ตามบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฮั่น หลี่เหยียนเหนียนผู้เป็ขุนนางของฮ่องเต้ฮั่นอู่เคยขับร้องเพลงในงานเลี้ยงราชสำนัก ทำนองเพลงซาบซึ้งกินใจมาก โดยมีความหมายว่า “ทางเหนือมียอดหญิงงาม ทั่วแผ่นดินมีเพียงหนึ่งเดียว มองคราแรกล่มเมือง ชายตาอีกคราล่มชาติ หาได้รู้ล่มชาติล่มเมืองไม่ เพียงเพราะหญิงงามนั้นยากพานพบ”
เมื่อฮ่องเต้อู่แห่งราชวงศ์ฮั่นได้ยินเช่นนั้นก็ทรงถอนพระทัยก่อนตรัส “ไพเราะ ไพเราะยิ่งนัก แต่ยอดหญิงงามเช่นนั้นมีอยู่บนโลกจริงหรือ?” ด้วยเหตุนี้ องค์หญิงผิงหยางพระเชษฐภคินีของฮ่องเต้จึงแย้มพระสรวลพลางตรัส “ฮ่องเต้มิจำเป็ต้องเสียพระทัย ยอดหญิงงามอยู่ใกล้เพียงเอื้อม เมืองหลวงมีหญิงงามผู้หนึ่ง เท่าที่หม่อมฉันรู้ น้องสาวของหลี่เหยียนเหนียนนั้นเป็ยอดหญิงงาม”
ฮ่องเต้ฮั่นอู่จึงมีพระราชโองการเรียกน้องสาวของหลี่เหยียนเหนียนเข้าเฝ้า ไม่นานสตรีวัยแรกแย้มแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างประณีตภายใต้การดูแลขององค์หญิงผิงหยางและหลี่เหยียนเหนียนก็เดินเข้ามายังท้องพระโรงด้วยท่วงท่าอ่อนช้อย ก่อนก้มกราบาาั นางสวมผ้าแพรสีขาวราวกับหิมะ ผมดำขลับยาวสลวย เท้าเปล่าเปลือยราวหยกงาม ขณะนั้นฮ่องเต้ฮั่นอู่ทรงมึนเมาด้วยฤทธิ์สาเก รู้เพียงว่าสตรีผู้นั้นประดุจเทพธิดาล่องลอยลงมาจากท้องนภา พระองค์จึงสั่งให้นางเงยหน้า
สตรีผู้นั้นเงยหน้าอย่างเชื่องช้า ชั่วพริบตาก็ดึงดูดสายตาทั้งหมดในท้องพระโรงให้จับจ้องใบหน้าของนาง บุรุษที่คีบอาหารก็เผลอทำหล่นโดยไม่รู้ตัว บุรุษที่ดื่มเหล้าก็เทเหล้ารดคอเสื้อ บุรุษที่แอบแคะจมูกโดยมีแขนเสื้อบังก็ต้องหยุดการกระทำ เหล่านักบรรเลงเพลงทั้งสองฟากในท้องพระโรงก็หยุดการบรรเลง มีเพียงเสียง “ติง” ในเพลงสุดท้ายก่อนท้องพระโรงจะตกสู่ความเงียบสงัด
หญิงงามมากมายในวังหลังขององค์จักรพรรดิล้วนเพียบพร้อมด้วยใบหน้างดงามได้รูปและรูปร่างมีเสน่ห์ตรึงใจคน ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีหญิงงามใดที่งดงามล้ำค่าเช่นสตรีเบื้องหน้า ทรวดทรงงดงามดั่งหยก ผิวขาวราวกับเกล็ดหิมะต้นฤดูหนาว ดวงตาสดใสดุจผิวน้ำฤดูใบไม้ร่วง