ตอนประมาณ 17.00 น. หลินเยว่รีบเดินทางกลับมายังคฤหาสน์สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนเพลียแต่ก็มีความตื่นเต้นดีใจแฝงอยู่มาก
่เช้าเขาใช้พลังพิเศษไปแล้วครั้งหนึ่งตอนบ่ายเขายังใช้พลังพิเศษอีกครั้ง ทำให้ร่างกายของเขาเริ่มรับเกิดอาการทนไม่ไหว
พรุ่งนี้เขาต้องไปพิพิธภัณฑ์อีกครั้ง!
หลินเยว่แอบพูดกับตัวเอง
“คุณไม่ได้เป็อะไรใช่ไหม?”
เห็นสีหน้าท่าทางของหลินเยว่ที่มีแต่ความอ่อนเพลียเฮ่อฉางเหอจึงรีบพยุงอีกฝ่ายเอาไว้และถามขึ้นมาอย่างเป็ห่วง
“ไม่เป็ไรครับ แค่รีบมามากจนเกินไปทำให้เหนื่อยมากเท่านั้นเอง”
เวลานี้ หลินเยว่รู้สึกเหนื่อยมากจริงๆเพียงแต่ว่าไม่ได้เป็ความเหนื่อยที่เกิดจากการวิ่ง แต่เป็เพราะว่าเขาใช้พลังจิตใจมากจนเกินไป
เฮ่อฉางเหอเห็นว่าหลินเยว่ดูเหนื่อยเพียงอย่างเดียวดังนั้น เขาจึงผ่อนลมหายใจออกมาพร้อมกับพยุงหลินเยว่ให้ไปนั่งบนเก้าอี้ด้านข้างตัวหนึ่ง
หลินเยว่หลับตาทั้งสองข้างลงเพื่อค่อยๆฟื้นฟูสภาพของตัวเอง เมื่อรอจนถึง 17.20 น.ผู้เข้าแข่งขันคนสุดท้ายเดินออกมาจากคฤหาสน์ หลินเยว่ถึงได้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อคนสุดท้ายเดินออกมาการทดสอบในส่วนแรกก็สิ้นสุดลงตามไปด้วย
ผู้เฒ่าหลิวกวาดตามองคนตรงหน้าทั้ง 10 คนสายตาของเขาหยุดลงที่หลินเยว่เป็พิเศษอยู่ชั่วครู่ เขามองอีกฝ่ายด้วยความชื่นชม
“ผลการทดสอบออกมาเรียบร้อยแล้ว มีบางส่วนพิสูจน์ได้ถูกต้องมีบางส่วนพิสูจน์ไม่ถูกต้อง คนส่วนใหญ่อาจจะทราบคำตอบแล้ว แต่ตอนนี้ผมก็ยังจำเป็ต้องบอกคำตอบที่ถูกต้องกับพวกคุณแต่ก่อนที่จะพูดถึงคำตอบนั้น ผมขอประกาศกฎกติกาการแข่งขันบางอย่างให้กับทุกคนก่อน”
“หากการทดสอบทั้ง 3 ส่วนถูกแบ่งเป็ 100 คะแนน การทดสอบส่วนแรกจะมีสัดส่วน 30 คะแนน การทดสอบส่วนที่ 2 มีสัดส่วน 20 คะแนน และการทดสอบส่วนที่ 3 มีสัดส่วน 50 คะแนน เนื่องจากการทดสอบส่วนที่ 2 เป็การวัดทฤษฎีเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงมีสัดส่วนคะแนนค่อนข้างน้อย พวกเราจะประเมินคะแนนตามคำตอบของพวกคุณยกตัวอย่างเช่น การทดสอบส่วนที่ 1 ผู้ที่สามารถพิสูจน์ของแท้ได้ถูกต้องจะได้30 คะแนนทุกคนแต่ผู้ที่พิสูจน์ไม่ถูกต้อง พวกเราจะอิงตามคำตอบที่คุณเขียนมาและนำมาประเมินเป็คะแนนให้กับคุณแต่คะแนนของพวกคุณจะไม่ใช่ 0 คะแนนอย่างแน่นอนในจุดนี้ขอให้ทุกคนวางใจได้”
“เอาล่ะ ต่อไปนี้ผมขอประกาศผลการทดสอบในวันนี้”
ผู้เฒ่าหลิวพลันพูดเสียงดังมากกว่าปกติเล็กน้อย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 10คนรวมทั้งผู้าุโทั้ง 10 ท่านต่างมองตรงไปยังผู้เฒ่าหลิวเป็จุดเดียวสีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยการรอคอยและคาดหวัง ถึงแม้ว่าจะมีบางคนที่ทราบคำตอบแล้วแต่ทว่าพวกเขาก็ยังรอคอยการประกาศผลอยู่ดีเพราะว่าการคาดเดาไม่ว่าอย่างไรก็เป็ได้เพียงการคาดเดาเท่านั้นหากยังไม่มีการประกาศผลอย่างเป็ทางการ พวกเขาก็ยังไม่กล้าที่จะเชื่อในสิ่งที่คิด 100%
“ของแท้คือ......”
