เสิ่นเยี่ยนมาถึงจวนกู้ใน่บ่าย
กู้เจิงกำลังนั่งคุยกับกู้อิ๋งและกู้เหยาอยู่ในสวน นางห็นน้องรองพาเสิ่นเยี่ยนเดินเข้ามา
“ท่านมาได้ยังไงเ้าคะ?” กู้เจิงถามด้วยความแปลกใจ เพราะตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเลิกงาน
“วันนี้ไม่มีงานอะไรมาก ข้าเลยรีบมาที่นี่เพื่อดูว่ามีอะไรให้ช่วยบ้าง” เมื่อกล่าวจบเสิ่นเยี่ยนก็หันไปแสดงความยินดีกับกู้อิ๋ง “ยินดีกับน้องสามด้วย”
“ขอบคุณพี่เขยใหญ่เ้าค่ะ” กู้อิ๋งยิ้มกว้างขอบคุณ นางจะเป็เ้าสาวแล้วความปิติยินดีนี้ย่อมไม่อาจปิดซ่อนไว้ได้
“พี่เขยใหญ่ ไปกัน พวกเราไปหาท่านพ่อกันเถอะขอรับ” กู้เจิ้งชินลากเสิ่นเยี่ยนจากไป
“ั้แ่พี่เขยใหญ่ช่วยพี่รองทบทวนบทเรียน เวลาพี่รองเห็นพี่เขยใหญ่ทีไรก็จะเกาะติดเสียทุกครั้ง” กู้เหยาเบ้ปากไม่พอใจ “ไม่อยู่เล่นเป็เพื่อนข้าแล้ว”
กู้อิ๋งจิ้มหน้าผากน้องสาว “ตอนนี้พี่รองเป็คนมีตำแหน่งชื่อเสียง จะมาเล่นกับเ้าเหมือนเด็กได้อย่างไร และอีกสองปีเขาก็จะแต่งภรรยามีลูก มีครอบครัวของตัวเองแล้ว”
กู้เจิงมองใบหน้าเยาว์วัยของกู้เหยา นางพูดหยอกล้อว่า “อีกสองปีเ้าก็ต้องหมั้นหมายแล้วกระมัง จะว่าไป ตอนนี้ท่านพ่อท่านแม่มีคนที่เหมาะสมกับเ้าอยู่ในใจหรือยังนะ?”
“พี่ใหญ่?” เมื่อกล่าวถึงเื่ตัวเอง ใบหน้าของกู้เหยาก็แดงระเรื่อทันที
ทำเอากู้เจิงกับกู้อิ๋งหัวเราะขบขันกันเสียงดัง
แม่เฒ่าซุนพาสาวใช้จำนวนหนึ่งเดินเข้ามา หลังจากทำความเคารพพวกนางสามคนแล้ว นางก็ผายมือไปทางสาวใช้ด้านหลังแล้วกล่าวกับกู้อิ๋งว่า “คุณหนูสาม พรุ่งนี้สาวใช้พวกนี้จะตามไปรับใช้ท่านที่จวนของตวนอ๋องกับบ่าวเ้าค่ะ” แม่เฒ่าซุนส่งสมุดรายชื่อและสัญญาขายตัวให้กู้อิ๋ง
สาวใช้ทั้งห้าโค้งคารวะกู้อิ๋ง
กู้อิ๋งมองดูสาวใช้ทั้งห้าคน ก่อนพลิกดูสมุดรายชื่อและสัญญาขายตัว
สาวใช้ทั้งห้าคนนี้กู้เจิงคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง พวกนางเป็สาวรับใช้ในเรือนหลักมาหลายปีแล้ว และนายหญิงเป็คนอบรมสั่งสอนด้วยตัวเอง
