หลิ่วไป๋เจ๋อกำหมัดแน่น มองไปยังอูิโยวและกัดฟัน คนคนนี้ไม่เคยแสดงท่าทีเช่นนี้มาก่อน อูิโยวจึงรู้สึกขบขันมาก หัวเราะจนน้ำตาไหล
“ฮึ!”
หลิ่วไป๋เจ๋อหันหลังและวิ่งออกจากเรือน มีอูิหลิงและอูิเยี่ยวิ่งตามไป ก่อนไปอูิหลิงหันมาจ้องน้องชายด้วยท่าทีไม่พอใจ
“นี่ พวกท่านวิ่งหนีกันทำไม ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง!”
อูิโยววิ่งตามออกไป คนทั้งสามคนที่เมื่อครู่ยังเห็นชัดๆ ว่าอยู่เบื้องหน้า ทว่ากลับหายไปในทันทีที่เขาก้าวพ้นตัวบ้าน ตรงหน้าไม่ใช่ลานนอกห้องตำราอีกต่อไป แต่เป็ชิงหลิ่วถังที่มีใบหลิวพลิ้วไหว
“อูิโยว รีบมาช่วยข้าเร็วเข้า พวกเขาเสียงดังเกินไปแล้ว!”
เสียงหลิ่วเฉิงเฟิงดังมาจากด้านหลัง ิโยวหันกลับไปก็เห็นชายหนุ่มที่อยู่ในวัยสวมจี๋กวานกำลังยุ่งอยู่กับเด็กน้อยสองคน ทั้งคู่อายุราวๆ สองถึงสามขวบ
“เหตุใดยังเอาแต่ยืนอยู่ ยังไม่มาช่วยข้าอีก!”
อูิโยวก้าวไปรับเด็กคนหนึ่งมาจากอ้อมแขนของหลิ่วเฉิงเฟิง เป็เด็กผู้หญิงตัวเล็กที่มีคิ้วหนา ตาโต นางถักเปียสองข้าง ใบหน้าอ้วนท้วนราวกับเทพธิดาในภาพวาด
หลิ่วเฉิงเฟิงวางเด็กน้อยอีกคนลงบนโต๊ะหิน แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ข้าประหลาดใจยิ่งนัก เหตุใดเด็กสองคนนี้ถึงไม่เหมือนบิดาของพวกเขาสักนิด ซุกซนเกินไปแล้ว!”
“บิดาของพวกเขาคือใคร”
หลิ่วเฉิงเฟิงกลอกตามอง “คิดว่าอย่างไรล่ะ คืนนั้นพี่หญิงของเ้าเป็ผู้ให้กำเนิดนี่ ไม่รู้ว่าใครสองคนที่เอาแต่ยืนรออยู่ข้างนอกสองวันสองคืน คนหนึ่งร้อนใจผุดลุกผุดนั่งราวกับลิง อีกคนยืนนิ่งอย่างกับเสาหิน ทำไมเ้าไม่คอยอยู่หุบเขาไป่หลิง ทำหน้าที่ผู้นำหุบเขาของตนเอง จะวิ่งโร่มาที่นี่ทำไม หรือว่าเ้าแอบออกมาอีกแล้วหรือ”
หลิ่วเฉิงเฟิงหยอกล้อเด็กๆ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่ “บอกท่านอาหน่อยว่า ท่านน้าของพวกเ้าแอบออกมาอีกแล้วใช่ไหม”
ท่านอา ท่านน้า อูิโยวเปลี่ยนสีหน้าเป็เหนื่อยหน่าย!
หลิ่วเฉิงเฟิงยังคงพูดกับหลานตัวน้อยเสียงอ่อนเสียงหวาน “ท่านน้าของเ้ากลัวท่านน้าเหยาเยวี่ยมากที่สุด ให้ข้าแอบปล่อยอิ๋นซิงให้กลับไปบอกท่านน้าเหยาเยวี่ยดีไหม”
เหยาเยวี่ยหรือ ท่านน้าอย่างนั้นหรือ
ทั้งหมดนี่มันอะไรกัน เด็กสองคนนี้เป็ลูกของพี่หญิงกับหลิ่วไป๋เจ๋ออย่างนั้นหรือ ทั้งยังตัวเขาและเหยาเยวี่ย...