ผู้เฒ่าหลิวหยุดชะงักไปเล็กน้อยเขากวาดตามองผู้เข้าแข่งขันที่อยู่เบื้องหน้าทั้ง 10 คนอีกครั้ง แล้วประกาศขึ้น “ของแท้คือชามลายครามในรัชศกว่านลี่แห่งราชวงศ์ิ!”
“ฮ่าๆ......”
เมื่อเสียงประกาศสิ้นสุดลง เฮ่อฉางเหอพลันโพล่งหัวเราะออกมาทันทีอีกทั้งเขายังหันไปมองหน้าเฉินเฟยอีกด้วยเสียงหัวเราะดังก้องกังวานนี้เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและความเย้ยหยัน
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเฮ่อฉางเหอทุกคนจึงเข้าใจได้ในทันที... หลินเยว่พิสูจน์ถูกต้อง!
คนที่เพิ่งเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องเคลือบมาไม่ถึง3 เดือนสามารถพิสูจน์เครื่องเคลือบได้ถูกต้อง!
คนที่อยู่ในที่แห่งนี้ต่างไม่มีใครกล้าที่จะพูดว่าตนเองศึกษาความรู้เกี่ยวกับเครื่องเคลือบมา3 เดือนแล้วจะสามารถหาของแท้ที่วางรวมกับเครื่องเคลือบที่เป็ของเลียนแบบเกรดเอทั้งหมด10 ชิ้นได้ภายในเวลา30 นาทีถึงแม้ว่าจะให้เวลาพวกเขา 1 ปีพวกเขาก็ยังไม่มีความมั่นใจเช่นนี้เลย
แต่ทว่าคนเบื้องหน้านี้สามารถทำได้จริงๆ!
เป็เพราะอาจารย์ถ่ายทอดวิชาเก่งมากหรือว่าเป็เพราะลูกศิษย์มีความสามารถโดดเด่นกันแน่?
มีอยู่หลายคนที่รู้จักเฮ่อฉางเหอเป็อย่างดีรู้ว่าความสามารถของเขาเป็อย่างไรหากบอกว่าเฮ่อฉางเหอเป็อาจารย์ที่สอนลูกศิษย์ได้เก่งมาก... หึให้ตายพวกเขาก็ไม่มีทางเชื่อหรอก!
เพราะอาจารย์ที่มีนิสัยขี้หงุดหงิดจอมโมโหเช่นนี้จะมีความอดทนที่จะถ่ายทอดวิชาให้กับลูกศิษย์ได้อย่างไรล่ะ!
ดังนั้นจึงเหลือความเป็ไปได้อยู่เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือลูกศิษย์มีความสามารถโดดเด่นมาก!
ทันใดนั้นสายตาที่ทุกคนมองหลินเยว่จึงเปลี่ยนไปทันที มีความอิจฉา มีความชื่นชมแต่ที่มีมากที่สุดก็คือความแค้น แต่ทว่าสิ่งที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันก็คือ...
เฮ่อฉางเหอหาลูกศิษย์ได้ดีจริงๆ!
