“ขอโทษที่หอมแก้มโดยพลการ” เฉินเฟิงกล่าวขอโทษกับหลิ่วอีอี
“ฉันได้ข้อความส่วนตัวจากหัวหน้าห้องเมื่อกี้นี้ นายทะเลาะกับฮูอวี่ในหอพัก แล้วเขายังเหยียบเตียงนายเปื้อนอีก…” หลิ่วอีอีโบกมือเป็การบอกว่าไม่ถือสา ในเมื่อเป็เธอเองที่เสนอตัวเล่นเป็แฟนสาวปลอมๆ ให้ จากนั้นเธอจึงถามเฉินเฟินกลับ
“คืนนี้คงไม่คิดจะกลับไปนอนหอพักใช่ไหม? แล้วเงินสักหยวนยังไม่มี คิดไว้หรือยังว่าจะไปนอนที่ไหน?”
“จะนอนที่ไหนได้นอกจากหาที่ที่บังลมได้สักหน่อย น่าจะหัวมุมถนนแถวๆ นี้แหละ” เฉินเฟิงตอบอย่างสบายๆ “ยังไงตอนนี้ก็เป็หน้าร้อน ถึงยุงจะน่ารำคาญอยู่หน่อยก็เหอะ”
“นาย...ถ้าไม่คิดมาก มาค้างบ้านฉันไหมคืนนี้” ใบหน้าหลิ่วอีอีแดงก่ำ
“ครอบครัวฉัน พวกเขาไปทำงานต่างเมือง ทั้งบ้านก็เลยเหลือฉันคนเดียวเลยรู้สึกกลัวนิดหน่อย”
ได้ยินเช่นนี้ เฉินเฟิงมองหลิ่วอีอีด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เขาจ้องมองเธออยู่นาน
หลิ่วอีอีรู้สึกตัวว่าเฉินเฟิงไม่ตอบคำถามเธอสักที เอาแต่จ้องหน้าเธออย่างเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น สีหน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยนไป เธอจึงรีบถาม “คิดละเมอเพ้อพกอะไรอยู่ มีอะไรติดหน้าฉันหรือไง?”
“เปล่าๆ แค่ไวน์แดงออกฤทธิ์นิดหน่อย ก็เลยมึนหัวน่ะ” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มแหยๆ
“ตอนนี้ไม่ว่าใครก็มองฉันเป็แค่ไอ้ขี้แพ้ ถูกผู้หญิงคนแรกนอกใจ จะไปพักบ้านเธอที่เป็ผู้หญิงไม่ได้หรอก เดี๋ยวชื่อเสียงเธอได้ป่นปี้หมด”
ได้ฟังเช่นนี้ หลิ่วอีอีถลันเข้ามากดริมฝีปากสีแดงสดจูบปากเฉินเฟิง
“หวังว่านายก็ไม่ได้ไร้หัวใจไปซะทีเดียวนะ! ฉันชอบนายมาตั้งสามปีแล้ว นายน่าจะรู้ตัวดี” หลิ่วอีอีพูดด้วยใบหน้าเขินอาย แล้ววิ่งออกจากประตูห้องอาหารส่วนตัว แต่ก่อนจะออกจากห้องไป เธอก็หันมาส่งยิ้มหวานให้พร้อมพูดขึ้นว่า
“เมื่อกี้นายหอมแก้มฉัน รอบนี้ฉันจูบนาย ไม่ว่านายจะปล่อยให้ฉันเข้าไปอยู่ในหัวใจของนายหรือไม่ก็ตาม ยังไงฉันก็จะรอนะ”
เขาััได้ถึงความอบอุ่นจากริมฝีปาก เฉินเฟิงส่ายหน้าเพื่อเรียกสติตัวเอง ก่อนจะเดินตามเธอไป
คืนนี้คงต้องค้างบ้านหลิ่วอีอีไปก่อน
อย่างไรก็คงอยู่คนละห้อง ก็แค่ค้างใต้ชายคาเดียวกันคืนเดียว
เฉินเฟิงปลอบใจตนเอง
แต่ความเป็จริงยิ่งกว่าที่คิดไว้ บ้านของหลิ่วอีอีตั้งอยู่ใกล้ร้านอาหาร เป็บ้านทรงพูลวิลล่าที่ตกแต่งหรูหราตระการตา
มีบ้านหลังใหญ่แบบนี้ในปี 95 ต้องเป็ครอบครัวมหาเศรษฐีไม่ผิดแน่!