แม้รูปลักษณ์ของนางจะงดงามที่สุด แต่ก็ไม่สามารถนำนางไปเปรียบเทียบความงามทั้งหมดในวังหลังได้ในคราวเดียว สิ่งที่ทำให้ผู้คนตะลึงคือผิวของนางเนียนนุ่มเสียยิ่งกว่าแสงจันทร์บนนภา สดใสและเปล่งประกายเหนือผู้ใด เสมือนธรรมชาติสร้างความงามของนาง เมื่อฮ่องเต้ฮั่นอู่ได้พบนางก็พลันนึกว่าเป็เทพธิดา จึงประทานตำแหน่งพระชายาหลี่ให้แก่สตรีผู้นี้ทันที หลี่ฟู่เหรินได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เป็เวลาสิบหกปี ใบหน้าของนางยังคงเดิม ความโปรดปรานของฮ่องเต้ที่มีต่อนางก็ยังคงไม่แปรเปลี่ยน
กล่าวกันว่ายามที่นางไม่ได้ปรนนิบัติฮ่องเต้ก็มักจะทาแป้งคงความงามสีเหลืองทองประเภทหนึ่งเสมอ ด้วยเหตุนี้ใบหน้าของนางจึงไม่มีตำหนิมาหลายปี ผิวพรรณเต่งตึงกว่าหญิงสาวแรกรุ่น ต่อมานางล้มป่วยจึงเรียกหลี่เซียงกั่วหลานสาวที่นางโปรดปรานที่สุดมาที่เตียงแล้วบอกสูตรยาของนาง นางเรียกแป้งชนิดนั้นว่า ''แป้งอิ๋งอิ๋ง'' ซึ่งสูตรยานี้ได้บันทึกไว้บนผ้าไหมที่รวบรวมจากหนังสือโบราณที่นางเคยอ่านสมัยเด็ก นางยังบอกอีกว่าหากใช้แป้งนี้ทาใบหน้าตลอดปีจะทำให้ผิวพรรณเต่งตึงและชุ่มชื้น ขณะเดียวกันก็ขจัดความหมองคล้ำและจุดด่างดำได้
เซียงกั่วกลับไปพร้อมสูตรยา หลังจากบดเป็ผงแล้วก็ทาบนใบหน้า เมื่อนางหยิบกระจกขึ้นส่องถึงกับร้องอุทานทันที “สตรีหน้าเหลืองในกระจกคือผู้ใดกัน? ผงยานี้ทำให้งดงามจริงหรือ? ท่านป้าคงไม่ได้หลอกลวงกระมัง?” เซียงกั่วฝืนทนใช้นานถึงครึ่งเดือน จะกิน จะนอนหรือปักผ้าก็ยังใช้มัน สตรีที่ยังไม่ออกเรือนและไม่รู้กาลเทศะล้วนหัวเราะเยาะถากถางนางว่าแก่ก่อนวัยอันควร นางกลับกลายเป็สตรีหน้าเหลืองทั้งที่ยังไม่ออกเรือน เซียงกั่วเดือดดาลมากจึงรีบกลับเรือนเพื่อล้างหน้าทันที ขณะนั้นนางคิดว่าท่านป้าต้องเลอะเลือนก่อนตายจนพูดจาไร้สาระกับนางเป็แน่ ด้วยเหตุนี้จึงทิ้งสูตรยาไป ไม่คิดจะแยแสมันอีก
