หยางชุนเกิดมาในชนบทที่ห่างไกลความเจริญ สถานที่ที่ผู้คนใช้ชีวิตด้วยความเรียบง่าย บ้านของเขาเป็เพียงบ้านไม้หลังเก่าที่ดูใกล้จะผุพังเต็มที หลังคาบ้านมีรอยรั่วที่ต้องซ่อมแซมอยู่เสมอ และพื้นดินรอบบ้านเต็มไปด้วยฝุ่นดินแดง แม้จะเกิดมาในครอบครัวยากจน แต่สิ่งที่ทำให้หยางชุนโดดเด่นคือใบหน้าที่หล่อเหลาเกินกว่าฐานะ เขามีดวงตาคมดั่งดาวยามราตรี โหนกแก้มชัดเจน ผิวสีแทนที่ดูสุขภาพดีจากการทำงานกลางแจ้ง และรอยยิ้มอบอุ่นที่ทำให้ทุกคนที่พบเห็นรู้สึกถึงความจริงใจ
แม้ชีวิตในแต่ละวันจะเต็มไปด้วยความยากลำบาก ั้แ่การดูแลฝูงม้า การเดินทางไกลในป่าเขา และการทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว แต่เขาก็ไม่เคยย่อท้อหรือสูญเสียความหวัง อาจเป็เพราะข้างกายเขามีหญิงสาวผู้เป็ที่รักคอยอยู่เคียงข้าง
เธอคือ ซูหรูเสียน สาวงามประจำหมู่บ้าน ผู้ที่ทุกคนล้วนชื่นชมในความงามของนาง นางมีใบหน้าที่อ่อนโยน ดวงตากลมโตซึ่งสะท้อนถึงจิตใจที่บริสุทธิ์ และเรือนผมยาวดำขลับที่มักถูกรวบไว้อย่างเรียบง่าย ครอบครัวของนางประกอบอาชีพทอผ้าขาย รายได้เพียงน้อยนิดของครอบครัวพอแค่ให้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง
หยางชุนและซูหรูเสียนมีความฝันที่เรียบง่าย พวกเขาต่างวางแผนที่จะแต่งงานกัน และสร้างครอบครัวเล็กๆ ที่อบอุ่น พวกเขาไม่ได้้าทรัพย์สมบัติมากมาย แต่หวังเพียงได้อยู่เคียงข้างกันตลอดไป ซูหรูเสียนมักบอกหยางชุนว่า "แม้เราจะไม่มีอะไรเลย แต่ถ้าเรามีกันและกัน ทุกสิ่งก็เพียงพอแล้ว"
ทุกครั้งที่หลินเซียนเอ๋อร์นั่งทอผ้าอยู่ใต้ร่มไม้ หยางชุนมักจะยืนมองนางด้วยสายตาอบอุ่น เขาเชื่อว่านางคือพรจากฟ้าท่ามกลางชีวิตที่ยากลำบาก และความรักที่บริสุทธิ์ของพวกเขาก็คือแสงสว่างที่นำทางชีวิตในแต่ละวัน
แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างไกลความเจริญกลับกลายเป็จุดพักของขบวนผู้สูงศักดิ์ ชายผู้มาพร้อมขบวนเกียรติยศนั้นคือ ท่านแม่ทัพลู่หยางเจี้ยน แม่ทัพผู้เกรียงไกรซึ่งสร้างชื่อจากชัยชนะในสมรภูมิการศึกนับครั้งไม่ถ้วน
ลู่หยางเจี้ยนมีใบหน้าที่โดดเด่นราวกับเทพเ้า รูปลักษณ์สมบูรณ์แบบของเขาทำให้ผู้คนจดจำได้ในทันที ดวงตาคมดุจเหยี่ยวที่แฝงไว้ด้วยความเด็ดขาด รูปร่างสูงสง่าประกอบกับการสวมชุดเกราะประดับลวดลายวิจิตรที่ส่องประกายเจิดจ้า ทำให้เขาเป็ภาพแห่งอำนาจที่ยากจะต้านทาน
ไม่เพียงรูปลักษณ์ที่เป็เลิศ แต่ชื่อเสียงของเขายิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน ท่านแม่ทัพเป็ที่ยกย่องในฐานะนักรบผู้ไม่เคยพ่าย และยังเกิดในตระกูลขุนนางที่มั่งคั่งและทรงอิทธิพล บารมีและความร่ำรวยของเขาสร้างความประทับใจแก่สาวงามมากมาย
ยามเย็นของวันนั้น ดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หยางชุนกำลังเดินกลับจากคอกม้า มือยังเปื้อนฝุ่นดินและเหงื่อที่เกาะอยู่บนใบหน้าของเขา บ่งบอกถึงความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหนัก แต่เขากลับมีรอยยิ้มอบอุ่นทุกครั้งเมื่อพบกับซูหรูเสียน หญิงสาวที่เขารัก
“หยางชุน ่เย็นวันนี้ข้าคงไม่ได้มาหาเ้า” ซูหรูเสียนพูดพลางยิ้มกว้าง แววตาของนางเป็ประกายด้วยความตื่นเต้น “ข้าต้องช่วยท่านพ่อกับท่านแม่ทำอาหารต้อนรับท่านแม่ทัพลู่หยางเจี้ยน” น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นราวกับเด็กน้อยที่ได้พบสิ่งใหม่
หยางชุนหยุดฟังด้วยสีหน้าอ่อนโยน แม้ในใจจะรู้สึกแปลกเล็กน้อย แต่นั่นเป็เื่ปกติสำหรับซูหรูเสียน นางมักจะตื่นเต้นกับเื่ราวที่เกี่ยวข้องกับผู้คนสำคัญที่มาเยือนหมู่บ้านอยู่เสมอ
ซูหรูเสียนยังคงพูดต่อ “ถึงแม้ว่าครอบครัวของเราจะยึดอาชีพทอผ้า แต่ฝีมือการทำอาหารของแม่ข้านั้นเลื่องชื่อที่สุดในหมู่บ้านนะ! ทุกครั้งที่มีงานเทศกาล แม่ของข้ามักได้รับหน้าที่เป็แม่ครัวให้งานใหญ่ๆ เสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ข้าดีใจที่ได้ช่วยแม่ทำอาหารให้กับคนสำคัญแบบนี้”
หยางชุนยืนฟังพลางพยักหน้า รอยยิ้มของเขาไม่จางหายไป “อืม ข้าเข้าใจ ข้าจะเป็กำลังใจให้เ้า” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความจริงใจ
ซูหรูเสียนยิ้มตอบ ก่อนจะรีบกลับไปหาครอบครัวของนาง หยางชุนมองตามหลังนางไปจนลับสายตา แม้ภายนอกเขาจะดูสงบนิ่ง แต่ลึกๆ ในใจมีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ ความสนใจของนางที่มอบให้กับท่านแม่ทัพและความกระตือรือร้นที่เปล่งประกายนั้น เป็สิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในแววตาของนาง...
