มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินเสียงเรียกนั้นก็ค่อยๆ หันหลังกลับไปด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง มองฉินมู่เยว่ยืนอยู่หน้าห้องอาหาร
ฉินมู่เยว่สบตากับมู่อวิ๋นจิ่นแล้วก็ฉีกยิ้มส่งให้ “พี่สะใภ้อวิ๋นจิ่น น้องกับพี่ลี่กำลังทานข้าวเย็นอยู่ พี่จะไปทานด้วยกันไหม?”
“ไม่แล้วกัน พี่ยังไม่หิว พวกเ้าทานกันเลย” มู่อวิ๋นจิ่นฝืนยิ้ม ก่อนเดินกลับไปที่เรือนด้านหลัง
ฉินมู่เยว่มองมู่อวิ๋นจิ่นจากด้านหลังและยิ้มอย่างสะใจออกมา
ระหว่างทางเดินกลับเรือนลี่เฉวียน จื่อเซียงลงส้นเท้าเสียงดังด้วยรู้สึกเป็เดือดเป็ร้อนแทนมู่อวิ๋นจิ่น “คุณหนู สิ่งที่คุณหนูฉินนั่นพูดมาหมายความว่าอะไร? นางคิดว่าตัวเองเป็นายหญิงที่นี่เหรอเ้าคะ?”
“เห็นชัดๆ ว่ามาเป็แขก กลับทำมาเป็เชิญคุณหนูเข้าไปทานอาหารด้วยกัน ดูแแล้วคุณหนูฉินช่างหน้าหนามิน้อยเลยเ้าค่ะ!”
“เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าเพิ่งกลับมาอย่าพร่ำบ่นเลย หัวข้าปวดไปหมดแล้ว ฉินมู่เยว่อยากทำอะไรก็ปล่อยนางทำตามสบายแล้วกัน พวกเราอยู่นิ่งๆ ก็เพียงพอแล้ว” มู่อวิ๋นจิ่นได้แต่ถอนหายใจ ั้แ่ที่ฉินมู่เยว่กลับมา ชีวิตของนางเริ่มไม่สงบสุขอีกต่อไปแล้ว
จื่อเซียงเห็นท่าทางของมู่อวิ๋นจิ่นก็มิกล้าปริปากพูดให้คุณหนูไม่สบายใจ
พอเดินมาถึงหน้าประตูเรือน มู่อวิ๋นจิ่นกลับหยุดฝีเท้าลง หันมาถามจื่อเซียงว่า “อีกนานแค่ไหน มู่หลิงจูถึงจะแต่งเข้าจวนท่านอ๋องหรง?”
จื่อเซียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับว่า “ไม่ช้าไม่นาน นับดูแล้วอีกสิบวันข้างหน้าเ้าค่ะ”
“อืม คืนนี้พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้กลับจวนเสนาบดีมู่กัน” พูดจบมู่อวิ๋นจิ่นก็เปิดประตูห้องนอนเดินเข้าไป
หลังจากที่เข้ามาในห้องแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นไร้ความง่วงจึงเดินไปเดินมาวนอยู่ในห้อง แต่ความคิดกลับอยู่ข้างนอก คอยฟังเสียงข้างนอกอย่างตั้งใจ
ไม่รู้เวลาล่วงเลยไปนานเพียงใด มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาในเรือนลี่เฉวียน
มู่อวิ๋นจิ่นรีบย่องไปแง้มประตูเพียงนิดเดียว สอดส่ายตามองดูความเคลื่อนไหวด้านนอก
ภาพเบื้องหน้าที่เห็นคือฉู่ลี่เดินเข้าห้องที่อยู่เยื้องกัน มู่อวิ๋นจิ่นพยายามสอดสายตาไปทั่วบริเวณก็ไม่เห็นฉินมู่เยว่ตามมาจึงค่อยผ่อนลมหายใจลงได้
พอฉู่ลี่เดินเข้าห้องไป มู่อวิ๋นจิ่นปิดประตูที่แง้มให้สนิทดังเดิม ในใจของนางกลับเต้นรัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
……