เฉินเฟิงนอนพักในห้องรับแขกโดยไม่มีคำโต้แย้งใดๆ
เช้าวันต่อมา
เฉินเฟินพาหลิ่วอีอีในชุดคล้ายชุดนักเรียน JK [1] ซ้อนมอเตอร์ไซค์บุโรทั่งเดินทางกลับมหาวิทยาลัย
แต่เมื่อขี่ไปได้สักพัก ในขณะที่ทั้งสองกำลังขับผ่านหน้าร้านขายลอตเตอรี่
เหมือนว่าโชคจะไม่เข้าข้าง เฉินเฟิงบังเอิญเจอกับจ้าวฉินเสวียพอดิบพอดี
เธอนั่งอยู่ในรถเฟอร์รารี่สีแดงสดมือสองของฮูอวี่ เครื่องยนต์เสียงดังบาดแก้วหู ด้วยความเร็วที่สูง จึงเกิดแรงลมพัดแรง และทิ้งเฉินเฟิงไม่เห็นฝุ่น
ลมพัดแรงจนเกือบพัดรถมอเตอร์ไซค์ของเฉินเฟิงพลิกคว่ำ
เฉินเฟิงจับมอเตอร์ไซค์แน่น กัดฟันพร้อมเหยียบคันเร่งพยายามไล่ตามให้ทัน
เมื่อขับมาถึงสี่แยกไฟแดง ในที่สุดเฉินเฟิงก็ตามรถเฟอร์รารี่ทัน
“จ้าวฉินเสวีย เมื่อคืนก่อนที่งานเลี้ยงวันเกิด ถ้าจำไม่ผิดเธอบอกว่าจะยอมเป็แฟนกับฉัน!” เฉินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง โดยหันไปถามจ้าวฉินเสวียที่นั่งอยู่ข้างคนขับ
“แต่หลังจากนั้นเธอกับฮูอวี่ก็มอมเหล้าฉันจนหมดสติไป นี่ก็ผ่านมาสองสามวันแล้ว เธอก็ยังไม่มาหาฉันสักที ตอนนี้ฉันกำลังขี่มอเตอร์ไซค์ไปมหาลัย แล้วเธอที่เป็แฟนฉัน ยังคิดจะนั่งรถเฟอร์รารี่มือสองนั่นอีกเหรอ”
“หลิ่วอีอีก็ซ้อนมอเตอร์ไซค์บุโรทั่งนั่นอยู่ไม่ใช่หรือไง? คนขับรถมอเตอร์ไซค์กิ๊กก๊อกแบบนายจะมีปัญญาจ่ายเสื้อผ้าราคาแพงให้ฉันแบบนี้ได้ไหม?” จ้าวฉินเสวียที่แต่งกายด้วยชุดหรูหรามีราคาเยาะเย้ยถากถางกลับอย่างเ็า
“ยิ่งกว่านั้น ฉันไปตกลงคบกับนายั้แ่เมื่อไหร่กัน? ฉันจะคบกับพี่อวี่ เข้าใจไหม นายกับผู้ชายคนอื่นๆ อีกสิบคนก็แค่ตัวสำรองใช้แหย่พี่อวี่เล่นเท่านั้น!”
หลังจากได้ยินคำตอบอันแสนเ็าจากปากจ้าวฉินเสวีย เฉินเฟิงยังคงสงบนิ่งอย่างผิดปกติ เขาส่งเสียงหัวเราะลอดผ่านไรฟันอย่างเ็า “อย่าเสียดายทีหลังแล้วกัน!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเฟิง ฮูอวี่ซึ่งกำลังขับเฟอร์รารี่คว้ากล่องถุงยางดูเร็กซ์ปาใส่เฉินเฟิงด้วยความโมโห พร้ะโกนลั่น
“เสียดายบ้านแกดิ! สองคืนที่ผ่านมาฉันกับฉินเสวียใช้หมดไปสองกล่องแล้ว คืนนี้ก็จะเป็กล่องที่สามแล้วโว้ย!”
ทันทีที่เขาพูดจบ ไฟก็เขียวพอดี เมื่อเห็นเช่นนี้ ฮูอวี่จึงออกรถทันทีด้วยมือข้างเดียว
มืออีกข้างวางไว้บนต้นขาเรียวยาวของจ้าวฉินเสวีย แล้วเหยียบคันเร่งขับหายลับไป!
