เทือกเขาิเฉิงปรากฏเป็เงาทะมึนในระยะไกล หลังจากเดินทางมาสองวันตามการนำทางของลี่จง หลินเว่ยและคณะได้มาถึงเชิงเขาในที่สุด ป่าทึบบนูเาดูน่าขนลุกแม้ในยามกลางวัน เสียงลมหวีดหวิวผ่านหุบเขาคล้ายเสียงกระซิบร้องเรียก
"เราจะพักแรมที่นี่ก่อนเริ่มปีนเขาพรุ่งนี้" ลี่จงเอ่ยขณะชี้ไปยังถ้ำเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ระหว่างโขดหิน "ูเาิเฉิงอันตรายในยามค่ำคืน มีเสียงประหลาดและสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้"
หลิวซินพยักหน้า เธอสังเกตเห็นว่าหลินเว่ยดูไม่ค่อยสบายั้แ่เช้า "คุณเป็อย่างไรบ้าง?" เธอถามเสียงเบา ขณะที่ลี่จงและเมิ่งหลิงกำลังจัดเตรียมที่พักในถ้ำ
"พลังนั่น... มันแปรปรวนมากขึ้น" หลินเว่ยตอบเสียงแ่ มือเขาสั่นเล็กน้อย เส้นเืสีม่วงปรากฏให้เห็นใต้ิัเป็ครั้งคราว "ฉันรู้สึกว่ามันตื่นตัวมากขึ้นเมื่อเราเข้าใกลู้เา"
หลิวซินขมวดคิ้ว "คุณควรบอกฉันั้แ่เช้า เราอาจต้องหยุดพักให้คุณฝึกควบคุมมันมากกว่านี้"
"ไม่มีเวลา" หลินเว่ยส่ายหน้า "แต่ฉันไม่คิดว่ามันกำลังพยายามควบคุมฉันเหมือนคราวก่อน มันเหมือน... กำลังพยายามบอกอะไรบางอย่าง"
ในถ้ำ ทุกคนรวมตัวกันรอบกองไฟเล็กๆ ลี่จงมองหลินเว่ยด้วยสายตาประหลาด
"เ้ามีสิ่งผิดปกติในตัว" ชายชราเอ่ยในที่สุด "ข้าััได้ั้แ่วันแรกที่เจอกัน แต่ตอนนี้มันชัดเจนขึ้น"
หลินเว่ยชะงัก "คุณรู้ได้อย่างไร?"
ลี่จงหัวเราะเบาๆ "เ้าคิดว่าข้าเป็เพียงคนแก่ธรรมดาหรือ? ข้าใช้ชีวิตในเทือกเขาิเฉิงมาครึ่งชีวิต ข้ารู้จักพลังงานแปลกปลอมเมื่อได้พบเห็น"
เขาหยิบถุงผ้าเล็กๆ จากเอว โรยผงสมุนไพรบางอย่างลงในกองไฟ ควันสีเขียวอ่อนลอยขึ้นมา
"สูดลมหายใจเข้าลึกๆ" ลี่จงสั่ง "มันจะช่วยให้เ้าดำรงความสมดุลไว้ได้ชั่วคราว"
หลินเว่ยทำตาม สูดกลิ่นหอมของสมุนไพรเข้าปอด ทันใดนั้น ความวุ่นวายในจิตใจเขาก็สงบลง เส้นเืสีม่วงใต้ิัจางหายไป
"สมุนไพรนี้คืออะไร?" เมิ่งหลิงถามด้วยความสนใจ
"มันเรียกว่า 'หญ้าสมานจิต' เติบโตเฉพาะบนูเาิเฉิง" ลี่จงตอบ "มันช่วยสร้างความสมดุลให้พลังงานทั้งมืดและสว่าง ชาวบ้านทางนี้ใช้มันมาหลายชั่วอายุคน"
"คุณรู้เื่พลังงานพวกนี้ดีนี่" หลิวซินสังเกต "คุณรู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในตัวหลินเว่ยไหม?"
ลี่จงมองเข้าไปในกองไฟ นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง "พวกมันเรียกตัวเองว่า 'ิญญาอนันต์' เป็สิ่งมีชีวิตจากอีกมิติหนึ่ง" เขาเอ่ยในที่สุด "พวกมันมาถึงโลกนี้นานแล้ว ก่อนที่จะมีการระบาดด้วยซ้ำ"
หลินเว่ยขมวดคิ้ว "แล้วการระบาดเกี่ยวข้องกับพวกมันอย่างไร?"
"ข้าไม่แน่ใจ" ลี่จงตอบ "แต่มีคำเล่าขานว่าองค์กรเทียนซื่อได้จับิญญาอนันต์มาทดลอง พยายามนำพลังของพวกมันมาใช้ และนั่นอาจเป็ที่มาของไวรัสที่ทำให้เกิดการกลายพันธุ์"
เมิ่งหลิงพยักหน้า "เป็ไปได้ ิญญาพวกนี้อาจเป็เวกเตอร์ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมในมนุษย์"
"และตอนนี้หนึ่งในพวกมันอยู่ในตัวฉัน" หลินเว่ยเอ่ยเสียงเบา "มันอันตรายแค่ไหน?"