เมื่อเห็นเฮ่อฉางเหอหัวเราะ “ฮ่าๆ”เสียงดังใส่หน้าตนเองอย่างเย้ยหยัน ราวกับว่าไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยใบหน้าของเฉินเฟยจึงปรากฏสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นขึ้น
ปล่อยให้คุณหัวเราะอย่างอวดดีไปก่อนเถอะ! อย่าคิดไปเองว่ามีแต่ลูกศิษย์ของคุณเท่านั้นที่พิสูจน์ได้ถูกต้องลูกศิษย์ของผมก็พิสูจน์ได้ถูกต้องเหมือนกัน การทดสอบรอบนี้ถือว่าเสมอกันรอให้ถึงการทดสอบรอบที่ 2 ก่อนเถอะถึงตอนนั้นคุณต้องร้องไห้แน่ๆ ยังไงๆ ผมก็ไม่เชื่อหรอกว่าไอ้เด็กอ่อนหัดที่เพิ่งศึกษาเครื่องเคลือบมาเพียง3 เดือนจะมีความรู้เหนือกว่าเฉียนโจวลูกศิษย์ของผมที่ศึกษามาถึง20 ปีหัวเราะไปเถอะ หัวเราะให้เต็มที่เลย ตอนนี้หัวเราะดังขนาดไหนพอถึงตอนสุดท้ายก็ต้องร้องไห้หนักขึ้นเท่านั้นแหละ!
เฉินเฟยจึงเบี่ยงสายตาหันไปมองทางอื่นแทนเขาพยายามปิดกั้นการรับฟังเสียงหัวเราะของเฮ่อฉางเหอไว้ด้านนอกแต่ทว่ายิ่งไม่อยากฟังมากเท่าไรเสียงหัวเราะนั้นก็เหมือนกับเงาที่ติดตามเขาไปทุกที่ ไม่ยอมหนีห่างไปแม้แต่ก้าว และยิ่งชัดเจนขึ้นในทุกความรู้สึก
สุดท้าย เฉินเฟยก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว เขาจึง “ถุย”ออกมาเสียงดังทันที
เมื่อเห็นท่าทางร้อนรนกระวนกระวายของเฉินเฟยเสียงหัวเราะของเฮ่อฉางเหอจึงดังมากยิ่งขึ้น
ผลการทดสอบประกาศออกมาแล้วบางคนมีสีหน้ายิ้มแย้มดีใจ แต่บางคนกลับเต็มไปด้วยความเสียใจ
ผลการทดสอบเดียว แต่เต็มไปด้วยทั้ง 2 รสชาติ
“ขอเชิญผู้ที่พิสูจน์ถูกต้องก้าวขึ้นมาด้านหน้า 1ก้าว”
ผู้เฒ่าหลิวรอให้ทุกคนได้ซึมซับผลการทดสอบแล้วหลังจากนั้นจึงพูดขึ้นมา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็มีคนหลายคนที่เดินก้าวขึ้นมาด้านหน้า
คนกลุ่มนี้คือ หลินเยว่ จวงเมิ่งเตี๋ย หลี่เฉียนโจว จางฮุยิและอู๋อีซานผู้เป็ลูกศิษย์ของผู้าุโหญิงหนึ่งเดียวผู้นั้น และเขาก็เป็ชายหนุ่มที่อายุยังไม่ถึง30 ปี
และ 5 คนนี้ก็เป็คนที่เข้าไปทำการทดสอบใน่เช้าทั้งหมดแต่คนที่เข้าไปทำการทดสอบใน่บ่ายกลับไม่มีใครตอบถูกสักคนเดียวความบังเอิญเช่นนี้จึงทำให้หลายๆ คนต้องรำพึงว่าเป็เพราะชะตาฟ้าลิขิตอย่างแท้จริง
ภายใน 5 คนนี้ผู้ที่เป็ที่จับตามองมากที่สุดไม่ใช่จวงเมิ่งเตี๋ยหญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มและก็ไม่ใช่หลี่เฉียนโจวที่เอาแต่ยิ้มอ่อนๆ ด้วยสีหน้าจอมปลอมแต่กลับเป็หลินเยว่ผู้ที่ก่อนที่จะเริ่มทำการทดสอบทุกคนต่างเห็นว่าเขาจะต้องได้อันดับสุดท้ายอย่างแน่นอน
คนที่ทุกคนคิดว่าจะได้เป็อันดับสุดท้ายแต่ตอนนี้กลับกลายเป็ผู้ที่เข้าไปทำการทดสอบเป็คนแรกและก็เป็คนแรกที่พิสูจน์ของแท้ออกมา
์ได้เล่นตลกกับพวกเขาแล้ว...
