บรรยากาศการไปเยี่ยมไข้ไม่ค่อยรื่นรมย์นัก แต่ท้ายที่สุดก็มิได้เกิดเื่ราวใหญ่โต ในใจของเฉียวเยว่ดุจคันฉ่องใสกระจ่าง บิดามารดากลัวที่จะต้องเชื่อมสัมพันธ์ด้วยการแต่งงานกับจวนแม่ทัพิ่ นางล่วงรู้ความลับยิ่งใหญ่ข้อนี้ั้แ่ยังเป็ทารก
แน่นอนว่าในสายตาของบิดาและมารดา นางยังไม่รู้อะไรทั้งสิ้น
จวนแม่ทัพิ่สุดแสนจะวังเวง บรรยากาศเย็นะเืชวนให้คนรู้สึกไม่สบายตัว มิน่าิ่จื้อรุ่ยจึงมีอุปนิสัยเยี่ยงนั้น หากนางมาอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ก็คงถูกหล่อหลอมให้กลายเป็คนเ็าแข็งกระด้างเหมือนกัน
รถม้าขากลับเสียงดังกุบกับๆ เฉียวเยว่ซบอยู่บนตัวไท่ไท่สาม "ท่านแม่ เหตุใดท่านถึงตัวสั่น?"
นางััได้ถึงความกลัวของมารดา
ไท่ไท่สามพยายามฝืนยิ้ม เอ่ยเสียงเบา "เ้ายังเด็ก จะรู้อันใด"
เฉียวเยว่ย่อมรู้ นางใช้มืออวบน้อยๆ ตบปลอบมารดา "ท่านแม่อย่ากังวลเลย ข้าไม่ใช่เด็กดี ท่านย่าิ่ไม่ชอบข้าหรอก"
ไท่ไท่สามมองบุตรสาวอย่างตกตะลึง หลังจากนั้นก็ตอบเสียงเบา "เ้ารู้ก็ดี เพียงแต่... ห้ามพูดส่งเดชเป็อันขาด"
เฉียวเยว่ตอบอื้อ แสดงว่าไม่มีปัญหา
แล้วก็เป็ดังคาด ทันทีที่กลับมาถึงจวน เฉียวเยว่ก็ถูกฮูหยินผู้เฒ่าเรียกให้ไปพบ เฉียวเยว่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง "ท่านแม่ไม่ต้องตามข้าไปหรอก ท่านย่าเห็นท่านตอนนี้คงจะอารมณ์ไม่ดีแน่นอน"
ไท่ไท่สามยิ่งรู้สึกว่าบุตรสาวของตนเองฉลาดหลักแหลมเกินไป
เฉียวเยว่พาอวิ๋นเอ๋อร์เดินต้วมเตี้ยมไปถึงเรือนหลัก ท่าทางอารมณ์ดีไม่เลว
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นนางมา ก็ดึงหลานสาวไปกอดปลอบประโลมด้วยความรักใคร่เอ็นดู
เฉียวเยว่รู้สึกว่าท่านย่าเหมือนจะเป็โรค "จวนิ่ซินโดรม"
"วันนี้มีใครสร้างความลำบากใจให้เ้าหรือไม่?" ฮูหยินพิจารณาเฉียวเยว่อย่างระมัดระวัง พลางเอ่ยถาม
เฉียวเยว่คิดแล้วส่ายหน้า "ท่านย่า พวกเราแค่ไปเยี่ยมพี่จื้อรุ่ย ไม่มีอะไรใหญ่โต ท่านอย่าเก็บไปใส่ใจเลยเ้าค่ะ"
นางเดินวนไปมา "ท่านย่า ข้าคิดว่าบ้านของพวกเราดีกว่าพวกเขา"
ฮูหยินผู้เฒ่าถามด้วยรอยยิ้ม "เพราะเหตุใด?"
