โหวฮูหยินร้องไห้จนตาแดง แม่นมอู่บิดผ้าชุบน้ำร้อนให้นางพลางเอ่ยว่า “ท่านเองก็จริงๆ เลยนะเ้าคะ เหตุใดถึงทำกับโหวเย่เช่นนั้นละเ้าคะ? หากพูดกันอย่างไม่น่าฟังก็คือ สวี่เหราผู้นั้นก็แค่บุตรอนุคนหนึ่ง แล้วยังเป็บุตรอนุที่แต่งงานไปแล้ว ตนเองโชคดีสอบติดจิ้นซื่อไปเป็ขุนนางนอกเมืองหลวง ต่อไปจะมีความขัดแย้งกับซื่อจื่อของพวกเราหรือเ้าคะ?”
โหวฮูหยินเอาผ้าร้อนมาประคบเข้าที่เบ้าตา แม่นมอู่ช่วยปิดดวงตาให้ก่อนจะเอ่ยต่อ “ในสายตาของโหวเย่ ซื่อจื่อกับสวี่เหราก็ต่างเป็บุตรของท่าน ต่อไปจะต้องช่วยกันปกป้องจวน สวี่เหราทำได้ดีแล้ว เช่นนั้นก็เป็เกียรติของจวนโหวของพวกเรา ซื่อจื่อของพวกเราก็ยังสามารถยืมหน้าตาของสวี่เหรามาเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้นมิใช่หรือเ้าคะ?”
โหวฮูหยินร้องเหอะออกมาเบาๆ “เด็กที่ไม่รู้ว่าแม่ไปท้องกับผู้ใดมา จะพูดว่าเป็พี่น้องของซื่อจื่ออย่างนั้นหรือ? ตอนนั้นทั้งๆ ที่พูดกับโหวเย่เอาไว้แล้วว่าเื่ที่เด็กคนนี้ทำทุกอย่างข้าจะไม่สนใจ ตอนนี้เป็อย่างไร เขากลับมาตำหนิข้า เขามีสิทธิ์อะไร? เพื่อเื่ในตอนนั้นข้าได้รับความอยุติธรรมมาเท่าไหร่? เหตุใดข้าถึงได้มอบสิทธิ์ในการดูแลเรือนให้กับฮูหยินของซื่อจื่อกัน ก็เพราะว่าไม่อยากจะยุ่งกับเื่ในจวนแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร? แต่เขากลับเอามีดมาแทงใจข้า”
แม่นมอู่ถอนหายใจ “ฮูหยินเ้าคะ ท่านบอกว่าบุตรสาวของท่านกำลังหาภรรยาให้บุตรชายมิใช่หรือ ท่านจะไปโกรธโหวเย่ไปทำไมหรือเ้าคะ? ท่านโกรธกับโหวเย่ด้วยเื่ไม่สำคัญพวกนี้ คนที่ขาดทุนนั้นคือผู้ใด ก็เป็ท่านกับซื่อจื่อแล้วก็พวกคุณหนูใหญ่มิใช่หรือเ้าคะ? พวกเราไม่ได้ทำเพื่อเื่อื่น แต่เพื่อคุณหนูใหญ่ จึงต้องเอาใจโหวเย่มิใช่หรือเ้าคะ? ต่อไปเื่ของคุณหนูใหญ่จะต้องให้โหวเย่ช่วยนะเ้าคะ”
เมื่อครู่เดิมทีโหวฮูหยินอยากจะปรึกษากับโหวเย่ เื่หาสะใภ้ที่มีชาติตระกูลค่อนข้างดีให้กับหลานชายจ้าวซือสิง เช่นนี้หากมีหลานสะใภ้คอยกันท่าให้อยู่ ไม่แน่ว่าฮูหยินของหย่งผิงโหวเย่จะยอมปล่อยอำนาจการควบคุมเรือนในมือไป สรุปแล้วยังไม่ทันได้พูด โหวเย่ก็พูดเื่ของสวี่เหราออกมาเสียก่อน
โหวฮูหยินดึงผ้าเช็ดหน้าที่ตาของตนเองลง “ทั้งๆ ที่เขารู้ว่าข้าไม่อยากจะฟังเื่ของสวี่เหราก็ยังจะมาพูดกับข้า ข้าจะรับได้อย่างไร? ตอนนั้นเกิดเื่พวกนั้นขึ้น เ้าเองก็ประสบมันมาก่อน เ้าพูดสิว่าข้าผิดอะไร?”
