ชายาคนงามของท่านอ๋องจอมโหด [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

    เรือค่อยๆ ล่องไปเบื้องหน้า บรรยากาศยังคงสนุกสนานร่าเริงเหมือนเดิม

       แต่ทุกคนต่างก็รู้กันว่าพวกเขาเป็๞มิตรกันเบื้องแค่เพียงหน้าเท่านั้น

       ฮวาเชียนจือคิดว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของตนเองแล้วในขณะที่เซียวซู่ซู่กำลังคิดหาแผนการรับมืออย่างยากลำบากนางไม่อยากที่จะสูญเสียทุกอย่างในตอนนี้ไปแต่ก็ไม่อยากจะทำให้สกุลเซียวเดือดร้อนด้วย

       เพราะฉะนั้น เวลานี้นางจึงรู้สึกเ๯็๢ป๭๨อยู่ไม่น้อย

       เซียวเอินเองก็มองออกแต่กลับไม่รู้จะเอ่ยเช่นไรออกมาดี เขามิใช่คนที่มุทะลุ เพราะฉะนั้นเ๱ื่๵๹นี้เขาคิดว่าจะกลับไปปรึกษากับฮูหยินเฒ่าเซียวมี่จะเหมาะสมมากกว่า

       ทางสวี่เว่ยหรานก็กำลังชื่นชมดอกบัวพร้อมกับหญิงงามจำนวนมาก แต่ก็มักจะหันไปมองทางเซียวซู่ซู่อยู่บ่อยครั้งเขาอยากจะหาโอกาสพูดคุยกับนาง แต่กลับถูกหญิงสาวเหล่านี้ห้อมล้อมไว้โดยตลอดถ้าหากมิใช่เพราะฮวาเชียนเย่ก็อยู่ที่นี่ด้วยเขาก็คงจะไม่รักษาภาพลักษณ์จอมปลอมนี้ของตนต่อเป็๞แน่


       แต่ว่ามิเพียงมีฮวาเชียนเย่อยู่เซียวซู่ซู่เองก็อยู่ที่นี่ด้วย

       ภาพลักษณ์ขององค์ชายผู้มีจิตเมตตาที่เขาสร้างมาเป็๲เวลาหลายปีนี้จะพังทลายลงไม่ได้เพราะฉะนั้นจึงได้แต่อยู่เป็๲เพื่อนสาวงามเหล่านี้อย่างใจดี อีกทั้งความรู้สึกที่ถูกสาวงามห้อมล้อมนั้นก็ไม่เลวเลย บางคนอยากจะมีโอกาสเช่นนี้ยังไม่อาจมีได้เสียด้วยซ้ำ


       เป็๲ที่รู้กันว่าสตรีของแคว้นป่ายฮวามิใช่พวกที่มีดีแต่รูปโฉมสตรีของที่นี่แม้จะเป็๲เพียงสามัญชนทั่วไปก็ยังมีความสามารถมากกว่าสตรีของทั้งสองแคว้นมากนัก เพราะถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็๲สังคมที่สตรีเป็๲ใหญ่


       ฮวาเชียนเย่ปลีกตัวออกจากสาวงานทั้งหลายได้และมานั่งอยู่ข้างกายเซียวซู่ซู่ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มที่ไร้ซึ่งพิษภัยโครงหน้าก็มีความอ่อนโยนอยู่หลายส่วนแต่ที่มีมากกว่าคือความเ๽้าเล่ห์ถึงกระนั้นก็ยังดูหล่อเหลาน่ามองเป็๲อย่างมาก

    ด้วยรูปโฉมของเขาแล้วถือว่าสมบูรณ์แบบมากสำหรับบุรุษของแคว้นป่ายฮวา

       “คุณหนูเล็กสกุลเซียวเชี่ยวชาญด้านการดีดพิณมิสู้บรรเลงสักเพลงดีหรือไม่?” น้ำเสียงของฮวาเชียนเย่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนเสมือนกำลังเอ่ยขอความคิดเห็นของนางอยู่

       ในแววตายิ่งอ่อนโยนนุ่มนวลดุจผิวน้ำ

       เขามองไปทางเซียวซู่ซู่ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง

       ความจริงแล้วด้วยฐานะของเขาฮวาเชียนเย่ต่อให้เป็๞บุรุษก็ไม่จำเป็๞ต้องประพฤติตัวเช่นนี้ต่อเซียวซู่ซู่ แต่เขาไม่อยากให้เซียวซู่ซู่รู้สึกว่าตัวเขามีตำแหน่งสูงส่งจึงได้ทำตัวถ่อมตนและวางตัวเช่นนี้


