ต้วนอวี้เลิกคิ้วขึ้นมองไปยังต้วนอวี้หรานที่รู้สึกแปลกๆ จึงทำท่าว่าไม่ได้ยินที่พี่สาวต่างมารดาพูดกลับพูดกับต้วนชิงิขึ้นว่าอยากไปจากที่นี่แล้วนางจึงแอบหยิกไปที่แขนเขาครั้งหนึ่งต้วนอวี้เห็นสีหน้านิ่งของต้วนชิงิจึงเบะปากแสร้งทำเป็พูดออกไป
“ขอบคุณพี่รองที่เป็ห่วง โชคดีที่พี่ใหญ่มาทันเวลาตอนนี้ข้าไม่เป็อะไรแล้ว”
สีหน้าของหลิวหรงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินคำพูดต้วนอวี้ที่ว่า “พี่ใหญ่มาได้ทันเวลา” นั่นหมายความว่าคนทั้งหมดในจวนมีแค่ต้วนชิงิที่จริงใจและเป็ห่วงเท่านั้น
หลิวหรงรู้สึกแปลกใจที่จู่ๆต้วนอวี้รู้จักวางตัวทั้งยังกล้าพูดมากขึ้น ไม่รู้ว่าใครเป็คนสอน!
ต้วนเจิ้งมองไปยังใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษของบุตรชายพลางถอนหายใจพลันสายตาของเขามองไปยังชายหนุ่มแปลกหน้าที่เปลี่ยนเสื้อผ้ามาใหม่ “เ้าไม่ใช่คนในจวนของข้า” เด็กหนุ่มอายุราวสิบเอ็ดสิบสองหน้าตาสะอาดสะอ้าน บุคลิกดี ดวงตาวาววับเหมือนไข่มุกดำในน้ำใสที่สะท้อนแสงแฝงไปด้วยความรู้สึกที่ตรงไปตรงมาในสายตาเขา
ต้วนเจิ้งมองไปยังสายตาอ่อนโยนของเด็กหนุ่มพลันขึ้นมาข้างหน้าแสดงความเคารพต้วนเจิ้ง พูดอย่างนอบน้อม
“เรียนนายท่าน ข้าน้อยแซ่หลิวชื่อยวน เป็คนจางโจวท่านแม่พาข้าน้อยมาตามหาท่านพ่อที่เมืองหลวง อาศัยอยู่ที่จวนของแม่จ้าววันนี้มาที่จวนทันเห็นคุณชายตกลงไปในน้ำพอดีจึงรีบเข้าไปช่วย”
คำพูดที่ตรงไปตรงมาของหลิวยวนเพียงไม่กี่คำได้บอกเล่าที่มาที่ไปของเขาอย่างชัดเจนต้วนเจิ้งได้ฟังก็พยักหน้าถามเกี่ยวกับบ้านเกิดของหลิวยวนจนได้รู้ว่าหลิวยวนนั้นอายุยังน้อยแต่กลับสอบได้เซียงซื่อ[1]ทำให้ต้วนเจิ้งมองด้วยสายตาที่ประหลาดใจ
“คนข้างกายของลูกชายข้าขาดซูถง[2]พอดีไม่รู้ว่าเ้าจะลดเกียรติมาเป็ให้ได้หรือไม่?”
ตามหลักแล้วซิ่วฉาย[3]ตัวเล็กๆไม่จำเป็ต้องให้ต้วนเจิ้งลดเกียรติที่สูงส่งมาขอร้องเช่นนี้แต่ต้วนเจิ้งถูกตาถูกใจจึงถามไปไม่น้อยและถือโอกาสนี้ในการสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่ายด้วย
ซูถงในจวนท่านแม่ทัพฟังดูแล้วช่างน่าเกรงขามไม่เบาถ้าเป็คนปกติคงตกปากรับคำไปแล้ว ทว่าหลิวยวนพูดออกมาเบาๆ อย่างสุภาพอ่อนน้อม
“ข้าน้อยความรู้ยังน้อย มิกล้ารับความปรารถนาดีของท่านแม่ทัพเื่นี้ข้าน้อยควรจะปรึกษาท่านพ่อและท่านแม่ก่อนจึงจะตัดสินใจได้กระทั่งตอนนี้ข้าน้อยยังต้องอาศัยคนอื่นอยู่ทำได้เพียงตอบรับเป็ซูถงให้กับคุณชายได้ชั่วคราวโปรดรอให้ข้าน้อยเขียนจดหมายไปสอบถามท่านแม่ หากท่านแม่อนุญาตจึงสามารถตอบกลับท่านแม่ทัพได้ขอรับ”
เมื่อต้วนเจิ้งได้ฟังรู้สึกดีใจยิ่งนักจึงผายมือออกพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ช่างเป็เด็กหนุ่มที่กตัญญูอะไรเช่นนี้ หากเ้ามาอยู่ในจวนข้าข้าจะให้คนนำจดหมายไปส่งให้แม่เ้า ข้าให้เ้าตัดสินใจ เช่นนี้ดีหรือไม่เล่า?”
