกๆ มากมายนับไม่ถ้วน อาจมีวิธีการดังกล่าวอยู่ เพียงแต่พี่ชายไม่รู้ก็เท่านั้น แต่ไม่ว่าจะทำลายอุปสรรคทางใจได้หรือไม่ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็คนปรุงโอสถขั้นสูงไม่ได้ แต่เช่นนี้มันยิ่งยากขึ้นเท่านั้น”
หลังจากหยุดไปสักพัก เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของทุกคน ก็ยิ้มและพูดว่า “เอาละ อุปสรรคทางใจก็เหมือนกับเราฝึกฝนมาจนใกล้ประสบความสำเร็จแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่จะฝ่าด่านไปได้ การทำลายอุปสรรคทางใจนั้น ยังยากกว่าการฝึกฝนจนใกล้จะสำเร็จแล้วขึ้นไปอีกไม่รู้กี่เท่าตัว และไม่มีวิธีการที่ตายตัว ข้าบอกสิ่งนี้กับพวกเ้าเพียงเพื่ออยากให้พวกเ้ารู้เื่นี้ไว้ วันหลังหากปรุงยาก็ให้ระวังมากขึ้น บางทีเมื่อโอกาสมาถึง อาจจะสามารถทำลายได้ เมื่อเงื่อนไขพร้อม ภายภาคหน้า หากปรุงยาอายุวัฒนะก็จะได้รับผลลัพธ์ถึงสองเท่า โดยที่ใช้ความพยายามเพียงน้อยนิด เอาละ วันนี้พูดถึงเื่นี้เพียงเท่านี้ก่อน พวกเ้าจงกลับไปศึกษาและฝึกฝนด้วยตัวเอง!”
เมื่อลู่หนานได้ยินเช่นนี้ ก็รีบดึงมือของจี้ชิงรั่วมาทันทีแล้วพูดว่า “ชิงรั่ว ไปกันเถอะ เสวียนเสวียนยังรอเราอยู่ วันนี้ข้าจะพาพวกเ้าไปที่สนุกๆ ที่หนึ่ง แม้แต่พี่ชายก็ไม่รู้จัก!” ขณะที่พูดก็ไม่สนใจลู่อวี่ที่นั่งอยู่ จูงมือจีชิงรั่วออกไปทันที
ลู่อวี่เห็นเช่นนั้น ก็ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความปวดหัว นับั้แ่จีชิงรั่วมาถึงที่ตระกูลลู่เมื่อสองวันก่อน ลู่หนานก็เหมือนมีสหายคนใหม่อีกคน แต่ก่อนตอนที่ไม่มีมู่เสวียนและจีชิงรั่ว นางก็ไม่ได้มีเพื่อนเล่นอะไร จึงมักจะมาเกาะแกะอยู่กับตน แต่ตอนนี้นางมีสหายของตัวเองแล้ว มีหรือจะไม่ดีใจ วันๆ ก็พาสหายทั้งสองคนไปวิ่งเล่นเหาะเหินเดินอากาศ คนในตระกูลลู่เห็นกันจนชินตาไปเสียแล้ว
ลู่อวี่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะจีชิงรั่วยังเด็ก เป็วัยที่กำลังรักความสนุกสนาน เพียงฝึกฝนบทเรียนให้เสร็จตรงเวลาทุกวันได้ เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากเช่นกัน
ในขณะที่เขากำลังจะเริ่มฝึกซ้อม ทันใดนั้นก็มีแสงสีเขียวพุ่งเข้ามาในห้อง มันคือแสงกระบี่ส่งสาร
“ครึ่งเดือนต่อมา ตระกูลเซี่ยได้จัดงานประมูลครั้งใหญ่ขึ้นที่เมืองตงหลิงของพวกเขาเอง ภายในนั้นมีสมบัติล้ำค่ามากกว่าสิบประเภท!”
