“เช่นนั้นข้าขอถามพวกเ้า ตระกูลหลี่ติดหนี้พวกเ้าคนใด...หรือตระกูลหลี่มีหน้าที่หาเลี้ยงพวกเ้าที่ยังมีแขนขาครบ”
คำถามถูกถามอย่างตรงจุด เซี่ยชิงหลีกอดอกยืนมองการประชุมด้วยสีหน้าพอใจ ไม่ผิดหวังเลยที่เชิญหัวหน้าหมู่บ้านมาจัดการ คนที่เคยร่ำเรียนคำพูดมักจะมีอิทธิพลเสมอ
“แต่พวกเขาควรมีน้ำใจไม่ใช่หรือ”
คำถามถูกถามจากหญิงสาวชาวบ้านผู้หนึ่ง หน้าตาของนางค่อนข้างงดงามทีเดียว หลี่ิเจ๋อที่ยืนอยู่ไม่ไกลชักสีหน้าทันที เพราะคนที่เอ่ยคำถามนั้นขึ้นมาคือ จูเป่าเอ๋อ คู่หมั้นที่เขาตั้งใจจะแต่งงานด้วยในปีหน้า
“เด็กสาวบ้านจู เช่นนั้นข้าวในยุ้งของเ้าเอามาแบ่งให้ชาวบ้านเพื่อเป็น้ำใจดีหรือไม่ หลังจากนี้ข้าจะบอกพ่อแม่ของเ้าด้วยตนเองว่าเ้ามีน้ำใจต่อพวกเราเพียงใด”
คำพูดเดียวของหัวหน้าหมู่บ้านเฉาสามารถปิดปากคนทั้งหมู่บ้านได้สนิท หลี่ิเจ๋อโมโหจนอยากสังหารคน ไม่คิดว่าสตรีที่เขามั่นใจว่าเป็คนดีกลับกลายเป็คนโลภมาก อยากได้อยากมีคิด่ชิงสิ่งของคนอื่น
“อาเจ๋อ เ้ากลับเข้าเรือนไปก่อน”
เมื่อได้รับคำสั่งของบิดา หลี่ิเจ๋อทำได้เพียงกระทืบเท้าเดินกลับเข้าเรือนไป
“ลุงรอง ท่านคิดให้พี่ิเจ๋อแต่งนางเข้ามาเป็สะใภ้จริงหรือ นางช่างแตกต่างจากพี่เฟิงอิงยิ่งนัก ถ้าได้เข้ามาอยู่ในตระกูลหลี่ครอบครัวใหญ่ของพวกท่านต้องบันเทิงแน่”
เซี่ยชิงหลีเอ่ยติดตลก ทว่าครอบครัวรองกลับมีท่าทีเคร่งเครียด โดยเฉพาะป้าสะใภ้รองที่มีลูกชายเพียงคนเดียวอย่างหลี่ิเจ๋อ
เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเฉาออกมาพูดสกัดการกระทำของเหล่าชาวบ้าน เซี่ยชิงหลีในฐานะที่มีส่วนร่วมมากที่สุดจึงเริ่มออกหน้า
“สวัสดีเ้าค่ะ ลุงป้าน้าอาทั้งหลาย ข้าคือเซี่ยชิงหลีทุกท่านคงจะรู้จักกันหมดแล้ว วันนี้ที่ข้า้าพูดคือ...ใครก็ตามที่้าเนื้อกวางข้าจะขายให้พวกท่าน...แน่นอนว่าถูกกว่าที่ขายในตำบลห้าเหวิน เนื้อกวางราคาสูงกว่าเนื้อหมูป่า ดังนั้นราคาสิบห้าเหวินต่อหนึ่งจินคือราคาขายที่เหมาะสม หากไม่มีใครในที่นี้สนใจ ท่านลุงใหญ่และท่านลุงรองของข้าจะบรรทุกกวางตัวนี้ไปขายในเมือง”