ในเช้าวันถัดมา มู่อวิ๋นจิ่นเดินออกมาห้องอาหารด้วยขอบตาที่ดำคล้ำเป็หมีแพนด้า ในขณะที่ฉู่ลี่ในอาภรณ์ชุดขาวเพิ่งกลับเข้ามาจากด้านนอก
มู่อวิ๋นจิ่นยืนรอรับ ฉู่ลี่กลับขมวดคิ้วขึ้นไปที่กระเป๋าในมือจื่อเซียงแทน
“เ้าจะไปไหน?” ฉู่ลี่หันกลับมามองมู่อวิ๋นจิ่น
“กลับไปอย่ที่จวนอัครเสนาบดีมู่สักสองสามวัน” มู่อวิ๋นจิ่นยู่ปากเงยหน้ามองฉู่ลี่
ฉู่ลี่ได้ยินมิได้พูดสิ่งใดมากความ เอ่ยเพียงประโยคเดียว “รีบกลับมา”
หลังจากนั้นเขาก็เดินไปเรือนด้านหลัง
คราวนี้มู่อวิ๋นจิ่นเบะปากมองฉู่ลี่เดินไปจนลับตา ความรู้สึกหงุดหงิดใจพลันเกิดขึ้นมา
“คุณหนู……” จื่อเซียงเอ่ยเรียก
“ไปกันเถอะ” มู่อวิ๋นจิ่นเดินออกประตูไป
พอเดินออกจากจวนไปแล้ว จื่อเซียงก็เดินข้างมู่อวิ๋นจิ่นด้วยท่าทางละล่ำละลัก นึกถึงท่าทางของฉู่ลี่ที่ปฏิบัติต่อมู่อวิ๋นจิ่นกลับรู้สึกไม่สบายใจ
……
มู่อวิ๋นจิ่นเดินกลับมาจนถึงหน้าประตูจวนอัครเสนาบดีมู่ ที่ประตูประดับตกแต่งด้วยผ้าไหมสีแดงและโคมแดงเต็มไปหมด มู่อวิ๋นจิ่นเดินเข้าไปที่ห้องโถงเห็นอัครเสนาบดีมู่และลัวหนิงอวี่กำลังนั่งปรึกษาหารือกันอยู่
พอเดินเข้าไปใกล้ก็ได้ยินบนสนทนาที่ทั้งสองพูดคัยกัน “ท่านพี่ รายชื่อแเื่ที่มาร่วมงานเขียนไว้เรียบร้อยแล้ว ่นี้จวนของพวกเรามีงานมงคลไม่น้อย ดังนั้นรายชื่อแเื่เอาเหมือนงานมงคลสองครั้งก่อนแล้วกัน”
อัครเสนาบดีมู่รับรายชื่อแเื่จากมือลัวหนิงอวี่มาดูและพยักหน้า “เช่นนั้นก็เอาตามนี้แล้วกัน”
เมื่อกล่าวจบอัครเสนาบดีมู่เงยหน้าขึ้นมาเห็นมู่อวิ๋นจิ่น จึงเรียกอย่างมีความสุข “อวิ๋นจิ่นกลับมาแล้ว”
“อืม ลูกจะกลับมาอยู่ที่จวนสองสามวัน” มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มน้อยๆ
อัครเสนาบดีมู่นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แม้จะแปลกใจแต่ก็มิได้ถามไถ่ถึงเหตุผล ได้แต่หัวเราะชอบใจ “ดีๆๆ พ่อใช้ให้บ่าวใช้ไปทำความสะอาดเรือนมวลบุปผาอยู่ตลอด ทุกอย่างยังเหมือนตอนที่ลูกยังอยู่ที่นี่”
“ขอบคุณท่านพ่อ” มู่อวิ๋นจิ่นเดินออกจากห้องโถงไป
เมื่อเดินมาที่เรือนด้านหลัง นางเห็นทุกที่ในจวนต่างประดับประดาไปด้วยสิ่งของสีแดง จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มจางๆ ออกมา
“อวิ๋นจิ่น?” เสียงของมู่อวิ๋นหานเรียกขึ้นอย่างแปลกใจ
มู่อวิ๋นจิ่นหันกลับไปเห็นมู่อวิ๋นหานนั่งจิบชาอยู่ที่ศาลาเหลียง “พี่ชาย”
“มานี่เลย” มู่อวิ๋นหานกวักมือเรียกอยู่อย่างนั้น
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้า แล้วหันไปพูดกับจื่อเซียง “ช่วยเอาของไปเก็บที่เรือนมวลบุปผาก่อน”
“เ้าค่ะ คุณหนู”
มู่อวิ๋นจิ่นเดินไปนั่งในศาลาเหลียง มู่อวิ๋นหานรีบรินน้ำชายื่นให้นาง “ทำไมกลับมาอยู่ที่จวนเล่า?”