ไม่กี่ปีต่อมา พี่ชายคนหนึ่งของหลี่ฟู่เหรินลักลอบเป็ชู้กับนางสนมของฮ่องเต้ในวังหลังจึงถูกฮ่องเต้ตำหนิรุนแรง พี่ชายอีกคนก็คาดไม่ถึงว่าจะบังอาจสมคบคิดกับเฉิงเซี่ยงหลี่ซวีเหมาและซยงหนูเหรินวางแผนลับให้บุตรชายหลี่ฟู่เหรินเป็องค์รัชทายาท หลังจากเกิดเื่ ญาติพี่น้องของหลี่ฟู่เหรินล้วนถูกลงโทษ จวนตระกูลหลี่ซึ่งเป็ที่อยู่อาศัยของเซียงกั่วก็ถูกยึดและปิดตาย เดิมทีผ้าไหมที่บันทึกสูตรยาถูกหนีบไว้ในกล่องเครื่องประดับของเซียงกั่ว ทว่าระหว่างขั้นตอนการขนย้ายกลับถูกลมพัดปลิวหล่นพื้นดิน ขันทีผู้ย้ายของมิได้สนใจผ้าไหมนั้น เพียงเหยียบมันแล้วจากไปพร้อมคณะ ขันทีที่เดินตามหลังก็ทำเช่นเดียวกัน
เมื่อคนเ่าั้ออกไปแล้ว นักพรตชราสวมเสื้อผ้าซอมซ่อก็ก้มเก็บมัน ก่อนปัดฝุ่นที่เปรอะเปื้อนแล้วยัดใส่หน้าอก พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แป้งอิ๋งอิ๋งเอ๋ยแป้งอิ๋งอิ๋ง ผู้คนมิรู้ว่ามันคือของล้ำค่า ทำให้อัญมณีต้องเปื้อนฝุ่น ทำให้หยกงามต้องร่วงหล่นลงโคลนตม เช่นนั้นพวกเ้าก็ได้ให้สมบัติอันล้ำค่าแก่ข้าแล้ว”
เื่นี้เป็เื่ที่เหอตังกุยได้ฟังจากไป๋หยางไป่ในชาติที่แล้ว ตามคำบอกเล่าของเขา นักพรตผู้นั้นคือท่านอาจารย์ของท่านอาจารย์ของท่านอาจารย์ของท่านอาจารย์ของเขา ตอนนี้สูตรยา ''แป้งอิ๋งอิ๋ง'' ก็ส่งต่อมายังเขาเรียบร้อยแล้ว
อายุของไป๋หยางไป่มากกว่าเหอตังกุยยี่สิบปี แต่ใบหน้ากลับดูอ่อนเยาว์ราวกับน้องชาย เขาเดินไปที่โต๊ะด้วยรอยยิ้มพร้อมเขียนใบสั่งยาด้วยหมึกดำ ก่อนส่งให้เหอตังกุยอย่างไม่เห็นแก่ตัว จากนั้นก็บอกนางด้วยรอยยิ้มอีกว่าสูตรยาคงความงามนั้นเป็ความลับสุดยอด ตนคิดจะมอบให้แก่ภรรยาและลูกสาว แต่กลับนำสูตรแป้งอิ๋งอิ๋งบอกคนนอกเช่นนาง หากนางอยากได้สูตรยาเพิ่มก็จำเป็ต้องใช้แซ่เดียวกับเขาเท่านั้น
เหอตังกุยขมวดคิ้วด้วยความงุนงง การไหว้เขาเป็พ่อบุญธรรมนั้นมิใช่เื่ยาก แต่ชื่อแซ่ของนางล้วนถูกบันทึกในแผนผังตระกูลหลัว คงเป็เื่ยากแก้ไขกระมัง? ไป๋ตังกุย... ชื่อไป๋ตังกุยนั้นแปลกประหลาดเกินไป
ไป๋หยางไป่โยกนิ้วไปมาอย่างเฉลียวฉลาดพลางบอกว่าชื่อบนแผนผังตระกูลมิจำเป็ต้องเปลี่ยนแปลง เพียงไปที่เรือนหลังที่สองทางซ้ายมือของกรมทะเบียน เพิ่มคำว่า ''ไป๋'' ก่อนชื่อเดิมก็จะกลายเป็ไป๋เหอตังกุย ซึ่งมีความหมายว่าการเกี่ยวดองรักใคร่กลมเกลียวยาวนานถึงร้อยปี ชื่อนี้ไพเราะไม่น้อย อย่าได้ลังเลอันใดอีก ไป๋หยางไป่พูดคำไหนคำนั้น ไม่เคยผิดคำพูด หากนางไม่เชื่อสามารถแลกสมุดรายชื่อกับสูตรยาแช่อ่างเพื่อคงความงามได้เลย นอกจากนี้ยังมีน้ำหอมคงกลิ่นยาวนานให้อีกหนึ่งขวด ชุดเข็มเงินอีกหนึ่งชุดเพื่อใช้ฝังเข็มความงามและการนวด ทั้งหมดใช้เพื่อการคงความงามทั้งสิ้น
