“เพียะ”
หร่านซวี่จือตบขาที่รู้สึกคันเล็กน้อย เมื่อยกมือขึ้นมาดูก็เห็นเืสีแดงบนฝ่ามือ
เืเปื้อนที่ขาเรียวเล็กไม่น้อย หร่านซวี่จือจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปยังก๊อกน้ำของบ้านตระกูลหวังเพื่อล้างทำความสะอาด
“แม่! ” ตรงทางเข้าประตูมีเสียงสดใสของเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น “แม่เรียกผมกลับมาทำไมหรือ? ”
น้าเซวียกำลังตากข้าวเปลือกอยู่ พอดีกับที่เห็นหวังหลงกลับมาพร้อมกับเนื้อตัว ที่สกปรกมอมแมม “เ้าเด็กบ้า! ไปเถลไถลที่ไหนมาอีกแล้ว! ”
หวังหลงท่าทางลำบากใจ “ไม่ใช่นะฮะ ผมไปตกปลากับพี่ที่ริมลำธารมา”
หวังหลงกับพี่ชายหวังเฉิงนั้นคล้ายกันมาก แต่เพราะหน้าตานั้นยังไม่โตเต็มที่ เขาจึงดูอ่อนเยาว์กว่ามาก ดวงตากลมโต ท่าทางกำยำน่าเอ็นดู ดูแล้วเปล่งประกายเจิดจ้า หวังหลงสวมเสื้อกล้ามตัวขาดๆ กางเกงก็เปียกครึ่งท่อน
“พี่ไป๋หลิงกลับมาแล้ว” น้าเซวียยิ้มแย้ม “วันนี้ลูกตามพี่ไป๋หลิงไปทำการบ้าน่ปิดเทอมให้หมดนะ! ”
“หือ! ” หวังหลงหน้าละห้อย สายตาที่มองหร่านซวี่จือนั้นไม่ค่อยเป็มิตรนัก “ทำไมกัน! แม่! ผมบอกแล้วว่าผมเรียนไปก็ไม่มีประโยชน์! ”
น้าเซวียโมโหจนบิดหูเขา
หวังหลงกรีดร้องเสียงแหลมแล้ววิ่งไปทั่ว เมื่อเห็นเงาคนตรงประตูก็พุ่งตัวไปเสียงดัง ‘พุ่บ’ เพื่อหลบหลังคนคนนั้น
“แม่” มีเสียงของหวังเฉิงดังขึ้นตรงประตู เสียงนั้นทุ้มต่ำมีเสน่ห์และมีความตรงไปตรงมาในแบบฉบับของคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “เื่การเรียนของเ้านี่ให้ผมดูแลเอง แม่ไม่ต้องเป็ห่วง”
เสื้อผ้าของหวังเฉิงเปิดออก น้ำหยดลงมาจากเส้นเอ็นตกปลา ทำให้กล้ามเนื้อปรากฏเห็นชัด
“พี่ พี่ก็เป็ไปกับเขาด้วย! ” หวังหลงเอ่ยอย่างน่าสงสาร
หวังเฉิงชำเลืองมอง เมื่อเห็นหร่านซวี่จือที่กำลังใช้น้ำก๊อกล้างเท้าก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เดินไปที่โต๊ะตรงสวนกลางบ้าน ก่อนจะหยิบห่อผ้ามาพลิกดูหนึ่งรอบ เขาหันหลังเอ่ยกับหร่านซวี่จือ “เฮ้ เอาของของบ้านนายกลับไป”
หร่านซวี่จือเก็บท่อน้ำให้เรียบร้อยและเมื่อหันศีรษะไปดู ก็เห็นหวังเฉิงโยนห่อผ้ายื่นมาตรงหน้าหร่านซวี่จือ “บอกพี่สาวนายไม่ต้องเอามาแล้ว บ้านฉันกินไม่หมดแล้ว”
หร่านซวี่จือเดินไปและโค้งหลังก้มหยิบขึ้นมา เขาตบห่อผ้า ไม่ได้พูดอะไรแล้วยัดเข้ากระเป๋าของตนเอง
