บทที่ 112 ลูกพี่ลูกน้องของฟู่เฉิงิ
“ห้ามบอกยัยจิ้งจอกนั่นนะ”
ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มของหลิวฉิงขมวดมุ่นเข้าหากัน เย่จื่อเฉินยกมือขึ้นลูบหัวเธอเล็กน้อย แล้วจึงเม้มปากยิ้มตอบไปเบาๆ
“เย่จื่อเฉิน”
“ใครให้นายบอกเขา!” หลิวฉิงโกรธเหมือนกับลูกสิงโตทันที “จะไม่ยุ่งกับนายอีกแล้ว”
พูดจบ ก็ม้วนตัวเข้าไปในเนตรั
เย่จื่อเฉิน
ความสงสัยฉายขึ้นมาในดวงตาของลูซี่ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้จักคนชื่อนี้นะ แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนเคยได้ยินที่ไหน…
ในตอนที่เธอกำลังจะถามต่อนั้น สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที ก่อนจะก้มหน้าลงต่ำเหมือนกับนกกระจอกเทศ
“เ้าหนู ไม่คิดว่าจะได้เจอแกที่นี่”
เสียงเหี้ยมดังขึ้นด้านหลังของเย่จื่อเฉิน พอหันไปก็เห็นเ้าอันธพาลหัวเขียวที่เขาจัดการไปวันนั้นยืนอยู่ข้างหลัง มุมปากพลันกระตุกยิ้มเยือกเย็น
“อะไร จะมาเอาค่าหมอเหรอ? ฉันบอกนายเลยว่า ไม่มีเงิน!”
เย่จื่อเฉินเบ้ปากใส่แล้วก็ไม่ได้สนใจเขาอีก ซูอี้อวิ๋นเหลือบมองดู ก่อนจะยิ้มถาม
“เกิดอะไรขึ้น”
“โดนฉันต่อย”
“เ้าหนู แกยังจะอวดเก่งอีกเหรอ? บอกไว้เลยนะว่าครั้งนี้พี่ชายฉันมาด้วย นายเตรียมตัวตายได้เลย”
ทิ้งท้ายไว้ด้วยคำขู่ ก่อนเ้าอันธพาลหัวเขียวจะพาลูกน้องเดินจากไป
“เย่จื่อ ให้ฉันเรียกคนมาไหม”
ซูอี้อวิ๋นหรี่ตาลงก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา เย่จื่อเฉินส่ายหน้า ถ้าจะต้องตีกันเขาที่ร่างกายปรับสภาพด้วยการกินยาปรับระดับพลังกายมาแล้ว ก็ไม่เคยยอมใคร
เย่จื่อเฉินหันไปมองทางลูซี่โดยอัตโนมัติ
“ผู้หญิงที่ชื่อลูซี่คนนั้นล่ะ?”
ซูอี้อวิ๋นถึงได้เห็นว่าเก้าอี้ข้างกายมันว่างเปล่า แล้วจึงส่ายหน้าพูด
“ไม่รู้ว่าไปั้แ่เมื่อไร”
“...”
เย่จื่อเฉินอึ้งไปนิด
เหมือนว่าเขาจะเคยเห็นภาพนี้มาแล้ว
“พี่ใหญ่ เ้าหนูนี่แหละ” ทันใดนั้น เ้าอันธพาลหัวเขียวก็ได้เดินกลับมาอีกครั้งด้วยท่าทางย่ามใจ เย่จื่อเฉินหันไปมองตามเสียง เมื่อได้เห็นพี่ใหญ่ข้างกายเ้าอันธพาลหัวเขียว รอยยิ้มอย่างนึกสนุกก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าทันที “จ้าวหู่ เ้านี่เป็น้องชายนายเหรอ?”