ข่าวนี้ส่งมาจากลู่เหว่ยจุน บิดาของเขาเอง เขาส่งมาถามลู่อวี่ว่าสนใจหรือไม่ ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือน
ลู่อวี่ถอนหายใจเบาๆ เขาเพิ่งจะได้อยู่อย่างสงบและเตรียมตัวฝึกบำเพ็ญเพียรสักพัก ใครจะไปรู้ว่าตระกูลเซี่ยจะมาจัดงานประมูลเช่นนี้ขึ้นอีกครั้ง สำหรับคนปรุงโอสถเช่นเขา เื่อื่นไม่สนใจ แต่กลับไม่สามารถละทิ้งสมบัติอัจฉริยะเ่าั้ได้จริงๆ หลังจากคิดไตร่ตรองดูแล้ว จึงตัดสินใจไปดูเมื่อถึงเวลา เพราะไม่มีคนปรุงโอสถคนใดรังเกียจที่มียาวิเศษในมือมากเช่นนี้
ครึ่งเดือนผ่านไปในชั่วพริบตา
ตงหลิง เป็ที่ตั้งของตระกูลเซี่ย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของดินแดนตะวันออก ใกล้กับทะเลตะวันออก ซึ่งอยู่ห่างจากูเาเทียนฉยงตรงจุดเชื่อมต่อดินแดนตะวันตกเฉียงใต้มากกว่าห้าพันลี้ แม้ว่าลู่อวี่จะมีพลังยุทธ์ถึงขั้นฟันฝ่าแล้วก็ตาม แต่หากใช้วิชาล่องหน หรืออาศัยบินไปโดยไม่หยุดพัก ก็ยังต้องใช้เวลาถึงสามวัน ดังนั้นลู่อวี่และพรรคพวกจึงเลือกเดินทางโดยเรือแสงตัดเมฆา์ของตระกูลลู่แทน แต่ถึงกระนั้น ก็ต้องใช้เวลาสองวันกว่าจะมาถึงเมืองตงหลิงของตระกูลเซี่ย
ครั้งนี้มีคนติดตามลู่อวี่ไปที่เมืองตงหลิงค่อนข้างมาก นอกเหนือจากตู้เสวียนเฉิงแล้ว ยังมีจีชิงรั่ว มู่เสวียน ลู่หนาน และลู่เหว่ยเฉิน รวมถึงองครักษ์คนเดิมในตระกูลอย่างลู่เสียง และคนของลู่อวี่อีกสี่คน รวมทั้งหมดก็สิบคนพอดี
ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งวัน ก่อนที่งานประมูลจะเริ่มขึ้น มันเพียงพอให้ลู่อวี่ และคนอื่นๆ ได้เดินเล่นสบายๆ ในเมืองตงหลิงกัน พวกเขาเดินทางมาด้วยเรือแสงตัดเมฆา์ ที่ได้เสริมสร้างลมปราณและกำลังจนแข็งแกร่งกันไว้จนเพียงพอแล้ว เช่นนั้นแล้ว ทันทีที่มาถึงสถานที่นั้น แม่นางน้อยทั้งสามคน รวมลู่หนานต่างก็กระตือรือร้น มองไปรอบๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น
มู่เสวียนอาศัยความสัมพันธ์จากท่านปู่มู่ซิงเหอของนาง จึงสนิทสนมกับเซี่ยชิงเหยียน สตรีงามน้องเล็กของตระกูลเซี่ยเป็อย่างมาก และเคยมาที่เมืองตงหลิงหลายครั้ง เช่นนั้นแล้ว จึงดึงลู่หนานและจีชิงรั่วมาเล่าถึงสิ่งที่พบเห็นของเมืองตงหลิงให้ฟัง
ทุกคนที่มากับลู่อวี่นอกจากตัวเขาแล้ว ต่างก็เคยมาที่นี่กันหลายครั้ง ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกแปลกตา หลังจากที่ลู่อวี่เสนอว่าจะหาซื้อวัตถุดิบที่นี่ก่อน ถึงได้จัดหาสถานที่ที่มีชื่อเสียงและดูดีหลายแห่งให้เขาเลือก
ณ เมืองเสวียนจ้งของตระกูลหลินทางทิศตะวันตก
“อะไรนะ? พวกท่านปล่อยให้คนแซ่ลู่ไร้ค่า นำตัวต้นกล้าที่มีความสามารถอย่างไม่มีใครเทียบเคียงได้ไปหรือ? เพื่อยาอายุวัฒนะเพียงไม่กี่เม็ดนั่น? เื่เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? พี่ใหญ่ ตำแหน่งนายน้อยของท่านมีไว้ด้วยเหตุใดกัน นั่นไม่ใช่ว่าที่ภรรยาในตระกูลของท่าน ที่หมายปองเอาไว้หรือ ต่อให้จะมอบตำแหน่งฮูหยินให้ไม่ได้ แต่ก็นับว่าเป็สตรีของท่านแล้ว ท่านได้แต่มองดูคนสวมเขาให้ท่านเช่นนี้หรือ?”