สิ่งที่พวกเขาคิดไว้ในตอนแรกมันไม่ได้เกิดขึ้นจริงบนตัวเด็กหนุ่มตรงหน้านี้เลย
หากแต่ก่อนผู้าุโทั้งหลายคิดว่าลูกศิษย์ของตนเป็คนที่มีพร์แล้วถ้าเช่นนั้นในวันนี้พวกเขาก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่าพวกเขาเป็เพียงกบในกะลาเด็กหนุ่มตรงหน้าถึงจะเป็ผู้ที่มีพร์อย่างแท้จริง เขาเป็อัจฉริยะคนหนึ่ง!
ผิดแล้ว ผิดแล้ว คิดผิดไปแล้ว!
มีอยู่หลายคนที่แอบส่ายศีรษะอย่างเงียบๆการแข่งขันครั้งนี้พวกเขาไม่ได้มีความได้เปรียบเหนือกว่าอาจารย์ลูกศิษย์คู่นี้เลยแต่มันเป็การแข่งขันระหว่างคนที่มีความสามารถสูสีกันหรืออาจจะถึงขั้นที่อาจารย์ลูกศิษย์คู่นี้จะมีความสามารถเหนือกว่าพวกตน!
ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่อยากจะยอมรับความจริงในเื่นี้แต่ทว่าพวกเขาก็จำเป็ต้องยอมรับมันไว้
การแข่งขันครั้งนี้มันไม่ได้ง่ายดายเหมือนที่พวกเขาเคยคิดไว้ในตอนแรกตอนนี้คนที่จองอันดับสุดท้ายไม่มีตัวตนแล้วใครเป็อันดับสุดท้ายยังเป็สิ่งที่คาดเดาไม่ได้เลยเพื่อชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของตนเอง พวกเขาจำเป็ต้องระวังตัวให้มากหากพวกเขายังชะล่าใจอีก พวกเขาอาจจะกลายเป็คนที่ได้อันดับสุดท้ายก็ได้
เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าตนเองทั้ง 5คน คนที่เหลืออีก 5 คนต่างก้มหน้าคอตกพวกเขาสู้คนที่ยืนข้างหน้านี้ไม่ได้เลย!
หวังเยว่ที่ยืนอยู่ถัดไปจากหลี่เฉียนโจวก็ก้มศีรษะอยู่เช่นกันแต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความแค้น เขาแค้นหลี่เฉียนโจวเป็อย่างมาก
ไอ้เลว! หากไม่ได้เป็เพราะแกฉันจะต้องขายหน้าแบบนี้ได้อย่างไร! แกรอฉันเลยนะ!ฉันต้องเอาคืนแน่ๆ!