“จวนองค์ชายหกอยู่นานจนเบื่อแล้ว จึงอยากกลับมาอยู่ที่นี่” มู่อวิ๋นจิ่นจิบน้ำชาอย่างใจเย็น
“จริงเหรอ?” มู่อวิ๋นหานหยักคิ้ว “คงมิใช่เพราะฉินมู่เยว่คนนั้นเป็ต้นเหตุกระมัง?”
มู่อวิ๋นจิ่นส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมกับใช้นิ้วดีดขอบถ้วยน้ำชาจนเกิดเสียงกังวาน “พี่ชายกับพี่อวี้เหยียนอยู่กันเป็ยังไงบ้าง?”
“อยู่ด้วยการให้เกียรติกันและกัน” มู่อวิ๋นหานตอบอย่างเป็ธรรมชาติ พลางมองไปที่มู่อวิ๋นจิ่น
มู่อวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วขึ้นด้วยไม่อยากเชื่อคำตอบที่ได้ยิน “หากวันใด พี่อวี้เหยียนพบคนที่นางรักสุดหัวใจ พี่ชายจะยอมให้นางสมหวังกับคนคนนั้นไหม?”
“ยอมสิ” มู่อวิ๋นหานตอบกลับ
มู่อวิ๋นหานยกมือขึ้นไปนวดขมับให้มู่อวิ๋นจิ่น “หากมีเื่ไม่สบายใจก็กลับมา พี่ชายคนนี้อยู่ที่นี่เสมอ”
“ทำไมข้าจะมีเื่ทุกข์ใจด้วย” มู่อวิ๋นจิ่นเชิดหน้ายิ้มเห็นไรฟัน
“เ้าน้องตัวดี!”
หลังจากได้พูดคุยกับมู่อวิ๋นหาน ความรู้สึกของมู่อวิ๋นจิ่นก็ดีขึ้นเป็กอง เมื่อวานนี้ตลอดคืนที่ผ่านมา นางแทบไม่ได้หลับ ตอนนี้จึงหาวเอาอยู่หลายครั้ง ดังนั้นนางจึงขอตัวจากมู่อวิ๋นหานกลับไปพักผ่อนที่เรือนมวลบุปผา
เมื่อก้าวเข้ามาที่เรือนมวลบุปผา แม้จะเก่าและเล็กไปหน่อย แต่นางกลับััได้ถึงการกลับบ้านที่แท้จริง
นางเอนตัวลงนอนบนเตียงที่แข็งทื่อพลิกตัวไปมา ไม่นานนักก็เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว
……
ทางด้านหอมุกดา
“เ้าว่าอะไรนะ? มู่อวิ๋นจิ่นกลับมาแล้ว?” มู่หลิงจูที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งใส่ต่างหูร้องด้วยความแปลกใจ เมื่อได้ยินหงเซียมารายงาน
“ใช่เ้าค่ะ ได้ยินบ่าวที่ห้องโถงเล่าให้ฟัง เห็นว่าแบกกระเป๋ากลับมาด้วย คาดคงมาอยู่ที่นี่สักระยะเ้าค่ะ” หงเซียเล่าต่อ
มู่หลิงจูอดมิได้ที่จะหัวเราะอย่างสะใจ “ดูท่านางถูกองค์ชายหกไล่ตะเพิดออกจากจวนแล้วกระมัง!”
