“ดูท่าโฉนดจะมาถึงแล้ว ข้าขอแสดงความยินดีกับเ้าล่วงหน้าเลยแล้วกัน” หลี่ฮูหยินรีบกล่าว แล้วบอกย่าซ่ง “ให้นายหน้าเมิ่งมาที่ห้องรับรองนี้ แล้วไปเตรียมน้ำแกงลูกไหนเย็นๆ มาให้ข้าด้วย”
ย่าซ่งรีบไปเตรียมทันที
นายหน้าเมิ่งเข้าห้องรับรองของตระกูลหลี่มาในสภาพโชกเหงื่อ
ทันทีที่มาถึงห้องรับรอง เขาก็ล้วงมือเข้ากระเป๋าแล้วนำโฉนดของที่ดินทั้งสามที่หลินฟู่อินซื้อไว้ออกมา แล้วยื่นให้หลินฟู่อินด้วยสองมือทันที “แม่นางหลิน โฉนดแดงของที่ดินทั้งสามที่ท่านซื้อ อยู่ที่นี่แล้ว”
“ขอบคุณท่านมากเ้าค่ะ!” หากไม่ใช่เพราะมีคนมอง นางคงะโจูบใบโฉนดไปแล้ว
เมื่อหลี่ฮูหยินเห็นว่านางดีใจมาก ก็มีรอยยิ้มสบายใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า
หลินฟู่อินดีใจยิ่งนัก นางเงยหน้ามองนายหน้าเมิ่งแล้วกล่าว “ขอบคุณท่านมากเ้าค่ะ!”
เห็นความเคารพและความสุภาพจากหลินฟู่อิน นายหน้าเมิ่งก็พอใจมาก โบกไม้โบกมือไม่หยุดด้วยรอยยิ้ม “เป็หน้าที่ของข้าอยู่แล้วขอรับ”
เมื่อเห็นว่าหลินฟู่อินเป็ลูกค้าชั้นเลิศแล้ว นายหน้าเมิ่งจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เพิ่มความสุภาพมากขึ้นอีก “หากในอนาคตแม่นางหลินอยากซื้อหรือขายที่อีก ก็โปรดเรียกใช้งานข้า ข้าจะจัดการให้ท่านเอง!”
หลินฟู่อินยิ้มแล้วพยักหน้า ในใจคิดว่าคนกลางผู้นี้เป็งานจริงๆ ทั้งยังพึ่งพาได้ เป็คนที่ควรจะผูกมิตรด้วย หากนางจะซื้อบ้านหรือร้านอีกในอนาคตก็คงต้องเรียกใช้งานเขาจริงๆ
พูดคุยกันอย่างสุภาพต่ออีกเล็กน้อย นายหน้าเมิ่งก็กล่าวขอบคุณหลี่ฮูหยินที่แนะนำเขาให้รู้จักกับหลินฟู่อิน เมื่องานจบ เขาได้ค่านายหน้าจากทั้งหลินฟู่อินและเจียงฮูหยินกลับมามากกว่าสิบตำลังเงิน ดังนั้นเขาจึงควรกล่าวขอบคุณ
เมื่อนายหน้าเมิ่งตั้งท่าจะกลับ หลินฟู่อินก็หยุดเขาไว้พร้อมบอกว่านางมีของที่อยากจะฝากให้เจียงฮูหยินเป็ของขวัญ
นายหน้าเมิ่งรับคำว่าเขาพร้อมจะช่วย ทั้งยังเป็เื่ดีที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
เมื่อนายหน้าเมิ่งกลับไปแล้ว หลินฟู่อินจึงถามหลี่ฮูหยินว่ายาพร้อมหรือยัง
หลี่ฮูหยินจึงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ข้าดื่มไปแล้ว ส่วนยาภายนอกสามีของข้าเพิ่งบดให้เมื่อคืน ไม่รู้ว่าเพราะมันออกฤทธิ์เร็วหรือเปล่า แต่ตอนนี้ข้าสบายตัวขึ้นมาก!”