“ท่านแม่มอบสาวใช้ที่เป็งานที่สุดในจวนให้พี่สามไปหมดแล้ว” กู้เหยาก็คุ้นเคยกับสาวใช้ทั้งห้าเป็อย่างดี นางทำหน้าบุ้ยใส่พวกนาง
เหล่าสาวใช้ต่างหัวเราะคิกคัก
“นี่เ้าอิจฉาหรือ? ท่านแม่รักเอ็นดูเ้าเป็ที่สุด เ้ายังไม่รู้อีกหรือ” กู้เจิงเอ่ยล้อกู้เหยา กู้อิ๋งยิ้มฟังพี่ใหญ่หยอกล้อกับกู้เหยาเงียบๆ นางเงยหน้ามองพี่ใหญ่ก่อนเอ่ยขึ้นบ้างว่า “ถึงแม้พี่ใหญ่จะไม่ใช่พี่น้องร่วมมารดากับข้าและเหยาเอ๋อร์ แต่ท่านแม่ก็ใส่ใจเื่ของท่านมากนะเ้าคะ”
“ที่ท่านแม่ดีกับข้า ข้าย่อมรู้ดี” ต่อให้ทำเพื่อหน้าตา แต่สิ่งที่เว่ยซื่อทำต่อนางก็นับว่าไม่เลวทีเดียว ข้อนี้กู้เจิงเองก็ยอมรับอยู่ในใจ
แม่เฒ่าซุนเริ่มอธิบายถึงกฎระเบียบที่กู้อิ๋งต้องระวังตอนแต่งงานไปแล้วใ กู้เจิงไม่ได้อยู่ฟังด้วย นางออกมาตามหาเสิ่นเยี่ยน นางมาพบเขาอยู่กับบิดาและน้องรอง พวกเขากำลังช่วยกันเขียนคำขวัญมงคลคู่*อยู่ นางยืนมองดูเสิ่นเยี่ยนในชุดขุนนางสีน้ำเงินที่ขับเน้นความสุขุมลุ่มลึกของเขา
(*เป็การเขียนบนกระดาษสีแดงแผ่นยาวคู่หนึ่งในวาระที่มีการแต่งงานกัน)
เสิ่นเยี่ยนตวัดปลายพู่กันวาดตัวอักษรไปมาอย่างคล่องแคล่ว
“อักษรดี ลายเส้นก็ดี” กู้หงหย่งพอใจมาก “เจิ้งชิน เอาไปแขวนในห้องโถงใหญ่ เพื่อให้แขกที่มางานในวันพรุ่งนี้ได้ชื่นชมกัน”
“ได้ขอรับ” กู้เจิ้งชินรีบทำตามคำสั่งบิดา เมื่อเขากำลังนำป้ายไปที่ห้องโถง ก็ได้เห็นกู้เจิงยืนมองพวกเขาอยู่ “พี่ใหญ่มายืนตรงนี้ั้แ่เมื่อไหร่ขอรับ”
“น้องรอง ลายเส้นพู่กันของพี่เขยเ้างดงามขนาดนั้นเชียวหรือ?” กู้เจิงถามเสียงเบา นางมองลายเส้นตัวอักษรพวกนี้ไม่ออก แต่ถูกท่านพ่อชื่นชมปานนี้ น่าจะไม่เลวเลยทีเดียว
“แน่นอนขอรับ ลายเส้นของพี่เขยใหญ่เทียบกับพวกนักเขียนอักษรได้เลย” กู้เจิ้งชินตอบกู้เจิง
กู้เจิงตาเป็ประกาย
กู้ห่งหย่งตามกู้เจิ้งชินออกไปด้วย กู้เจิงจึงเดินยิ้มเข้ามาหาสามีอย่างสดใส “ท่านพี่ ที่แท้ท่านก็วาดพู่กันได้งดงามขนาดนี้เชียวหรือเ้าคะ?”
