สายตาของโม่ช่างหว่านมองไปยังเสื้อผ้าของนางโดยเฉพาะสุดท้ายจึงพยักหน้า กัดฟัน “เ้านี่ร้ายจริง สองร้อยก็สองร้อย”
ตอนที่จ่ายเงินไปให้เฉินเนี้ยนหรานรู้สึกขัดเขินอยู่เล็กน้อย
เงินก่อนหน้านี้ของนางให้หนิงเซียงถือเอาไว้แม่นั่นบอกจะไปก็ไป ตอนนี้บนตัวของนางมีเงินไม่ถึงหนึ่งร้อยตำลึงเลย
สองร้อยตำลึงก็ไม่มีให้หรอก
“อะแฮ่มท่านวีรบุรุษ ขอโทษจริงๆ นะเ้าคะ ตอนนี้…มีอยู่เท่านี้ ลูกชายไม่สบายจะต้องเชิญท่านหมอมาพวกเราผู้ใหญ่ห้าเด็กหนึ่งยังต้องใช้เงิน ดังนั้น…ข้าคงทำได้แค่ขอแปะหนี้เอาไว้ก่อนเ้าค่ะ!”
“พรืด…”จินจื่อถึงหัวเราะออกมา ก่อนจะส่งนิ้วโป้งไปให้เฉินเนี้ยนหรานท่านพี่ร้ายพอตัวเลยนะ เจรจาตัดราคาไปก็นาน สุดท้ายกลับขอติดหนี้!
โม่ช่างหว่านที่อยู่ตรงข้ามคิดไม่ถึงว่าจะเจอจุดจบเช่นนี้เขายังนั่งคำนวณอยู่สักครู่ สุดท้ายจึงเอ่ยเจรจาออกมาอย่างจริงจังอีกครั้ง
“ดอกเบี้ยร้อยละห้า!”
“ไม่ได้ดอกเบี้ยสูงเกินไป เ้าไม่ใช่คนที่จะให้ปล่อยกู้ด้วยดอกเบี้ยสูง คิดราคาตามตลาดร้อยละหนึ่ง”
“ร้อยละสามจะน้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว” โม่ช่างหว่านตัดใจลดราคาให้
นางเลี้ยงลูกไม่ไหว
จินจื่อมองไปที่เขาอย่างเห็นใจคุณชายคนนี้ คาดว่าจะถูกพี่สาวบุญธรรมของตนตัดราคาจนหมดคำจะพูดแล้วสินะ
“ร้อยละหนึ่งจุดห้าจะเพิ่มขึ้นไม่ได้แล้ว หากเพิ่มมากกว่านี้ข้าเลี้ยงลูกชายไม่ไหวแล้ว”เฉินเนี้ยนหรานกัดฟันด้วยท่าทางเ็ป
จินจื่ออยากจะทุบพื้นท่านพี่นี่ร้ายเกินไป ร้ายเกินไปจริงๆ ดอกเบี้ยร้อยละหนึ่งจุดห้าก็ยังคิดออกมาได้ยังมีเลี้ยงลูกชายอีก
เมื่อถูกสายตาดุของเฉินเนี้ยนหรานกวาดมองไปจินจื่อถึงได้เก็บอาการเข้ามา
ได้ตัวเขาก็ถือว่าเป็ลูกชายที่กำลังโตนี่นะ ถือว่าอยู่ในระดับเดียวกับลูกชายของพี่สาวที่อยู่ใน่วัยกำลังโต
ก็ได้จินจื่อรู้สึกว่าไม่ได้เื่อะไร จึงหมุนตัวเดินออกไป ไปเอาปากกากระดาษของเ้าของโรงเตี๊ยมด้านล่างจึงเป็สิ่งที่ถูกต้อง
สุดท้ายตอนที่เฉินเนี้ยนหรานจับปากกากลับเขินอายที่จะใช้ลายมือไก่เขี่ยเขียนอีกครั้งหลังจากเขียนยอดหนี้สองร้อยตำลึง ดอกเบี้ยร้อยละหนึ่งจุดห้ามาคำนวณหนี้แล้ว
เื่ราวช่วยชีวิตในโรงเตี๊ยมนี้ถือว่าถึงจุดจบแล้ว
***
“เขาช่วยชีวิตข้า”
หลังจากโม่ช่างหว่านจากไปแล้วเฉินเนี้ยนหรานก็พูดความจริงนี้ออกมาเบาๆ
“แต่ว่าท่านพี่เขาช่วยท่านแล้วยังมาคิดเงินท่าน คนผู้นี้ไม่มีมนุษยธรรมเลย” ลิ่วจื่อโกรธมาก
เฉินเนี้ยนหรานส่ายหน้ามองเขาด้วยความนัยลึกซึ้ง
“ลิ่วจื่อบุรุษที่เรียกตนเองว่าโม่ช่างหว่าน เป็วีรบุรุษจริงๆ ”
“เหตุใดหรือขอรับ?”