เหอตังกุยได้ยินดังนั้นก็ตะลึงงันทันที ก่อนนึกได้ว่า ''เรือนหลังที่สองทางซ้ายของกรมทะเบียน'' นั้นมีหน้าที่อะไร ไม่นานก็กลอกตาเอ่ยปฏิเสธอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่ได้ ในเวลานี้ตนคือ ''จูเหอตังกุย'' หากเพิ่มอีกตัวก็จะกลายเป็ ''จูไป๋เหอตังกุย''
นางศึกษาใบสั่งยาอย่างละเอียด สมุนไพรส่วนใหญ่ที่ใช้ดูแลผิวพรรณให้ขาวผ่องและงดงาม ได้แก่ ไป๋จี๋ ไป๋ชู่ ไป๋จื่อ เป็ต้น เมื่อหาหนังสือการแพทย์มาอ่านก็พบว่ามีสูตรยาที่คล้ายกันเป็จำนวนมาก นางจึงหาความพิเศษไม่เจอ
ยิ่งมองก็ยิ่งสงสัย ตู้จ้งหรือ? มันมิใช่สมุนไพรบำรุงตับไต เสริมสร้างกระดูก และกล้ามเนื้อเด็กในครรภ์ให้แข็งแรงหรอกหรือ? เป็ครั้งแรกที่ได้ยินว่ามันใช้ภายนอกได้
สื่อเว่ย? สื่อจู? สิ่งเหล่านี้ล้วนใช้รักษาปอดบวมและขับปัสสาวะ สื่อจูยังสามารถรักษาอาการปวดประจำเดือนได้ด้วย...
ชวนไป๋? ชวนกู่? ชวนสยง?
เหอตังกุยตัวสั่นเทาด้วยความเดือดดาล นางโยนสูตรยาทิ้งด้วยใบหน้าขยะแขยง ก่อนเอ่ยเสียงดัง “เ้าเล่นตลกกับข้าหรือ นี่มันแผนผังตระกูลหลัวไม่ใช่หรือ? ไป๋จี๋ ไป๋ชู่ และไป๋จื่อล้วนเป็ชื่อลูกพี่ลูกน้องครอบครัวสาขาสองของข้า ตู้จ้งคือท่านตาของข้า สื่อเว่ยและสื่อจูคือหลานชายข้า ชวนไป๋ ชวนกู่คือลุงข้า ชวนสยงคือแม่ของข้า เฮ้อ... แป้งอิ๋งอิ๋งของหลี่ฟูเหรินอะไรกัน? ไป๋หยางไป่ เ้ามันกลับกลอก เชื่อไม่ได้”
“ข้าไม่ได้รับความยุติธรรม ข้าจะรู้ชื่อคนในครอบครัวเ้าได้เยี่ยงไร?” ไป๋หยางไป่ปิดหน้าร้องห่มร้องไห้ “ตระกูลหลัวของพวกเ้ามีอำนาจในเมืองหยางโจว แต่ในเมืองต้าหนิงกลับไม่เคยได้ยินมาก่อน ตระกูลของพวกเ้าี้เีตั้งชื่อจึงสุ่มชื่อยาสมุนไพรใช้ตั้งชื่อ หยิบได้ยาอะไรก็ตั้งชื่อนั้นแล้วเขียนลงแผนผังตระกูล แป้งอิ๋งอิ๋งของข้าจะเป็ของจริงหรือไม่ เมื่อลองใช้ก็จะรู้ ข้าไป๋หยางไป่ลูกศิษย์สำนักต้ากั้วเหมินแห่งเขาอู่อี้ซาน เป็ที่รู้กันดีว่าสำนักต้ากั้วเหมินมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี สูตรยาแผ่นนี้เป็ของอาจารย์ของอาจารย์… ของอาจารย์ที่ตกทอดรุ่นสู่รุ่น ข้าจะโกหกสตรีเช่นเ้าเพื่ออะไร?” กล่าวจบก็ส่งสูตรยาคืนเหอตังกุย