ตัวยาภายนอกมีไว้เพื่อลดอาการปวด การที่หลี่ฮูหยินจะสบายตัวขึ้นจึงเป็เื่ธรรมดา นางจึงกล่าว “แม้มันจะค่อนข้างยุ่งยากไปบ้าง แต่ฮูหยินก็ต้องลองใช้ยาชุดนี้เพื่อทำการรักษาและดูผลไปก่อน หากไม่ดีขึ้นหรือไม่ได้ผลอีก ก็หยุดยานะเ้าคะ”
หลี่ฮูหยินดูจริงจังและส่ายหน้าไม่หยุด “ข้าจะคิดอย่างนั้นได้ยังไง? ข้าจะทำตามที่เ้าสั่งเป็อย่างดีแล้วทานยาไม่ขาด! เพราะพูดตรงๆ แล้ว โรคนี้มันเ็ปยิ่งนัก และหมอที่รักษาได้ก็มีน้อยเหลือเกิน การที่ข้าได้พบเ้าจึงถือว่าเป็ลาภอันประเสริฐ แล้วข้าจะไม่ตั้งใจทานยาได้ยังไงอีก?”
หลินฟู่อินให้กำลังใจนางต่อไปอีกพักหนึ่ง เพื่อกล่อมหลี่ฮูหยินว่าโรคนี้มันเป็สิ่งที่รักษาให้หายได้ เพื่อที่จะไม่สร้างภาระให้สภาพจิตใจมากเกินไป หรือที่ต้าเว่ยเรียกกันว่ารู้จักใช้คำหวานนั่นเอง
และหลี่ฮูหยินก็ได้ขอให้หลินฟู่อินเก็บไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนไว้เผื่อพวกนางด้วย เมื่อได้ยินจำนวนแล้วหลินฟู่อินถึงกับประหลาดใจ “ไข่ดอกสนแปดร้อยฟองเลยหรือ?”
หลี่ฮูหยินใช้มือป้องปากแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะปรบมือแล้วกล่าว “ข้าพบว่าไข่ดอกสนนั้นช่วยรักษาอาการร้อนในและปวดฟันได้ดี ร้านยาของพวกข้าน่ะมียารักษาขมๆ อยู่บ้างก็จริง แต่ก็ยังเห็นผลได้ไม่เร็วเท่าไข่ดอกสนเพียงสี่หรือห้าฟอง ราคาหรือก็ถูก เป็ผลให้ไม่ว่าลูกค้าจะเป็คนรวยหรือคนจนก็สามารถเข้าถึงและประหยัดเงินไปได้ไม่น้อย เ้าคิดเห็นยังไงบ้าง?”
หลินฟู่อินเบิกตาเล็กน้อย แล้วจึงคลี่ยิ้มออกมา “เป็ความคิดที่ดีมากเ้าค่ะ มันน่าฟังมากกว่าการบอกให้ไปทานยาขมๆ มากนัก!”
หลี่ฮูหยินอยากให้เหล่าผู้ยากไร้มีชีวิตที่ดีขึ้นบ้าง นางจึงดีใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เมื่อหลี่ฮูหยินเห็นว่าหลินฟู่อินเห็นด้วยกับความคิดของตน นางจึงดีใจจนออกทางสีหน้า “เช่นนั้นก็ถือว่าเป็อันตกลง และไม่ต้องขายให้พวกข้าถูกๆ ก็ได้ ขายด้วยราคาตลาดของเ้าได้เลย”
หลินฟู่อินได้ยินเช่นนั้นก็พลันสั่นไหว ริมฝีปากเม้มเป็รอยยิ้มแล้วกล่าว “ฮูหยินและข้ามิใช่คนอื่นคนไกล ไข่ดอกสนแปดร้อยฟองนี้ข้าจะไม่คิดแพง ข้าคิดฟองละหนึ่งอีแปะเ้าค่ะ”
หลี่ฮูหยินได้ยินก็คิดทันทีว่ามันถูกเกินไป นางจึงเตรียมจะปฏิเสธ แต่หลินฟู่อินชิงกล่าวขึ้นมาก่อน “ฮูหยิน หากข้ามาเปิดร้านยาในเมืองเมื่อใด ข้าก็คงต้องใช้สมุนไพรของท่านเป็จำนวนมากแน่นอน และเมื่อเป็เช่นนั้นข้าก็หวังว่าฮูหยินจะให้ราคาที่เป็มิตรกับข้านะเ้าคะ ดังนั้นแล้วท่านไม่ต้องเกรงใจ!”
หลี่ฮูหยินได้ยินเช่นนี้ก็คลี่ยิ้ม พลางคิดในใจว่าเด็กสาวผู้นี้ช่างร้ายกาจนัก รอดักข้าอยู่ตรงนี้นี่เอง!
ทว่าริมฝีปากกลับกล่าวเพียง “ได้ เช่นนั้นแล้วก็รีบมาเปิดโรงหมอที่ให้ความสำคัญกับการรักษาโรคนรีเวชเสีย!”