สวนดอกไม้แห่งหนึ่งในเรือนชั้นในของตระกูลหลิน สตรีงามในวัยยี่สิบต้นๆ มีสีหน้าโกรธจัด ใบหน้าสวยแดงก่ำไปด้วยความโกรธจัด ทำให้หน้าอกที่ตั้งตระหง่านอยู่แล้ว ยิ่งขยับเป็ลูกคลื่นมากยิ่งขึ้น
“น้องสาม นี่เ้ากำลังพูดเื่อะไรอยู่? ข้าเองก็คิดถึงผลประโยชน์โดยรวมของตระกูล เ้าคิดว่าข้าจะรู้สึกสบายใจหรือ? แต่เ้าเองก็รู้ พวกคนที่ไม่มองการณ์ไกลในตระกูลเ่าั้ ทันทีที่เห็นว่ามียาอายุวัฒนะใช้ มีหรือจะมาสนใจความรู้สึกของข้า?” หลินเยวี่ยนั่งอยู่บนม้านั่งหินหนึ่งและพูดด้วยใบหน้าเศร้าหมอง แน่นอนว่าเขาเองก็โกรธมาก และถึงกับคิดที่จะฆ่าลู่อวี่ทิ้งด้วยซ้ำ แต่ในความเป็จริงแล้ว เขาทำไม่ได้และไม่กล้าทำ เช่นนั้นแล้ว จึงทำได้เพียงจำใจและโกรธอยู่ที่นี่
หลินเหยา คุณหนูสามของตระกูลหลิน นางถูกนักพรตลึกลับผู้หนึ่งพาตัวเดินทางไปในที่ห่างไกลเมื่อกว่าสิบปีก่อน เพื่อเรียนรู้ศิลปะความรู้ เพราะมีความสามารถที่โดดเด่นเกินใคร และจะกลับมาที่เมืองเสวียนจ้งทุกๆ สามถึงห้าปีเท่านั้น ตอนนี้นางมีพลังยุทธ์อยู่ใน่ปลายขั้นฟันฝ่าแล้ว และเป็หนึ่งไม่เป็สองรองเซี่ยชิงเหยียน อัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลเซี่ยในโลกการบำเพ็ญเพียรแห่งเทียนตู
เดิมทีครั้งนี้นางกลับมาเพื่อเยี่ยมญาติ แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินเื่พิธีรับศิษย์ในทันทีที่กลับมา รู้สึกได้ถึงความโมโหเดือดดาลที่ปะทุขึ้นในอกอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตระกูลหลินก็เป็หนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่แห่งเทียนตู แต่ครั้งนี้กลับถูกตระกูลลู่ที่มีอันดับและความแข็งแกร่งต่ำกว่าเหยียบหน้า เื่นี้ยังไม่ว่า แต่กว่าจะพบอัจฉริยะผู้มีความสามารถโดดเด่นผู้หนึ่งได้ นับว่าไม่ง่าย ทว่ากลับหยิบยื่นโอกาสให้ผู้อื่น เพราะเห็นแก่ยาอายุวัฒนะไม่กี่เม็ดนั่น สิ่งนี้ทำให้นางโกรธมากจนไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้