เหอตังกุยมุ่ยปากแล้วชี้ “ลุงไป๋ เมื่อครู่ท่านพูดคำว่าอาจารย์ของอาจารย์สี่ครั้ง”
ไป๋หยางไป่ถลึงตามอง “สาวน้อย เ้าเข้มงวดกับข้าเกินไปแล้ว อีกอย่างข้าก็ได้ฟังมาจากอาจารย์ของข้า ข้าเคยบอกเ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าเขาพูดติดอ่าง”
ด้วยเหตุนี้ เหอตังกุยจึงเริ่มใช้ ''แป้งอิ๋งอิ๋ง'' ด้วยความสงสัยและด้วยจิติญญาแสวงหาความรู้และข้อเท็จจริง การแช่น้ำยา ''คงความงาม'' ที่ไป๋หยางไป่เตรียมไว้อย่างลับ ๆ หนึ่งครั้งทุกสิบวัน ผิวของนางก็ยิ่งขาวผ่องและเนียนนุ่ม
เริ่มแรกนางคิดว่าสูตรแป้งอิ๋งอิ๋งเป็ของปลอม การแช่น้ำยาคงความงามต่างหากที่เป็ยาดี ก่อนนอนก็ทาแป้งอิ๋งอิ๋งบนใบหน้าทุกวัน ตอนล้างหน้าแล้วส่องกระจกในตอนเช้า ผิวพรรณมิได้เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ทุกครั้งที่แช่น้ำคงความงาม ผิวพรรณของนางก็เปล่งปลั่งราวหิมะ นุ่มชุ่มชื้นราวกับมีน้ำซึม ผลลัพธ์ทุกครั้งดีขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นแม้นางจะยืนกรานใช้แป้งอิ๋งอิ๋ง แต่เป้าหมายสำคัญกลับเป็เพียงการพิสูจน์ว่ายานี้คือของจริงหรือไม่เท่านั้น ทั้งยังพิสูจน์ว่าไป๋หยางไป่เป็คนโป้ปด นางสามารถนำเื่นี้ขู่เขาเพื่อขอสูตรยาดีที่แท้จริงจากเขามา
ทว่าไป๋หยางไป่เป็สุนัขจิ้งจอกเฒ่าเ้าเล่ห์ ชาติที่แล้วเหอตังกุยช่างไร้เดียงสาเมื่อเทียบกับเขา นางขอสูตรยาใบนั้นนานกว่าสี่ปีแต่ก็ไม่เคยได้ ตรงกันข้ามกลับถูกไป๋หยางไป่เล่นตลกบ่อยครั้ง
ในปีที่ห้าเหอตังกุยตั้งครรภ์ลูกของจูฉวน ไป๋หยางไป่บอกนางว่าสตรีมีครรภ์ไม่สามารถแช่ยาได้ ต่อไปนางก็ไม่สามารถแช่ยาคงความงามได้อีก ไม่จำเป็ต้องไปหาเขาแล้ว เหอตังกุยเอ่ยถามว่าแป้งอิ๋งอิ๋งสามารถใช้กับสตรีมีครรภ์ได้หรือไม่? ไป๋หยางไป่บอกว่าใช้ได้ เหอตังกุยจึงไม่ได้ไปแช่ยา เพียงใช้ผงแป้งอิ๋งอิ๋งเป็เวลาเกือบหนึ่งปี คราวนี้นางก็ได้เห็นผลลัพธ์จริง ๆ ผิวหน้าของนางนับวันยิ่งเกลี้ยงเกลา รอยแตกลายที่ท้องน้อยก็หายไปด้วย
