หยางเฉินสามารถปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจแต่นั่นก็ต่อเมื่อผู้อื่นปฏิบัติกับเขาดีด้วยเช่นกันขณะเดียวกันถังถังก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของหยางเฉินได้เธอจึงเผยรอยยิ้มขอโทษและกล่าวว่า
"ลุงอย่าโกรธไปเลยนะคนนี้เป็บอดี้การ์ดพ่อไว้ใจมากที่สุด เขาชื่อ ตู๋กูซุ้ย อาซุ้ยเป็แบบนี้เสมอแหละลุง แต่เขาไม่ได้ตั้งใจหรอกนะคะ "
"ไม่ได้ตั้งใจงั้นหรือ?"หยางเฉินหัวเราะในลำคอกล่าวว่า "ฉันถูกพามาที่นี่เพราะเธอร่ำร้องไม่หยุดแต่กลับโดนปฏิบัติเช่นนี้ ฉันเริ่มจะสงสัยแล้วว่าพ่อของเธอต้องอยากมีเื่กับฉันหรือเปล่า"
ได้ยินดังนั้นถังถังก็หน้าซีดเผือดประสบการณ์ของเธอได้สอนให้เธอรู้ว่า แม้หยางเฉินจะเป็คนอบอุ่นแต่ถ้าเขาโมโหเมื่อไร เขาจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น
"ลุงไม่ต้องกังวลนะคะพ่อไม่ทำแบบนั้นหรอก เขาอยากขอบคุณลุงจริงๆ"
"แต่สั่งใหู้เาน้ำแข็งเดินได้มากเรียกฉันไปอย่างนั้นเนี่ยนะพ่อเธอนี่แปลกคนจริงๆ" หยางเฉินยังคงี้เีเคลื่อนที่อยู่เช่นเคย
เมื่อตู๋กูซุ้ยเดินขึ้นไปข้างบนและเห็นหยางเฉินยังไม่ตามมาสีหน้าอดทนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า มันหัวเราะในลำคอกล่าวว่า "ผมบอกให้คุณตามผมมาแต่คุณยืนบ่นอะไรอยู่?"
"ฉันกำลังจะบอกว่า‘จงไปตามเ้านายแกลงมา’ส่วนฉันจะรออยู่ที่นี่" หยางเฉินพูดพลางเดินไปนั่งบนโซฟาที่อยู่ใกล้
เห็นดังนั้นบอดี้การ์ดทุกคนก็ปรากฏสีหน้าไม่พอใจทันทีมีเพียงถังถังที่มีสีหน้าวิตกกังวล แต่เธอก็ไม่รู้ว่าควรต้องทำอย่างไรเธออยากจะเตือนหยางเฉิน แต่ก็กลัวว่าหยางเฉินจะโมโหดังนั้นเธอจึงติดอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
มุมปากของตู๋กูซุ้ยกระตุกเล็กน้อยพร้อมเผยรอยยิ้มชั่วร้าย เดินลงบันไดมาอีกครั้ง
ถังถังไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปเธอก็กลัวว่าตู๋กุซุ้ยจะใช้กำลังบังคับหยางเฉิน เธอรู้ว่าเขาแข็งแกร่ง ดังนั้นจึงยืนอยู่หน้าหยางเฉินเพื่อปกป้องเขา
"อาซุ้ยอย่าโกรธลุงเขาเลยนะคะ… เขาเป็คนปากแข็งเล็กน้อยเขาไม่ได้ตั้งใจทำเช่นนี้..."
ตู๋กูซุ้ยชำเลืองมองพลางกล่าวว่า "คุณหนูคนผู้นี้พูดถึงนายอย่างหยาบคาย คุณหนูยังจะปกป้องมันอีกหรือ?"
