ลั่วชีเหนียงคีบเนื้อหมูที่เพิ่งผัดเสร็จใส่ปากของไหลไหลน้อย
“กินเสียสิ” นางมองเด็กน้อยที่ไม่กล้าแม้แต่จะขยับปากเคี้ยว จึงยื่นมือไปลูบศีรษะของเด็กชายเพื่อให้ทานอย่างสบายใจ
“พี่ใหญ่กับพี่รองของเ้าเติบโตมาด้วยกัน สายสัมพันธ์ย่อมแน่นแฟ้น ส่วนเ้านั้นเกิดมาหลังพวกเขา อีกทั้งอายุยังห่างกันไม่น้อย แม้อยากเข้าหาแต่ก็คงไม่รู้จะเข้าหาเช่นไร”
ลั่วชีเหนียงพอจะอ่านความคิดของเด็กน้อยออก นางรู้ว่าไหลไหลน้อยปรารถนานั้นปรารถนาความรักจากพี่ชายทั้งสองเช่นกัน แต่ก็กลัวจะถูกปฏิเสธ จึงแสร้งทำทีเป็เมินเฉยใส่พวกเขา
“เหตุใดจึงไม่กล้า?” ไหลไหลน้อยที่สงสัยใคร่รู้จึงอดเอ่ยถามออกมาไม่ได้
ชีเหนียงขมวดคิ้วคิด “แม่ว่าคงรู้สึกว่าตนอายุห่างจากเ้าเกินไป ไม่รู้จะเล่นกับเ้าเช่นไร หรือบางทีคงเพราะเหตุผลอื่น คงต้องให้เ้าลองสังเกตเอาเอง”
ไหลไหลน้อยพยักหน้า ก่อนจะหันไปมองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงลานบ้าน แววตาเผยความชื่นชมออกมาเล็กน้อย
เมื่อใดเขาถึงจะตัวสูงเช่นนี้บ้าง!
ตอนพวกเขากลับบ้านมาก็เป็เวลาเย็นมากแล้ว ชีเหนียงจึงทำแกงแป้งข้นง่ายๆ ขึ้นมา ตัวแป้งเนื้อแน่น รับรองว่าทานแล้วอิ่ม จากนั้นก็ทำผัดผักหมูสับและยำหัวไชเท้าเพิ่มอีก
เมื่อลองคิดดูก็รู้สึกได้ว่าลูกสามคน้าสารอาหารบำรุง จึงนำไข่ออกมาอีกสามใบและทำไข่เจียวอีกอย่าง
“ทานข้าวได้แล้ว!”
นางแผดเสียงดังลั่น ส่วนไหลไหลน้อยก็ช่วยจัดวางถ้วยกับตะเกียบลงบนโต๊ะอย่างกระตือรือร้น ส่วนลั่วจิ่งซีที่อยู่ลานบ้านกับลั่วจิ่งเฉินที่อยู่ในห้องต่างก็รู้สึกสับสนกับพฤติกรรมของนางขึ้นมา
นานแค่ไหนแล้วที่พวกเขาไม่ได้ยินเสียงแสนอบอุ่นเช่นนี้
ผ่านไปพักใหญ่ก็ยังไร้ซึ่งเงาของเด็กทั้งสอง ชีเหนียงจึงเดินออกไปที่ลานบ้าน
“ลูกรอง เ้ารีบไปกินข้าวเร็ว” เมื่อพูดจบก็หันไปยังห้องทิศตะวันออก
นับั้แ่ลูกชายคนโตได้รับาเ็ที่ขา ลั่วชีเหนียงคนเก่าก็รู้สึกผิดและหวาดกลัว จึงไม่เคยแวะไปหาลั่วจิ่งเฉินด้วยตนเองอีกเลย กลายเป็ว่าความสัมพันธ์แม่ลูกที่เดิมทีก็เปราะบางจึงแย่จนถึงขีดสุด
ส่วนลูกชายคนรองนั้นก็เดินตามรอยพี่ชาย หาก้าให้พวกเขาเปิดใจ อาจต้องใช้เวลามากกว่านี้ที่ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองวัน
เมื่อใคร่ครวญดูแล้ว นางจึงยกมือขึ้นเคาะประตู
แม้จะไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากคนในห้อง แต่นางก็รู้ว่าจิ่งเฉินได้ยินแน่นอน
“คือว่า ลูกใหญ่ กับข้าวเสร็จแล้ว ออกมากินข้าวเถอะ”