เฉินเฟิงมองดูทั้งสองทิ้งห่างออกไปด้วยความรู้สึกโกรธจนแทบจะคุมตัวเองไม่อยู่
เขาจับแฮนด์มอเตอร์ไซค์แน่นจนเกือบหัก
การกระทำของคู่ชู้น่ารังเกียจนี่มันน่าขยะแขยงเสียยิ่งกว่าการกระทำในชาติที่แล้วอีก ในที่สุดเฉินเฟิงก็ตระหนักได้เสียทีว่าเื่นี้เกิดขึ้นโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ
รักแรกกับพี่ชายแสนดีที่แอบมีความสัมพันธ์กันลับหลังเขา
แต่มาตอนนี้กลับกล้าแสดงความสัมพันธ์อย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งทำให้เขาอับอายรวมกับถูกสวมหมวกเขียวใบใหญ่!
เฉินเฟิงรู้สึกเจ็บใจจนเพิ่มความสงสัยในตัวของตัวเองเมื่อชาติก่อน ทำไมตัวเขาตอนนั้นถึงมองแต่จ้าวฉินเสวีย
ขนาดเธอนอกใจเขา สวมหมวกเขียวให้เขา แต่เขาในตอนนั้นกลับยังรักเธอ
พอย้อนกลับมาคิดดูดีๆ แล้ว มันน่าขันสิ้นดี!
ชาติก่อน เฉินเฟิงรับรู้แล้วว่า แท้จริงแล้วจ้าวฉินเสวียไม่คิดจะเลือกเขาเลย
เหตุผลหลักก็แค่เพราะเขามีแค่มอเตอร์ไซค์ฮอนด้าใกล้พังคันหนึ่ง ส่วนพี่ชายแสนอย่างดีฮูอวี่มีเฟอร์รารี่ราคาแสนแพง
เมื่อเทียบกันแล้ว ฮูอวี่ผู้ร่ำรวยที่เต็มใจจะซื้อของใช้หรูหราให้จ้าวฉินเสวียได้มากกว่า ย่อมเป็คนที่เธอเลือก
เวลาล่วงเลยจนหนึ่งทุ่ม
หลังจากเรียนเสร็จ เฉินเฟิงรีบตรงไปที่โรงยิมทันที
เฉกเช่นเดียวกับนักเรียนปีหนึ่งปีสอง หรือปีสามคนอื่นๆ เพื่อไปเข้าร่วมพิธีรับปริญญาของรุ่นพี่ปีสี่
“พวกเรามาร่วมโบกมืออำลารุ่นพี่แห่งมหาลัยโม๋ตูด้วยเสียงปรบมือและคำอวยพรอันอบอุ่น ให้พวกเขาสำเร็จการศึกษาด้วยรอยยิ้มกันเถอะ!”
“แปะ แปะ…”
หลังการนำกล่าวสุนทรพจน์จากผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยกว่าสองชั่วโมงจบ ในที่สุดพิธีรับปริญญาก็เสร็จสิ้นลง
เมื่อเวลาสามทุ่มสิบนาที หลังจากผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยเดินทางออกไปแล้ว นักศึกษาจำนวนมากยังคงอยู่ในโรงยิม
จังหวะนี้เอง ฮูอวี่อาศัยโอกาสที่พ่อเป็รองอาจารย์ใหญ่เดินจูงมือจ้าวฉินเสวียซึ่งในชุดหรูหราเดินขึ้นเวที
ฮูอวี่ยืนกวาดตามองเพื่อนๆ นักศึกษาจากบนเวที โดยเฉพาะทางที่เฉินเฟิงอยู่ จากนั้นจึงประกาศผ่านไมโครโฟนว่า
“ฮูอวี่คนนี้กับดาวมหาลัยจ้าวฉินเสวียคบกันแล้ว ไม่ใช่แค่พวกเราชอบพอกันและกัน แต่เพราะฉันตอบสนองทุกความ้าของเธอได้ ทั้งเื่เงินและเื่รักๆ ใคร่ๆ”
“ใช่แล้ว! ไอ้ยาจกเฉินเฟิงนั่นมันคิดว่าการพยายามเก็บเงินเพื่อซื้อของขวัญราคาถูกสามารถทำให้ฉันพอใจได้ น่าขำจริงๆ!” จ้าวฉินเสวียพูดอย่างมีความสุขโดยที่มืออีกข้างกุมมือฮูอวี่
“โดยเฉพาะรูปร่างภายนอกของเขา แม้ว่าเขาจะดูแข็งแรง แต่เขากลับเป็เหมือนแค่ปืนแว็กซ์ปลายเงิน [2] ไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง! นี่เป็เหตุผลว่าทำไมฉันเลือกที่จะเสียน้ำตาแห่งความสุขบนรถเฟอร์รารี่ราคาเกินครึ่งล้านหยวนของฮูอวี่ที่รัก ดีกว่าส่งยิ้มปลอมๆ บนมอเตอร์ไซค์บุโรทั่งผุๆ พังๆ ราคาไม่ถึงห้าสิบหยวนของเฉินเฟิง!”