ผู้เฒ่าหลิวมอง 5 คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าด้วยความชื่นชมและพูดขึ้น“ขอแสดงความยินดีด้วยนะ พวกคุณได้รับ 30 คะแนนจากการทดสอบส่วนแรกแล้ว”
หลังจากนั้นผู้เฒ่าหลิวจึงประกาศคะแนนของ 5คนที่เหลือ
หวังเยว่เลือกตอบแจกันเคลือบเขียนสีเฝินไฉ่ในสมัยรัชศกยงเจิ้งที่มีรอยตำหนิรถสามล้อเขาจึงได้คะแนน 95 คะแนนเมื่อเทียบเป็สัดส่วนเต็ม 30 คะแนนเขาจึงได้ 28.5 คะแนนเพราะเขาได้คะแนนเพียงเท่านี้ ทำให้เขารู้สึกแค้นหลี่เฉียนโจวมากยิ่งขึ้น
ไม่มีใครสงสัยวิธีการคิดคะแนนของทางจิ่งเต๋อเจิ้นและก็ไม่มีใครสงสัยว่าทำไมเครื่องเคลือบที่แตกต่างกันถึงได้มีคะแนนที่แตกต่างกันเพราะการพิสูจน์ผิด ไม่ว่าอย่างไรก็คือการพิสูจน์ผิดอยู่ดี ตอนแรกคิดว่าคงจะได้ 0 คะแนนแล้ว ตอนนี้กลับได้คะแนน 20 กว่าคะแนนเพิ่มขึ้นมา เช่นนี้ก็ถือว่าทางจิ่งเต๋อเจิ้นได้ให้เกียรติมากพอแล้วหากตอนนี้มีใครบางคนตั้งคำถามแสดงความสงสัยออกมา มันก็คงจะเป็การสร้างความขายขี้หน้าให้กับตนเอง
ระหว่างทางกลับโรงแรมเฮ่อฉางเหออดไม่ได้ที่จะตบบ่าหลินเยว่อย่างหนัก เขาพูดอย่างตื่นต้น“วันนี้คุณทำให้อาจารย์ได้หน้าได้ตาจริงๆ คุณไม่เห็นสีหน้าของคนพวกนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งสีหน้าของเฉินเฟย พอเขารู้ว่าคุณพิสูจน์ถูกต้องสีหน้าของเขาก็ดูแย่มากทันทีแล้วมันดูแย่ยิ่งกว่าเวลาที่เขาเห็นแม่แท้ๆ ของตัวเองเสียชีวิตด้วยนะ ฮ่าๆ .......อาจารย์ล่ะขำจริงๆ!”
หลินเยว่เห็นว่าอาจารย์ของตนเองดีใจในใจของเขาก็รู้สึกมีความสุข แต่ทว่าเขาก็ไม่กล้าคิดว่ามันเป็ผลงานของตนเอง เขาจึงพูดอย่างถ่อมตน“เป็เพราะอาจารย์ถ่ายทอดวิชาดีครับ”
“คุณไม่ต้องมายกยออาจารย์เลย!” เฮ่อฉางเหอถลึงตาใส่หลินเยว่และพูดต่อ“อาจารย์รู้ดีว่าสอนอะไรคุณมาบ้าง หากไม่ได้เป็เพราะคุณมีความตั้งใจจริงจึงสามารถทำความเข้าใจความรู้ทั้งหมดได้เป็อย่างดีมิฉะนั้นแล้วคุณจะสามารถหาของแท้จากเครื่องเคลือบทั้ง 10 ชิ้นนั้นได้อย่างไร เพียงแต่ว่า ผมเฮ่อฉางเหอก็ถือว่าหาลูกศิษย์ได้ดีจริงๆนั่นแหละ!”
นี่คือการชมเชยหลินเยว่ของเฮ่อฉางเหอ และจากเหตุการณ์ในวันนี้ก็แสดงให้เห็นว่าเขารู้สึกพอใจกับผลการทดสอบของหลินเยว่มากเพียงใด
การชมเชยจากอาจารย์ของตนทำให้หลินเยว่รู้สึกใไปชั่วขณะ
ดูเหมือนว่าเขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากมายไม่ใช่หรือ?
ก็แค่ใช้ความรู้ที่ตนเองมีทำการพิสูจน์เครื่องเคลือบหลังจากนั้นก็เปิดเครื่องช่วยโกงอย่างพลังพิเศษตาทิพย์เพื่อทำการยืนยันว่าเป็ของแท้...ดูเหมือนว่านอกจากสองอย่างนี้เขาก็ไม่ได้ทำอย่างอื่นอีกไม่ใช่หรือ?