“ท่านพ่อชมเกินไปน่ะ”
“เ้าคิดจะทำอะไร?" เสิ่นเยี่ยนจับจ้องั์ตาพราวระยับของภรรยา ทุกครั้งที่นางยิ้มเช่นนี้ จะต้องคิดเื่อะไรแปลกๆ แน่นอน
“เปล่านะเ้าคะ” กู้เจิงกับเสิ่นเยี่ยนเดินพูดคุยด้วยกัน “ที่ร้านหนังสือของข้า ถ้าได้ภาพอักษรมงคลของท่านพี่ไปแขวนไว้หน้าร้านจะดีไหมเ้าคะ?”
เสิ่นเยี่ยนมองนางอย่างจนปัญญา “ได้สิ”
“ท่านพี่ช่างใจดีจริงๆ เ้าค่ะ” กู้เจิงเหลียวมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร นางก็เขย่งตัวขึ้นจุมพิตแก้มสามี
เสิ่นเยี่ยนถึงกับกลั้นหายใจ ความใกล้ชิดที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นนี้ทำให้หน้าท้องของเขาแข็งเกร็ง
ชุนหงที่เดินตามอยู่ห่างๆ ถึงกับหน้าแดงระเรื่อเป็ลูกตำลึง
พวกเขาทั้งสองคนเดินมาถึงเรือนเล็ก หวังซู่เหนียงได้เตรียมผลไม้และน้ำชาไว้รอแล้ว ถึงลูกเขยของนางจะเคยผ่านมาที่เรือนนี้ แต่ก็ยังไม่เคยมาเป็แขกแบบจริงจังเหมือนในตอนนี้
“คารวะซู่เหนียง” เสิ่นเยี่ยนประสานมือคารวะหวังซู่เหนียง
“โอ๊ย ข้าเป็แค่อนุ ท่านบุตรเขยไม่ต้องคารวะหรอก” ถึงนางจะพูดปัดป้อง แต่หวังซู่เหนียงก็รับการคารวะนี้ไว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “รีบนั่งเร็ว มาดื่มชากัน”
“ซู่เหนียง เมล็ดฟักทองนี้อร่อยจริงเ้าค่ะ” กู้เจิงหยิบเมล็ดฟักทองมาแกะกิน เมล็ดฟักทองเป็สิ่งที่นางชอบที่สุด
“ข้าเก็บไว้ให้พวกเ้าเป็พิเศษ ปกติข้าจะกินหมดไปแล้ว” หวังซู่เหนียงดันจานไปตรงหน้าเสิ่นเยี่ยน “บุตรเขย เ้ากินเยอะๆ เลยนะ”
เสิ่นเยี่ยนหยิบขึ้นมากินบ้าง “อร่อยมากขอรับ”
หวังซู่เหนียงมองบุตรสาวและบุตรเขยด้วยรอยยิ้ม นางอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูดีทั้งคู่ ชุนหง เ้าว่าคุณหนูของเ้ากับท่านบุตรเขยเหมือนกุมารทองและกุมารีหยกที่คอยปรนนิบัติรับใช้พระโพธิสัตว์หรือไม่?”
“เ้าค่ะ” ชุนหงปิดปากแอบหัวเราะ
ซู่เหนียงมักจะชมว่านางงดงามเสมอๆ อยู่แล้ว แต่เสิ่นเยี่ยนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนคงจะไม่ค่อยคุ้นชินนัก แต่นางคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินสามีกล่าวว่า “อาเจิงเป็ลูกสาวของท่าน ความงามของนางต้องได้มาจากท่านอยู่แล้วขอรับ”
“บุตรเขยพูดได้ดีจริงๆ” หวังซู่เหนียงยิ้มกว้างอย่างเบิกบาน สายตาที่นางมองเสิ่นเยี่ยนราวกับกำลังมองบุตรชายแท้ๆ
กู้เจิง “...” นางไม่คิดเลยว่าทั้งซู่เหนียงและเสิ่นเยี่ยนจะเข้ากันได้ดีขนาดนี้
คืนนี้จวนกู้สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ ภายในเรือนหลัก ทุกคนในครอบครัวกำลังนั่งกินข้าวคุยกัน
มีเสิ่นเยี่ยนอยู่ด้วย นายหญิงเว่ยซื่อจึงไม่ได้มีท่าทีเ็าเหมือนเมื่อตอนเที่ยง
ยากนักที่จะได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้
ระหว่างทางกลับบ้าน กู้เจิงเอนกายพิงร่างของสามีอย่างอ่อนแรง นางนึกถึงเื่ของน้องรองกู้เจิ้งชิน ก่อนจะเล่าให้สามีฟัง “ท่านพี่ วันนี้น้องรองเล่าให้ข้าฟังว่าบุตรชายของเซี่ยกงเจวี๋ยได้ช่วยพูดให้เขาต่อหน้าองค์ชายสิบสองด้วยเ้าค่ะ น้องรองได้เล่าเื่นี้ให้ท่านฟังบ้างไหมเ้าคะ?”