“คะ…คุณชายเย่…”
ในตอนที่จ้าวหู่เห็นเย่จื่อเฉิน หัวสมองก็อื้ออึงทันที จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นตบไปที่หน้าเ้าอันธพาลหัวเขียว
“พี่ใหญ่…”
เ้าอันธพาลกุมแก้ม ทำอะไรไม่ถูก นี่จ้าวหู่ตบไปแค่ครั้งเดียวนะ
ให้ตาย ไปมีเื่กับใครไม่มี ดันไปมีเื่กับคนคนนี้
“พี่ใหญ่อะไรของแกอีก รีบขอโทษคุณชายเย่ซะ”
ฝ่ามือนี้ตบเรียกสติเ้าอันธพาลหัวเขียวได้จริงๆ เห็นชัดเลยว่าแม้แต่พี่ใหญ่ของพวกเขาก็ยังไม่กล้ามีปัญหากับผู้ชายคนนี้
ทันใดนั้น หน้าตาของเ้าอันธพาลก็เหมือนอยากร้องไห้ขึ้นมา ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้น
“คุณชายเย่ครับ ผมผิดไปแล้ว”
“ฉันไม่มีเวลามาสนใจนายหรอก ไปรออยู่ทางนู้นไป”
เย่จื่อเฉินก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผลขนาดนั้น เ้าอันธพาลหัวเขียวนั้นแพ้เขา มันก็ปกติถ้าอยากจะเอาคืน
ที่ทำให้เขาค่อนข้างประหลาดใจคือหลิวจูที่อยู่ข้างจ้าวหู่
เหมือนว่าตอนนั้นที่อยู่ในร้านเครื่องดื่ม ทั้งสองคนจะเลิกรากันไปแล้ว แล้วทำไมผ่านไปแค่ไม่กี่วันถึงได้มาอยู่ด้วยกันอีก
หันไปดีดนิ้วใส่จ้าวหู่ ก่อนจะบุ้ยปากไปทางหลิวจูที่อยู่ข้างกายเขา
“ทำไมถึงมาอยู่ด้วยกันอีกแล้วล่ะ?”
หลิวจูหน้าซีดไปทันที จ้าวหู่เองก็ขมวดคิ้วมุ่นพูดขึ้น
“ขอโทษคุณชายเย่ซะ”
ครั้งนี้หลิวจูไม่ได้มีท่าทางอวดดีเหมือนครั้งก่อนแล้ว เธอก้มหน้าลงอย่างขลาดกลัว
“คุณชายเย่-”
“หยุด”
เย่จื่อเฉินยกมือขึ้นขัดคำขอโทษของหลิวจู ก่อนจะไหวไหล่ยิ้มตอบ
“มาผับก็ต้องมาสนุกสิ จะทำแบบนี้ทำไม”
“คุณชายเย่ ฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ”
หลิวจูแทบจะคุกเข่าลงกับพื้น ในขณะที่พูดก็มีเสียงสะอื้นเจืออยู่ด้วย
ตอนนี้เธอกลัวแล้วจริงๆ พี่ชายที่ทำให้เธอภาคภูมิใจมาโดยตลอด โดนคนของสำนักงานตำรวจพาตัวไป จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ออกมา
แต่ก่อนเธออาศัยว่าหลิวเฉียงเป็ตำรวจ ถึงได้ไปรังแกคนไว้ไม่น้อย
พอไม่มีหลิวเฉียงคุ้มกะลาหัว เธอจึงกลัวว่าคนที่โดนเธอรังแกจะมาวุ่นวายกับเธอ เมื่อหมดหนทางเธอเลยต้องกลับมาอยู่กับจ้าวหู่
จากการคิดวิเคราะห์ดูทั้งหมด คนที่ทำให้เกิดเื่ทุกอย่างนี้ ก็คือเย่จื่อเฉิน
เธอกลัวจริงๆ กลัวว่าเย่จื่อเฉินจะยังมีความแค้นกับเธออยู่ ถ้าเป็แบบนั้นต่อให้เธอมีเป็สิบหัวมันก็ไม่พอให้หลุดจากบ่า
“คุณชายเย่ ฉัน…”
“ผู้หญิงของนายสมองมีปัญหาหรือเปล่า ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกไม่ต้องคิดมาก เธอไม่ได้สำคัญถึงขั้นที่ฉันต้องลงมือเอง” พอพูดจบ เย่จื่อเฉินก็หันไปขมวดคิ้วพูดกับจ้าวหู่ “พาเธอไป”
“ครับ คุณชายเย่”
พอเกิดเื่ของหลิวจู เย่จื่อเฉินกับซูอี้อวิ๋นก็หมดอารมณ์กินเหล้าแล้ว หลังจากที่ทิ้งเหล้าที่เหลือไว้ในผับ ทั้งสองคนก็เดินออกจากร้านไป
เมื่อไปส่งซูอี้อวิ๋นถึงที่แล้ว เย่จื่อเฉินก็กำลังจะขับรถออกไป
รถลีมูซีนสีดำคันหนึ่งกลับขับเข้ามาจอดขวางหน้าเขาไว้ทันที ประตูรถถูกเปิดออกพร้อมกับชายร่างท้วมหลายคนเดินลงมา
เย่จื่อเฉินได้กลิ่นความอาฆาตที่รุนแรงจากชายหลายคนนั้น
ทหาร
แถมยังเป็ทหารลาดตระเวนที่ชีวิตฝากไว้กับความเป็ความตายตลอดปี
“เชิญไปกับเราด้วย”
น้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ทำให้เย่จื่อเฉินขมวดคิ้วมุ่น เขาเรียกวิชากายล้อมเพชรขึ้นมาทันที พร้อมกับพลังที่ไหลเวียนไปทั่วทั้งสองมือ
“พวกคุณเป็ใคร?”