หลินเยว่ไม่ได้หลงตัวเองไปกับคำชมเชยจากอาจารย์ของตนเพราะเขารู้สถานการณ์ในตอนนี้ของตัวเองเป็อย่างดี ทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้เขาไม่มีทางพยายามเสแสร้งแกล้งทำเป็รู้ทุกอย่างหรอก
เฮ่อฉางเหอถือว่าทำตัวเป็อาจารย์ที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งเขารู้ว่าเมื่อไรควรจะชมเชยลูกศิษย์ของตนเอง เมื่อไรควรจะตำหนิอีกฝ่าย เพราะเมื่อเขาชมเสร็จแล้วเขาก็ปรับสีหน้าใหม่ ทำสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมพูดอย่างจริงจัง“จากการทดสอบในวันนี้ทำให้รู้ว่าคุณยังมีความเข้าใจในความรู้บางอย่างไม่มากพอพรุ่งนี้อาจารย์จะฝึกฝนคุณโดยการเลียนแบบรูปแบบการทดสอบรอบที่ 2 ที่จะแข่งขันกันในวันมะรืนนี้ เพื่อดูว่าคุณมีจุดอ่อนตรงไหนบ้างหลังจากนั้นก็จะทำการสอนเพิ่มเติมในจุดเ่าั้โดยเฉพาะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเยว่จึงมีสีหน้าลำบากใจทันทีหลังจากนั้นจึงถามขึ้น “อาจารย์ ผมขอไปทำธุระส่วนตัวตอนเช้าวันพรุ่งนี้ได้ไหมครับ?”
“ธุระส่วนตัว? คุณมีธุระส่วนตัวอะไรล่ะ?”
เฮ่อฉางเหอมองหลินเยว่อย่างสงสัย
“ความจริงก็ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไรการเรียนสำคัญกว่า การเรียนสำคัญกว่าครับ”
หลินเยว่จึงรีบพูดขึ้นเขาไม่กล้าบอกอาจารย์ของตนว่าเขาจะใช้พลังพิเศษตาทิพย์ไปทำการทดสอบความแตกต่างของดินเกาลินในแต่ละยุคแต่ละสมัยในเมื่อเป็เช่นนี้ เขาต้องเลื่อนภารกิจนี้ออกไปอีก 2 วัน รอให้ถึงวันก่อนที่จะทำการทดสอบรอบที่ 3เขาค่อยไปพิพิธภัณฑ์อีกครั้งก็ถือว่ายังไม่สายจนเกินไป
เฮ่อฉางเหอมองหลินเยว่อย่างสงสัยหลังจากนั้นจึงพยักหน้าและไม่ได้พูดสิ่งใดต่อ
......
“เสี่ยวหาน ปั้นเครื่องเคลือบไปถึงไหนแล้ว?”
ผู้เฒ่าที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มใจดีคนหนึ่งกำลังมองเด็กน้อยอายุ12 – 13ขวบเบื้องหน้าของตน
“ปั้นเสร็จแล้วครับ”
“ทำไมถึงเร็วขนาดนี้ล่ะ?”
ผู้เฒ่าแสดงสีหน้าตกตะลึงทันที
นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันเท่านั้นเองดูเหมือนว่ามันจะเร็วเกินไปหรือเปล่า?
หากหลินเยว่อยู่ในสถานการณ์นี้ด้วยเขาก็จะพบว่า... ผู้เฒ่าและเด็กน้อยทั้งสองคนนี้คือหลิวหานเด็กอัจฉริยะด้านการปั้นเครื่องเคลือบที่เขาเจอในวันนั้นกับผู้เฒ่าหลิวที่เขาเพิ่งเจอในวันนี้
“ครับ แจกันเคลือบทำเสร็จตั้งนานแล้ว เมื่อ 10วันก่อนหนูเจอพี่ชายที่มีความพิเศษคนหนึ่งระหว่างพวกเราน่าจะมีความเกี่ยวข้องกันบางอย่าง ตอนที่หนูปั้นเครื่องเคลือบเขายืนอยู่ข้างหลังตลอด และการปั้นในครั้งนั้นก็ทำให้หนูรู้สึกแตกต่างจากครั้งอื่นๆหนูไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ดูเหมือนว่า...... สถานการณ์มันพร้อมไปทุกด้านทำให้หนูปั้นได้แบบนั้น”
หลิวหานพูดพร้อมขมวดคิ้ว สมองของเขาพยายามหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น
“อ้อ? แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ล่ะ?”ผู้เฒ่าหลิวเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที เขารู้ว่าหลานชายของตนไม่ได้เป็เพียงเด็กน้อยธรรมดาเท่านั้นเขาถือว่าเป็อัจฉริยะในการปั้นเครื่องเคลือบคนหนึ่งบางครั้งผู้เฒ่าหลิวยังรู้สึกว่าหลานชายของตนเป็ของขวัญที่์ได้ประทานให้กับจิ่งเต๋อเจิ้นทำให้จิ่งเต๋อเจิ้นได้กลับมารุ่งเรืองเหมือนแต่ก่อน และหากมีคนที่มีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับหลานชายของเขาคนผู้นั้นย่อมไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน
“วันนั้นตอนที่หนูเพิ่งผสมดินเสร็จ จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตู......”