สิ้นคำพูดของหญิงสาว ชาวบ้านต่างร้องขอสั่งซื้อเนื้อกวางดังเซ็งแซ่ ต่อมากลายเป็หน้าที่ของคนบ้านหลี่แล่เนื้อกวางขายกันสดๆ ที่หน้าเรือน
ภายหลังเมื่อชาวบ้านจากไปหมดแล้ว เซี่ยชิงหลีจึงไปที่เรือนของหัวหน้าหมู่บ้าน นางมอบเนื้อกวางห้าจินส่งให้ภรรยาของเขา
แม้ทางนั้นจะแสดงออกว่าเกรงใจ ทว่าต่อไปนางยังต้องพึ่งพาที่นี่เพื่อตั้งหลัก จึงต้องนอบน้อมต่อพวกเขาสักหน่อย เนื้อกวางเพียงห้าจินบ้านนางไม่ขาดดังนั้นจึงไม่รู้สึกเสียดาย
“อาเหิง เป๋าเอ๋อ เหตุใดพวกเ้ามาอยู่ที่นี่”
ระหว่างทางไปยังเรือนของนายพรานที่หญิงสาวหยิบยืมธนู บังเอิญได้พบกับอาเหิงและเซี่ยชิงเป่าเข้าพอดี
“พี่รอง! ท่านยายอาการไม่ค่อยดีท่านแม่จึงให้ข้ามาตาม รีบกลับเรือนก่อนเถอะ”
“ได้ ได้”
สามคนรีบวิ่งกลับไปยังเรือนตระกูลหลี่ทันที
เมื่อกลับไปถึงที่นั่นแม่เฒ่าโจวได้หมดสติไปแล้ว เซี่ยชิงหลีสั่งทุกคนให้ออกไปคอยด้านนอก ภายในห้องจึงมีเพียงนาง ผู้เฒ่าหลี่ และแม่เฒ่าโจวที่หมดสติ
ภายหลังจากหลานสาวจับชีพจร ชายชราจึงถามถึงอาการของคู่ชีวิตด้วยสีหน้าเป็กังวล
“ท่านยายของเ้า...นางเป็อย่างไรบ้าง”
ร่างบางตบหลังมือเหี่ยวย่นเบาๆ เพื่อให้ชายชราคลายกังวล
“ไม่ต้องกังวลเ้าค่ะ ท่านยายเพียงร่างกายอ่อนแอเกินไปเท่านั้น อาการป่วยเรื้อรังของนางไม่ใช่เกิดขึ้นเพียงวันสองวัน อีกอย่างเพราะ่นี้ฝนตกบ่อยอากาศชื้นนางมีอาการปวดกระดูกร่วมด้วยใช่หรือไม่ มีอาการเจ็บคอไอแห้งและปวดหัวนอนไม่หลับเป็บางครั้ง”
“เ้ารู้ได้อย่างไร”
“ท่านตา ความจริงท่านยายเพียงขาดสารอาหารเป็เวลานาน รวมกับที่นางทำงานหนักมาตลอด ทำให้เมื่อเวลาป่วยไข้จึงหายได้ยาก พวกท่านคงไม่ได้ให้นางทานยาอย่างต่อเนื่องใช่หรือไม่”
ชายชราไม่คิดว่าหลานสาวจะเก่งกาจเพียงนี้ เพียงจับชีพจรไม่กี่ครั้งก็สามารถวินิจฉัยอาการของภรรยาตนได้อย่างละเอียด
“เื่นั้น...บ้านเราไม่ค่อยมีเงิน ท่านยายของเ้าก็ดื้อรั้นไม่ยอมไปหาหมอ”
“วันนี้บ้านเราก็มีเงินแล้วมิใช่หรือ ข้าจะเขียนเทียบยาให้หนึ่งฉบับให้คนถือไปบ้านหมอหลิว บอกว่าเป็ข้าที่ส่งมา หมอหลิวต้องมีสมุนไพรเหล่านี้เก็บไว้แน่”