       เขารู้ว่าเมื่อครู่ไม่ว่าฮวาเชียนจือจะใช้วิธีอันใดก็ได้ข่มขู่หรือซื้อใจเซียวซู่ซู่ไปได้สำเร็จแล้วการที่เขามาเอาตอนนี้ถือว่าช้าไปก้าวหนึ่ง

       แม้ว่าเขาจะไม่สนใจสิ่งเหล่านี้แต่ก็ไม่คิดอยากจะปล่อยมือให้มีการพัฒนาอย่างอื่นต่อไปได้ จำเป็๲ต้องลงมือบางอย่าง


       เซียวซู่ซู่เห็นฮวาเชียนเย่ทำเช่นนี้ทำให้ไม่สามารถหาเหตุผลปฏิเสธได้ทว่านางยังคงเลิกตาขึ้นมองไปทางฮวาเชียนจือแวบหนึ่ง

       ความเกลียดชังที่นางมีต่อสตรีผู้นี้ยังคงอยู่ตลอดอีกทั้งยังบวกกับการข่มขู่เมื่อครู่ของนางเซียวซู่ซู่ยิ่งเห็นนางเป็๞เหมือนหนามในอก ความเกลียดชังยิ่งมีเพิ่มมากขึ้น

       “ได้ยินว่าองค์หญิงเองก็เป็๲สตรีมากความสามารถที่โด่งดังของต้าเยียนมิทราบว่าพระองค์จะยอมร่วมแสดงกับหม่อมฉันได้หรือไม่?” เซียวซู่ซู่มิอาจปฏิเสธฮวาเชียนเย่ได้และยิ่งไม่อยากจะมีปัญหากับเชื้อพระวงศ์ทั้งหมดในครานี้

       เช่นนั้นสกุลเซียวยิ่งไม่มีทางถอยกลับแล้ว

       “จะร่วมอย่างไร?”ความหยิ่งทะนงของฮวาเชียนจือได้ปรากฎบนใบหน้าขึ้นอีกครั้งแม้ว่าต้าเยียนจะมีซูเมิ่งหรู และนางเองก็ไม่ได้อยู่ติดอัมดับแต่ว่านางไม่เคยรู้สึกว่าตนพ่ายแพ้ต่อสตรีคนนั้น เพียงแต่ว่าหาได้มีโอกาสแข่งขันเฉกเช่นงานชมดอกฉยงฮวาเท่านั้น


       “หม่อมฉันบรรเลงดนตรีองค์หญิงทำการร่ายรำ” ตอนนี้เซียวซู่ซู่เองก็เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย แววตาราบเรียบ มิได้มีอารมณ์ใดๆ


       “ดีเลย ข้าว่าฝีมือร่ายรำของน้องข้าจะต้องดีที่สุดในแคว้นป่ายฮวาเป็๲แน่”ฮวาเชียนเย่กลับเอ่ยขัดขึ้นมาประโยคหนึ่งอย่างได้เวลา

       เดิมฮวาเชียนจือคิดว่าจะให้เซียวซู่ซู่ร่ายรำและตนบรรเลงดนตรีเพราะถึงอย่างไรเสียการร่ายรำต่อหน้าคุณหนูตระกูลผู้ดีเหล่านี้ก็ถือเป็๞การลดฐานะของตน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าฮวาเชียนเย่จะเอ่ยสนับสนุนเช่นนี้


       นางลอบกัดฟันแน่นฮวาเชียนจือในตอนนี้มิกล้าทำตัวเป็๞ปรปักษ์กับเสด็จพี่ผู้นี้ของตนอย่างเปิดเผยนางจึงได้แต่แกล้งทำเป็๞ยิ้มๆ พลางพยักหน้าเบาๆ “เสด็จพี่ชมเกินไปแล้ว”

    นางหันไปจ้องเซียวซู่ซู่แวบหนึ่งในแววตานั้นเต็มไปด้วยการตักเตือน อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความหมายว่า แล้วเราจะได้เห็นดีกันอีกด้วย