ลิ่วจื่อกับจินจื่อรวมถึงแม่นมและสาวใช้สีไม่เข้าใจ ตามองแล้วถามนางด้วยความสงสัย
“เพราะเอาเงินมาใช้หนี้ไม่ถือว่าเป็หนี้ใหญ่มากนัก บนโลกใบนี้น่ะ หากสามารถใช้เงินแก้ไขได้ ย่อมไม่สามารถเรียกว่าปัญหาได้เขาช่วยคนแล้ว แต่กลับไม่้าให้คนรู้สึกซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหลทุกวันบุรุษเช่นนี้มีค่าพอให้คบเป็มิตร ต่อไปพวกเราจะได้พบกับเขา”
พูดถึงตรงนี้เฉินเนี้ยนหรานยิ้มเย้ยหยันออกมา รอยยิ้มนี้ ทำให้คนอื่นๆ ต่างมองหน้ากันไปมา
“ท่านพี่ข้ายังไม่เข้าใจ” ลิ่วจื่อหงุดหงิดมาก
เฉินเนี้ยนหรานมองถวนถวนที่อยู่ในอ้อมกอดแล้วโบกมือ“ไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจเถิด ต่อไปเจอเื่ราวเยอะขึ้นแล้ว เ้าจะเข้าใจเองโชคดีที่ลูกชายไม่เป็อะไร ไม่เช่นนั้นพวกเราก็ไม่แน่ใจว่าจะเดินทางต่อไปได้หรือไม่ และไม่รู้ว่าพวกหนิงเซียงจะเป็อย่างไรบ้างแล้ว?”
หนิงเซียงสตรีผู้พึ่งพาไม่ได้พอเกิดลูกบ้าขึ้นมาก็ตามบุรุษออกเดินทางไปแล้ว
เมื่อเจอนางอีกครั้งจะต้องจัดการให้เห็นดีสักที
“ฮูหยินคุณชายถวนถวนแค่มีตุ่มขึ้นมาพวกเราจะต้องพักผ่อนอยู่ที่นี่อีกสักพักถึงจะออกเดินทางได้ท่านเองก็อย่าคอยดูแลคุณชายเช่นนี้เลยเ้าค่ะ เอาเช่นนี้ดีหรือไม่เ้าคะวันนี้ข้าจะออกไปซื้อของกับท่าน”
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวถวนถวนหลับไปแล้วสาวใช้สีก็เสนอความคิดออกมาอย่างกระตือรือร้น
เฉินเนี้ยนหรานเหล่ตามองนาง“ข้าว่าเป็เ้าที่อยากจะออกไปเดินซื้อของเสียมากกว่า จริงสิ เ้าอยู่กับข้ามานานยังไม่เคยได้เดินเที่ยวเลย วันนี้ออกไปเดินสักหน่อยแล้วกัน”
ความจริงแล้วที่สำคัญคือ เมื่อคิดได้ว่าในห่อผ้าไม่มีเงินแล้ว ตอนนี้ยังต้องเลี้ยงดูอีกหลายคนความกดดันของเฉินเนี้ยนหรานจึงมีเพิ่มขึ้น
อีกทั้งยังติดหนี้อยู่สองร้อยตำลึงโดยที่ไม่สามารถคืนเงินนี้ได้ภายในหนึ่งวัน จึงต้องติดหนี้นี้ไป
เมื่อคิดว่าพอมาถึงเขตโม่หนานกลับเจอกับเื่ติดหนี้เช่นนี้เฉินเนี้ยนหรานก็ปวดหัว การออกมาเดินเล่นในครั้งนี้ ประเด็นสำคัญคือออกมาเดินดูข้างนอกว่ามีการค้าขายใดที่เหมาะจะลงทุนหรือไม่