“ในเมื่อคุณหนูฉินกลับมาแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นก็หมดประโยชน์ เมื่อก่อนนางวางมาดสูงส่ง สุดท้ายก็อยู่ได้ไม่นาน พอฉินมู่เยว่กลับมาก็ถูกไล่อย่างกับหมูกับหมา”
มู่อวิ๋นหานมิอาจควบคุมความสุขที่ปะทุขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง นางเลือกต่างหูใส่ นั่งพิงพนักเก้าอี้ ส่องกระจกทองเหลืองพลิกตัวซ้ายขวาดูอย่างนั้นอยู่นาน
“หงเซีย เ้าว่าข้าแต่งเข้าจวนหรงของท่านอ๋องหรงแล้ว พระชายาหรงยังจะได้รับการโปรดปรานจากท่านอ๋องหรงอยู่ไหม?”
หงเซียยิ้มมุมปาก พลางเสียบปิ่นหยกให้มู่หลิงจู “คุณหนูจะมิใช่พระชายาหรงหรือเ้าคะ?”
“เหอะๆๆ” มู่หลิงจูเผยแววตาชั่วร้าย ขบฟันกรอดๆ “มู่อวิ๋นจิ่นให้ร้ายท่านแม่ข้าจนถึงความตาย ยังทำให้ข้าตกอับถึงเพียงนี้ รอให้ข้าขึ้นตำแหน่งพระชายาท่านอ๋องหรงแล้ว รับรองนางต้องได้เจอดีแน่นอน!”
หลังจากนั้นมู่หลิงจูยิ้มอย่างเ็าและหยามเหยียด มู่อวิ๋นจิ่นที่ยอมแต่งกับฉู่ลี่ก็เพราะความสุขสบายและอำนาจที่จะได้รับจากฉู่ลี่ต่างหาก
ในสายตาขององค์ชายทั้งหลาย ฉู่ลี่เป็ตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็องค์รัชทายาท หากฉู่ลี่ถูกแต่งตั้งเป็จริงๆ มู่อวิ๋นจิ่นก็ต้องพลอยเป็พระชายาขององค์รัชทายาท ดีไม่ดีอาจเป็ฮองเฮาแห่งใต้หล้าในวันข้างหน้าได้
ฮองเฮา……
คนที่ไร้ความสามารถอย่างนาง ไม่คู่ควรจะเป็ฮองเฮาสักนิด!
เชอะ! รอให้ข้าแต่งเข้าจวนท่านอ๋องหรงเสียก่อน ย่อมเสี้ยมให้ท่านอ๋องหรงแย่งชิงบัลลังก์แห่งอาณาจักรซีหยวนมาด้วยปัญญาอันเฉียบแหลมของนาง ถึงตอนนั้นคนที่มีความดีความชอบมากที่สุดย่อมเป็มู่หลิงจูเท่านั้น
มู่อวิ๋นจิ่นเอ๋ย ถึงตอนนั้นการต่อสู้ที่แท้จริงของพวกเราถึงจะเริ่มต้นขึ้น
“ไป ไปหอมวลบุปผากันเถอะ” มู่หลิงจูแต่งตัวเรียบร้อย ลึกขึ้นยืนเดินออกจากหอมุกดาไป
ั้แ่ที่รู้ว่ามู่หลิงจูจะแต่งกับท่านอ๋องหรง ในจวนได้จัดเตรียมงานอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งยังให้บ่าวใช้สาวติดตามหกคน บ่าวใช้หนุ่มอีกสิบคนติดตามนาง
หลังจากที่มู่หลิงจูแต่งออกไปแล้ว ย่อมมีบ่าวใช้ติดตามเป็สิบกว่าคนไปด้วย
ไม่นานนักขบวนบ่าวใช้เดินทางมาถึงหน้าประตูที่คับแคบเรือนมวลบุปผา ล้อมไว้จนไม่เหลือทางเข้าออก
“คารวะคุณหนูสี่” จื่อเซียงรีบลุกขึ้นทำความเคารพมู่หลิงจู
มู่หลิงจูปรายตามองจื่อเซียง พูดลอยๆ อย่างไม่แยแส “มู่อวิ๋นจิ่นละ?”