ถังถังเผยรอยยิ้มที่น่าอึดอัดใจและขมขื่น "นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรเลยค่ะลุงเขาแค่อารมณ์เสียนิดหน่อย"
"แต่สำหรับผมใครที่กล้าพูดจาดูถูกนายท่าน มันผู้นั้นต้องได้รับผลตอบแทนอย่างสาสม"ตู๋กูซุ้ยพูดพลางใช้มือดึงถังถังให้ออกห่าง
หยางเฉินมองเด็กเหลือขอถังถังในทางที่ดีขึ้นทันทีขณะที่ดูฉากนี้ดูเหมือนว่าเธอจะมองเขาเป็เพื่อนสำหรับไอ้โง่ตู๋กูซุ้ยนั้นหยางเฉินไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด
"เพียงเพราะนายช่วยคุณหนูเอาไว้นายก็คิดว่าได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากเลยงั้นสิ?คิดว่ามันเป็เื่ใหญ่นักหรือไง?"ตู๋กูซุ้ยเดินไปหาหยางเฉิน
หยางเฉินหลับตาและโบกมือไล่ตู๋กูซุ้ยให้ออกไป"ฉันไม่อยากพูดกับนายไปบอกนายท่านของนายให้มาลงคุยกับฉันซะ ไม่งั้นฉันจะกลับล่ะ"
ได้ยินดังนั้นใบหน้าของตู๋กูซุ้ยก็เปลี่ยนเป็ดำคล้ำมันพยายามที่จะอดทนอย่างยิ่งยวด
"ไม่มีใครในเมืองจงไห่กล้าพูดกับข้าแบบนี้ไหนแกลองพูดอีกครั้งซิ..."
"ออกไปให้พ้นฉันไม่มีอะไรจะต้องพูดกับแก" ว่าจบหยางเฉินเพียงเหลือบมองตู๋กูซุ้ยเล็กน้อยเท่านั้น
เส้นเืดำต่างปูดโปนขึ้นบนใบหน้าของตู๋กูซุ้ยพร้อมๆ กับที่เขาชูกำปั้นขึ้น กล้ามเนื้อทั้งหมดต่างพองโตออกมาเป็มัดๆ
"น่าเสียดายที่ข้าต้องบอกว่าแกจะได้นอนที่นี่แบบไม่สมประกอบ"
แต่ก่อนที่ตู๋กูซุ้ยจะได้ทำอะไรเสียงทุ้ม และอ่อนโยนก็ดังขึ้น
"อาซุ้ยอย่าทำเกินหน้าที่"
เ้าของเสียงผู้ที่เดินลงมาเป็ชายวัยกลางคนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกาง สวมแว่นตากรอบทอง เขามีท่าทางอ่อนโยนมีลักษณะของชนชั้นสูงที่ดูสุขุม
ถังถังยืนอยู่ด้านข้างของชายคนนั้นและถอนหายใจอย่างโล่งอก
สำหรับตู๋กูซุ้ยเมื่อชายคนนี้ปรากฏตัวมันก็กลับไปยืนอยู่ที่มุมหนึ่งและจ้องมองหยางเฉินเหมือนงูพิษจ้องจะทำร้ายเหยื่อได้ทุกเมื่อ
"ผมต้องขอโทษด้วยนะครับถ้าอาซุ้ยทำให้คุณหยางกลัว เขามักจะอารมณ์ไม่ดีอยู่เสมอ"คนคนนั้นยิ้มกว้างยิ้มพลางกล่าวว่า "คุณหยางเชิญนั่งก่อนเถอะครับ"
"ผมไม่ได้กลัวผมค่อนข้างรำคาญเขา นอกจากนี้ผมกำลังนั่งอยู่ ไม่ต้องให้ใครมาเชิญ"
ชายวัยกลางคนตะลึงงันไปในทันทีเขาไม่คิดว่าหยางเฉินไม่รู้จักบุญคุณของเขานั่นทำให้เขาต้องหยุดชะงักคำพูดชั่วคราว ก่อนเผยใบหน้าอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้มอีกครั้ง
"คุณหยางคุณจำได้มั้ยครับ ผมเป็พ่อของถังถัง"
หยางเฉินไม่สามารถระงับอารมณ์โกรธของตนเองได้เขาเริ่มหัวเราะและพูดว่า
"คุณหมายถึงอะไร?ฉันมาที่นี่เพราะลูกสาวของคุณขอร้องนี่คือการพบกันครั้งแรกของเรา เราจะจำกันได้อย่างไร?"
"ผมแซ่ฟางชื่อว่าจงผิง ฟางจงผิงครับ" ฟางจงผิงไม่เชื่อว่าหยางเฉินไม่รู้จักเขา
หยางเฉินยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด "ฟางจงผิง?คุณเป็นักร้องหรือนักแสดงเหรอครับ?คุณเป็คนดังใช่มั้ย?"