ลิ่วจื่อกับจินจื่อและสาวใช้สีก็ตามมาด้วย พอคิดดูแล้วยังมีคนคอยดูแลถวนถวนและอีกห้าคนจึงสามารถออกไปข้างนอกได้เช่นนี้ค่อยวางแผนทำการค้า การค้าขายที่นี่คือตั้งร้านขายอยู่ข้างทาง
ในตอนนี้เมื่อแน่ใจว่าถวนถวนแค่มีตุ่มผื่นขึ้นเฉินเนี้ยนหรานจึงวางใจลงไม่น้อย
ตอนนี้สิ่งที่นางสมควรทำคือเพิ่มเงินในกระเป๋าเงินตนเอง
“ฮูหยินเ้าคะตรงหน้าคือเขตหลัวหูแล้ว ได้ยินมาว่าในเขตนี้มีร้านค้าอยู่ไม่น้อย ยังมีพ่อค้าอยู่มากมายไม่ทราบว่าพวกเขาจะมีของแปลกๆ ขายบ้างหรือไม่”
สาวใช้สีเดินไปข้างหน้าอย่างอารมณ์ดี
มองการแต่งตัวของสาวใช้คนนี้แล้วเฉินเนี้ยนหรานพลันสายหน้า ตอนนี้นางกับสาวใช้สีต่างแต่งตัวเป็คนธรรมดา
ด้วยเหตุผลของสาวใช้สีบนใบหน้าของนางจึงถูกแต่งหน้าด้วย
ทั้งสองคนต่างถูกแต่งออกมาเป็สตรีธรรมดาจะมองอย่างไรก็ไม่ใช่สตรีที่จะดึงดูดสายตาคน เพราะเหตุนี้ทั้งสองคนถึงได้กล้าเดินซื้อของอย่างเปิดเผยมากยิ่งขึ้น
ตลอดทางที่เดินมาการแต่งตัวของคนที่นี่ไม่เหมือนกับคนในเขตปาเจียวอากาศของเดือนหกในตอนนี้กำลังร้อนระอุพอดี เดินไปได้ไม่นานทั้งสองคนจึงรู้สึกร้อนจนเหงื่อแตกพลั่ก
สาวใช้สีใช้พัดโบกไม่หยุดพร้อมทั้งครวญครางว่าร้อนร้อน แต่ไม่คิดที่จะกลับ ตลอดทางที่เดินมา สายตาของเฉินเนี้ยนหรานจ้องไปยังเสื้อผ้าของบุรุษสตรีที่นี่
ไม่ใช่เื่อื่นใดเลยเสื้อผ้าของคนที่นี่สวยงามมากจริงๆ
“ฮูหยินรู้สึกหรือไม่เ้าคะว่าเสื้อผ้าของคนที่นี่เหมือนจะปักกันเก่งมากเลยนะเ้าคะ ดูสิสตรีที่แต่งตัวเหมือนกันในหมู่บ้าน เสื้อผ้าของนางได้ปักรูปดอกเหม่ยกุยเอาไว้เหมือนกับดอกไม้ที่กำลังบานอยู่เลยนะเ้าคะ พวกเราไม่มีฝีมือเช่นนี้เลย”
“สวยมากจริงๆ” สายตาของเฉินเนี้ยนหรานกวาดมองสตรีตรงหน้า
สตรีนางนั้นสวมกระโปรงยาวสีชมพูกำลังจูงมือลูกเดินไปด้านหน้า คงเพราะได้ยินที่เฉินเนี้ยนหรานกับสาวใช้คุยกันนางจึงหันมายิ้มเอียงอายให้กับพวกนางสองคน แล้วพูดออกมาเสียงเบา“ชุดนี้ข้าปักเมื่อปีที่แล้วเ้าค่ะ จะนำออกมาสวมแค่ตอนที่เดินอยู่ตามถนนเท่านั้น”
เฉินเนี้ยนหรานพยักหน้าก้าวไปข้างหน้าและเดินไปด้วยกันกับสตรีคนนั้น
เดินไปได้ไม่กี่ก้าวนางก็เห็นสตรีคนนี้เช็ดเหงื่อไม่หยุด นางขมวดคิ้วก่อนจะมองเสื้อผ้าของนางอย่างละเอียดอีกครั้ง