เฉียวเยว่นึกแล้วก็ตอบอย่างจริงจัง "ข้าไม่ชอบความเงียบเหงาวังเวงในจวนสกุลิ่ ข้ารู้สึกว่าพี่จื้อรุ่ยน่าสงสารยิ่งนัก มิน่าเขาถึงมีท่าทางแปลกๆ ทั้งวัน หากข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น ข้าคงอึดอัดใจตาย"
ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นเสียงเยาะ เอ่ยว่า "ตอนนางยังสาวก็เข้มงวดไปเสียทุกเื่ ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน"
พอเฉียวเยว่ได้ยินก็รู้สึกว่าคำกล่าวนี้มีความนัยแฝงอยู่
ขณะเงี่ยหูอยากฟังต่อ ฮูหยินผู้เฒ่ากลับไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น
เฉียวเยว่รู้สึกว่าท่านย่ากับฮูหยินผู้เฒ่าิ่ตอนสาวๆ น่าจะไม่ค่อยถูกกันหรือเปล่า?
"เฉียวเยว่ชอบความสนุกสนานครึกครื้นใช่หรือไม่?" ฮูหยินผู้เฒ่าถาม
เฉียวเยว่รีบพยักหน้า "ข้าชอบความครึกครื้นอยู่แล้วเ้าค่ะ"
ฮูหยินผู้เฒ่าทอยิ้มน้อยๆ "เช่นนั้นอีกสองสามวัน ย่าจะจัดงานเลี้ยงเชิญแขก เฉียวเยว่มาช่วยย่าดูคนดีหรือไม่?"
"ข้าทำได้หรือ?" เฉียวเยว่ถาม
น่าประหลาดใจอยู่นะ
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า "ได้สิ เฉียวเยว่กับฉีอันเฉลียวฉลาดทั้งคู่ ย่าวางใจมาก"
เฉียวเยว่มองฮูหยินผู้เฒ่าอย่างเคลือบแคลง ก่อนจะเอ่ยถามว่า "ท่านย่าอยากให้พวกเราทำสิ่งใดหรือ?"
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะ "ช่างเป็เด็กหัวไวอย่างว่าจริงๆ"
ฮูหยินผู้เฒ่าอุ้มนางขึ้นมานั่งตัก แล้วกล่าวว่า "เ้าช่วยย่าสังเกตคนหนุ่มสองสามคน ดูว่าเขามีอุปนิสัยส่วนตัวอย่างไร เช่นนี้ได้หรือไม่?"
เฉียวเยว่ยิ้มอย่างมีเลศนัย "อ๋า ข้าเข้าใจแล้ว ท่านย่าคิดหาคู่ครองที่ดีให้เหล่าพี่สาวใช่หรือไม่?"
ฮูหยินผู้เฒ่าตบก้นน้อยๆ ของนางทีหนึ่ง "แม่หนูตัวกลมอย่างเ้าไยถึงรู้ไปเสียทุกเื่ ไปเลียนแบบใครมา?"
เฉียวเยว่ยืดอก "ข้าเฉลียวฉลาดที่สุด แค่ใช้สมองนิดเดียวก็คิดได้แล้ว"
ฮูหยินผู้เฒ่าอับจนถ้อยคำอยู่บ้าง "เ้าอย่าไปพูดออกไปเป็อันขาด เข้าใจหรือไม่?"
เฉียวเยว่หัวเราะเยาะ
ฮูหยินผู้เฒ่าถลึงตาใส่นาง
เฉียวเยว่ชูมือขึ้นทันควัน "พวกท่านล้วนน่าแปลก ท่านแม่เพิ่งเตือนข้าตอนอยู่ในรถม้าว่าอย่าพูดออกไป ท่านย่าก็มาพูดเช่นนี้อีก พวกท่านเห็นว่าข้าปากสว่าง เชื่อถือไม่ได้ ใช่หรือไม่?"