แม่นมอู่มองดวงตาของโหวฮูหยินที่แดงขึ้นมาอีกครั้งก็รีบเอ่ย “ท่านรีบสงบสติอารมณ์ก่อนเถิดเ้าค่ะ อย่าโกรธไปเลย โกรธเพราะคนพวกนั้นไม่คุ้มค่าหรอกเ้าค่ะ รีบให้ชุนหรันไปพูดกับฮูหยินซื่อจื่อเื่เมื่อครู่เถิด ดีกว่าให้ฮูหยินซื่อจื่อได้ยินเื่นี้จากคนอื่นแล้วเกิดการเข้าใจผิดนะเ้าคะ”
โหวฮูหยินได้ยินก็เอ่ย “ได้ เ้ารีบไปบอกให้ชุนหรันไปเรือนของฮูหยินซื่อจื่อเถิด”
คืนวันนี้ย่อมไม่สงบ เพราะว่าของขวัญที่สวี่เหราได้ส่งมาให้ฮูหยินผู้เฒ่าเป็ของขวัญวันเกิดล่วงหน้า ทำเอาเหล่าบรรดานายๆ ในเรือนต่างอยู่กันไม่สุข
หลังจากที่โหวเย่กลับมาที่ห้องตำราก็ส่งคนให้ไปเรียกซื่อจื่อมาพบ ในห้องเองก็ไม่ได้ทิ้งคนใช้เอาไว้ ส่วนโหวเย่กับซื่อจื่อสนทนาเื่อะไรกันนั้น คนอื่นๆ ก็ไม่รับรู้ หลังจากซื่อจื่อกลับไปที่เรือนของตนเอง ก็ปิดประตูพูดกับฮูหยินของตนเองอยู่นานสองนาน ได้ยินคนดูแลในเรือนของซื่อจื่อบอกว่า ไฟในเรือนของซื่อจื่อเปิดอยู่จนดึกดื่นถึงดับลง แต่ทว่าวันต่อมาจวนหย่งหนิงโหวก็ส่งให้คนไปหาพ่อค้าที่เดินทางไปที่เมืองเหอซี ฝากให้คนเอาของไปหลายคันรถ
และรู้สึกเขินอายเกินไปที่จะไปหาร้านค้าสกุลจางให้ส่งของไปให้ สำหรับเื่ในจวน ฮูหยินผู้เฒ่าถึงแม้จะไม่เคยถามมาก่อน แต่ภายในใจกลับรู้ดี เมื่อมีเวลาว่างก็ไปพูดกับแม่นมเสิ่นเบาๆ ว่า “คนพวกนี้ก็ไม่ได้รู้ตัวเลย ต่างเป็คนในครอบครัวเดียวกันแท้ๆ ทำเหมือนกับเป็ศัตรูอย่างไรอย่างนั้น พวกเขาน่ะไม่ได้รู้ถึงความสามารถของคุณชายสามและฮูหยินสามเลย รอต่อไปพวกเขามีหน้ามีตาขึ้นมา ดูสิว่าจะมีหน้าไปขอความเมตตาจากเขาหรือไม่”
แม่นมเสิ่นจะสามารถพูดอันใดได้ ไม่ว่าจะอย่างไร คนในครอบครัวเดียวกัน แม้จะปิดประตูทะเลาะกันอย่างไร ในสายตาของคนนอกก็ยังเป็ครอบครัวเดียวกันอยู่วันยังค่ำ
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจแล้วกล่าว “โหวฮูหยินของพวกเราผู้นี้อายุก็มากแล้วก็ยังมิรู้ความ อายุตั้งห้าสิบปีแล้วแท้ๆ วันๆ ยังคิดแต่พวกเื่ความรัก ตอนเป็สาวก็รู้ว่ามันพึ่งพาไม่ได้ เหตุใดจนถึงตอนนี้ก็ยังคิดไม่ได้กัน? เฮ้อ!”