อูิโยวสับสนไปหมดแล้ว
“อูิโยว!”
จู่ๆ ก็มีคนเรียกตนเอง เขาจึงหันกลับไป แต่ตรงนั้นกลับว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ด้านหลังของเขา เมื่อหันกลับมา ภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ไม่มีหลิ่วเฉิงเฟิง ไม่มีเด็กทั้งสอง ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าวคือหอบรรพชนของหุบเขาไป่หลิง ขณะนี้เขากำลังคุกเข่าหันไปทางประตูหอบรรพชน!
“อูิโยว เ้ากล้ามากที่แอบเรียนรู้ทักษะต้องห้ามของหุบเขาไป่หลิง!”
เหล่าผู้เฒ่าแห่งหุบเขาไป่หลิงนั่งล้อมรอบเขา ทุกคนล้วนมีสีหน้ามืดครึ้ม สายตาที่จ้องมองมานั้นทำให้รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
“ิโยว เ้าทำให้แม่ผิดหวังยิ่งนัก!”
นั่นท่านแม่นี่นา! ิโยวหันไปมองมารดา นางกำลังสะอื้นอยู่ในอ้อมแขนของบิดา พี่หญิงิหลิงที่อยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้าผิดหวัง บิดาขมวดคิ้ว เบือนหน้าหนีไม่สนใจเขาอีก
“ข้าไม่มีลูกชายเช่นเ้า!”
“ท่านพ่อ โปรดฟังข้าอธิบายก่อน!” อูิโยววิ่งไปข้างหน้าเพราะอยากจะอธิบาย แต่พี่ชายคนโตเข้ามาห้ามเขาไว้
ดาบยาวในมือของิเยี่ยถูกปลดออกจากฝัก ปลายดาบชี้มายังหน้าอกของเขา แววตานั้นเต็มไปด้วยความโกรธ
“อูิโยว เ้าช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก เหตุใดถึงต้องแอบเรียนวิชาต้องห้ามและทำให้พวกเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่เช่นนี้...รู้หรือไม่ว่าตนเองเข้าสู่ลัทธิมารแล้ว…”
“พี่ใหญ่! โอ๊ย!”
ดาบแทงทะลุร่างกาย เ็ปเหลือเกิน!
การมองเห็นพลันพร่ามัว เมื่ออูิโยวลืมตาอีกครั้งก็อยู่บนหน้าผา เต็มไปด้วยความลึกล้ำไม่สิ้นสุด
“เจ็บหรือไม่”
ผมสีเงินปอยหนึ่งปรกลงบนหน้า เขากำลังนอนพิงไหล่ของหลิ่วไป๋เจ๋อ
มันเจ็บ เจ็บจริงๆ! ราวกับว่ามีแมลงนับพันกำลังกัดกินอยู่ในร่างของเขา เหงื่อเย็นถูกขับออกจากผิวกาย ไม่ใช่ว่ากำลังฝันอยู่หรือ เหตุใดถึงได้รู้สึกเ็ปที่หัวใจเช่นนี้ เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่
มีผู้คนยืนรวมกลุ่มกันอย่างหนาแน่น ทั้งคนจากคฤหาสน์อวิ๋นหลานซาน จากหลินเจียเป่า จิ่วฟางกวน รวมถึงผู้คนจากชิงหลิ่วถังและหุบเขาไป่หลิงก็อยู่ที่นี่ด้วย อูิโยวจำเครื่องแต่งกายของพวกเขาได้ แต่ไม่สามารถเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน
“เหตุใดพวกเราถึงอยู่ที่นี่ แล้วพวกเขากำลังทำอะไรกัน”
เขาถามไป๋เจ๋อ ทว่าอีกฝ่ายหลับตาลงและหันไปเผชิญหน้ากับทุกคน ใบหน้าช่างเ็าราวกับน้ำแข็งอายุพันปี
“เ้าจะไม่เป็อะไร จะไม่...”