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า "ใช่"
"ท่านย่ารังแกข้า!" เฉียวเยว่เอ่ยทันควัน
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะ เลียบเคียงถามลอยๆ "มารดาเ้าไม่อนุญาตให้เ้าพูดอันใด?"
เฉียวเยว่ทำท่าปิดปาก "ข้าไม่พูด"
ฮูหยินผู้เฒ่าแสร้งโมโห "นี่เ้าเห็นย่าเป็คนนอกหรือ เ้าบอกย่าคนเดียว อย่าให้คนอื่นรู้สิ ต่อไปย่าจะไม่ถามเื่อื่นอีก แต่เื่นี้เ้าต้องบอกย่าดีหรือไม่?"
เฉียวเยว่ลังใจอย่างมาก
ฮูหยินผู้เฒ่า "เฉียวเยว่ไม่เชื่อใจย่าหรือ"
เฉียวเยว่เกาศีรษะ เข้ามากระซิบข้างหูฮูหยินผู้เฒ่า "ท่านแม่อยากให้ข้าทำตัวซุกซน ท่านย่าสกุลิ่จะได้ไม่ชอบข้า แต่นางไม่ให้ข้าบอกผู้อื่น"
พอถ้อยคำนี้กล่าวออกมา ดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่าพลันหรี่ลงเล็กน้อย หลังจากนั้นก็เอ่ยว่า "ถึงอย่างไรมารดาเ้าก็เป็คนรู้ความเสมอ"
เฉียวเยว่ทำสีหน้าข้าไม่เข้าใจ
ฮูหยินผู้เฒ่าอมยิ้ม "เื่นี้ เ้าอย่าเอาไปบอกผู้อื่น เย็นนี้ย่าทำของอร่อย เ้าจะมาชิมหรือไม่"
เฉียวเยว่สดชื่นทันควัน "มาเ้าค่ะ"
สิ้นคำกล่าว หญิงรับใช้คนสนิทของฮูหยินผู้เฒ่าก็เดินเข้าประตูมารายงานเสียงเบา "ฮูหยิน จวนแม่ทัพิ่ส่งขนมมาเ้าค่ะ บอกว่าให้คุณหนูเจ็ด"
ฮูหยินผู้เฒ่าเลิกคิ้ว "แค่ของกิน?"
หญิงรับใช้ตอบ "เ้าค่ะ ไม่มีอย่างอื่น"
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้ม "เมื่อเป็ของกินก็รับไว้ เฉียวเยว่ของพวกเราต้องกินให้อ้วนหน่อยถึงจะน่ารัก"
เฉียวเยว่ยิ้มไปถึงดวงตา "ถูกต้อง ถูกต้อง กินมากหน่อยถึงจะตัวสูง ข้าชอบหญิงงามสูงเพรียว ข้าก็อยากตัวสูงๆ เหมือนกัน"
ชาติก่อนนางสูงแค่เมตรหกสิบ จึงมักอิจฉาสาวสวยที่สูงเมตรเจ็ดสิบขึ้นไปอย่างมาก
ไม่รู้ว่าถ้าสูงขึ้นอีกหน่อย อากาศที่หายใจจะดีขึ้นแค่ไหน
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มแสร้งดุ "เ้ารู้จักหญิงงามสูงเพรียวด้วยหรือ"
เฉียวเยว่ "ข้าย่อมรู้"
"ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านต้องจัดการให้ข้าด้วย..."