นางถอนหายใจยาวออกมา กลับทำให้ในใจของแม่นมเสิ่นรู้สึกเ็ป ฮูหยินผู้เฒ่าอายุใกล้จะเจ็ดสิบปีแล้ว ครอบครัวอื่นๆ พออายุเท่านี้ก็ต่างมีความสุขกับเหล่าลูกหลาน พอเป็นางกับยังต้องคอยเป็ห่วงพวกเหลนๆ อีก ทั้งยังไม่สามารถเป็กังวลได้อย่างเปิดเผย ทำได้แค่เป็กังวลอยู่เงียบๆ ด้านหลังเช่นนี้
ฮูหยินผู้เฒ่ามองสีหน้าของแม่นมเสิ่นก็เอ่ยขึ้น “แต่หากย้อนคิดกลับไปแล้ว ก็เป็ข้าเองที่ตอนแรกไม่ได้ตั้งกฎกับลูกสะใภ้ให้ดี ข้ามักจะรู้สึกว่าเด็กๆ ในครอบครัวตัวเองก็คือลูก ลูกสาวของคนอื่นก็เป็ลูกของข้า ไม่มีเหตุผลเลยที่ลูกของพวกเราจะได้รับความทุกข์ ลูกสาวที่คนอื่นสั่งสอนเลี้ยงดูมาจนถึงอายุสิบหกปีพอมาถึงครอบครัวของพวกเราแล้วจะถูกรังแก ข้าเองก็ไม่อยากจะให้ลูกสะใภ้มาอยู่ที่ครอบครัวเราแล้วได้รับความไม่ยุติธรรม เื่มากมายเดิมทีแม่สามีอย่างข้าก็ควรจะสั่งสอนลูกสะใภ้ดีๆ เป็ข้าเองที่สอนได้ไม่ดี”
แม่นมเสิ่นเห็นฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มที่จะตำหนิตนเองก็รีบค้าน “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านอย่าพูดเช่นนี้เด็ดขาดนะเ้าคะ ท่านเป็แม่สามีที่ดีที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงของพวกเรา ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าท่านเป็คนที่รักลูกสะใภ้น่ะเ้าคะ ในจวนของพวกเราเป็อย่างไร ก็วุ่นวายใจเหมือนกับครอบครัวอื่นนั่นแหละเ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ามองถ้วยชาที่มีกลิ่นชาหอมๆ ลอยออกมาบนโต๊ะก็ยิ่งรู้สึกทุกข์ใจ เงียบอยู่เนิ่นนานก่อนจะกล่าวออกมา “ช่างเถิด ผู้อื่นจะเป็อย่างไรพวกเราไม่ต้องสนใจแล้ว ต่อไปพวกเราจะส่งของไปให้เหราเอ๋อร์และจ้าวฉือ พวกเราเองก็ไม่ได้เอาเงินกองกลาง แต่จะเอาเงินจากบัญชีส่วนตัวของข้าส่งไป ไม่ว่าจะของกินของเล่น แล้วก็พวกผ้าที่ทันสมัย ซื้อไปให้พวกเขาให้หมด ไม่สมเหตุสมผลที่เป็ลูกหลานในจวนเหมือนกัน คนอื่นไม่ได้ทำอะไรก็มีเสื้อผ้าอาหารดีๆ ส่วนอีกคนพยายามทำงานเพื่อจวนโหวของพวกเราแต่ไม่ได้รับอะไรพวกนี้ ช่างไม่ยุติธรรมเสียจริงๆ”
แม่นมเสิ่นรับคำ ขอแค่ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้ตำหนิตนเองเหมือนเมื่อครู่อีก จะอย่างไรก็ได้ อีกอย่างฮูหยินผู้เฒ่ากำเนิดมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียง ตอนนั้นก็แต่งเข้าจวนหย่งหนิงโหวด้วยสินเดิมที่เพียบพร้อม หลังจากแต่งงานมาแล้วก็ดูแลเรือนมาหลายสิบปี บวกกับโหวเย่คนก่อนกับโหวเย่คนปัจจุบันก็มักจะให้ความเคารพและกตัญญู ฮูหยินผู้เฒ่าสามารถพูดได้เลยว่าเป็คนที่ร่ำรวยที่สุดในจวน