คนข้างกายของบุตรชายมีแต่พวกไม่รู้เื่ทำให้ต้วนเจิ้งปวดหัวไม่น้อย ทว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ดูแล้วไม่ธรรมดาถ้าเอามาไว้ข้างกายต้วนอวี้จะดีแค่ไหนกัน
ทั้งชีวิตต้วนเจิ้งดูคนมานับไม่ถ้วนแค่มองพริบตาเดียวก็รู้ว่าวันข้างหน้าเด็กหนุ่มคนนี้จะต้องอนาคตไกลเมื่อก่อนเขาอยู่ด้านนอกหลายปีเื่ในจวนจึงไม่ค่อยได้ใส่ใจ แต่วันนี้เมื่อเห็นต้วนอวี้บุตรชายของจวนมีนิสัยเช่นนี้ในใจช่างไม่มีความสุขเอาเสียเลย
หลิวยวนคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบรับไปจากนั้นหันหน้าไปแสดงความเคารพต้วนอวี้ก่อนจะขอตัวกลับตามต้วนอวี้และแม่นมหนิง
หลิวหลงอยากห้ามแต่ไม่ทันเสียแล้วได้แต่จ้องหลิวยวนเขม็งอยากจะฉีกเขาออกเป็ชิ้นๆนางอยากให้คนของนางมาอยู่ข้างกายต้วนอวี้ แต่ตอนนี้มีคนนอกเข้ามาแทนหากนางอยากจะสอนสิ่งที่ไม่ดีให้ต้วนอวี้เล่า คงยากขึ้นไปอีก!
ทางด้านหลิวหรงส่งสายตาไปให้แม่นมสั่งให้คนรีบไปสืบประวัติหลิวยวนมา หากเป็คนที่อีกฝ่ายตั้งใจให้มา เช่นนั้นก็...
ตอนที่ต้วนเจิ้งเริ่มถามหลิวยวน ต้วนชิงิเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจนหลิวยวนจากไปนางจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ
หลิวยวนคนนี้เป็คนที่ต้วนชิงิตั้งใจเตรียมการไว้เพราะแผนนี้เป็เื่ของชาติที่แล้ว ที่นางได้ยินเื่ของหลิวยวน
หลิวยวนที่จริงเป็ลูกชายของเสนาบดีฝ่ายขวาหลิวจื๋อเป็คนที่ใสสะอาด และได้รับความนับถือจากผู้คน แต่น่าเสียดายที่มีเพียงบุตรสาว
ชาติที่แล้วหลิวยวนก็มาตามหาพ่อได้พบเจอเื่ราวและได้รับการช่วยเหลือเช่นเดียวกันนี้หลิวจื๋อจำคนช่วยคนในครอบครัวของเขาตลอด เขาไม่เพียงแต่รับบุตรชายเข้ามาในจวนเสนาบดีหลายปีหลังจากนั้นได้ช่วยครอบครัวนั้นตลอดมาเรียกได้ว่าเป็แบบอย่างที่ดีในการรู้ที่จักตอบแทนคนที่มีบุญคุณ
หลิวจื๋อมองบุตรชายที่พลัดพรากเหมือนเป็ของล้ำค่าบุตรชายเขาก็เป็คนใจสู้ อายุไม่ถึงยี่สิบก็สามารถเป็ถึงขุนนางระดับห้าในบรรดาชายหนุ่มรุ่นเดียวกันเรียกได้ว่าเขาทั้งฉลาดหลักแหลมทั้งน่าทึ่ง
เมื่อชาติที่แล้วต้วนชิงิเคยได้ยินเื่นี้โดยบังเอิญดังนั้นในชาตินี้นางจึงให้แม่นมหนิงไปรอเขาที่ประตูเมืองใช้ชื่อของนางในการช่วยพาเขาไปที่พักของแม่นมหลิวซึ่งเป็บ่าวใช้สูงอายุที่เฝ้าประตูนางเคยได้รับความเมตตาจากติงโหรว มองจากภายนอกดูท่าภักดีต่อหลิวหรง ทว่าจริงๆแล้วกลับเป็คนส่งข่าวให้แม่นมหนิง
หากต้วนชิงิจำไม่ผิดอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าหลิวยวนจะพบหลิวจื๋อโดยบังเอิญจากนั้นจะย้ายเข้าไปจวนเสนาบดีหลังจากนั้นครึ่งปีจะเป็ขุนนางหนุ่มที่มีชื่อเสียงอย่างมาก
ต้วนชิงิจึงสร้าง ‘ความบังเอิญ’ ให้เกิดขึ้นหลิวยวนเป็คนที่รู้จักบุญคุณคน ซึ่งจะเป็ผลดีต่อจวนท่านแม่ทัพและต้วนอวี้ในการเริ่มต้น!