อะแฮ่ม…
ฟางจงผิงแกล้งไอเขาเชื่อว่าหยางเฉินแกล้งทำเป็ไม่รู้จักเขา แต่จากประสบการณ์ที่ทำงานในวงการมาหลายปีจนทำให้เขามีเงินมากมายจนถึงทุกวันนี้ เขาจึงยิ้มอีกครั้งพร้อมกล่าวว่า
"ผมทำงานให้รัฐบาลน่ะครับ"
"รัฐบาล?"สีหน้าของหยางเฉินแสดงออกว่าเขาจำชายผู้นี้ได้
ฟางจงผิงหัวเราะอยู่ในใจเป็ไปตามคาด หยางเฉินจำเขาได้ ดังนั้นเขาจึงแสดงสีหน้า ''ไม่ต้องวิตกไป''พร้อมกล่าวว่า
"คุณหยางในที่คุณก็จำได้ถูกต้องแล้วครับ ผมเป็ส่วนหนึ่งของรัฐบาลในเมืองจงไห่นี้ ฟางจงผิง"
"ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องพูดจาวกไปวนมาให้มันเป็ปริศนาด้วย?"หยางเฉินพยักหน้าและกล่าวต่อว่า "ในเวลาว่างผมมักจะคอยติดตามข่าวสารภายในบ้านเมืองอยู่บ่อยๆแต่คนที่ปรากฏในทีวีมักจะเป็นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆแต่ผมกลับไม่เคยเห็นคุณในทีวีเลย แสดงว่าคุณต้องอยู่ในตำแหน่งล่างๆ สินะตอนแรกผมคิดว่าคุณเป็เ้าหน้าที่าุโซะอีก ช่วยไม่ได้ล่ะนะต้องโทษที่ตำแหน่งของคุณมันเล็กเกินไป"
ตำแหน่งเล็กเกินไป!?
ได้ยินดังนั้นฟางจงผิงก็รู้สึกคล้ายกับเืร้อนๆ ภายในกายจะพุ่งออกมาจากหัวให้ได้เขายิ้มอย่างเชื่องช้าพลางกล่าวว่า
"คุณหยางคุณชอบล้อเล่นอยู่เรื่อยเลยนะครับ ถึงแม้ผมฟางจงผิงจะไม่อาจเทียบได้กับท่านรัฐมนตรีเ่าั้ แต่ถ้าภายในเมืองจงไห่นี้ผมก็เป็ถึงเลขานุการคณะกรรมการพรรคในเขตเทศบาลเมืองมานานกว่าสองปีและผมก็บังเอิญได้ตำแหน่งคณะกรรมการสูงสุดในวัยสี่สิบต้นๆไม่มีใครในประเทศนี้ที่จะโชคดีไปกว่าผม พูดถึงโชค ผมก็รู้สึกละอายใจคุณหยางต้องเคยเห็นผมมาบ้างแน่ๆ แต่บางทีผมก็ไม่ได้ออกสื่อมากนัก"
หยางเฉินได้แต่คิดว่า''ทำไมฟางจงผิงต้องเข้าใจว่าทุกคนรู้จักเขาด้วยนะ''พวกนักการเมืองนี่มันมีแต่พวกทัศนคติแย่ๆ แบบนี้หรือยังไงกันหยางเฉินี้เีเกินไปที่จะทะเลาะกับเขาด้วยเื่แค่นี้เขาจึงคลี่รอยยิ้มสุภาพออกมา พร้อมกล่าวว่า
"ที่แท้คุณก็คือเลขานุการคณะกรรมการเทศบาลคนนั้นนี่เองผมรอคอยที่จะได้พบคุณมาตลอดเลยครับผม..."
ฟางจงผิงรู้สึกดีขึ้นแต่ก็แอบหลั่งเหงื่อเย็น หมายความว่าไงที่บอกว่ารอคอยที่จะได้พบเขามาตลอดเมื่อกี้เอ็งยังบอกว่าไม่รู้จักข้าอยู่เลย!