หลิวหานค่อยๆเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นอย่างช้าๆ ออกมาอีกครั้งเมื่อผู้เฒ่าหลิวได้ฟังเหตุการณ์อันน่ามหัศจรรย์เช่นนี้ก็ถึงกับขมวดคิ้วเป็ร่องลึกรอจนกระทั่งหลานชายของตนพูดจบ เขาจึงถามขึ้น
“หลานรู้ไหมว่าพี่ชายคนนั้นทำงานด้านไหน?”
หลิวหานส่ายศีรษะ
ผู้เฒ่าหลิวเกิดความรู้สึกอ่อนใจเขารู้ว่าหลานชายของตนเองไม่สนใจเื่เหล่านี้เลยเขาจะสนใจเครื่องเคลือบที่เขาหลงใหลเพียงอย่างเดียวหากรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็ใครมาจากไหนและมีวิธีการติดต่อก็พอแล้ว เป็เพราะตอนที่เขาฟังหลานชายของตนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นเขาก็รู้สึกว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นย่อมไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกันบางทีเขาผู้นั้นอาจจะสามารถช่วยหลานชายของตนได้อีกทาง
“เครื่องเคลือบที่หลานบอกว่าทำเสร็จแล้วคือเครื่องเคลือบชิ้นที่หลานปั้นในวันนั้นหรือเปล่า?”
ผู้เฒ่าหลิวถามขึ้น
หลิวหานพยักหน้า หลังจากนั้นเขาจึงเดินเข้าไปในห้องเพื่อหยิบแจกันเคลือบใบหนึ่งออกมา
เมื่อเห็นแจกันเคลือบในมือของหลิวหานรูม่านตาของผู้เฒ่าหลิวก็เกิดการหดตัวทันทีเขารีบรับแจกันเคลือบมาสังเกตอย่างละเอียดอย่างไม่รีรอ
ขณะที่ผู้เฒ่าหลิวกำลังสำรวจแจกันเคลือบนั้นหลิวหานก็ยืนอยู่ข้างๆ คุณปู่ของเขาอย่างเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ
เวลาค่อยๆ เดินผ่านไปเรื่อยๆสีหน้าที่มีแต่ความตื่นเต้นของผู้เฒ่าหลิวก็ปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ เช่นกันมือที่เขาใช้จับแจกันเคลือบก็เริ่มสั่นขึ้นมา และสุดท้ายร่างกายของเขาก็เกิดอาการสั่นสะท้านเล็กน้อยไปทั้งตัว
“นี่......นี่คือแจ......แจกันเคลือบที่หลานทำ?”
ผู้เฒ่าหลิวเงยหน้ามองหลานชายของตนด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นเลยใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและความตื่นเต้น
หลิวหานพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
เมื่อเห็นเช่นนี้ร่างกายของผู้เฒ่าหลิวจึงเกิดอาการกระตุกอย่างรุนแรงทันที
......
หลังจากกลับถึงโรงแรมแล้วหลินเยว่จึงโทรศัพท์หาฉินเหยาเหยา เขาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เธอฟังเมื่อฉินเหยาเหยาได้ยินว่าหลินเยว่ได้รับชัยชนะในวันนี้ เธอจึงรู้สึกดีใจยิ่งกว่าเวลาที่เธอได้รับชนะด้วยตัวเองเสียอีกเธอได้ให้กำลังใจหลินเยว่ต่อไป แล้วยังพูดอีกว่าหากการทดสอบใน่ต่อๆ ไป หลินเยว่สามารถทำได้ดีอีกเมื่อเขากลับมาเธอจะมีรางวัลพิเศษให้กับเขาอีกด้วย
เมื่อได้ยินฉินเหยาเหยาพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความนัยบางอย่างหลินเยว่จึงเริ่มเกิดความคาดหวังกับรางวัลชิ้นนี้มาก...