ด้วยเพราะน้ำยามีประสิทธิภาพดีเกินไป จึงทำให้ผลลัพธ์ของแป้งอิ๋งอิ๋งลดลง อีกทั้งในตอนแรกนางไม่เชื่อใจไป๋หยางไป่จึงคิดว่ามันเป็ของปลอมมาตลอด แต่ความจริงแล้วแป้งอิ๋งอิ๋งกลับมีประโยชน์มากกว่าเคล็ดลับความงามอันล้ำค่าในวังหลวงหลายสิบเท่า ผู้ที่ใช้มันนานหลายสิบปีสามารถคงความเยาว์วัยได้จริง ๆ เช่นหลี่ฟู่เหรินที่คงความสาวได้ยาวนานตลอดสิบหกปี
สตรีส่วนใหญ่โลภมาก ไม่ว่าใบหน้างดงามเพียงใดก็ยังไม่พอใจ เหอตังกุยที่ให้กำเนิดลูกสาวแล้วคิดถึงน้ำยาแช่คงความงามจึงไปหาไป๋หยางไป่ที่บ้าน เคาะประตูอยู่นานก็ไม่มีใครเปิด จึงผลักประตูเข้าไป เมื่อกวาดตามองรอบเรือนใหญ่กลับมีแต่ความว่างเปล่า ไม่พบใครสักคน เมื่อเห็นความหนาของฝุ่นและใยแมงมุม นางจึงเดาว่าที่นี่คงไม่มีใครอยู่เป็ปีแล้ว น่าแปลก เมื่อก่อนตาแก่เ้าเล่ห์เคยท่องเที่ยวทั่วยุทธภพ แต่ในบ้านก็ยังมีบ่าวรับใช้ หรือตาแก่เ้าเล่ห์จะย้ายบ้านแล้วแต่ไม่บอกตน?
เหอตังกุยค้นหาในห้องยา ห้องทำงานและห้องอาบน้ำอย่างละเอียด แต่กลับไม่พบสมุนไพรหรือยาใด ๆ นางจึงทำได้เพียงจากไปด้วยความผิดหวัง ต่อมาก็พยายามติดต่อไป๋หยางไป่ด้วยวิธีพิเศษหลายครั้ง ทว่าได้รับจดหมายตอบกลับจากเขาเพียงหนึ่งฉบับ นางแทบอดทนรอเปิดอ่านไม่ไหว ก่อนพบว่าด้านในมีเพียงกระดาษเปล่าและใบหม่อนแห้งเท่านั้น ไม่รู้เขาจะสื่ออะไร หรือมันเป็จดหมายที่มีความลับซ่อนอยู่? เขากลัวว่าสูตรยาอันล้ำค่าจะถูกเปิดเผยต่อหน้าคนอื่นหรือ?
เหอตังกุยใช้วิธีลนกระดาษและจุ่มลงยาเหลว ในที่สุดก็พบว่ากระดาษนี้ว่างเปล่า นางเดือดดาลทันที วิ่งไปทำลายข้าวของในบ้านของไป๋หยางไป่จนใบหน้าเปื้อนฝุ่น ทั้งยังกลืนฝุ่นเข้าไปอีก ขณะนางกำลังจะจากไปก็รู้สึกว่ามีคนแอบมองผ่านรอยแยกมุมประตู จึงหันกลับไปมองทันที สายตาพลันประสานกับแววตาเป็ประกายคู่หนึ่ง ทว่าแววตาคู่นั้นก็หายไปในชั่วพริบตา นางใระคนสงสัยจึงะโพลางเตะประตูก่อนพบว่าหลังประตูนั้นเป็ห้องร้างว่างเปล่า ไหนเลยจะมีมนุษย์
จนกระทั่งตนถูกโจวเฟยและคนในตระกูลหลัวบีบจนตาย ก็ไม่เคยได้พบไป๋หยางไป่อีกเลย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้