แต่ฟางจงผิงผู้มากประสบการณ์ก็ยังคงยิ้มแย้มกล่าวต่อว่า "วันนี้ผมเชิญคุณหยางมาที่นี่เพราะผมไม่มีทางเลือก ถ้าผมไปที่บ้านคุณหยาง เกรงว่าอาจมีคนพบเห็นได้ดังนั้นผมจึงอยากรบกวนให้คุณหยางมาที่นี่แทน"
"มันจะเป็เื่ง่ายกว่านี้ถ้าคุณไม่เชิญผมมาั้แ่แรก"
ในที่สุดฟางจงผิงก็เข้าใจในตัวตนของหยางเฉินคนนี้หยางเฉินไม่ได้สนใจอะไร เลขานุการคณะกรรมการเทศบาลเลยสักนิด
"คุณหยางช่างเป็คนที่ตลกจริงๆนะครับ ถังถังเป็ลูกสาวคนเดียวของผม ถ้าหากเกิดเื่ร้ายแรงกับเธอล่ะก็ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร โชคดีที่คุณหยางช่วยเธอเอาไว้ที่จริงผมควรพูดขอบคุณสักคำสองคำ"
หยางเฉินพบว่าคำเหล่านี้ขัดแย้งอย่างไม่น่าเชื่อเขาขมวดคิ้วกล่าวว่า"คุณหมายความว่ายังไง…ที่จริงควร? คนที่ผมช่วยไว้คือลูกสาวของคุณแท้ๆทั้งที่เธอไม่ใช่ลูกสาวของผมด้วยซ้ำ"
ฟางจงผิงได้ว่าหากคนทั่วไปได้ยินคำพูดนี้ต่างต้องบอกว่า ''คุณฟางช่างพูดจานอบน้อมคุณฟางสุภาพเกินไป'' แต่กับคนตรงหน้านั้นเขากลับไม่ได้พูดจาอย่างที่คนทั่วไปควรพูด
ตู๋กูซุ้ยที่ยืนอยู่ตรงมุมก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมชี้ไปที่หยางเฉิน "อย่าเหิมเกริมให้มากนัก!"
"อาซุ้ย!กลับไป" ฟางจงผิงเอ่ยสั่งอย่างโเี้
ตู๋กูซุ้ยเค้นเสียงเ็าแต่ยังคงปฏิบัติตามคำสั่งและถอนตัวกลับไปที่มุมเดิม
หยางเฉินเหลือบมองไปที่ฟางจงผิงถ้าชายคนพูดช้าไปแม้หนึ่งวินาที หยางเฉินคงได้ลุกไปตบหน้าตู๋กูซุ้ย
ในตอนนี้รอยยิ้มของฟางจงผิงได้หายไปเขาก้มหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนกล่าวขึ้นว่า
"คุณหยางคุณนี่ไม่ไว้หน้าผมเลยจริงๆ แต่ในเมื่อคุณช่วยลูกสาวผมไว้ ผมก็จะไม่ทะเลาะกับคุณ ผมแค่หวังว่าคุณจะไม่ทำอะไรเกินเลยไปนัก"
"หึดูจากน้ำเสียงคุณแล้ว ดูเหมือนกับผมติดหนี้คุณอยู่เลย"หยางเฉินยิ้ม"คุณจะไม่ขอบคุณผมงั้นหรือ?ทำไมการช่วยยัยเด็กนั่นถึงกลายเป็หน้าที่ ที่ผมจะต้องทำไปได้?"
"เ้าหนูบางครั้งแกก็ไม่ควรจะไปเล่นกับไฟ" ใบหน้าฟางจงผิงกลับกลายเป็อัปลักษณ์เขาไม่สนใจบุญคุณอะไรอีกต่อไป ในเมื่อเขาเป็ถึงเลขานุการคณะกรรมการในขณะที่หยางเฉินเป็แค่พนักงานประชาสัมพันธ์ในบริษัท
หยางเฉินไม่สนใจเขาเพียงยักไหล่กล่าวว่า
"ผมแค่พูดความจริงคุณจะเป็เลขานุการคณะกรรมการเทศบาลหรือคนกวาดถนน มันก็ไม่ต่างกันสำหรับผมผมมาที่นี่ในวันนี้เพราะได้ยินว่าคุณ้าจะขอบคุณและเพราะผมไม่สามารถปฏิเสธลูกสาวของคุณได้ผมไม่ได้ที่นี่เพื่อเจอกับการเสแสร้งของคุณ หากคุณ้าจะพูดอะไร ก็พูดมันออกมาผมยัง้าที่จะกลับบ้านเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน"
ฟางจงผิงได้ยินดังนั้นก็ประกายตาเจิดจ้า
"ในเมื่อถึงขั้นนี้ผมก็จะไม่เสียเวลาอีก คุณหยางผมมีข้อสงสัยบางอย่างเกี่ยวกับคุณ"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้