ขณะสองย่าหลานกำลังคุยกันอยู่ดีๆ ก็มีเสียงแว่วมาจากด้านนอก
อย่าว่ากระไรเลย ท่านลุงกับท่านป้าสะใภ้รองช่างเป็คู่สร้างคู่สมกันแท้ๆ ล้วนแต่มีนิสัยชอบตีโพยตีพาย ราวกับกลัวคนไม่รู้ว่าตนเองได้รับความไม่เป็ธรรม
ฮูหยินผู้เฒ่ามองไปที่ประตูด้วยสายตาคมกริบ หญิงรับใช้ข้างกายเดินไปที่ประตูทันที ไม่ช้าฮูหยินรองก็ถูกพาเข้ามาด้วยน้ำตานองหน้า นางเห็นเฉียวเยว่ ก็เกิดความไม่พอใจขึ้นมา
บุตรสาวของพวกเขามีตรงไหนไม่ดี
ท่านแม่ถึงรักแต่เด็กน้อยคนนี้ มีแต่เนื้ออ้วนกลมทั้งตัว ไม่เห็นจะมีความงดงามเยี่ยงสตรีแม้แต่กระผีกเดียว
เื่นี้ไม่อาจกล่าวอ้างว่าอายุยังน้อย หรงเยว่ของพวกเขาอายุยังน้อยก็มีเค้าหญิงงามปรากฏออกมาแล้ว
คู่ควรกับสี่คำที่ว่า งดงามเฉิดฉัน
สายตาเดียดฉันท์ของไท่ไท่รอง ฮูหยินผู้เฒ่าไหนเลยจะมองไม่ออก จึงเอ่ยด้วยสีหน้าเ็า "เ้ามีเื่อันใดอีกแล้วล่ะ"
ดูไม่มีสง่าราศีสักนิด มาแบบนี้ต้องมีเื่แน่นอน
คดีความมีไม่จบไม่สิ้น เ้ารองเป็คนไม่ได้ความ หมกมุ่นเื่สตรีมากเกินไป นึกดูแล้วก็น่าจะเป็เื่นี้อีกแล้วกระมัง
"ท่านแม่ ท่านยังไม่ทราบ ข้าพบว่าท่านพี่แอบซุกภรรยาเก็บไว้ที่ตรอกเยียนฮวา ท่านว่าเื่นี้สมควรแล้วหรือ ในบ้านข้ายกอนุภรรยามาบำรุงบำเรอเขาคนแล้วคนเล่า เขาเคยพูดอะไรบ้างไหม อยู่ดีๆ ก็ไปเลี้ยงคนไว้นอกบ้าน ไม่รู้ว่าเป็หญิงแพศยากีบเท้าเล็กจากที่ไหน คงจะเป็สตรีที่ไม่อาจเชิดหน้าชูตาได้กระมัง ท่านแม่ต้องจัดการให้ข้านะเ้าคะ"
ไท่ไท่รองไม่สนใจว่ามีเด็กอยู่ด้วย มาถึงก็พร่ำพรรณนาไม่จบไม่สิ้น
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นเช่นนี้ก็ตวาดใส่ "หุบปาก"
ไท่ไท่รองตะลึงงัน
ฮูหยินผู้เฒ่าชี้หน้าตำหนินางว่า "เ้ารองทำตัวเหลวไหล แล้วเ้าล่ะเป็สตรีรู้ความที่ไหน? ในห้องยังมีเด็กอยู่ เ้ายังมาพูดเื่พรรค์นี้ต่อหน้านาง กฎเกณฑ์มารยาทที่ร่ำเรียนมาหลายปีดูท่าคงสูญเปล่าหมดสินะ"
ไท่ไท่รองยิ่งฟูมฟายหนักขึ้น "ท่านแม่ปรักปรำข้า ข้าไหนเลย..."
ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งหญิงรับใช้ "เ้าอุ้มคุณหนูเจ็ดกลับเรือนไปพักผ่อน"
พอเห็นเฉียวเยว่ถูกอุ้มออกไปแล้ว ก็เอ่ยปากอย่างโกรธกริ้ว "เ้าอย่านึกว่าข้าแก่แล้วจะเลอะเลือน ลูกไม้เล็กๆ ของเ้าเ่าั้ข้าล้วนเห็นแจ่มแจ้ง เ้ามักพูดว่าข้าไม่ชอบเ้า มักตัดพ้อว่าตนเองไม่มีส่วนไหนที่จะให้ผู้อื่นชมชอบสักนิดเลยหรือ จิตใจคับแคบชั่วร้ายเยี่ยงนี้เ้ารองทนอยู่ด้วยก็ไม่ง่ายแล้ว ตัวเป็ผู้ใหญ่แต่นิสัยเหมือนเด็กจริงๆ"
"ท่านแม่ ข้าเปล่านะเ้าคะ ข้าเพียงบันดาลโทสะไปหน่อย ข้ามิได้ตั้งใจ ท่านอย่ากล่าวหาข้าเช่นนี้" ไท่ไท่รองร้องไห้พลางโต้เถียง "ท่านแม่ ได้ยินว่าท่านพี่ไปขอยืมเงินซานหลางเพื่อไปเลี้ยงนางแพศยาผู้นั้น ท่านว่าเขามีเจตนาดีนักหรือ เขาไม่ชอบพี่สะใภ้รองอย่างข้าถึงทำเช่นนี้ ข้ามองเขาผิดไปจริงๆ คิดว่าเขาเป็คนมีคุณธรรมสูงส่ง แต่เขาทำเช่นนี้ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก การยุแยงให้พวกเราสองสามีภรรยาแตกคอกัน มีประโยชน์อันใดต่อเขา?"
"ข้ารู้นิสัยของซานหลางดี เขาไม่มีทางทำเช่นนี้เด็ดขาด จะฟังความข้างเดียวจากเ้าไม่ได้"
"ท่านแม่ก็ให้ท้ายเขาตลอด" ไท่ไท่รองผรุสวาทอย่างโกรธจัด
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นนางก้าวร้าวเยี่ยงนั้น ในใจไหนเลยจะไม่รู้เล่ห์เหลี่ยมของนาง "ตบปากนางให้ข้า ข้าจะให้เ้ารู้ว่าสิ่งใดควรพูด สิ่งใดไม่ควรพูด"
หญิงรับใช้อีกคนเข้ามาตบปากนางหนึ่งที
ไท่ไท่รองถูกตบล้มพับไปกับพื้น
"นี่คือการสั่งสอนให้เ้ารู้ ไม่ใช่ทุกเื่ที่เ้าจะสามารถพูดส่งเดชได้ตามอำเภอใจ"
ไท่ไท่รองร้องไห้สะอึกสะอื้น ในใจโกรธเป็ไฟ รู้สึกแต่ว่าคนบ้านนี้ช่างเลวร้ายเหลือเกิน
"อย่าคิดน้อยใจว่าไม่เป็ธรรม เ้าสมควรถูกตบแล้ว ส่วนเ้ารอง ไปตามบุตรสารเลวนั่นมา" ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย "ข้าไม่เคยมีใจลำเอียงต่อบุตรของตนเอง แต่พวกเ้าไม่มีใครดีสักคน ส่วนเ้าสาม ก็ไปตามเขามาด้วย ข้าจะดูว่าเ้าสามจะอธิบายอย่างไร หากเ้าปรักปรำเขา ข้าผู้เป็มารดาจะไม่ยอมให้เ้าทำลายชื่อเสียงดีงามของเขาเป็อันขาด"
"ท่านแม่ถามดูได้เลย หากมิใช่เขาให้ยืม เอ้อหลางจะเอาเงินจากไหนไปเลี้ยงอนุ?"
"เ้าไม่ต้องพูด ข้าย่อมถามเป็ แต่เก็บความคิดอุบาทว์เ่าั้ของเ้าไปให้หมด อย่านึกว่าเทพไม่รู้ผีไม่เห็น หากเ้าทำสิ่งใดไม่เหมาะสมแม้แต่เสี้ยวเดียว ข้าก็ไม่ถือสาที่จะเปลี่ยนภรรยาที่เหมาะสมให้เ้ารองใหม่"
ไท่ไท่รองเงยหน้าขึ้นอย่างคาดไม่ถึง หลังจากนั้นก็ร้องไห้โฮ "ท่านแม่ ท่านปรักปรำข้า"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้