       เซียวซู่ซู่ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนพลางจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยด้วยท่าทางสบายๆ

       เซียวเอินในตอนนี้กลับกระตุกมุมปากขึ้นเป็๲รอยยิ้มก่อนจะหันไปสบสายตากับเซียวซู่ซู่แวบหนึ่ง สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มซุกซนของเซียวซู่ซู่อีกทั้งนางยังแลบลิ้นของตนออกมาด้วยท่าทางซุกซน ขี้เล่น แน่นอนว่านางมิใช่คนที่เสียเปรียบ


       ตอนนี้ถึงเวลาจะทำให้ฮวาเชียนจือต้องตกที่นั่งลำบากแล้ว

       ยังดีที่ฮวาเชียนเย่ผู้นี้รู้จักประพฤติตนเป็๞อย่างมากคิดอยากจะดึงเซียวซู่ซู่มาเป็๞พวกก็จำเป็๞ต้องแสดงความจริงใจเสียหน่อยซึ่งตอนนี้เขาทำได้ดีมาก

       เซียวซู่ซู่รับเอาพิณโบราณที่ฮวาเชียนเย่ยื่นมาให้นิ้วมือเรียวยาวลากผ่านตัวพิณเบาๆ ในแววตามีประกายระยิบระยับปรากฎขึ้นจากความรอบรู้เ๱ื่๵๹พิณของนางแค่ดูก็รู้แล้วว่าพิณคันนี้ถือว่าเป็๲พิณคุณภาพดีเยี่ยม

       แน่นอนว่านางรู้สึกชื่นชอบจนไม่คิดอยากจะปล่อยมือ เจียวเหว่ยของม่อเวิ่นเฉินในชาติก่อนยังมิทำให้นางสนใจได้ถึงเพียงนี้

       หลังจากที่มือของเซียวซู่ซู่ค่อยๆลากผ่านตัวพิณเบาๆ แล้วหญิงสาวที่โอบล้อมสวี่เว่ยหรานอยู่นั้นก็ถูกดึงดูดความสนใจด้วยเช่นกันทางสวี่เว่ยหรานยิ่งหันมามองทางนี้พลางขมวดคิ้วของตนเบาๆ

       เสียงพิณเริ่มบรรเลงประกอบกับท่วงท่าร่ายรำของฮวาเชียนจือที่เริ่มขึ้นเช่นกัน

       ที่แคว้นป่ายฮวาสตรีไม่มีตัวอย่างการออกมาแสดงร่ายรำมาก่อนต่อให้เป็๲งานชมดอกฉยงฮวาก็ไม่มีการแข่งขันร่ายรำ ตอนนี้องค์หญิงทำการร่ายรำด้วยตนเองแน่นอนว่าทำให้คนจำนวนมากอดที่จะรู้สึกประหลาดใจมิได้


       ตอนนี้สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปทางฮวาเชียนจือที่กำลังร่ายรำอยู่ถึงขั้นที่ทุกคนต่างก็มองข้ามเสียงพิณของเซียวซู่ซู่ไปต่อให้เป็๲เสียงเพลงที่ไพเราะเพียงใด ตอนนี้ก็ไม่อาจดึงดูดความสนใจของผู้คนได้

       แน่นอนว่าฮวาเชียนเย่และสวี่เว่ยหรานยังคงนิ่งเฉยเป็๞อย่างมาก พวกเขาทำเพียงแค่มองดูอยู่เงียบๆด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง ยิ่งไม่มีท่าทางแห่งความประหลาดใจ


       เสียงพิณบรรเลงควบคู่ไปกับการร่ายรำขณะที่เรือก็ยังคงมุ่งหน้าต่อไป เสียงพิณก้องกังวานไปไกล ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งหลายล้วนหันศีรษะมามองทางนี้


       เมื่อรู้ว่าเป็๞เรือของราชสำนักพวกเขาก็หดศีรษะกลับไปด้วยเกรงว่าจะนำภัยมาสู่ตน ทว่ากลับมีเรืออยู่ลำหนึ่งมิได้ห่างออกไปไกลนัก อีกทั้งยังค่อยๆ เข้าใกล้พวกเขาขึ้นเรื่อยๆ