เฉินเฟิงอดยิ้มมุมปากไม่ได้ ในขณะที่เฝ้ามองฮูอวี่กับจ้าวฉินเสวียคุยโม้โอ้อวด พยายามทำให้เขาอับอายท่ามกลางสาธารณชน
เขารู้ถึงตัวเลือกที่จ้าวฉินเสวียจะเลือกอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วั้แ่เหตุการณ์ที่สี่แยกไฟแดงเมื่อเช้า
ดังนั้นเมื่อเวลานี้มาถึง เวลาที่คู่รักน่าชิงชังคู่นี้ประกาศเปิดตัวอย่างเป็ทางการ เขาจึงไม่รู้สึกอายแต่อย่างใด
“เฉินเฟิง ไม่ใช่ว่านายชอบจ้าวฉินเสวียเหรอ? นายตามจีบเธอตั้งสามปีแล้วนี่”
“ได้ยินมาว่าเธอตกลงจะคบกับนายั้แ่งานเลี้ยงวันเกิดคืนนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ”
“เอาจริง? หรือจริงๆ แล้วในคืนนั้น จ้าวฉินเสวียขึ้นรถเฟอร์รารี่ไปโรงแรมกับฮูอวี่เพื่อนสนิทของนายเหรอ?”
“อ้อ จริงด้วย ฮูอวี่รินเหล้าขาวให้นายเกือบตั้งสองลิตร จนนายเมาสลบไปเลยนี่ ถึงนายจะอยากไปต่อโรงแรมขนาดไหนก็คงขยับไม่ไหว!”
“ไม่พูดอะไรรั้งเธอไว้หน่อยเหรอ? จะยืนดูปล่อยให้ดาวมหาลัยหลุดไปอยู่ในมือพี่ชายปลอมๆ ที่แทงข้างหลังนายแบบนี้เหรอ”
คำพูดจากเพื่อนร่วมชั้นปีมากมายถาโถมเข้าใส่ พวกเขาจงใจเยาะเย้ยเฉินเฟิงไม่หยุดหย่อน
เพราะตัวสำรองทั้งสิบคนที่เข้าร่วมงานวันเกิดของจ้าวฉินเสวียในคืนก่อนหน้านั้น ได้เล่าเื่ราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นจนทั่วมหาวิทยาลัยแล้ว!
ไม่ว่าใครต่างก็รู้ความจริงกันหมด!
“ยัยผู้หญิงสองหน้านั่นชวนพวกตัวสำรองที่เคยตามจีบเธอไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดด้วย ฉันก็เลยเลิกกับจ้าวฉินเสวียั้แ่คืนนั้นแล้ว!” เฉินเฟิงตอบโต้ด้วยท่าทางสงบนิ่ง
“ในฐานะเดือนมหาลัย สาวๆ มากมายตามจีบฉันอยู่แล้ว ฉันไม่ทนกับเื่แบบนี้หรอก! ฉันตัดสินใจจบความสัมพันธ์ เลิกรากันเพียงเท่านั้น จบดราม่าเื่หนุ่มหล่อตามจีบสาวงามที่ใครๆ ก็ชอบดู แล้วฉันก็เลยเลือกดื่มให้เมาเพื่อระบายความเศร้าเสียใจที่ฉันมีก็เท่านั้น”
ทุกคนต่างเห็นตรงกันว่าเฉินเฟิงเพียงแค่พูดไปเรื่อยเพื่อรักษาหน้าเท่านั้น
เขาจะมูฟออนจากคนที่เคยชอบขนาดนั้นไปอย่างง่ายๆ ได้อย่างไร? ทุกคนจึงไม่ถามอะไรอีก!