ไม่พูดไม่ได้เลยว่าชุดสีชมพูรวมกับดอกเหม่ยกุยปักสีเหลือง มองดูสายตาแล้วรู้สึกเหมือนจะโดดเด่นเล็กน้อยสิ่งสำคัญอยู่ที่การปักดี ดังนั้นดอกเหม่ยกุยช่อนี้จึงดึงดูดสายตาคน แต่ด้วยรูปแบบของเสื้อภาพนี้กลับดูไม่ค่อยงามเท่าใดนักจริงๆ ้าั้แ่ส่วนคอลงไป ล้วนแต่ปกปิดมิดชิดแค่มองก็รู้สึกร้อนจนอึดอัดแล้ว
“เสื้อผ้าของน้องสาวทั้งสองคนทำที่ใดหรือดูแล้วสวยจริงๆ ทั้งยังเย็นสบาย”
เช่นเดียวกันสตรีนางนั้นมองทั้งสองคนอย่างพิจารณาสายตาที่มองมายังชุดของพวกนางสองคนเต็มไปด้วยความริษยา
สาวใช้สีก้มหน้าลงมองเสื้อผ้าเย็นสบายของตนเองทั้งยังตัดออกมาเป็รูปแบบพิเศษ จึงเงยขึ้นด้วยความภูมิใจ
“พวกนี้หรือคือรูปแบบเสื้อผ้าที่ฮูหยินของข้าคิดขึ้นมาเ้าค่ะ เป็อย่างที่ท่านพี่พูดจริงๆเสื้อผ้าพวกนี้สวมใส่แล้วรู้สึกสดชื่นมาก ไม่ได้ร้อนถึงเพียงนั้น แต่ท่ามกลางอากาศเช่นนี้ยังคงรู้สึกร้อน”
เฉินเนี้ยนหรานเองก็จนปัญญาในโลกแห่งนี้ นางยังไม่กล้าสวมกระโปรงยาวครึ่งเดียว
แต่รูปแบบเสื้อผ้า…ขาดแคลนเงิน….
ทันใดนั้นนางมีความคิดแล่นเข้ามา
หากนำรูปแบบเสื้อผ้าที่ตนเองทำได้เลือกรูปแบบที่เย็นสบายสักหน่อยทำออกมา หาคนตัดเย็บเสื้อผ้าออกมา แล้วนำไปขายเช่นนั้นก็จะหาเงินมาได้ไม่ใช่หรือ? ถึงจะเป็รูปแบบที่ตนเองทำไม่ได้ย่อมสามารถเอารูปแบบเสื้อผ้าพวกนั้นไปขายให้ร้านทำเสื้อผ้าในชายแดนนี้ได้นี่นา
เมื่อคิดเช่นนี้เฉินเนี้ยนหรานคิดว่าเส้นทางหาเงินนี้สามารถทำได้แล้ว
นางเริ่มสอบถามพี่สาวคนนี้ว่าจะเดินทางไปที่ใดในเมือง
พอถามออกมาก็ได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมพี่สาวคนนี้กำลังไปเยี่ยมพี่ชายที่เปิดร้านเสื้อผ้าอยู่ในเรือน
มิน่าเล่าพี่สาวคนนี้ถึงได้ปักดอกไม้ได้สวยงามเช่นนี้ทั้งสายตายังไวต่อเสื้อผ้าของเฉินเนี้ยนหรานมาก รู้สึกราวกับว่าเพราะอาชีพจึงทำให้เป็เช่นนี้
“ตอนนี้ข้าทำเสื้อผ้าอยู่ที่ร้านของพี่ชายแต่ปกติแล้วข้าจะรับเสื้อผ้ากลับไปทำที่เรือนน่ะ เื่นี้ถือว่าพี่ชายเข้าใจข้า อีกอย่างที่เรือนก็มีเด็กนี่นะยังดีที่เรือนของสามีข้าห่างจากในเมืองไม่ไกลมากเท่าใด ทุกวันยังสามารถไปรับเอางานได้”
“เช่นนั้นหากข้าเอาเสื้อผ้ารูปแบบนี้และเสื้อผ้ารูปแบบใหม่อื่นๆ ไปขายให้กับเขาได้หรือไม่?”
