หนิงโม่ที่ยังคงมาดคุณชายผู้อ่อนโยนสง่าดุจหยกและตอบด้วยน้ำเสียงแ่เบา
“อืม คุณหนูเหอเชิญกล่าว”
เหอยวนยางอยู่ในชนบทแสนยากจนมานาน ได้ยินแต่พวกตาสีตาสาเรียกขานนางว่า ‘นังหนู’ มานานหลายปี พอได้ยินคำว่า ‘คุณหนูเหอ’ อันแสนอ่อนโยน ชั่วขณะนั้นนางก็รู้สึกว่าตนกำลังแปลงร่างกลายเป็คุณหนูจากตระกูลใหญ่อย่างไรอย่างนั้น
จิตใจที่ใฝ่สูงของนางได้รับการเติมเต็มในชั่วพริบตา นางเลียนแบบท่วงท่ากิริยาของบรรดาคุณหนูตระกูลใหญ่ที่เคยเห็นในตำบล นางก้มหน้าลงเล็กน้อยพร้อมปิดปากยิ้มบางๆ ผ่านไปชั่วครู่ ถึงค่อยเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้าและกระมิดกระเมี้ยน
เสิ่นม่านยืนอยู่ไกลๆ ได้ยินไม่ชัดว่าทั้งสองพูดอะไรกัน แต่ดูจากสถานการณ์แล้วรู้สึกเข็ดฟันอย่างบอกไม่ถูก จึงอดไม่ได้ที่จะบ่นกับเด็กทั้งสาม
“สตรีเหล่านี้นี่คิดอย่างไรกันแน่? วิธีอ่อยเหยื่อเก่าแก่โบราณนัก สมัยข้าปฐมวัยก็เลิกใช้ไปแล้ว นี่ถึงขั้นเข้าหาผู้อื่นอย่างใกล้ชิดสนิทสนม พวกเ้ารอดูเถิด อีกเดี๋ยวหนิงโม่จะสลัดนางเช่นไร”
ต้าเป่ากุมมือของนางและเงยหน้าขึ้นมอง “ท่านแม่ อ่อยเหยื่อคืออะไรหรือ?”
เสี่ยวตงที่เริ่มคุ้นชินกับวิธีคิดของเสิ่นม่านเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น “เ้าดูท่าทางของพี่ยวนยางเช่นนี้ เรียกว่าอ่อยเหยื่อ”
โอ้ เ้าเด็กคนนี้มีความก้าวหน้า รู้จักเรียนรู้และพลิกแพลง เสิ่นม่านประทับใจในตัวเสี่ยวตงอีกครั้ง
แต่ยังไม่ทันได้ดีใจ เสี่ยวหลานก็โพล่งออกมาเบาๆ “ท่านอา ท่านกำลังหึงหวงท่านลุงหนิงหรือ?”
หึงหวง? เหตุใดนางต้องหึงหวงเขาด้วย?
เสิ่นม่านเหลือบมองสองคนนั้นที่กำลังพูดคุยยิ้มแย้มอยู่อีกทาง เดิมทีภาพที่คาดหวังคือหนิงโม่จะบ่นเหอยวนยาง จากนั้นสั่งสอนจนเหอยวนยางร่ำไห้จากไป ทว่าภาพนั้นไม่ได้ปรากฏขึ้นแต่อย่างใด
จุดนี้ทำให้นางไม่พอใจเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าเวลานางอยู่กับหนิงโม่ นางทั้งถูกบ่นทั้งต่อว่าไม่หยุดหย่อนทุกวัน แต่เหตุใดพอเปลี่ยนเป็เหอยวนยาง เขากลับพูดจายิ้มแย้มได้อ่อนโยนเช่นนั้น?
ขณะนั้นเอง เสี่ยวหลานก็โจมตีเข้าเป้าอย่างแม่นยำอีกครั้ง
“เหตุใดท่านลุงหนิงถึงชอบยิ้มให้พี่ยวนยางเช่นนั้น? หรือเพราะพี่ยวนยางรูปโฉมงดงามกว่าและผอมกว่าท่านอาของเราหรือ?”
เสิ่นม่านที่เดิมทียังคงเชิดหน้าอย่างอารมณ์ดี ฉับพลันก็หมดอารมณ์ นางเหลือบมองไปยังเสี่ยวหลาน ความไม่พอใจฉายออกมาทางสีหน้าชัดเจน
“เ้าเป็เด็กบ้านใครกันแน่? มีอย่างที่ไหนมาโจมตีอาแท้ๆ ของตนเองเช่นนี้?”