ในตอนนี้ต้วนเจิ้งให้คนไปส่งจดหมายที่จางโจวนำของชั้นดีไปมอบให้ฮูหยินหลิว ฮูหยินได้รับจดหมายจึงรีบตอบกลับทันที นางเห็นด้วยที่หลิวยวนจะอยู่ในจวนท่านแม่ทัพเพื่อเป็ซูถงให้กับต้วนอวี้ใน่เวลาหนึ่ง
แน่นอนว่าเื่ทั้งหมดนี้เป็สิ่งที่เกิดขึ้นภายหลัง
เมื่อหลิวหรงกลับไปถึงเรือนก็ขว้างปาสิ่งของก่นด่าอย่างโกรธแค้น
แม่นมได้แต่ยืนรออยู่ด้านนอกให้หลิวหรงได้ระบายความโกรธออกมาจนหมดถึงกล้าเดินเข้าไปเมื่อเห็นท่าทางหลิวหรงที่กำลังโกรธอยู่ แม่นมจึงได้เขาไปกระซิบเบาๆ
“ ฮูหยิน คุณชายนี่... ”
การแสดงออกของคุณชายผิดปกติทั้งยังฉลาดอยู่บ้าง ดูท่าแล้วน่าจะมีคนคอยสอนมานาน แต่ว่าเป็ใครสอนกันนั้นคนที่อยู่ในที่นั้นนอกจากแม่นมหนิงก็ไม่น่าเป็คนอื่นได้แม่นมคนนี้ช่างเป็หนามยอกอกเสียจริงครั้งที่แล้วโดนต้วนชิงิเล่นงานมาแล้วรอบหนึ่ง ซ้ำตอนนี้ก็ยังโดนอีกรอบ!
หลิวหรงกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ
“น่าโมโหที่ครั้งนี้คนข้างกายต้วนอวี้ของพวกเราถูกกำจัดออกไปหมดแล้ว!”
คนข้างกายต้วนอวี้และแม่นมเถียนต่างเป็คนที่หลิวหรง ‘คัดสรรมาเป็พิเศษ’ เรียกได้ว่าเื่ที่ไม่ดีต่างสอนให้กับต้วนอวี้เพื่อให้เขาตีตัวออกหากจากต้วนเจิ้งและต้วนชิงิคาดไม่ถึงว่าการแสดงออกของต้วนอวี้ในวันนี้กลับเกินความคาดหมายของหลิวหรงเป็อย่างมาก
หรือว่ามีคนตั้งใจทำให้เป็เช่นนี้?
แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้หลิวหรงโกรธที่สุดก็คือตอนที่ต้วนชิงิขอรับโทษจากต้วนเจิ้งทำให้ผู้เป็สามีรู้ว่าบ่าวใช้ข้างกายนางมีแต่ดีๆเมื่อต้วนเจิ้งเห็นบ่าวใช้ที่น้อยของต้วนชิงิรวมถึงการพูดกระทบเปรียบเปรยอยู่ข้างๆจึงตัดสินใจซื้อบ่าวใช้ชายหญิงโดยให้ต้วนชิงิ และต้วนอวี้เป็คนเลือกได้เองทำให้แผนที่หลิวหรงตั้งใจจะเอาคนของตนผสมลงไปนั้น พังไม่เป็ท่า!
ยิ่งไปกว่านั้นบ่าวใช้ข้างกายของต้วนอวี้หรานก็มากกว่าต้วนชิงิทำให้นางค้านอะไรไม่ได้หากต้วนชิงิเป็คนคัดบ่าวใช้เองก็ไม่น่าจะมีวิธีเอาคนของนางผสมไปด้วยแน่นอน
ทว่าหลิวหรงหัวเราะอย่างเ็าต้วนชิงิ... เ้าดูถูกข้าเกินไปแล้ว!
เมื่อออกมาจากห้องโถงต้วนชิงิมองมายังแม่นมหนิง
“ แม่นม เ้าทำให้หลายชายของเ้าและเด็กที่เป็ญาติห่างๆของเ้ามาจนได้”
การออกไปทำธุระในครั้งนี้ของแม่นมหนิงไม่เพียงแต่จะแคล้วคลาดจากอันตรายยังสามารถช่วยหลิวยวนไว้ด้วย เป็การช่วยเสาะหาผู้ช่วยสองคนให้กับต้วนอวี้
…...
[1]เซียงซื่อ คือ การสอบจอหยวนประเภทหนึ่งที่ผู้สอบได้ที่หนึ่งของเมืองหรือมณฑล
[2]ซูถง คือ บ่าวที่คอยรับใช้นายและเป็เพื่อนช่วยในการเรียน
[3]ซิ่วฉาย คือ คนที่สอบผ่านจอหงวนด่านแรก