เบื้องหน้าจวนโหวยังคงดำเนินชีวิตประจำวันไปอย่างสงบสุข แต่ว่าคลื่นลมแรงที่มองไม่เห็นนั้นไม่อาจให้คนอื่นรับรู้ได้ ครึ่งเดือนกว่าหลังจากนั้น ทางด้านเหอซีก็ได้รับของจากเมืองหลวงมาติดๆ กันสองคันรถจึงรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย
ผ่านมาสองปีแล้ว นอกจากสกุลจางที่ส่งของมาให้ที่นี่ตามเวลารวมทั้งไม่ตามเวลา ครอบครัวสวี่เหราก็ไม่เคยได้รับของที่คนอื่นส่งให้ครอบครัวของตนเองมาก่อน นี่จู่ๆ ก็ส่งของมา อีกทั้งยังส่งมาทีเดียวสองคันรถ ไม่เพียงแค่สวี่เหราที่รู้สึกใและสงสัย แม้แต่จางจ้าวฉือก็รู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผล
ที่ส่งมาแน่นอนว่าจะต้องมีของขวัญและจดหมาย หลังจากจางจ้าวฉือรับของมาแล้ว ทั้งสี่คนพ่อแม่ลูกก็มาล้อมดูจดหมายสองฉบับ
ฉบับแรกเป็ของฮูหยินผู้เฒ่า แน่นอนจะต้องอ่านก่อน ในจดหมายฮูหยินผู้เฒ่าได้เขียนขอบคุณครอบครัวสวี่เหราที่ได้เตรียมของขวัญวันเกิดให้กับนาง ทั้งยังกล่าวว่าตนเองรู้แล้วเื่ที่สวี่เหรากับจางจ้าวฉือเตรียมจัดการเื่หาสะใภ้ให้สวี่ตี้ ด้านท้ายเขียนเอาไว้ว่านางได้ส่งของมาให้พวกเขา บอกว่าให้จางจ้าวฉือทำเสื้อผ้าอีกหลายชุด ดูแลตัวเองดีๆ อย่าได้บกพร่องเพียงเพราะว่าไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวงแล้ว แล้วก็สวี่จือ แม่นางน้อยเองจะต้องสวมเสื้อผ้าสีสันสดใสๆ ถึงจะดี
จางจ้าวฉืออ่านจดหมายของฮูหยินผู้เฒ่าพร้อมกับสวี่เหรา ตอนแรกก็คิดว่าตนเองนั้นไม่ได้ใส่ใจหญิงชราผู้ใจดีคนนี้หรือไม่ คิดว่าต่อไปจะต้องส่งของไปที่จวนบ่อยๆ ถึงจะดี โดยเฉพาะฮูหยินผู้เฒ่า นางอายุมากขนาดนี้แล้ว ของอะไรดีๆ มีหรือจะไม่เคยเห็นมาก่อน ของอะไรอร่อยมีหรือจะไม่เคยกิน พอแก่ตัวไปแล้วที่นางให้ความสำคัญที่สุดก็คือการที่ลูกหลานกตัญญูต่อนาง
คนที่เตรียมของกับฮูหยินผู้เฒ่าก็คือโหวเย่ มองตั๋วเงินหนาๆ นั่นจางจ้าวฉือก็พูดออกมาด้วยความใ “ช่างเป็คนดีเสียจริง พ่อของเ้าเปิดคลังส่วนตัวของตนเองเอามาชดเชยให้เ้า พอดีเลย พวกเราอยากจะซื้อบ้านสวนที่อยู่ใกล้ๆ กับเมืองหลวงไม่ใช่หรือ ข้าจะให้คนในครอบครัวข้าช่วยดูที่ให้”
สวี่เหราเอ่ย “ไอ๊หยา คนแก่กว่าจะหาเงินเก็บมาได้มันไม่ง่าย พวกเราอยากได้อะไรก็หาเงินมาซื้อเองไม่ดีกว่าหรือ? เงินนี้อย่าเพิ่งไปแตะมันเลย ต่อไปกลับไปแล้วค่อยเอาไปคืนให้เขา”
จางจ้าวฉือเอ่ย “เ้าเป็อะไรน่ะ ลูกชายใช้เงินของพ่อก็เป็เื่ปกติไม่ใช่หรือ เหตุใดเ้าถึงไม่อยากจะใช้ล่ะ?”