เขาส่ายหน้าเล็กน้อย พยายามปัดเป่าความคิดเ่าั้ออกไป เขาเลือกที่จะไม่คิดอะไรให้มากเกินไป หวังเพียงว่าค่ำคืนนี้จะผ่านไปโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม...
ที่ลานกว้างของหมู่บ้านในค่ำคืนที่พลุกพล่านด้วยเสียงหัวเราะและการเฉลิมฉลอง ขบวนของท่านแม่ทัพลู่หยางเจี้ยนได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ชาวบ้านจัดสุราและอาหารคาวหวานอย่างเต็มที่เพื่อแสดงความเคารพต่อชายผู้สูงศักดิ์ ทุกสายตามองไปที่เขาด้วยความชื่นชม
ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความยินดีนั้น ท่านแม่ทัพกำลังนั่งอยู่บนที่นั่งซึ่งจัดเตรียมไว้อย่างสมเกียรติ ทว่าใน่เวลาหนึ่ง สายตาคมกริบของเขาก็หยุดลง ราวกับทุกสิ่งรอบตัวเงียบสงัดไปชั่วขณะ เมื่อเขามองเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ในกลุ่มชาวบ้าน
นางคือ ซูหรูเสียน หญิงสาวผู้เปี่ยมด้วยความงดงาม ใบหน้าของนางอ่อนหวานเปี่ยมเสน่ห์ ดวงตากลมโตแฝงความอ่อนโยน ผมยาวสลวยของนางถูกเกล้าอย่างเรียบง่าย แต่กลับส่งเสริมความงามตามธรรมชาติที่ไม่ต้องปรุงแต่ง ชุดผ้าฝ้ายที่ดูเรียบง่ายของนางก็ไม่อาจบดบังความสง่างามในตัว
ท่านแม่ทัพลู่หยางเจี้ยนจ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา ราวกับต้องมนต์สะกด เขาไม่ได้ปิดบังความ้าในสายตาคู่นั้นเลย การจ้องมองของเขาราวกับบอกชัดว่าเขาพบสิ่งที่้าแล้ว
บิดาของซูหรูเสียน ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก สังเกตเห็นทุกอย่างชัดเจน เขาเข้าใจความหมายในสายตาของท่านแม่ทัพได้ทันที ด้วยความหวังในใจ เขารีบก้าวไปข้างหน้าและโค้งคำนับก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความยินดี “ท่านแม่ทัพ นี่คือลูกสาวของข้า นางชื่อว่า ซูหรูเสียน”
คำแนะนำนี้ทำให้นางตกเป็เป้าสายตาของทุกคน ซูหรูเสียนรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่กลับปิดไม่มิดว่าหัวใจของนางเต้นระรัว นางย่อตัวลงทำความเคารพอย่างสง่างามตามธรรมเนียม สายตาของนางหลุบต่ำเล็กน้อยเพื่อแสดงความอ่อนน้อม แต่กลับมีแววขวยเขินที่ส่งผ่านดวงตาของนาง
ท่านแม่ทัพลุกขึ้นจากที่นั่ง รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าที่สง่างาม “นางช่างงดงาม เปรียบเสมือนดอกไม้ป่าที่ยากจะพบเจอ” เขากล่าวชื่นชมด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ทรงอำนาจ
คำชมนี้ทำให้ใบหน้าของซูหรูเสียนยิ่งขึ้นสีแดงระเรื่อ นางเงยหน้าขึ้นมองเขาเพียงครู่เดียว ก่อนจะรีบหลุบตาลงด้วยความเขินอาย ท่าทีของนางยิ่งเพิ่มเสน่ห์ที่ไร้เดียงสา ทำให้ท่านแม่ทัพยิ่งรู้สึกปรารถนาในตัวนางมากขึ้น
บิดาของนางยืนมองภาพนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง เขาหวังว่าโอกาสนี้จะนำพาชีวิตของครอบครัวไปสู่ความรุ่งเรือง ความงามของซูหรูเสียนกำลังเปลี่ยนชีวิตของนาง