นางรู้ว่าลั่วจิ่งเฉินนั้นน้อยเนื้อต่ำใจไม่มากก็น้อย เพียงแต่เื่ก็เกิดขึ้นแล้ว แม้จะน้อยเนื้อต่ำใจไปก็ไม่มีความหมายใดๆ เขาจะเปล่งประกายได้จำต้องก้าวผ่านความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับตนเสียก่อน จึงจะประสบความสำเร็จได้ มิใช่ต้องรอคอยจนทุกอย่างสมบูรณ์พร้อม แม้ภายภาคหน้าขาของเขาจะรักษาได้หรือไม่ก็ตาม นางก็หวังเพียงว่าเด็กหนุ่มจะเป็คนที่เข้มแข็งจากภายในอย่างแท้จริง
หลังจากไร้เสียงตอบหลับใดๆ นางก็เอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล
“เื่ราวในวันนี้คิดว่าเ้าคงได้ฟังจากเ้ารองแล้ว หลายวันมานี้เกิดเื่ขึ้นกับบ้านเรามากมาย แม่เองก็เข้าใจแล้วว่าตนเองเคยโง่เขลาเพียงใด” ภายในห้องยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ นางอดกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอไม่ได้ นี่เป็อิทธิพลจากความรู้สึกของร่างเดิม ส่งผลให้ตอนนางต้องเผชิญหน้ากับจิ่งเฉินจึงมักจะรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา
“แม่ขอโทษ คำพูดนี้แม่ติดค้างเ้านานเหลือเกิน แม่รู้ว่าคำพูดหลังจากนี้อาจจะดูไร้น้ำหนัก แต่แม่อยากให้เ้าวางใจ ต่อจากนี้ไม่ว่าจะเป็เื่ขาของเ้าหรือการเรียนของเ้ารองและเื่ของไหลไหลน้อยจะเป็เื่ใหญ่ที่สุดในชีวิตแม่
แม้พูดไปอาจจะฟังดูเลื่อนลอย แต่แม่จะใช้การกระทำพิสูจน์ให้เ้าเห็นเอง”
ก่อนจากไปนางจึงเสริมขึ้นมาอีก “หากเ้าไม่อยากเห็นหน้าแม่ เช่นนั้นอีกประเดี๋ยวค่อยตามไปทานข้าวที่ห้องโถงเล่า”
นางไม่ได้ให้ลูกชายคนรองส่งอาหารให้เด็กหนุ่มเหมือนเช่นเคย ภายภาคหน้านางจะต้องทำให้ลั่วจิ่งเฉินออกมาทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาให้จงได้ หากครอบครัวเดียวกันยังไม่อาจอยู่ด้วยกันอย่างสมานสามัคคี ต่อไปหากออกไปอยู่ข้างนอกแล้วเจอคนคอยหาเื่จะจัดการด้วยตนเองได้อย่างไร?
ชีเหนียงตักอาหารส่วนหนึ่งแบ่งไว้ในจานใบใหม่ จากนั้นเรียกลูกรองกับไหลไหลน้อยมาทานพร้อมกัน
“เ้ารีบกินเถอะ กินเสร็จค่อยเรียกพี่ใหญ่ของเ้ามากิน เ้าคงไม่อยากให้เขาท้องหิวโซหรอกนะ”
พอถูกดักทาง ลั่วจิ่งซีจึงถือถ้วยและจับตะเกียบก่อนจะเริ่มทาน
พอทานได้หนึ่งคำก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา คนๆ นี้ทำอาหารได้อร่อยเช่นนี้ั้แ่เมื่อใด? แต่ก่อนตอนที่คนผู้นั้นยังอยู่ก็ไม่เห็นนางจะทำอาหารได้อร่อยเพียงนี้
“เช่นนั้น ข้ากินล่ะ”
ลั่วจิ่งซีมองถ้วยข้าวของตนอย่างเหม่อลอย
เมื่อได้ยินเสียงของลั่วจิ่งไหล ก็ได้สติขึ้นมา
“ท่านแม่ ไข่เจียวอร่อยเหลือเกิน! วันพรุ่งนี้จะได้กินอีกหรือไม่?”
ดวงตาเป็ประกายของเด็กน้อยเปี่ยมไปด้วยความหวัง
“ไข่เจียวมันเกินไป ไม่เหมาะกับการกินตอนเช้า พรุ่งนี้แม่จะต้มไข่ให้พวกเ้ากิน”
พูดจบ ชีเหนียงก็สังเกตเห็นสายตาของลั่วจิ่งซีที่เบิกกว้างดั่งเห็นผี ในใจจึงอดกลอกตาไม่ได้
“กินเร็วเข้า! มิเช่นนั้นไข่ต้มพรุ่งนี้จะไม่มีส่วนของเ้า!”