หลังจากออกจากห้องแม่เฒ่าโจว เซี่ยชิงหลีได้เขียนเทียบยาให้หลี่เยว่สิงและหลี่เยว่หยางนำไปยังหมู่บ้านสือซานเพื่อหาท่านหมอหลิว พอดีให้พวกเขานำรถลากและเงินสองตำลึงไปใช้หนี้ด้วย ยังมีเนื้อกวางห้า จินส่งให้ผู้เฒ่าและภรรยาเพื่อเป็การตอบแทนความช่วยเหลือ
เมื่อสองพี่น้องกลับมา ร่างบางจึงลงมือต้มยาให้แม่เฒ่าโจวดื่ม ทั้งยังนำเตาถ่านมาวางในห้องเพื่อให้ความอบอุ่นแก่นาง ยุคนี้ยังไม่มีเตียงเตา หมายความว่าเมื่อเข้าฤดูหนาวตนเองต้องทนนอนหนาวใช่หรือไม่
ไม่มีทางแน่นอน
แม้ไม่รู้ถึงวิธีการทำแต่เคยเห็นด้วยตาก็สามารถทดลองดูได้ นี่เป็อีกรายการหนึ่งที่ต้องบันทึกเอาไว้ในหัว ในยุคโบราณสิ่งที่ต้องทำมีมากมาย นั่นก็เพื่อความสะดวกสบายของตนในอนาคต
วันต่อมา
เซี่ยชิงหลีนั่งเกวียนวัวที่เช่าจากหัวหน้าหมู่บ้านเขาไปในอำเภอกับลุงทั้งสอง นางยังไม่ตัดสินใจว่าจะขายเห็ดสนให้ร้านอาหารร้านใด
เพราะการแต่งกายที่ดูซอมซ่อของทั้งสาม ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าหอกุ้ยเซียงก็ถูกไล่ตะเพิดออกมา เซี่ยชิงหลีแอบสบถในใจ วันหน้านางสัญญาว่าจะทำให้ที่นี่เจ๊งไม่เป็ท่า
หลังจากออกจากหอกุ้ยเซียงทั้งสามก็ตรงไปเหลาอาหารและสุราที่ชื่อหว่านหรง ซึ่งชาวอำเภอหลิงหนานต่างรู้ดีว่าสองร้านนี้เป็คู่แข่งกันมาช้านาน ทว่าหอกุ้ยเซียงนั้นมีทั้งหญิงสาวงดงามที่คอยให้บริการและยังมีกวีนักเล่าเื่มาคอยเล่านิทานให้เหล่าลูกค้าได้เพลิดเพลิน ทำให้หอหว่านหรงต้องตกเป็รอง
“เ้ามาทำอะไรที่นี่!”
ยังไม่ทันจากไปหญิงสาวก็ถูกขวางทางโดยคนที่เกลียดขี้หน้าที่สุด เซี่ยจิ่งเฉิง ที่พึงออกจากหอกุ้ยเซียงเดินโซเซตรงมายังนาง เมื่อได้พบคนที่ไม่ชอบหน้าหญิงสาวมีหรือจะยอมพูดดีด้วย
“เกี่ยวอันใดกับเ้า”
“ก็เพราะ...ขะ...ข้าคือพี่ชายของเ้า! เอ๊ะ!เหตุใดเ้าพูดได้!...แล้วช่างเถอะ...เหตุใดจะไม่เกี่ยวกับข้า บอกมาว่าเ้ามาทำอะไรที่อำเภอหลิงหนาน”
เซี่ยจิ่งเฉิงคิดคว้าแขนหญิงสาวมาซักถามให้รู้เื่ ทว่านางกลับหมุนตัวหลบทำให้เขาเสียจังหวะล้มคว่ำไป
“เ้า!..”