หวังเฉิงขมวดคิ้ว “ขอบคุณสักคำก็ไม่มี เด็กสมัยนี้นี่ไม่มีมารยาทเลยจริงๆ ”
“ขอบคุณครับ พี่หวัง” หร่านซวี่จือเอ่ยปากพูด
หวังเฉิง “…”
ขณะที่หร่านซวี่จือกำลังจะจากไป น้าเซวียก็ดึงเขาไว้ “เสี่ยวหลิง เราคุยกันแล้วว่าเธอจะมาสอนเ้าเด็กหลงนี่ที่บ้านฉัน ต่อไปนี้เธอมากินข้าวบ้านน้าดีไหม เธอเป็นักศึกษามีความรู้”
หร่านซวี่จือช้อนตาขึ้นมองไปทางหวังเฉิงที่อยู่ด้านหลังน้าเซวีย
หวังเฉิงเห็นหน้าขาวๆ ของหร่านซวี่จือก็ไม่ชอบใจ “แม่ แม่เลิกรบกวนคนอื่นได้แล้ว เื่ของน้อง เดี๋ยวผมจัดการเอง”
น้าเซวียหันไปถลึงตาใส่เขา “แกกับไป๋หลิงจะเหมือนกันได้อย่างไร! ”
พูดจบก็หันศีรษะไปมองหร่านซวี่จือ
หร่านซวี่จือทำตัวไม่ถูก เขาพินิจชั่วครู่และได้แต่พยักหน้า
หวังเฉิงดับบุหรี่โยนไปที่พื้นพลางเกาผมที่สั้นเหมือนขนของตนเอง ท่าทางนั้นหงุดหงิดน่าดู แต่จะทะเลาะกับคนในบ้านตนเองก็ไม่ดี
หลังจากที่หวังหลงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนอนเล่นเกมส์โทรศัพท์ของพี่ชายเขา หร่านซวี่จือมองดูสมุดการบ้านของเขา และก็เห็นว่ามันแย่จนไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ตัวหนังสือก็เหมือนไก่เขี่ย คนที่อ่านออกจะรู้ว่าคือตัวหนังสือ แต่คนที่ไม่รู้คงนึกว่ากำลังวาดไส้เดือน
หร่านซวี่จือหยิบตำราเรียนในกระเป๋าของเขาออกมา “หวังหลง นายมานี่สิ”
หวังหลงไม่สนใจเขา
หร่านซวี่จือนึกว่าเขามีสมาธิกับการเล่นเกมจึงไม่ได้ยิน เขาเดินไปแล้วตบหัวเข่าของหวังหลง “หวังหลง! ”
หวังหลงชะงักทันใด เบิกตาโตจ้องหร่านซวี่จือแล้วหดตัวหนีไปไกล ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงที่ดังเหมือนตะคอก “กะเทย อย่ามาโดนตัวฉันนะ! ”
“…” หร่านซวี่จือมองเขาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
ฉายานี่ไม่ต้องพูดถึง เดาว่าคงได้รับการสั่งสอนมาจากเ้าบ้าหวังเฉิงนั่น แม้ว่าไป๋หลิงจะหน้าตาออกไปทางผู้หญิงแต่ก็ไม่ถึงกับเป็กะเทยหรือเปล่า
“นายรู้หรือว่าอะไรคือกะเทย? ” หร่านซวี่จือหยิบเก้าอี้มาและนั่งลงข้างเตียงของหวังหลงแล้วเอ่ยด้วยท่าทีขึงขัง
แม้ว่าสีหน้าของหวังหลงจะรังเกียจอยู่บ้างแต่ก็มีท่าทีสงสัยใคร่รู้ “พี่ฉันบอกว่าคนพวกนั้นเป็ผู้ชายก็ไม่ใช่ผู้หญิงก็ไม่เชิง! เป็พวกปีศาจที่กินหัวใจคน! ”