ลี่จงส่ายหน้า "ขึ้นอยู่กับว่าเ้าจัดการกับมันอย่างไร ิญญาอนันต์ไม่ได้เลวร้ายโดยธรรมชาติ แต่พวกมัน้าที่อยู่อาศัย และเมื่อถูกบังคับ พวกมันจะดุร้าย"
"แล้วฉันจะเรียนรู้ที่จะควบคุมมันได้อย่างไร?" หลินเว่ยถาม
"เ้าต้องตื่นรู้กับพลังที่แท้จริงของตัวเอง" ลี่จงตอบอย่างลึกลับ "เรียนรู้ที่จะไม่ต่อสู้กับมัน แต่เต้นรำไปพร้อมกับมัน"
"ฟังดูเหมือนปริศนาธรรม" หลิวซินบ่น
ลี่จงหัวเราะเบาๆ "บนยอดเขาิเฉิง มีวัดเก่าแก่ชื่อ 'วัดม่านเมฆ' ที่นั่นมีนักพรตที่อาจช่วยเ้าได้ พวกเขาศึกษาพลังงานจากมิติอื่นมาหลายชั่วอายุคน"
"นั่นคือจุดหมายของเรา" หลินเว่ยตัดสินใจ
คืนนั้น ขณะที่ทุกคนหลับใหล หลินเว่ยยังคงนั่งหน้ากองไฟ เขารู้สึกได้ถึงพลังในตัวที่ปั่นป่วน แต่ไม่ใช่ความรุนแรงเหมือนครั้งก่อน มันเหมือนคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งแล้วถอยกลับ เป็จังหวะที่เขาเริ่มเข้าใจ
เขาลองใช้ท่า ัหลับใหล ที่หลิวซินสอน หลับตาลงและมุ่งความสนใจไปที่การหายใจ เข้า-ออก เข้า-ออก แต่ละลมหายใจ เขาััได้ถึงพลัง ชี่ ที่ไหลเวียนในร่างกาย ตามเส้นลมปราณต่างๆ
และในครั้งนี้ แทนที่จะพยายามแยกพลังสีม่วงออกจากพลัง ชี่ ของตน เขากลับยอมให้พวกมันไหลเวียนรวมกัน ผสานกันเหมือนแม่น้ำสองสายที่มากัน
"ถ้าเราเป็หนึ่งเดียวกัน" หลินเว่ยกระซิบในใจ "เราจะแข็งแกร่งกว่าการแยกจากกัน"
เขารู้สึกถึงพลังงานสีม่วงที่ตอบสนอง ไม่ใช่ด้วยความก้าวร้าว แต่ด้วยการยอมรับ มันเหมือนการเต้นรำระหว่างแสงสว่างและเงามืด ระหว่างความร้อนและความเย็น เขาเริ่มเข้าใจว่าลี่จงหมายถึงอะไร
หลินเว่ยลองยกมือขึ้น กำมือแน่น พลังงานสีม่วงอมทองเริ่มก่อตัวรอบฝ่ามือ ไม่ใช่แค่พลัง ชี่ ธรรมดาที่เขาเคยใช้ แต่เป็รูปแบบที่เข้มข้นและทรงพลังกว่า เขาพุ่งพลังนั้นไปที่ก้อนหินเล็กๆ ข้างกองไฟ
แคร็ก!
ก้อนหินแตกเป็เสี่ยงๆ โดยไม่มีเสียงดัง หลินเว่ยใกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงพลังงานที่ถูกดูดไปจากร่างกาย เขาหอบเล็กน้อย
"พลังใหม่มาพร้อมกับราคาที่ต้องจ่าย" เสียงของลี่จงดังขึ้นเบาๆ จากด้านหลัง
หลินเว่ยหันไปมอง ชายชรานั่งพิงผนังถ้ำอยู่ในเงามืด "ผมคิดว่าคุณหลับแล้ว"
"คนแก่้าการพักผ่อนน้อยลง" ลี่จงยิ้ม "ข้าเห็นความพยายามของเ้า"
"ผมคิดว่าผมเริ่มเข้าใจแล้ว" หลินเว่ยพูด "มันเหมือนการเต้นรำมากกว่าการต่อสู้"
"ใช่" ลี่จงพยักหน้า "แต่อย่าประมาท พลังแบบนี้มาพร้อมกับราคาที่ต้องจ่าย ทุกครั้งที่เ้าใช้มัน เ้าเปิดประตูให้มันเข้ามาในจิตใจมากขึ้น"
"คุณหมายความว่า ยิ่งใช้พลังนี้ ผมยิ่งเสี่ยงที่จะถูกมันควบคุมหรือ?"