หลินฟู่อินได้ยินก็เข้าใจดีว่านี่เป็การสื่อว่าอย่ามาแย่งคนไข้ของตระกูลหลี่ แต่นางก็ไม่คิดจะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว จึงตกปากรับคำไป
หลี่ฮูหยินพอใจมาก จึงพูดคุยอย่างเป็มิตรกับหลินฟู่อินต่อกระทั่งหลินฟู่อินกลับออกมา
วันนี้นางมีความสุขมาก และดวงอาทิตย์ยังคงสูงเสียดฟ้า นางจึงคิดจะไปซื้อสาหร่ายเพื่อไปฉลองโอกาสอันดีของการได้บ้านและร้านมา
ทว่าตลาดผักในต้าเว่ยเปิดแค่ตอนเช้า ตอนเย็นไม่มีร้าน หลินฟู่อินจึงต้องไปร้านที่อยู่ในตลาดอาหารแทน เป็ร้านขายอาหารสำเร็จ ชื่อร้านสวีจีหลิว เพื่อซื้อเนื้อวัวสุกสองจิน ขาหมูตุ๋นสี่ขาและเป็ดตุ๋นอีกสองตัว
เนื้อตุ๋นนั้นแพงมาก ราคากว่าสามสิบอีแปะต่อจินเลยทีเดียว ในขณะที่ขาหมูนั้นสิบอีแปะ
ขาหมูตุ๋นในยุคโบราณมีขนาดใหญ่มาก หนักกว่าสองจินในราคาเพียงสิบอีแปะ เรียกได้ว่าคุ้มมาก
ส่วนเป็ดตุ๋นให้มาเป็ตัว ตัวละห้าจินนิดๆ สองตัวก็สิบจินเศษๆ ขายจินละห้าอีแปะ
เ้าของร้านเองก็เป็งาน เมื่อเห็นว่าหลินฟู่อินซื้อเยอะแล้ว จึงคิดเป็ดให้สิบจินพอดี ลดราคาไปได้เล็กน้อย
ในเมื่อเป็เช่นนี้ แม้แต่หลินฟู่อินก็ยังอายเกินกว่าที่จะต่อราคา
รวมกันทั้งหมดเป็หนึ่งตำลึงเงินและห้าสิบอีแปะ
วันนี้หลินฟู่อินมีความสุขมากจนไม่เสียดายเงินที่ใช้ไปเลยแม้แต่ตำลึงเดียว พลางนับเงินออกมาส่งให้เ้าของร้านจำนวนพอดี
เ้าของร้านใช้กระดาษน้ำมันห่ออาหารให้หลินฟู่อิน แล้วมัดไว้ด้วยเชือก แล้วจึงส่งให้หลินฟู่อินอย่างแข็งขัน
คนที่จ่ายเงินเป็ตำลึงเพื่อซื้ออาหารตุ๋นล้วนเป็คนมีเงินในสายตาของเ้าของร้าน ดังนั้นเ้าของร้านจึงให้ความใส่ใจกับหลินฟู่อินเป็พิเศษ ในตอนที่นางจะกลับออกมาจึงให้รากบัวตุ๋นเป็ของแถมมาด้วย
หลินฟู่อินรับมาด้วยรอยยิ้ม
แล้วนางจึงแบกของไปยังเกวียนเทียมวัวของลุงหลิว ที่กำลังรอลูกค้าที่จะไปหมู่บ้านหูลู่จนกว่าจะเต็มคันเกวียนอยู่เช่นเคย
ระหว่างทางกลับนางได้ยินเสียงจอแจของเหล่าผู้โดยสาร แต่นางก็ยังสบายใจ ตอนนี้นางยอมรับในตัวตนใหม่นี้ได้แล้ว ทั้งยังตกหลุมรักหมู่บ้านกลางเขาอันงดงามนี้เข้าอย่างจัง ชาวบ้านที่เคยถูกชักจูงด้วยข่าวลวงของจ้าวซื่อก็เริ่มลดลงแล้ว ซึ่งคงเป็ผลให้พวกเขาคิดเื่ผิดถูกมากขึ้นในอนาคต เมื่อเป็เช่นนั้น นางก็พร้อมที่จะพาทุกคนเดินเข้าสู่ความมั่งคั่งไปด้วยกัน เพื่อไขว่คว้าชีวิตอันแสนสุขมาไว้ในมือ…