แววตาของเสิ่นเยี่ยนเย็นเยือกขึ้นเล็กน้อย กู้เจิงมัวแต่คิดถึงเื่ของกู้เจิ้งชินจึงไม่ทันสังเกตเห็น
“เขาเล่าให้ข้าฟังแล้ว”
“เช่นนั้นน้องรองก็มีโอกาสที่จะได้เป็สหายร่วมชั้นเรียนขององค์ชายสิบสองใช่ไหมเ้าคะ?”
“ตวนอ๋องได้แต่งงาน ฝ่าาก็ทรงยินดี พระสนมซูเลยรับปากว่าจะฉวยโอกาสที่ฝ่าาทรงอารมณ์ดีเอ่ยถึงเื่นี้ให้”
กู้เจิงดีใจ หากน้องรองได้เป็สหายร่วมเรียนขององค์ชายสิบสองจริงๆ วันหน้าย่อมมีอนาคตที่สดใสแน่นอน แต่นางยังมีข้อสงสัยอยู่ “น้องรองบอกว่า ถึงแม้เขาจะรู้จักกับเซี่ยกงเจวี๋ยน้อย แต่ก็ไม่ได้ดีพอที่จะออกตัวช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ เหตุใดจู่ๆ เขาถึงออกหน้าพูดให้น้องรองล่ะเ้าคะ?”
“ตอนที่ฟู่ผิงเซียงสั่งให้บ่าวของตนไปซื้อตัวบ่าวของตระกูลหนิง บ่าวของตระกูลเซี่ยมาได้ยินเข้าพอดี เขาเลยเอาเื่ไปบอกเซี่ยกงเจวี๋ยน้อย”
“ยังมีเื่บังเอิญเช่นนี้อีกหรือเ้าคะ?” กู้เจิงตะลึงงัน “คิดไม่ถึงว่าเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยผู้นี้จะซื่อตรงยิ่งนัก”
เสิ่นเยี่ยนกล่าวเสียงเรียบ “เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อไว้หน้าท่านอ๋องเท่านั้น”
กู้เจิงพยักหน้า จู่ๆ ก็นึกเื่หนึ่งขึ้นมาได้ เป็เื่ซุบซิบที่นางได้ยินตอนไปกินอาหารเช้าที่ร้านขนมเฉินหลางกับคนในตระกูลเสิ่น เขาพูดกันถึงเทพาแห่งต้าเยว่ แม่ทัพหนุ่มที่พาทหารหนึ่งหมื่นนายขับไล่ศัตรูที่มารุกรานต้าเยว่ให้ออกไปได้โดยใช้เวลาไม่ถึงสองปี
“ท่านพี่ เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยผู้นี้คงไม่ใช่ลูกชายของแม่ทัพใหญ่เซี่ยเทพาแห่งต้าเยว่ผู้นั้นหรอกกระมังเ้าคะ? ท่านแม่ทัพท่านนี้ชื่ออะไรนะ?” กู้เจิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็นึกชื่อเขาไม่ออก