วันถัดมา หลินเยว่ขลุกตัวอยู่ในห้องของท่านเฮ่อฉางเหอตลอดทั้งวันอาจารย์ของเขาตั้งคำถามเขาตลอดเวลา และเขาต้องตอบคำถามเ่าั้ไม่มีหยุดมีหย่อนหลังจากนั้นอาจารย์ของเขาก็จะอธิบายและแก้ไขความเข้าใจของเขาตามคำตอบที่เขาตอบออกมาอีกครั้งการฝึกฝนแบบนี้ทำให้ท่านเฮ่อฉางเหอเห็นจุดอ่อนบางอย่างของหลินเยว่ได้อย่างชัดเจนและเวลาที่เหลือใน่สุดท้ายท่านเฮ่อฉางเหอก็จะให้ความรู้เพิ่มเติมในจุดที่หลินเยว่ค่อนข้างบกพร่องอีกที
ผ่านไป 1 วันเต็มหลินเยว่จึงรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็ที่สุดแต่ทว่าเขากลับรู้สึกมั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับการทดสอบในวันพรุ่งนี้มากยิ่งขึ้น
และในวันเดียวกันนี้เองห้องพักแต่ละห้องที่อยู่ในโรงแรมแห่งเดียวกันนี้ก็มีบรรยากาศที่คล้ายกับห้องพักของเฮ่อฉางเหอเป็เพราะผลการทดสอบที่ผ่านมาเมื่อวานทำให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาห้ามประมาทหลินเยว่อย่างเด็ดขาดมิฉะนั้นแล้วคนที่พ่ายแพ้ก็อาจจะเป็ตัวพวกเขาเอง
การเพิ่งเริ่มลับมีดขัดปืนยามใกล้จะออกรบถึงไม่ได้เกิดความแหลมคม แต่อย่างน้อยก็ต้องขัดจนมันวาว นี่คือความคิดของทุกๆ คนพวกเขาจึงทบทวนความรู้กันในวันนี้
วันถัดมา หลินเยว่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเขาจึงติดตามอาจารย์ของตนมายังคฤหาสน์ที่เขาเพิ่งมาในวันก่อน
การทดสอบในวันนี้ยังคงจัดขึ้นในคฤหาสน์หลังเดิมรวมทั้งการทดสอบในวันมะรืนก็จะจัดขึ้นที่นี่เช่นกัน
ตอนแรกหลินเยว่คิดว่าตนเองตื่นแต่เช้าแล้วคาดไม่ถึงว่ายังมีคนที่มาถึงที่นี่เช้ากว่าพวกเขาเสียอีกนั่นก็คือจวงตงเฟิงและจวงเมิ่งเตี๋ยคุณปู่กับหลานสาวคู่นี้ พวกเขาได้มาถึงที่นี่แล้วและยังมีเฉินเฟยและหลี่เฉียนโจวอาจารย์ลูกศิษย์คู่นี้ก็มาถึงแล้วเช่นกัน
หลังจากกล่าวทักทายกับจวงตงเฟิงแล้วเฮ่อฉางเหอจึงพาหลินเยว่เดินไปหาสถานที่พักผ่อนของตนเอง
พวกเขาเพิ่งนั่งพักเพียงไม่นานเจี่ยเหวยเกิ่งและจางฮุยิ เว่ยจิ้นจงและหวังเยว่ รวมทั้งผู้าุโหญิงและอู๋อีซานอาจารย์ลูกศิษย์ทั้ง 3 คู่ก็เดินทางมาถึงเช่นกัน
“ฮ่าๆ...... ตาแก่เฮ่อ ตาแก่จวง ทำไมถึงมาแต่เช้านักล่ะ!”
เจี่ยเหวยเกิ่งเดินเข้าไปหาเฮ่อฉางเหอและจวงตงเฟิงพร้อมรอยยิ้ม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้