สวี่เหราเอ่ย “คนในจวนมากมายขนาดนั้น โหวเย่เคยให้เงินผู้ใดมากขนาดนี้หรือไม่? อย่าคิดว่าจะไม่มีรูบนกำแพงนะ พวกเราจะต้องเก็บเงินนี้เอาไว้ นี่ยังไม่รู้เลยว่าจะกลายเป็หนามแทงตาหลายคนไปแล้วหรือไม่ ฟังที่ข้าบอกก็พอแล้ว”
จางจ้าวฉือนำกล่องเล็กๆ ใส่ตั๋วเงินเอาไปเก็บไว้ในห้อง พลางเอ่ยออกมาอย่างไม่มีความสุขว่า “หากรอแต่พึ่งเ้าแล้วเมื่อไหร่จะซื้อบ้านสวนได้กัน ข้าไปหวังพึ่งลูกชายของเ้าก็แล้วกัน”
มองดูสวี่ตี้ที่ยังยุ่งอยู่กับอุปกรณ์เครื่องเขียนพวกนั้นบนโต๊ะด้านนอก จางจ้าวฉือก็ะโพูดกับเขา “สวี่ตี้ ผักในเรือนเพาะชำของเ้าขายเสร็จในครั้งนี้จะได้เงินมาเท่าไหร่หรือ?”
สวี่ตี้ได้ยินคำพูดของจางจ้าวฉือ ก็รีบวางของในมือก่อนจะถามอย่างแปลกใจ “ท่านแม่ ปกติแล้วท่านไม่สนใจเื่ของข้าไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงถามว่าข้าหาเงินมาได้เท่าไหร่ล่ะขอรับ?”
จางจ้าวฉือปรายตามองสวี่เหราไปปากก็พูดไป “ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าพึ่งพาสามีของตนเองไม่ได้ พึ่งลูกชายของตนเองในใจยังรู้สึกมั่นคงกว่า ข้าอยากจะซื้อบ้านสวนบ่อน้ำร้อนที่ด้านนอกเมืองหลวง ต่อไปไม่ว่าจะปลูกผักหรืออารมณ์ไม่ดีก็สามารถไปที่นั่นได้ไม่ใช่หรือ?”
สวี่ตี้ฟังแล้วก็ยิ้มแล้วเอ่ย “ข้าเอาเงินไปซื้อบ้านสวนบ่อน้ำร้อนให้ท่านนั้นก็ไม่อะไรหรอก ข้ากลัวก็แต่ว่าหากข้าซื้อให้ท่านแล้ว ยามที่ท่านทะเลาะกับท่านพ่อก็จะออกจากเรือนไป ถึงตอนนั้นข้าจะถูกท่านพ่อโกรธเอาน่ะสิขอรับ”
จางจ้าวฉือเอ่ย “โกรธก็โกรธไปสิ ผู้ใดให้พ่อของเ้าได้เงินมามากมายแต่ซื้อให้ข้าไม่ได้ หากเขาซื้อให้ข้า ข้าทะเลาะกับเขาก็ยังรู้สึกไม่ดีที่จะไปอยู่ในบ้านสวนที่เขาซื้อให้”
สวี่เหราได้ยินแล้วก็หัวเราะพร้อมเอ่ย “เอาล่ะๆ ข้าเข้าใจความหมายของเ้าแล้วว่าจะสื่ออะไร เงินปีนี้ข้าเองก็ได้ไม่เยอะ แต่ว่าข้ามีส่วนแบ่งจากการซื้อขายเสื้อคลุมในจวนแม่ทัพ ข้ารับประกันกับเ้า เงินพวกนั้นข้าไม่ใช้ มีเท่าไหร่ก็เป็ของเ้าทั้งหมดตกลงหรือไม่? เ้าก็เอาเงินนี้ไป อยากจะซื้ออะไรก็ไปซื้อ ข้ารับรองว่าจะไม่ห้ามโดยเด็ดขาด”