“ข้า…เป็อะไรอย่างนั้นหรือ”
หลิ่วไป๋เจ๋อไม่ตอบ แต่กดตัวเขาไว้กับพื้น ก่อนจะเดินไปทางฝูงชนที่อยู่ไม่ไกลเพียงลำพัง เกิดการปะทะกันระหว่างดาบพลังิญญา ไม่นานมันก็พังทลายลง ชุดสีขาวค่อยๆ ถูกย้อมเป็สีแดง...
“นี่มันอะไรกัน! หลิ่วไป๋เจ๋อเ้ากลับมา กลับมา…” เขาะโดังลั่น พยายามลุกขึ้น แต่ร่างกายถูกตรึงเอาไว้ ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
ในที่สุดเหตุการณ์ก็สงบลง ก่อนที่ชายผู้สวมชุดขาวจะหายไป...
“หลิ่วไป๋เจ๋อ!” ไม่มีเสียงตอบกลับ เขานอนมองผืนฟ้าเหนือศีรษะ รู้สึกปวดร้าวอยู่ในอก
“เขาตายแล้ว! เ้าทำให้เขาตาย!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูของเขา
“ไม่ ไม่ เขายังไม่ตาย!”
“เขาตายแล้ว เ้าควรไปอยู่กับเขา…”
เสียงที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยความสับสน ทำให้ิโยวค่อยๆ จมดิ่งลง
“โดดลงไป โดดลงไป…”
ขณะนี้ร่างกายของเขาสามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว สองเท้าขยับก้าวไปยังขอบหน้าผาโดยไม่อาจควบคุม ก้าวออกไปช้าๆ ...
“โอ๊ย!”
หัวของเขากระแทกพื้น รู้สึกเหมือนกระดูกตรงก้นจะแตกออกเป็เสี่ยง อูิโยวนอนอยู่บนพื้น มือข้างหนึ่งจับศีรษะ อีกข้างถูที่ก้น ในเวลานี้เขายังเห็นได้ไม่แจ่มชัดว่าตนเองอยู่ที่ใด
ภาพตรงหน้าค่อยๆ ชัดขึ้น เขานอนอยู่ใต้ต้นอู๋ถงในลานบ้านที่หุบเขาไป่หลิง ซึ่งเมื่อครู่เพิ่งตกลงมา
อูิโยวพรวดพราดลุกขึ้น แล้วจึงจำได้ว่าก่อนหน้านี้กำลังนอนหลับอยู่บนต้นอู๋ถง หลังจากนั้นก็ฝันถึงสิ่งต่างๆ มากมาย ความฝันนั้นแจ่มชัดและเหมือนความจริงมาก
“เหตุใดข้าจึงฝันถึงเื่พวกนี้ แปลกจริง! หรือเป็เพราะตอนกลางวันข้าครุ่นคิดหลายเื่ราว จึงได้ฝันถึงในยามค่ำคืน...”
เขาแหงนมองท้องฟ้า ดวงอาทิตย์แผดแสงจ้าอยู่กลางศีรษะ กว่าจะย่ำสนธยายังอีกนาน
ไกลออกไปมีคนผู้หนึ่งวิ่งตรงมา เมื่ออีกฝ่ายเห็นอูิโยวนั่งอยู่บนพื้น ก็รีบเข้าไปช่วยพยุงเขาขึ้น
“คุณชายรอง เป็อะไรหรือเปล่าขอรับ”
อูิโยวโบกมือให้ผู้คุ้มกัน ปัดเศษดินเศษหญ้าออกจากเสื้อผ้า “ไม่เป็อะไร แล้วเหตุใดเ้าถึงกลับมาอีก ข้าบอกให้ไปหาที่พักให้แม่นางเหยาเยวี่ยมิใช่หรือ”
ผู้คุ้มกันกล่าว “ตอนนี้เป็เวลาอู่สือสามเค่อแล้ว จัดการเื่บ้านพักของนางเรียบร้อยแล้วขอรับ”
“อ๋อ” อูิโยวพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในบ้าน มิน่าล่ะ เขาถึงได้รู้สึกหิวเช่นนี้ ที่แท้ก็เที่ยงแล้วนี่เอง
“คุณชายรอง!” ผู้คุ้มกันรีบรั้งอูิโยวไว้ ก่อนจะเอ่ยอย่างร้อนรน “มีคนจากนอกหุบเขา้าพบคุณชายขอรับ!”