เสี่ยวตงรีบปรับทัศนคติเสี่ยวหลานอย่างจริงจัง
“น้องสาวเ้าห้ามพูดไร้สาระ ใครบอกว่าพี่ยวนยางงดงามกว่าท่านอากัน? ชัดเจนว่าท่านอาของเราแข็งแกร่งกว่านางเป็หมื่นเท่า! นอกจากนี้ หากข้าเป็ลุงหนิง คงไม่มีทางชอบท่าทางเสแสร้งอย่างพี่ยวนยางแน่ ข้าชอบแบบท่านอาที่อวบอิ่ม ดูมีกินมีใช้! และเลี้ยงง่าย”
เสิ่นม่าน “...” ขอบใจเ้ามาก
นางจูงเด็กทั้งสามและเดินมุ่งหน้ากลับบ้านด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“เลิกพูดมากกันได้แล้ว รีบกลับบ้านทำอาหารกันดีกว่า จะได้เอามายัดปากพวกเ้าทั้งสามคนเสียที”
หลังจากเดินไปสองก้าว ไม่รู้เพราะเหตุใดหนิงโม่ที่อยู่ทางนั้นเห็นพวกนางเข้า จึงเรียกทั้งสี่คนไว้และวิ่งมาหา
ทันทีที่เห็นเสิ่นม่าน สิ่งแรกที่เขาพูดคือ “เ้าขายเต้าฮวยกลับมาแล้วหรือ? กลางคืนเรากินอะไรกันดี? ข้าหิวมาทั้งวันแล้ว”
เสิ่นม่านตอบอย่างดุร้ายว่า “เ้าน่ะกินค้อนกินมูลไปเถิด!”
ความโมโหที่มาอย่างกะทันหัน ทำให้หนิงโม่ต้องปวดขมับอีกครั้ง “เ้าเป็อะไรไป วันนี้ไปทะเลาะวิวาทกับผู้ใดมาอีก? ถึงได้โมโหเป็ฟืนเป็ไฟเช่นนี้?”
บ้าเอ๊ย! เ้านี่ไม่เคยมองนางในแง่ดีบ้างเลยหรือ?
เสิ่นม่านหันหลังกลับมาจ้องหนิงโม่ด้วยสายตาถมึงทึง พลันเหลือบเห็นเหอยวนยางที่รีบวิ่งตามหลังหนิงโม่มา
ฝ่ายชายรูปโฉมงามสง่าดูภูมิฐาน ส่วนเหอยวนยางก็หน้าตาเกลี้ยงเกลาไม่เหมือนสาวชนบท ทั้งสะสวยและดูจิตใจดี ดวงตากลมโตที่มีเสน่ห์ อีกทั้งยังขาเรียวยาว…
เหตุใดยิ่งพูดก็ยิ่งดี? ไม่ว่ามองอย่างไร… ก็สวยกว่าเสิ่นม่าน!
ยิ่งเวลาเห็นทั้งสองยืนข้างกันก็ยิ่งทิ่มแทงสายตาเหลือเกิน
นางจงใจเปล่งเสียงดังขึ้นหลายระดับ เพื่อให้แน่ใจว่าเหอยวนยางที่ตามมาจากข้างหลังได้ยินชัดเจน พร้อมเอ่ยถามหนิงโม่
“เ้ามีคนในดวงใจแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดยังเกี้ยวพาราสีสาวน้อยในหมู่บ้านอีก? ระวังอีกฝ่ายหวั่นไหวแล้วหมายมั่นจะแต่งงานกับเ้าให้ได้เสียเล่า!”
เป็ดั่งที่คาด พอเหอยวนยางได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของนางซีดขาวในทันใดและแทบเป็ลมหมดสติ
หนิงโม่ขมวดคิ้วและเหลือบมองเหอยวนยางอย่างเกียจคร้าน จากนั้นเอ่ยอย่างราบเรียบ “เ้าพูดไร้สาระอะไรกัน? ระวังทำให้เด็กสาวเสื่อมเสียชื่อเสียง นางเพียงมาขอแลกเปลี่ยนความรู้กับข้า หาได้ทำเื่ผิดธรรมเนียมอันใด”
เสิ่นม่าน “เฮอะ! ผู้อื่นดวงตาแทบจะแนบติดกับใบหน้าเ้าอยู่แล้ว ญาติผู้พี่ เ้ามาเพื่อถ่ายทอดความรู้ในหมู่บ้านนี้นะ อย่าได้เอาแต่เข้าใกล้น้องสาวคนนั้นทีพี่สาวคนนี้ที เดี๋ยวจะถูกชาวบ้านรุมทำร้ายเอาได้”
“เสิ่นม่านเหนียง เ้ากําลังพูดถึงอะไร?!”
