ผมอึ้งไปสักพักกว่าจะรู้สึกตัวขึ้นมาได้ว่าตรงไหนที่ผมััได้ว่ามันดูแปลกๆไป บ้าเอ้ย เ้านึกอยากจะฟื้นก็ฟื้นขึ้นมาอย่างนั้นหรือ! ปกติคนที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาจากการหลับไปนานหลายวันน่าจะร้องเรียกอาจารย์ด้วยเสียงที่แ่เบาและอ่อนแรงไม่ใช่หรือไม่ใช่ว่าหายดีแล้วนะ? แล้วยังเน้นย้ำอย่างน่าโมโหอีกว่า “ข้าฟื้นแล้ว”จากนั้นยังยิ้มขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอีก?
แล้วตรงไหนที่มันน่าขัน? ตาหยีไปหมดแล้ว ผมรู้สึกผวามาก! มักมีความรู้สึกว่าจริงๆ แล้วเขาสามารถมองเห็นทุกอย่างได้ผมว่าเื่นี้อวี๋เคอเขาก็เข้าใจความรู้สึกเช่นกัน...
“ท่านลูกค้าน้ำร้อนต้มเสร็จแล้วขอรับ” สิ่งที่ทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดใจคือเสียงเคาะประตูเบาๆประมาณสองสามครั้ง พร้อมกับเสียงร้องเรียกของข้ารับใช้ในร้าน
“เข้ามาสิแล้ววางน้ำร้อนไว้หลังฉากกั้น”
ผมถอยไปด้านหลังครึ่งก้าวแล้วโบกมือไปมาเพื่อเป็สัญญาณบอกว่าให้อาจิ่วออกไปเที่ยวเล่นก่อนก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงเพื่อพูดกับซ่งฉียวนว่า “ฟื้นแล้วก็ดีข้าให้เ้าของร้านต้มน้ำร้อนมา เ้าไปล้างคราบสกปรกออกจากร่างกายก่อนเถิดอีกครึ่งชั่วยามค่อยกินข้าว”
ซ่งฉียวนพยักหน้างึกงักอย่างแสนจะว่าง่ายแล้วเม้มริมฝีปากไปมาเมื่อผ่านไปสองถึงสามวินาทีจึงเงยหน้ามองผมอย่างประหม่าเล็กน้อย แล้วเอ่ยถามว่า“ท่านอาจารย์ นี่พวกเรากำลังจะไปที่ไหนกันหรือขอรับ?”
ผมนิ่งไปชั่วขณะ รู้สึกว่าเมื่อครู่ตัวเองกังวลมากเกินไปอย่างสิ้นเชิงเขายังเป็เพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น จะไปมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรได้ขณะที่คอยเลี้ยงดูเขาก็ยังต้องมาคอยระแวงเขาอยู่อีก ผมทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน?
“ไปตามหาบัวหิมาลัยสองหัวของภูตหิมะมาให้เ้าเพื่อจะได้เอามารักษาดวงตาของเ้า”
ซ่งฉียวนอึ้งไปครู่หนึ่งขอบตาดูเหมือนจะแดงขึ้นเล็กน้อยน้ำเสียงที่อ่อนเยาว์แหลมเล็กกลับแฝงไว้ด้วยอารมณ์แห่งความเด็ดเดี่ยวอันหาที่เปรียบมิได้“บุญคุณที่อาจารย์มีต่อฉียวน ฉียวนจะจดจำใส่ใจ สักวันหนึ่ง...”
ผมทนฟังคำพูดชวนขนลุกเหล่านี้ไม่ได้เป็ที่สุดจึงรีบตัดบทเขา “เื่ในอนาคตเหล่านี้ไว้ค่อยว่ากันตอนนี้เ้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถิด หากยังชักช้าอยู่ประเดี๋ยวน้ำร้อนจะเย็นเอา”
ซ่งฉียวนพยักหน้าพร้อมกับขอบตาที่แดงก่ำก่อนจะยกแขนขึ้น แล้วโน้มศีรษะลงดมไปมาสีหน้าบนใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็สดใสขึ้นมาทันที แล้วทันใดนั้นสีแดงระเรื่อสองจ้ำก็ปรากฏขึ้นมาบนแก้มเขาพูดอ้ำอึ้งอย่างสุดจะเขินอายว่า “ศิษย์จะไปล้างเดี๋ยวนี้ขอรับ! ”
ขณะที่ซ่งฉียวนกำลังอาบน้ำอยู่หลังฉากกั้นผมก็ให้เศษเงินกับข้ารับใช้ไปอีกจำนวนหนึ่งเพื่อให้เขาไปซื้อเสื้อผ้าเด็กจำนวนหนึ่งมาส่งให้้าเพราะอีกสักพักคงไม่อาจปล่อยให้เ้าเด็กนี่ล่อนจ้อนได้
เมื่อนั่งลงที่ข้างเตียงแล้วนึกถึงสีหน้าของเด็กคนนี้ตอนที่ผมช่วยเปลื้องผ้าแล้วอุ้มเขาลงไปในอ่างเมื่อครู่แล้วก็อยากจะหัวเราะ คิดไม่ถึงเลยว่าซ่งฉียวนผู้เ็าไร้ความปรานีในชาติที่แล้วจะอับอายเสียจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเพราะเื่เล็กๆน้อยๆ แบบนี้ เป็เื่เกินความคาดหมายที่น่าสนใจมาก