อูิโยวชะงักและเอ่ยถาม “มาหาข้าหรือ ครั้งนี้เป็ใครอีกล่ะ คงไม่ได้เป็สตรีอีกใช่ไหม”
ผู้คุ้มกันพยักหน้า “แม่นางอวิ๋นขอรับ!”
“แม่นางอวิ๋น นางมาหาข้าหรือ”
ปกติแล้วอูิโยวและอวิ๋นลั่วไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไร นางมาหาเขาแสดงว่าอาจมีเื่อะไรบางอย่าง ิโยวไม่อยากพบนาง จึงเอ่ยถามออกไปว่า “พี่ใหญ่อยู่ที่ใด”
ผู้คุ้มกันเอ่ยตอบ “คุณชายใหญ่เพิ่งไปที่เรือนของอูฟูเหรินขอรับ ไม่น่าจะกลับมาในเร็วๆ นี้”
ท่านแม่พำนักอยู่ที่ถ้ำลึกในหุบเขาไป่หลิง ซึ่งเป็สถานที่ที่ผู้นำหุบเขาใช้พูดคุยเื่สำคัญ แม้ที่นี่ไม่ได้ห่างจากถ้ำมากนัก แต่หนทางระหว่างเดินขึ้นเขานั้นยากลำบาก ทำให้พี่ใหญ่ไม่สามารถกลับมาได้ใน่เวลาอันสั้น เมื่อเป็เช่นนั้นเขาคงต้องออกไปดูด้วยตนเอง
อูิโยวสั่งผู้คุ้มกัน “พาแม่นางอวิ๋นไปยังห้องโถงใหญ่”
“ขอรับ!”
ิโยวเล่นถ้วยชาในมือ จิบไปหนึ่งอึก ก่อนจะก้มลงดมกลิ่นหอมกำจายของชา อาการเวียนหัวพลันคลายลง ทั้งยังสดชื่นขึ้นด้วย
“ไม่แปลกที่เป็ชาที่ท่านพ่อซ่อนไว้ เป็ชาที่ดีจริงๆ ครั้งหน้าหากข้าออกจากหุบเขา จะนำไปให้ไป๋เจ๋อสักหน่อย เขาต้องชอบมันแน่”
หลังจากดื่มชาจนหมดถ้วยแล้ว เขาก็รู้สึกหิวยิ่งกว่าเดิม แต่ไม่นานผู้คุ้มกันก็พาอวิ๋นลั่วมาถึงห้องโถงหลัก
“ไม่ทราบว่าแม่นางอวิ๋นลั่วมาหาข้าด้วยเหตุอันใดหรือ” อูิโยวเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา เขาไม่ค่อยประทับใจผู้คนจากคฤหาสน์อวิ๋นหลานซานสักเท่าไรอยู่แล้ว
อวิ๋นลั่วก็เอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อม “ข้าอยากขอแผนที่จากคุณชายรองอู เพื่อเดินทางไปยังเทือกเขาจู่เสีย”
“เ้าจะไปเทือกเขาจู่เสียอย่างนั้นหรือ”
“เ้าค่ะ”
“เหตุใดถึงไม่ไปพบพี่ใหญ่ของข้าล่ะ มาหาข้าทำไม สำหรับเ้าแล้ว การพูดคุยกับเขาคงเป็เื่ที่ง่ายกว่า”
อวิ๋นลั่วยิ้มน้อยๆ ราวกับเทพธิดา ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูผ่อนคลายลง ไม่แปลกใจเลยที่นางถูกขนานนามว่าเป็หญิงงามที่สุดในดินแดนเจ๋อ เพียงแต่ในสายตาของิโยว พี่หญิงของเขาดูมีเสน่ห์เสียยิ่งกว่า และหากไม่มีการแบ่งแยกชายหญิง ไป๋เจ๋อคงงดงามยิ่งกว่าสตรีตรงหน้าเสียอีก หากปกติฝ่ายนั้นยิ้มมากกว่านี้สักหน่อยคงดีไม่น้อย
“ข้าไม่อยากรบกวนคุณชายใหญ่ หากเขารู้ พี่ิหลิงก็ต้องรู้ด้วย นางต้องกังวลเื่ของข้าเป็แน่ และอาจไม่อนุญาตให้ข้าออกจากหุบเขาไป่หลิง”
อูิโยวหัวเราะเบาๆ “ในเมื่อพี่ใหญ่สามารถนำเื่นี้ไปบอกท่านพี่หญิงได้ แล้วเหตุใดข้าจะบอกพี่หญิงไม่ได้เล่า”
อวิ๋นลั่วส่ายหน้าเบาๆ “เ้าไม่ทำหรอก”
อูิโยวหุบยิ้ม มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสนใจ
“เหตุใดข้าถึงจะไม่ทำล่ะ”
“เพราะเ้าเองก็เหมือนกับข้า อยากออกไปจากที่นี่เช่นกัน”
อวิ๋นลั่วผู้นี้ไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่เห็นภายนอก ที่สำคัญคือไม่ได้โง่เขลา!