เหอยวนยางเป็เด็กสาวที่เพิ่งอยู่ในวัยสะพรั่ง ยามปกติก็เพียงศึกษาเล่าเรียนจากผู้เป็บิดา จึงคิดเองเออเองว่าตนคือกุลสตรีในห้องหอ
พอถูกเสิ่นม่านประชดประชัน นางจึงไม่มีหน้าอยู่ต่อและร้องไห้วิ่งหนีกลับบ้านไป
เสิ่นม่านมองตามหลังของนางที่จากไปไกลพลางส่ายหน้า “ดูสิ เ้าทำร้ายจิตใจผู้อื่นโดยไม่รู้ตัวไปมากมายเท่าใด!”
หนิงโม่ “หืม?”
คนที่ทำร้ายผู้อื่นคือเ้าไม่ใช่หรือ?
หลังจากทำให้เหอยวนยางวิ่งจากไปด้วยความโมโห สภาพจิตใจของเสิ่นม่านค่อยผ่อนคลายลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นางยังคงพาเด็กๆ กลับบ้านและทำอาหารด้วยอารมณ์ที่บูดบึ้ง
อาหารค่ำถูกเสิ่นม่านรังสรรค์ได้ครบครันทั้งสีสันและรสชาติเช่นเคย กระนั้นวันนี้นางกลับกินได้น้อยนัก นางกินผักไปเพียงไม่กี่คำ จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่าอิ่ม แล้วไปทำงานต่อ
ทุกคนบนโต๊ะอาหารถึงกับแสดงอาการมึนงง มองหน้าสลับกันไปมา ในที่สุดหนิงโม่ก็กระแอมทำลายความเงียบก่อน เขาเอ่ยถามต้าเป่า
“แม่ของเ้าป่วยหรือ? ที่ผ่านมานางต้องกินข้าวอย่างน้อยหนึ่งถ้วยใหญ่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เด็กทั้งสามก็ใจนน้ำตาคลอเบ้าและรีบถาม “เช่นนั้นควรทำอย่างไรดี? พวกข้าต้องเชิญท่าหมอมาดูหรือไม่?”
หนิงโม่ทำท่าเหมือนคนมากประสบการณ์และตักข้าวเพิ่มให้ตนเองด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ “ไม่ต้องใไป อีกเดี๋ยวข้าจะไปถามนางเอง”
หลังกินเสร็จ หนิงโม่ไปหาเสิ่นม่านที่ด้านหลังบ้าน แต่กลับพบว่านางนั่งอยู่บนโต๊ะหินในลานบ้าน ไม่รู้ว่ากำลังง่วนกับอะไรอยู่
รอจนเขาเดินเข้าไปใกล้ กลับพบกระดาษสีเหลืองที่พับอยู่บนโต๊ะ ้าเขียนอักษรประหลาดที่เขาไม่รู้จัก ส่วนเสิ่นม่านกำลังจับพู่กันและเติมอักษรบนนั้น พร้อมกับพึมพำกับตนเองไม่หยุด
“สัดส่วนของนมควรน้อยลง และหากใช้นมถั่วเหลือง ต้องพึ่งระบบในการทำเป็ผง เฮ้อ… ซับซ้อนจริงๆ นี่เป็โครงการใหญ่ยิ่งนัก”
“โครงการใหญ่อะไร ระบบอะไร?”
เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นกะทันหัน เสิ่นม่านพลันสะดุ้งโหยง กระดาษเหลืองในมือก็ถูกหนิงโม่แย่งไป
หนิงโม่ย่นคิ้วเข้าหากันและเก็บรอยยิ้ม หลังจากพินิจตัวอักษรเ่าั้อยู่ชั่วครู่ เขาก็เอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้า “ที่เ้าไม่กินข้าวก็เพื่อวาดยันต์ประหลาดเหล่านี้หรือ?”
วาดยันต์?
ข้ากำลังจะบุกเบิกกิจการที่สอง วาดยันต์บ้าบอน่ะสิ เ้าผีบ้า!
เสิ่นม่านชิงของของตนกลับคืนมาพร้อมทั้งส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย่อหยิ่ง “ข้ากำลังลดความอ้วน ไม่ได้หรือ?”
ท่าทีเย่อหยิ่งของนางแลกมาซึ่งเสียงประชดประชันอย่างไร้เยื่อใยของคนบางคน
“ขงจื๊อมิได้พร่ำสอนการใช้อำนาจลี้ลับ การลดความอ้วนต้องพึ่งพาความแน่วแน่ส่วนตน วาดยันต์ไม่สามารถช่วยให้ลดความอ้วนได้ เ้าควรอ่านตำราให้มากหน่อย จะได้ไม่ถูกพวกนักพรตต้มตุ๋นในยุทธภพจูงจมูกเอาได้”
-----