ใจจริงนางไม่ค่อยอยากเอาให้ลั่วจิ่งซีกินเท่าใดนัก ด้วยส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบของเด็กคนนี้ไม่รู้ว่าสูงใหญ่ขนาดนี้ได้เช่นไร คงเพราะไปแอบกินข้างนอกไม่น้อย
หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อย นางก็พาไหลไหลน้อยเข้าห้อง ก่อนจะพบว่ามีห่อผ้าน้ำมันวางอยู่
เมื่อเห็นสายตาร้อนตัวของเด็กชาย ก็รู้ว่าห่อผ้าน้ำมันนี้ต้องมาจากจ้าวจือชิงเป็แน่
เมื่อเปิดออกดู ก็พบว่าด้านในคือไข่ไก่สีขาวสี่ห้าใบ ยังมีขนมที่ถูกทับจนเละอยู่ด้วย
ลั่วจิ่งเฉินที่ทนทรมานด้วยความหิวอยู่ภายในห้องตะวันออก รอคอยลั่วจิ่งซีนำข้าวมาส่งให้เหมือนเช่นทุกวัน
เมื่อครู่เขาได้กลิ่นหอมของอาหารลอยเข้ามาในห้อง หลายปีมานี้ลั่วจิ่งเฉินได้แต่ทานอาหารรสชาติจืดชืดที่อาซีทำ ตอนนี้พอได้กลิ่นหอมของกับข้าว ท้องไส้ก็เริ่มประท้วงขึ้นเพราะความหิวอย่างทรมาน
“อาซีมัวทำอะไรอยู่นะ?”
เด็กหนุ่มก้มลงก่อนจะลูบท้องที่ไม่เอาไหนของตน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตูไม้บานหนัก ยื่นมือออกไปเพื่อจะเปิด แต่สุดท้ายก็ลดมือลงมา
ใช่ว่าลั่วจิ่งซีไม่้าส่งข้าวให้พี่ชาย หากแต่หลังจากสตรีนางนั้นเห็นพฤติกรรมของเขา
ก็เอ่ยบางอย่างขึ้นมา “หากเ้า้าให้พี่ใหญ่เ้าหลบซ่อนอยู่ในมุมมืดตลอดชีวิต เช่นนั้นก็นำข้าวไปส่งให้เขาเถอะ”
เื่อื่นยังคุยกันง่าย แต่หากเป็เื่ที่เกี่ยวโยงกับลั่วจิ่งเฉินแล้วล่ะก็ ลั่วจิ่งซีย่อมต้องไตร่ตรองให้มาก
แม้จะไม่รู้ว่านางมีจุดประสงค์ใด แต่ก็รู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดนั้นถูกต้อง ด้วยเหตุนี้เขาจึงแอบอยู่ในห้องของตนและจับตาดูความเคลื่อนไหวของห้องฝั่งตะวันออก
น่าเสียดายนับั้แ่จันทราห้อยระย้าจวบจนแสงอาทิตย์สาดส่อง ประตูห้องตะวันออกก็ยังคงปิดสนิท จนอาหารบนโต๊ะเย็นชืด
ลั่วชีเหนียงไม่รู้สึกประหลาดใจอันใด มนุษย์นั้น! หาก้าก้าวข้ามอุปสรรคทางใจ หาเป็สิ่งที่สามารถทำได้ในทันทีไม่
นางนำข้าวที่เหลือไปอุ่นและทำข้าวต้มใส่หมูสันใน จากนั้นก็ต้มไข่ค่อยทำขนมเปี๊ยะไส้ผักรวม
เมื่ออาหารเสร็จก็ะโเรียกทุกคนทานข้าวเหมือนเคย หลังอาหารมื้อเช้าผ่านพ้นไป ก็ไม่ลืมเดินไปกำชับให้ลั่วจิ่งเฉินที่อยู่ในห้องตะวันออกอย่าลืมออกมาทานข้าว
ก่อนจะแบกตะกร้าเดินตรงไปทางหลังเชิงเขา
ตอนนี้ปัญหาใหญ่ที่สุดของสกุลลั่วคือไม่มีเงิน! เมื่อไม่มีเงิน ก็หาหมอมารักษาขาของจิ่งเฉินไม่ได้ ส่วนจิ่งซีก็ดีแต่คิดวิธีหาเงินอันแสนโง่เขลา ส่วนจิ่งไหลก็ร่างกายอ่อนแอบอบบางเพราะไม่ได้รับการดูแลอย่างดี จึงทำให้ร่างกายเติบโตช้ากว่าเด็กปกติ
เสียดายเพียง ยังไม่ทันได้รอให้นางได้บอกสิ่งที่พบเจอบนหลังเชิงเขา ก็ดันเกิดเื่กับลั่วจิ่งไหลเสียก่อน
-----
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้