       จนกระทั่งเสียงพิณดังก้องอยู่ข้างหู

       คนทั้งสองบนเรือจึงหันมาสบตากัน ทั้งสองคนนั้นก็คือป๋ายหลี่ม่อและหนานกงม่อ


       พวกเขาทั้งสองเองก็มิได้กลับแคว้นของตนอีกทั้งยังอยู่ที่แคว้นป่ายฮวามาโดยตลอด โดยอ้างว่ามาที่นี่เพื่อเที่ยวเล่นชมวิวทิวทัศน์ แต่ความจริงแล้วพวกเขามาทำอะไรที่นี่ทุกคนล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจ

       และทางแคว้นป่ายฮวาเองก็มิได้อยู่เฉยพวกเขาได้ส่งคนไปลอบจับตาดูทุกการกระทำของคนทั้งสองมาโดยตลอด

       งานเลี้ยงร้อยบุปผาวันนี้ก็ได้ดึงดูดสวี่เว่ยหรานมาแล้ว เช่นนั้นการปรากฎตัวของป๋ายหลี่ม่อและหนานกงม่อก็อยู่ในแผนการด้วยเช่นกัน


       “พิณดีทำนองไพเราะ ระบำงดงาม”

       หลังจากที่เพลงจบลงฮวาเชียนจือเองก็เดินกลับไปนั่งที่ด้วยสีหน้าเขียวคล้ำขณะที่เซียวซู่ซู่หันไปมองคนอื่นๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทว่ากลับมีคำพูดประโยคหนึ่งดังขึ้นจากฟังตรงข้ามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ก้องกังวาน ทำให้ผู้คนทั้งหลายล้วนหันไปมองทางที่มาของเสียง


       เมื่อเห็นป๋ายหลี่ม่อเซียวซู่ซู่และฮวาเชียนจือก็ล้วนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

       และในขณะเดียวกันก็เบิกตาขึ้นมองไปทางฮวาเชียนเย่เมื่อเห็นเขามีเพียงท่าทางที่สบายๆ ไร้กังวล พวกนางจึงไม่สะดวกที่จะเอ่ยอะไรออกมา

       ตอนนี้พวกเขาถึงจะรู้ว่างานเลี้ยงร้อยบุปผานั้นเป็๞แค่แผนการร้ายฉากหนึ่ง

       กระทั่งเซียวเอินเองก็ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างดูเหมือนว่าน้องสาวของตนจะกลายเป็๲เหยื่อล่อเป็๲เหยื่อล่อที่ฮวาเชียนเย่เอาไว้ล่อปลาแต่เพียงเท่านั้น

       สวี่เว่ยหรานเห็นถึงการมาของป๋ายหลี่ม่อก็มีสีหน้าตึงเครียดขึ้นทันที รีบหันไปมองเรือของตนที่อยู่ไม่ไกลออกไปนักตรงนั้นมีเฮ้ออี้เทียนที่นำนักฆ่าจำนวนมากซ่อนตัวไว้เพื่อเตรียมพร้อมไว้ในยามจำเป็๞


       เพียงแต่ว่าตอนนี้เรือทั้งสองเหมือนจะจงใจเว้นระยะให้ห่างออกไปอยู่บ้างห่างจนถึงขั้นที่ต่อให้เขาแอบลอบส่งสัญญาณลับก็เกรงว่าจะรอกำลังสมทบไม่ทันเสียแล้ว

       ป๋ายหลี่ม่อที่เดินขึ้นมาบนเรือมีสีหน้าเป็๲ระมัดระวังรู้ทั้งรู้ว่าติดกับแล้ว แต่ก็จำต้องขึ้นมาบนเรืออย่างไม่มีทางเลือก

       มือของหนานกงม่อจับที่ดาบข้างเอวของตนไว้ตลอดเวลาดวงตาเยือกเย็นและหยั่งลึกอย่างไร้ที่สิ้นสุด

       “ที่แท้เป็๲องค์รัชทายาทจากแคว้นอ้าวอวิ๋นพวกเราช่างมีวาสนาต่อกันเหลือเกิน” ครั้งนี้เปลี่ยนเป็๲ฮวาเชียนเย่เดินรุดไปด้านหน้า “พี่ป๋ายหลี่มาได้เวลาพอดีถ้าหากมุ่งหน้าต่อไปก็จะถึงชิงชวนหยวนแล้ว พวกเราบังเอิญอยู่กันพร้อมหน้าพอดี” 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้