เมื่อถูกนางทำให้ต้องได้รับความอับอายบวกกับฤทธิ์สุราทำให้เขาลืมไปแล้วว่าก่อนหน้าหญิงสาวเคยทำอะไรเอาไว้ ร่างสูงตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนคิดสั่งสอนน้องสาวให้รู้สำนึก ทว่าเซี่ยชิงหลีกลับเตะสวนออกไป ทำให้เขาล้มลงไปกองอีกครั้ง
“โอ๊ย!! เซี่ยชิงหลี!! เ้ากล้าทำร้ายข้า”
“ไสหัวไปซะไอ้สวะเซี่ยจิ่งเฉิง สุนัขดีไม่ขวางทาง”
หญิงสาวจ้องชายหนุ่มด้วยสีหน้าเ็า
“เ้า!! เ้ากล้าด่าข้าเป็หมา”
“เ้าเป็หมาหรือไม่ ตัวเ้ารู้ดีมิใช่หรือ เมาแอ๋กลางวันแสกๆ ยังคิดว่าตนเองเป็บัณฑิตผู้มีความรู้อยู่อีก หนังสือที่อ่านมาทั้งหมดคงอยู่ในท้องสุนัขหมดแล้วกระมัง เ้าเศษสวะน่าตายการกระทำของเ้ามันช่างน่าขันนัก”
“เ้า!!”
ถูกตีและถูกด่าว่าเป็หมาทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอับอายยิ่งกว่าเดิม เหล่าสหายที่ติดตามมาเห็นสาวงามกำลังพูดคุยกับเซี่ยจิ่งเฉิง จึงคิดว่าเป็คนที่พวกตนก็สามารถเกี้ยวพาได้ ชายหนุ่มทั้งสี่ต่างรุมล้อมเข้าหานาง
เซี่ยชิงหลีมองคนโง่เ่าั้ด้วยหางตา ลุงทั้งสองคิดเข้าร่วมทว่าถูกหญิงสาวห้ามเอาไว้ ไม่นานหน้าหอกุ้ยเซียงก็มีชายหนุ่มห้าคนถูกทุบตีจนหน้าบวม
“ขะ..ข้าจะแจ้งต่อทางการ เ้ากล้าทำร้ายนักเรียนของสำนักศึกษาเต๋อชุน”
หนึ่งในนั้นชี้หน้าหญิงสาวด้วยความโมโห
“หุบปากไปเสีย!...พวกเ้าห้าคนถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาเต๋อชุนเมื่อครึ่งปีก่อน อย่าได้คิดทำให้ชื่อเสียงสำนักศึกษาของข้าแปดเปื้อน”
“ท่านอาจารย์ใหญ่จ้าว!!”
สองชายชราผมขาวก้าวช้าๆ ตรงมายังกลุ่มคนทั้งห้า ก่อนหน้าทั้งสองดื่มชาอยู่ที่หอหว่านหรง มองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นั้แ่ต้น ไม่คิดว่าหญิงสาวร่างบางจะลงมือตีคนไม่กะพริบตาเช่นนี้ ช่างน่าสนใจนัก
“แม่นางน้อย เ้า้าแจ้งต่อทางการเอาผิดพวกเขาหรือไม่ ข้าจะเป็พยานให้เอง”
บุรุษทั้งห้าเบิกตาโตทันที ไม่คิดว่าอาจารย์ใหญ่จ้าวจะยอมออกหน้าให้หญิงสาวชาวบ้านผู้หนึ่ง หากพวกตนถูกทางการจับไปเื่ถูกไล่ออกต้องแดงขึ้นแน่ และหากให้พ่อแม่รู้ว่าไม่ได้เรียนที่สำนักศึกษาเงินกินเที่ยวเหล่านี้จะยังมีอยู่อีกหรือ
“ไม่เป็ไรเ้าค่ะ เวลาของข้ามีค่ามากกว่าต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเศษสวะเ่าั้”
“แปะ แปะ แปะ พูดได้ดี!! พวกเ้าห้าคนเอาเงินออกมาคนละห้าตำลึง จ่ายค่าเสียเวลาของนาง ไม่อย่างนั้นข้าจะไปเยี่ยมพ่อแม่ของพวกเ้าที่จวน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้