"ไม่เสมอไป" ลี่จงตอบ "ถ้าเ้าใช้มันอย่างฉลาดและระมัดระวัง ในที่สุดเ้าและมันจะกลายเป็หนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครควบคุมใคร มีแต่การพึ่งพาอาศัยกัน"
หลินเว่ยหว่านจิตสำรวจเข้าไปในร่างกายตนเอง รู้สึกถึงพลังงานสีม่วงที่กระจายไปทั่ว ในตอนแรกมันเหมือนผู้บุกรุก แต่ตอนนี้มันเหมือนเพื่อนร่วมเดินทาง
"ผมจะฝึกฝนให้มากขึ้น" เขาตัดสินใจ
"เ้าจะมีโอกาสได้ฝึกเร็วๆ นี้" ลี่จงเอ่ยด้วยน้ำเสียงลึกลับ "ูเาิเฉิงไม่ใช่ที่ที่ใครก็สามารถเดินผ่านได้อย่างปลอดภัย"
รุ่งเช้า ทุกคนตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเริ่มการเดินทางขึ้นูเา ลี่จงนำทางไปตามเส้นทางที่แทบจะมองไม่เห็น ซิกแซกไปตามไหล่เขาชัน
"เราจะใช้เวลาสองวันกว่าจะถึงวัดม่านเมฆ" ลี่จงบอก "ระวังฝีเท้าให้ดี และอย่าออกนอกเส้นทาง ูเานี้มีหลุมพรางธรรมชาติมากมาย"
หลินเว่ยรู้สึกถึงพลังงานแปลกประหลาดในอากาศขณะเดินขึ้นเขา เหมือนกับว่าูเาทั้งลูกมีชีวิตและกำลังหายใจ พลังในตัวเขาตอบสนองต่อพลังงานโดยรอบ เขารู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น
พวกเขาเดินทางได้ครึ่งวัน เมื่อลี่จงชี้ให้ดูรอยแยกบนพื้นหิน "นี่คือร่องรอยที่เกิดจากพลังงานจากมิติอื่น มันรั่วไหลผ่านมาที่นี่มานานนับพันปี"
"นี่เป็เหตุผลที่คนพื้นเมืองเชื่อว่าูเานี้ศักดิ์สิทธิ์หรือ?" เมิ่งหลิงถาม
"ใช่" ลี่จงพยักหน้า "และเป็เหตุผลที่องค์กรเทียนซื่อสนใจที่นี่ พวกเขาสร้างฐานลับอยู่ทางทิศตะวันออกของูเา ห่างจากวัดม่านเมฆหลายกิโลเมตร"
หลิวซินหันไปมองหลินเว่ย "คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง? พลังในตัวคุณเป็อย่างไร?"
"แปลกๆ แต่ไม่ใช่ในทางที่ไม่ดี" หลินเว่ยตอบ "ผมรู้สึกเหมือนกำลัง...ตื่นขึ้น เหมือนผมเพิ่งเริ่มเข้าใจว่าผมสามารถทำอะไรได้บ้าง"
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน เสียงหินร่วงก็ดังขึ้นจากเหนือศีรษะ ทุกคนเงยหน้ามอง และใเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ะโลงมาจากหน้าผาสูง
"ผู้บุกรุก!" เสียงของชายแปลกหน้าะโ เขาสวมชุดสีดำ ใบหน้าปิดด้วยหน้ากากที่มีเพียงช่องตา "ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ขึ้นเขาิเฉิง!"
ลี่จงก้าวถอยหลัง "นักรบเงา" เขากระซิบ "พวกเขาคือผู้พิทักษ์ของวัดม่านเมฆ"
ชายชุดดำอีกสามคนปรากฏตัวรอบพวกเขา ทุกคนถือดาบสั้นที่เปล่งประกายเย็นเยียบ
"เราไม่ได้มาเป็ศัตรู" หลินเว่ยเอ่ย ยกมือขึ้นแสดงความสันติ "เรา้าพบนักพรตที่วัดม่านเมฆเพื่อขอความช่วยเหลือ"
"ไม่มีใครถูกอนุญาตให้ขึ้นไป" นักรบเงาที่ดูเหมือนหัวหน้าย้ำ "กลับไปเสีย หรือเจอกับความตาย"
หลิวซินเตรียมท่า ัสยายปีก พร้อมต่อสู้ แต่หลินเว่ยยกมือห้ามเธอไว้
"ผม้าเรียนรู้การควบคุมพลังในตัวผม" หลินเว่ยพูด ก่อนจะยกมือขึ้น ปล่อยให้พลังงานสีม่วงอมทองปรากฏที่ปลายนิ้ว "พลังที่อาจช่วยต่อสู้กับองค์กรเทียนซื่อได้"
นักรบเงาทั้งสี่คนชะงัก สบตากัน ก่อนที่หัวหน้าจะก้าวออกมา
"พลังนั้น... เ้าได้มันมาได้อย่างไร?" เขาถาม น้ำเสียงเปลี่ยนจากก้าวร้าวเป็ระมัดระวัง
"ผมได้รับมันระหว่างต่อสู้กับผู้นำติดเชื้อ" หลินเว่ยตอบตามตรง "และตอนนี้ผมกำลังเรียนรู้ที่จะควบคุมมัน"
นักรบเงาถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่มีรอยแผลเป็พาดผ่านตาข้างหนึ่ง
"อาจารย์้าพบเ้า" เขาประกาศ "ติดตามเรามา"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้