ขนแกะเส้นไหมพรมที่แลกกลับมาตอนนี้ได้เอาไปปรับปรุงเพิ่มจนเป็เสื้อคลุมขนแกะเสื้อคลุมไหมพรมคุณภาพดีมาก พึ่งร้านค้าสกุลจาง เส้นไหมขนแกะพวกนี้ก็เปลี่ยนกลับมาเป็เงินมากมาย ตอนแรกที่ปรึกษากันเื่ซื้อขาย เว่ยหลางกับสวี่เหราถือครองอยู่สามส่วน สำนักงานว่าการเขตเหอซีได้เงินสี่ส่วน สกุลจางได้สามส่วน แต่อย่าได้ดูถูกเงินสามส่วนนี้ เดิมทีของที่มาจากต่างแคว้นอย่างตัวหลัวเนอ [1] ก็ราคาสูงมาก ตอนนี้เสื้อคลุมที่ทำออกมาจากเมืองเหอซีมีคุณภาพดีมาก ทั้งยังเบา ราคาพอๆ กับที่ส่งตัวหลัวเนอมาจากต่างแคว้น เมื่อเทียบกันแล้ว แน่นอนว่าคนซื้อเสื้อคลุมจากทางเหอซีมากกว่า
พึ่งแค่เ้าพวกนี้ ไม่เพียงแค่สวี่เหรากับเว่ยหลาง แม้แต่สำนักงานที่ว่าการเขตเหอซี สองปีนี้ก็หาเงินมาได้ไม่น้อย ไม่เช่นนั้นแค่พึ่งเงินที่เก็บภาษีต่างๆ ภายในเมือง สวี่เหราก็คงไม่สามารถซ่อมกำแพงเมืองได้
จางจ้าวฉือเอ่ย “บุรุษเป็คราดที่กวาดเงินมา สตรีเป็ตะกร้าที่เอาไว้เก็บเงิน พวกเราสองคนใช้ชีวิตด้วยกัน เ้าหาเงินมาไม่ยอมให้ข้าถือ เ้ายังคิดจะให้ใครถืองั้นหรือ? ข้าพูดกับเ้านะ บุรุษของครอบครัวพวกเราจะมีคลังเก็บเงินเล็กๆ ไม่ได้ ตอนนี้สวี่ตี้ยังไม่มีภรรยา ต่อไปเมื่อเขามีภรรยาแล้ว เงินที่หามาได้ก็ต้องให้ภรรยาถือเอาไว้ ในมือของบุรุษจะมีเงินไม่ได้ ในมือมีเงินแล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีความคิดเอาเงินไปใช้กับอะไร”
สวี่เหรากับสวี่ตี้มองหน้ากันไปมา ก่อนที่สวี่ตี้จะถอนหายใจออกมา “เอาล่ะ ท่านพ่อ ข้าติดร่างแหไปกับท่านเสียแล้ว พวกท่านสองคนนี้ไปปิดประตูปรึกษากันดีๆ เถิด ข้าไปดูอุปกรณ์เครื่องเขียนที่ท่านปู่ส่งมาให้ข้าก่อน ผ่านไปอีกสองสามปีข้าจะต้องกลับไปสอบระดับอำเภอแล้ว ของที่ท่านปู่ส่งมาให้ข้าพวกนั้น หมายความว่าอะไรไม่ต้องเอ่ยปากก็รู้แล้ว”
สวี่จือยังนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านนอก เห็นสวี่ตี้เดินออกมาจากด้านในห้องก็เอ่ยถาม “เกอเกอ กระดาษพวกนี้ดีจริงๆ เ้าค่ะ ข้าสามารถใช้ร่วมกับท่านได้หรือไม่เ้าคะ?”