“คุณหนูกำลังพักผ่อนเ้าค่ะ” จื่อเซียงตอบเสียงเรียบ
“พักผ่อนอย่างนั้นหรือ?” มู่หลิงจูเย้ยหยัน “พักผ่อนจริง หรือว่าหาที่แอบนั่งร้องห่มร้องไห้กันแน่? ข้าได้ยินมาว่าองค์ชายหกไล่ตะเพิดออกจากจวน ถึงกลับมาซมซานที่นี่”
จื่อเซียงได้แต่เม้มปากแแ่ ด้วยเห็นมู่หลิงจูพาคนมากมาย จึงมิกล้าสวนกลับไป
“เ้าไม่แก้ต่าง แสดงว่าที่ข้าได้ยินมาเป็เื่จริงนะสิ? อั๊ยย่ะ พี่สามของข้าชีวิตช่างอาภัพนัก เดิมทีในฐานะน้องสี่เห็นพี่สามแต่งเข้่จวนองค์ชายหก พลันนึกยินดีหวังให้อยู่กันยืดยาว นี่ผ่านมาไม่กี่เดือนเองกลับถูกไล่ออกจากจวนแล้ว เห็นทีการเป็สะใภ้ให้ราชวงศ์คงมิใช่เื่ที่ใครๆ ก็เป็ได้”
พอมู่หลิงจูเย้ยหยันเสร็จก็หัวเราะอย่างสาแก่ใจ บ่าวใช้ติดตามก็พลอยหัวเราะตามขึ้นมา
“เอี๊ยด……” เสียงประตูด้านหลังจื่อเซียงถูกเปิดออก
มู่อวิ๋นจิ่นก้าวออกมาด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า พอเห็นลานมีคนยืนเต็มไปหมด สายตาก็สะดุดกับมู่หลิงจูที่เป็คนนำมา
“ข้านอนหลับสบายๆ อยู่ ทำไมมีกลิ่นขี้หมาลอยโชยเต็มไปหมดด้วย ที่แท้ตรงนี้มีคนเพิ่งกินขี้หมามานี่เอง” มู่อวิ๋นจิ่นทำท่ายกมือบีบจมูกด้วยสีหน้ารังเกียจ
มู่หลิงจูนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนนึกขึ้นมาได้ว่ามู่อวิ๋นจิ่นด่านางว่าเป็หมาที่เพิ่งขี้มา ทว่ามู่หลิงจูกลับระงับความโมโหลง ฝืนยิ้มออกมา “พี่สามพูดเช่นนี้ น้องสี่เสียใจรู้หรือเปล่า น้องสี่แค่ได้ยินมาว่าพี่สามถูกองค์ชายหกขับออกจากจวน จึงตั้งใจมาปลอบใจพี่สี่ต่างหาก”
มู่อวิ๋นจิ่นกอดอกยืนพิงประตู พอได้ยินคำเสแสร้งที่แสนตอแหล จึงยิ้มเสียดสีอย่างแรงกลับไป “เช่นนั้นต้องขอบใจในความปรารถนาดีของน้องสามมากๆ ถ้าไม่มีเื่อื่นแล้วก็แยกย้ายกลับไปได้ พี่สี่ไม่ชอบความรำคาญน่ะ”
“โอ้โห คุณหนูสามกล่าวเช่นนี้ดูเหินห่างเหลือเกิน คุณหนูสี่ของพวกเราจะแต่งกับท่านอ๋องหรง ถึงตอนนั้นจะให้ท่านอ๋องหรงช่วยโน้มน้าวองค์ชายหก อย่างไรเสียท่านอ๋องหรงก็เป็ท่านลุงขององคืชายหก อย่างน้อยก็ต้องไว้หน้าบ้าง ถึงตอนนั้นไม่แน่ว่าองคืชายหกยอมรับฟังที่ท่านอ๋องหรงโน้มน้าว อาจอนุญาตให้คุณหนูสามกลับจวนก็ได้นะเ้าค่ะ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้