ทางด้านฮูอวี่ซึ่งยืนอยู่บนเวทีสังเกตเห็นว่าเฉินเฟิงกำลังพยายามอธิบายเื่ต่างๆ ให้คนรอบข้างฟัง
เขาจึงฉวยโอกาสนี้ประกาศผ่านไมโครโฟน ประกาศเื่โกหกที่ว่าเฉินเฟิงพยายามใช้กำลังจูบจ้าวฉินเสวียในขณะที่เมาในงานเลี้ยงวันเกิดคืนนั้น จนต้องถูกเธอตบหน้าและทิ้งไป
เมื่อได้ยินเื่นี้ ฝูงชนต่างส่งสายตาไปที่เฉินเฟิงด้วยความรู้สึกที่มองเขาเป็คนโง่เขลาผู้น่าสงสาร
“เฉินเฟิง เดือนมหาลัยภูมิหลังต้อยต่ำ โชคไม่ดีเลยมาเจอคนแบบนี้!”
“ต่อจากนี้ไปฉันคงต้องระวังตัวดีๆ ไม่ปล่อยให้เพื่อนสนิทหรือแฟนมาสวมเขาได้!”
“คนจนย่อมมีเหตุผลของความจน อย่างเช่นยากจนเพราะเป็ไองั่ง!”
เพียงแต่ว่าตัวเอกของฝูงชนอย่างเฉินเฟิงกลับไม่ได้ใส่ใจคนรอบข้างเลยสักนิด ลอตเตอรี่สิบสามใบที่เขาเพิ่งซื้อมาเมื่อวานนี้ มันต้องเป็เลขที่ออกรางวัลใหญ่ที่เขาจำได้จากชาติที่แล้วแน่
ตัวเฉินเฟิงเองกำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการประกาศรางวัลที่กำลังจะมาถึง
เขาจึงไม่ได้ยินคำเสียดสีเยาะเย้ยหรือคำปลอบใจต่างๆ นานาจากคนรอบข้าง
จนกระทั่งบางคนรอบข้างเริ่มสังเกตเห็น
เฉินเฟิงหยิบลอตเตอรี่ออกจากกระเป๋าอย่างระมัดระวัง กำไว้ราวกับเป็ของล้ำค่า
เมื่อคนรอบข้างเห็นชัดแล้วว่ามันคือลอตเตอรี่ พวกเขาะเิเสียงหัวเราะเสียงดัง
“เฉินเฟิง นายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ คิดจริงๆ เหรอว่าจะรวยข้ามคืนได้ด้วยลอตเตอรี่ไม่กี่ใบ?”
“เสียเงินซื้ออะไรแบบนี้มันก็เหมือนโยนเงินทิ้งนั่นแหละ นายควรจะขยันอดทนทำงานสิ!”
การยืนรอเพียงไม่กี่นาทีตอนนี้มันช่างรู้สึกยาวนาน ไม่ใช่แค่สำหรับเฉินเฟิงคนเดียว แต่นักศึกษาคนอื่นๆ ก็รู้สึกเช่นกัน
คนรอบข้างยังคงคิดว่าความอับอายที่ถูกตีท้ายครัวเช่นนี้ได้ทำร้ายจิตใจของเฉินเฟิงจนพังยับเยินไปหมดแล้ว
เขาเอาแต่จ้องมองลอตเตอรี่ในมือไม่วางตา!
ไม่นานเวลา 21:15 น. ก็มาถึง
ลำโพงจากร้านขายลอตเตอรี่ซึ่งตั้งอยู่ข้างโรงยิมดังเข้าหูนักศึกษาบางส่วน
ประกาศเลขที่ออกสี่ตัวแรกอย่างช้าๆ
“11 25 06 19…”
นักศึกษาตาดีบางคนเพ่งมองเลขลอตเตอรี่ในมือเฉินเฟิง และได้เห็นว่าเขาถูกลอตเตอรี่สี่ตัวติดต่อกันจริงๆ!
เชิงอรรถ
[1] ชุดนักเรียน JK หมายถึงชุดแต่งกายคล้ายชุดนักเรียนมัธยม โดยส่วนมากเมื่อพูดถึงคำนี้มักจะหมายถึงชุดนักเรียนมัธยมญี่ปุ่น
[2] ปืนแว็กซ์ปลายเงิน ภายนอกดูแข็งแรง แต่หัวปากกลับอ่อนแอ ซึ่งสื่อถึงความหมายที่ว่า ดีแค่ข้างนอก ข้างในอ่อนแอ