“กรุณาอย่าทำให้เราลำบากใจ ไปกับพวกเราดีๆ”
“พวกคุณนี่ไม่มีมารยาทจริงๆ ไม่ยอมบอกชื่อแซ่ก็จะให้ผมไปกับพวกคุณแล้วเหรอ? ผมจะรู้ได้ยังไงว่าถ้าไปกับพวกคุณแล้วจะตายหรือจะรอด!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเสียมารยาทด้วยครับ”
พูดจบ ทหารหลายนายก็เข้าล้อมเย่จื่อเฉินทันที
การกระทำอันพร้อมเพรียง บอกได้เลยว่าดักทางหนีของเขาเอาไว้ทุกทาง
เย่จื่อเฉินเลิกคิ้วขึ้น พลังในร่างกายถูกปล่อยออกมา
สองแขนของเขาตวัดลงไปบนแขนของคนพวกนั้นอย่างกับผี
กร๊อบ!
แขนของสองคนในกลุ่มนั้นถูกเย่จื่อเฉินบิดจนหัก หลังจากนั้นคนอื่นที่เหลือจึงได้พากันถอยออกไป และทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากในรถ
“ฉันเดาไว้ไม่มีผิดเลยจริงๆ”
ภายในรถมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งกระตุกยิ้มมุมปากอยู่ เย่จื่อเฉินเลิกคิ้ว
ในความทรงจำของเขาไม่ยักจำได้ว่าเคยติดต่อกับคนคนนี้
“เหมือนผมจะไม่รู้จักคุณนะ”
“คุณชายเย่ต้องไม่รู้จักฉันอยู่แล้ว แต่ฉันนั้นได้ยินชื่อเสียงของคุณชายเย่มานาน” ผู้ชายคนนั้นยิ้มพร้อมกับส่งสัญญาณให้คนที่เหลือถอยออกไป ก่อนจะพูดขึ้น “ฉันกับเซียวไห่เป็เพื่อนกัน”
“เพื่อนของพี่ไห่ไม่มีทางทำแบบนี้กับผมแน่ คุณน่าจะพูดผิดแล้วมั้ง”
ในขณะที่พูดอยู่นั้น เส้นประสาทของเย่จื่อเฉินก็ยิ่งเกร็งขึ้นเรื่อยๆ
จู่ๆ ก็มีคนที่ไม่รู้จักปรากฏตัวออกมา แถมยังมีทหารติดตามมาอีก
ถ้าไม่ใช่คนของทางการทหาร ก็ต้องเป็ทการรับจ้างที่ศัตรูจ้างมาลอบฆ่าเขา
หรือไม่ก็ มาขอร้องเขา
“คุณชายเย่ทายได้แม่นจริงๆ” ผู้ชายคนนั้นยิ้มบางๆ แล้วพูดขึ้น “ฉันขอแนะนำตัวสักหน่อย ฉันตงฟางเหวินอี้”
“บอกจุดประสงค์ของคุณมา”
“ที่จริงจุดประสงค์ที่ฉันมาที่นี่มีอยู่สองข้อ”
“พูดมา”
“ที่จริงฉันไม่ได้หลอกเธอ ฉันกับเซียวไห่เป็เพื่อนกันจริงๆ ฉันรู้มาจากเขาว่าปู่ของเขากลับมาแข็งแรงดีแล้ว เพราะพึ่งยาวิเศษของคุณชายเย่ ข้อแรกคือฉันอยากมาขอยาให้กับปู่ของฉัน”
น้ำเสียงของตงฟางเหวินอี้ไม่ได้รีบร้อน ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่
“ข้อสอง”
เย่จื่อเฉินหรี่ตาลง ถ้าแค่มาขอยาเฉยๆ อีกฝ่ายก็ไม่จำเป็ที่จะต้องลงมือทดสอบเขา
“ข้อสอง ฟู่เฉิงิเป็ลูกพี่ลูกน้องฉัน”
ตงฟางเหวินอี้ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้