เฉินเนี้ยนหรานจ้องสตรีตรงหน้าด้วยดวงตาเปล่งประกาย
สตรีคนนั้นชะงักไปก่อนจะตื่นเต้นขึ้นมา “อืม ข้าว่าได้ พี่ชายของข้ากำลังกังวลว่าเสื้อผ้านี้ขาดรูปแบบแปลกใหม่อยู่เชียวหากมีเสื้อผ้ารูปแบบใหม่ของเ้ามาขาย คิดไปแล้วนั่นจะต้องได้แน่นอน”
คิดไม่ถึงว่าเดินอยู่บนถนนกลับสามารถเจอเส้นทางหาเงินได้ด้วยเป็อีกครั้งที่สาวใช้สีต้องมองเฉินเนี้ยนหรานใหม่
พวกนางทั้งหมดไม่สนใจมองทิวทัศน์ตามทางแล้วสนใจแต่จะเดินทางไปร้านทำเสื้อผ้า
เพราะอยู่ใกล้เขตดังนั้นร้านค้าตรงนี้จึงหรูหรามาก โดยเฉพาะชาวเมืองที่เปิดกว้างมาก ตามถนนหนทางเฉินเนี้ยนหรานถึงกับเห็นสตรีที่ใส่กระโปรงเผยครึ่งแข้งและม้วนแขนเสื้อขึ้น
หากเป็ที่เขตปาเจียวเื่ม้วนแขนเสื้อขึ้นเช่นนี้ เป็เื่ที่ไม่สามารถเกิดขึ้นกับสตรีอ่อนเยาว์ได้แต่ที่นี่ ทุกคนกลับไม่รู้สึกแปลก เหมือนกับเห็นมาจนชินแล้ว
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เฉินเนี้ยนหรานยิ่งมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นกับรูปแบบเสื้อผ้าสำเร็จรูปของตนเอง
***
หลูต้าหยากำลังจัดผ้าที่วางอยู่หน้าร้านยามนี้ในร้านยังไม่มีลูกค้ามา เขาสมควรจัดวางของได้แล้ว
เมื่อเห็นน้องสาวเดินมาแต่ไกลเขาจึงเดินมารับตะกร้าของนาง
“ดูเ้าสิบอกแล้วว่าไม่ต้องยกของจากที่เรือนมาก็ไม่เชื่อ ไข่พวกนี้ให้พวกเด็กๆเอามาก็ดีอยู่แล้ว”
หญิงสาวลูบเด็กน้อยที่อยู่ด้านหลัง“ท่านพี่ ไม่เป็ไรหรอกเ้าค่ะ ตอนนี้ที่เรือนของพวกข้ามีไข่จำนวนมากที่นี่ก็เลี้ยงไก่ไม่ได้ ข้าเอามาไม่กี่ฟองไม่เป็อะไรหรอกเ้าค่ะ”
หลูต้าหยาเห็นเฉินเนี้ยนหรานและสาวใช้ยืนอยู่ด้านหลังนาง“สองคนนี้คือสหายในหมู่บ้านเ้าหรือ?”
หลูซื่อเหม่ยรีบดึงพี่ชายตนเองไปด้านข้าง“มาๆ พี่ชาย ท่านดูเสื้อผ้าบนตัวของฮูหยินท่านนี้สิเ้าคะ ไม่เหมือนกับของพวกเราใช่หรือไม่?”
สายตาของหลูต้าหยามองไปบนตัวของเฉินเนี้ยนหรานและสาวใช้ ก่อนจะพิจารณารูปแบบเสื้อผ้าของพวกนาง
ไม่เสียแรงที่เป็เ้าของร้านเสื้อผ้าเมื่อพิจารณาเขาก็เข้าใจทันที