“แล้วเหตุใดข้าต้องช่วยเ้าด้วย”
อวิ๋นลั่วหยิบกล่องผ้าขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากแขนเสื้อ วางไว้เบื้องหน้าอูิโยวแล้วเอ่ยว่า “ข้าสามารถให้ในสิ่งที่เ้า้า พวกเราต่างก็ได้สิ่งที่ตนเองหวัง”
อูิโยวเอื้อมมือไปหยิบกล่องผ้า ทันทีที่เปิดออก ประกายแสงสีขาวก็เปล่งออกมาจากด้านใน ิโยวใ มองดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปิดฝาลงดังเดิม เอ่ยถามอีกฝ่ายเพื่อยืนยันอีกครั้ง “เ้าเพียง้าไปเทือกเขาจู่เสียเท่านั้นหรือ”
“แค่เดินทางไปยังเทือกเขาจู่เสียเท่านั้น!” อวิ๋นลั่วตอบโดยไม่ลังเล
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอูิโยว “คิดไม่ถึงเลยว่าแม่นางอวิ๋นลั่วจะใจกว้างถึงเพียงนี้ หากเดาไม่ผิด ไป๋อิงเฉ่านี้ถือเป็หนึ่งในสมบัติของคฤหาสน์อวิ๋นหลานซาน หากใช้เป็ยาอย่างถูกต้องเหมาะสม สามารถทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้ เ้าไม่กลัวว่าหากท่านผู้นำตระกูลหลานรู้เข้าแล้วจะตำหนิเ้าหรือ”
อวิ๋นลั่วยังคงมีท่าทีสงบ “ไม่ว่าจะเป็ของล้ำค่าเพียงใด หากไม่นำมาใช้ให้ถูกให้ควรก็เท่ากับเป็ขยะ ไป๋อิงเฉ่านี้ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับข้า ถ้าอยู่กับคุณชายรองอูน่าจะถือว่าเหมาะสม ในเมื่อของสิ่งนี้อยู่ในมือข้า ข้าจะนำไปทำอะไรคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย ยิ่งไปกว่านั้นหากเ้าไม่เอ่ยปาก ข้าไม่พูด แล้วใครจะรู้เื่นี้”
อูิโยวพยักหน้า มือตบลงบนกล่องผ้าเบาๆ “ตกลง!”
ขณะที่อวิ๋นลั่วกำลังจะขอบคุณอูิโยว ก็ได้ยินอีกฝ่ายพูดว่า “ในเมื่อแม่นางอวิ๋นแสดงความจริงใจ ข้าก็จะไม่ทำให้เ้าต้องเสียเปรียบ การเดินทางไปยังเทือกเขาจู่เสียไม่ใช่ว่ามีแค่แผนที่แล้วจะสามารถไปถึงได้โดยง่าย ระหว่างทางเต็มไปด้วยอันตรายมากมาย ยิ่งเป็สตรีหน้าตางดงามอย่างแม่นางแล้ว ก็ไม่แน่ว่าอาจจะถูกใครมาดักปล้นเอากลางทางหรือเปล่า”
อวิ๋นลั่วรู้ว่าอูิโยวมักชอบเอ่ยทีเล่นทีจริง แต่ในเมื่อเขากำลังคิดเผื่อนาง นางจึงตั้งใจฟังโดยไม่พูดอะไร
———————————————