ตอนที่ซ่งฉียวนออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จอาหารก็ถูกวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะนานแล้ว มีพร้อมทั้งหน้าตา สีสัน และรสชาติที่ดีผมลูบท้องตัวเองป้อยๆ แม้จะไม่หิวแต่ก็มีความกระวนกระวายที่อยากจะกิน
อาจิ่วอยู่ข้างนอกได้ไม่นานก็บินกลับมาแล้วตอนนี้ตนเองก็ยึดที่นั่งไปแล้วครึ่งโต๊ะแล้วหอบจานเนื้อสองสามจานใหญ่ยัดใส่ปากจนแน่น
“ท่านอาจารย์ใครมาหรือขอรับ? ” เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกมาอาจิ่วที่กำลังยัดอาหารใส่ปากก็ชะงักไปทันทีมือที่กำลังถือถ้วยชาก็ชะงักอยู่กับที่เช่นกัน บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัด
ทำไมประสาทััของเขาถึงได้ว่องไวขนาดนี้? อาจิ่วกินต่ออย่างเอร็ดอร่อย แต่พยายามรักษาสถานการณ์เพื่อไม่ให้เกิดเสียงอย่างสุดความสามารถตามหลักแล้วเด็กคนนี้คงไม่สามารถรับรู้ถึงการปรากฏตัวของเขาได้
ผมมองไปยังอาจิ่วแวบหนึ่งแล้วกระแอมไอสองครั้ง ก่อนจะตอบว่า “กำลังจะบอกเ้าอยู่พอดีว่านกกระจอกิญญาของอาจารย์ตามมา หากต่อไปเมื่ออาจารย์ไม่อยู่ข้างกายเ้า เขาก็จะคอยปกป้องเ้าได้ทันท่วงที”
อาจิ่วถลึงตา ราวกับกำลังพูดว่า“เ้าเรียกข้าว่านกกระจอกิญญาหรือ? เ้าต่างหากที่เป็นกกระจอกิญญาครอบครัวเ้าเป็นกกระจอกิญญากันทั้งบ้าน! ”
ซ่งฉียวนขมวดคิ้ว ทว่าไม่นานก็คลายออกจากนั้นก็เห็นเขาเหน็บผมที่เปียกหมาดและลู่ลงมาไว้หลังใบหูไม่รู้ว่าเป็ภาพลวงตาของผมหรือเปล่า เพราะผมมักจะรู้สึกว่าเสียงของเด็กคนนี้ฟังดูทะเล้นไปหน่อย“ฉียวนไม่ยักรู้ว่าท่านอาจารย์เลี้ยงนกกระจอกิญญาเอาไว้ตัวหนึ่งด้วย”
เ้าเพิ่งจะอยู่กับข้าได้เพียงไม่กี่วันเ้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าข้าเลี้ยงหรือไม่เลี้ยงนก? เ้าพูดแบบนี้มีบางอย่างผิดปกติแล้ว ทว่าในเนื้อเื่เดิมเยี่ยวั่งจือไม่เคยเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอะไรเลยนี่...
“จ๊อก——”
เสียงที่ดังขึ้นอย่างฉับพลันทำลายบรรยากาศลงน้ำเสียงที่คุ้นเคยนี้ทำให้ผมหวนนึกถึงตอนที่ตนเองในร่างมนุษย์เพิ่งออกจากคุกน้ำในชาติที่แล้วและได้แสดงสีหน้าอันน่าสมเพชออกมาต่อหน้าเหล่าผู้ฝึกตนทุกคนเหมือนว่าท้องร้องจะเป็ปัญหาที่ไม่อาจมองข้ามได้มาั้แ่สมัยโบราณ
“มัวยืนอึ้งตรงนั้นอยู่ทำไม?รีบมากินข้าวเถิด”
ซ่งฉียวนได้สติกลับมาใบหน้าแดงก่ำจนมองไม่ออกแล้ว ต่างจากท่าทางทะเล้นเมื่อครู่จนเกือบจะเป็คนละคนก่อนจะคลำหาที่นั่งตรงหน้าโต๊ะ ผมยื่นตะเกียบส่งให้เขาแล้ววางชามกระเบื้องเคลือบที่บรรจุข้าวหอมนุ่มไว้ในมือเขา ขณะที่คีบอาหารให้เขาก็พลางมองดูเขากินด้วยใบหน้าแดงก่ำทั่วหน้าอย่างเบื่อหน่าย
เมินอาจิ่วที่กำลังกินอย่างดุเดือดอยู่ด้านข้างอย่างเง้างอนผมค้นพบว่าใบหน้าเล็กนี้ของซ่งฉียวนที่ผ่านการอาบน้ำแล้วนั้นน่ารักมากทีเดียวดวงตากลมโต หางตาเรียวยาว ขนตาทั้งดำและหนาเมื่อหลุบเปลือกตาลงจึงทำให้เกิดเงาตกกระทบใต้ตา ทั้งๆ ที่หิวมากก็ยังจะทำเป็เคี้ยวอาหารอย่างสงบเสงี่ยมเหนียมอายอยู่อย่างนั้น ราวกับกลัวว่าจะขายหน้าต่อหน้าผมอีก
เมื่อเห็นแล้วผมก็อดยกอาหารของตัวเองทางนี้ขึ้นมาไม่ได้จากนั้นจึงกินอาหารขึ้นชื่อที่ทางร้านส่งมาให้เข้าไป มีความรู้สึกว่ารสชาติดีใช้ได้เลยทีเดียว
ผมกำลังคิดว่าควรเลือกที่จะกินข้าวกับเด็กคนนี้ต่อไปดีไหมนะเพราะผมไม่มีความจำเป็ที่จะต้องเอาแต่ดูดซับแก่นสารแห่งฟ้าดินโดยที่ไม่กินไม่ดื่มเหมือนผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ แต่หลายครั้งการกินก็เป็ความสุขอย่างหนึ่งไม่ใช่หรือ?