สวี่ตี้เอ่ย “ได้สิ เหตุใดจะไม่ได้ เ้าอยากจะใช้เท่าไหร่ก็ใช้ได้เลย”
สวี่จือหยิบกระดาษมาด้วยความดีใจ แล้วก็มองผ้าไหมสีสันสดใสในตะกร้าพวกนั้นพลางถามสวี่ตี้ “เกอเกอ ผ้าพวกนี้เอามาทำเสื้อผ้าของพวกเราหรือเ้าคะ?”
สวี่ตี้เอ่ย “ใช่แล้ว ในจดหมายของฮูหยินผู้เฒ่าพูดเช่นนั้น เ้าดูผ้าสีสันสดใสพวกนี้สิ นี่จะต้องเตรียมไว้ให้เ้าแน่ๆ รอแม่นมลู่ว่างแล้วก็ค่อยให้นางทำเสื้อผ้าให้เ้าหลายๆ ตัว”
สวี่จือคุกเข่าลงเอามือไปลูบผ้าลื่นดุจสายน้ำพวกนั้นก็ถอนหายใจออกมา “พวกเราอยู่ที่นี่สวมชุดจากผ้าพวกนี้จะทำอะไรก็ทำไม่สะดวก ข้าได้ยินพี่เยว่หลินของครอบครัวใต้เท้าหลี่บอกว่าผ้าไหมของพวกเขาล้วนเอาไปมอบให้จวนแม่ทัพให้พวกทหารทำเสื้อผ้าใส่ ใส่เสื้อผ้าตัวในที่ใช้ผ้าไหมทำ ธนูยิงแล้วจะเข้าตัวยาก พวกเราปรึกษากับท่านแม่สักหน่อย ว่าจะเอาผ้าไหมพวกนี้ไปให้กับทางจวนแม่ทัพดีหรือไม่เ้าคะ?”
สวี่ตี้ฟังแล้วก็มองน้องสาวตนเองด้วยความตกตะลึง สวี่จือถูกสวี่ตี้มองจนรู้สึกเขินอาย ก่อนจะเอ่ย “ข้ารู้ว่าพวกนี้ล้วนเป็ความรักที่ท่านทวดมีต่อข้า แต่ว่าตอนนี้พวกเราอยู่ที่นี่ ทหารทางด่านเยี่ยนเหมินสำคัญกว่า พวกเขาคอยปกป้องพวกเรา ข้าไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรให้พวกเขาดี ตอนนี้ข้ามีผ้าไหมแล้ว ข้าอยากจะเอาผ้าไหมพวกนี้ให้กับพวกเขา ข้าจะเขียนจดหมายบอกเื่นี้ให้กับท่านทวดเองเ้าค่ะ”
สวี่ตี้ฟังสวี่จืออธิบายก็เอ่ย “จือเอ๋อร์ เ้าเป็เด็กดีจริงๆ เลย เ้าวางใจได้ ข้าจะช่วยเ้าคุยกับท่านพ่อท่านแม่เอง”
หลังจากจางจ้าวฉือกับสวี่เหราฟังความคิดของสองพี่น้องเสร็จ สวี่เหราก็ลูบคางก่อนจะเอ่ย “ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ของพวกนี้ก็ล้วนเป็ของที่จวนมอบให้ ในเมื่อจวนให้แล้ว พวกเราก็ต้องเป็คนรับผิดชอบ ข้าจะไปปรึกษากับเว่ยหลางก่อน ดูว่าจะทำอย่างไรถึงจะให้จวนโหวได้ผลประโยชน์ไปสักเล็กน้อย ของพวกนี้เป็ของครอบครัวพวกเรา แต่เอาไปใช้กับเื่ของทหาร นั่นก็เป็เื่ของแคว้นแล้ว ให้ทหารนั้นเป็น้ำใจของพวกเรา จะต้องให้ฮ่องเต้ของเรารับรู้ว่าพวกเราและจวนโหวได้ทำการบริจาคเพื่อแคว้นใช่หรือไม่?”
เชิงอรรถ
[1] ตัวหลัวเนอ (哆罗呢 Duō luō ne) เนื้อผ้าประเภทขนที่มาจากต่างประเทศ