ทำไมสถานที่แบบนี้ยังเชื่อเื่แบบนี้อยู่อีก
“กะเทยที่พูดถึงไม่ใช่ปีศาจ พวกเขาคือคน” หร่านซวี่จือเอ่ย “มีผู้ชายบางคนไม่อยากเป็ผู้ชาย ดังนั้นจึงไปทำศัลยกรรมทำให้ตนเองกลายเป็ผู้หญิง แบบนี้ต่างหากคือกะเทย”
“หา? ” หวังหลงทำหน้าเหมือนหน้าแตกพังทลาย “ผู้ชายทำศัลยกรรมกลายเป็ผู้หญิง? ถ้าอย่างนั้นคงน่าเกลียดแย่เลย? ”
“ไม่น่าเกลียด” หร่านซวี่จือเอ่ย “กะเทยจะไม่เหมือนผู้ชาย กะเทยนั้นทั้งขาวและรูปร่างดี ใบหน้าก็สะสวยมาก”
หวังหลงสำรวจตนเองกับหร่านซวี่จืออยู่พักหนึ่ง แขนของหร่านซวี่จือนั้นขาวดุจรากบัวและเอวก็ผอมบาง ใบหน้าที่ถูกแว่นตาบดบังแต่ก็ยังพอมองออกว่ากรอบหน้านั้นสวยงามมาก ส่วนตนเองนั้นดำอย่างกับถ่าน
หวังหลงหันกลับไปมองใบหน้าของหร่านซวี่จือด้วยแววตาสงสัย “นายเคยทำศัลยกรรมหรือเปล่า? ”
“…” หร่านซวี่จือรู้สึกได้ว่าเด็กคนนี้หมดทางที่จะเยียวยาแล้ว “ฉันแค่ขาวแต่ไม่ได้เป็ผู้หญิง ในเมืองใหญ่ของเรา มีคนแบบฉันที่ถูกเรียกว่าหนุ่มหน้าอ่อนและก็เป็ที่ชื่นชอบของเด็กผู้หญิงมากมาย ไว้ถ้านายมีเกรดดีๆ เข้าไปในเมืองได้ก็จะรู้เอง”
พอตกกลางคืน หร่านซวี่จือก็หิ้วถังน้ำไปรดน้ำที่คันนา ถังน้ำนั้นหนักเล็กน้อย ขณะที่หร่านซวี่จือเดินทางไปกลับจึงเซไปเซมา ขณะที่เดินผ่านต้นไม้ เขาวางถังลงแล้วหยิบขวดน้ำออกมาจากตะกร้าสานไม้ไผ่
“โอ้ย นี่มันเสี่ยวหลิงนี่นา? ”
หร่านซวี่จือหันศีรษะไปก็เห็นว่ามีคนเดินมาจากด้านหลังต้นไม้ซึ่งกำลังไสไม้อยู่ เขาคือคนที่อยู่กับหวังเฉิงบ่อยๆ ขณะที่หร่านซวี่จือติวหนังสือให้หวังหลงที่บ้านของหวังเฉิง คนคนนี้มักจะวิ่งพรวดพราดเข้ามาที่ห้องแล้วขัดพวกเขา หร่านซวี่จือจึงไม่ได้รู้สึกดีกับเขามากนัก
“พี่จ้าว สวัสดีตอนกลางคืนครับ” หร่านซวี่จือปิดฝาขวดน้ำ
หร่านซวี่จือดื่มเร็วไปหน่อยทำให้น้ำกระเด็นออกมาเล็กน้อย น้ำที่กระฉอกออกมาไหลเปียกมือของหร่านซวี่จือแล้วลู่ลงตามแขนของเขาเต็มไปหมด มีบ้างที่เปื้อนตรงมุมปากจนทำให้คอเสื้อเปียกไปด้วย
พอเสื้อผ้าเปียกเล็กน้อย เสื้อตรงหน้าอกจึงโปร่งแสงขึ้น หร่านซวี่จือเช็ดเสื้อแบบขอไปที จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วแบกถังน้ำ
“หนักหรือเปล่า? ถ้าหนักเดี๋ยวพี่ช่วยนายเอง! ” เมื่อสิ้นเสียง จ้าวผิงก็เดินมาช่วยหร่านซวี่จือหิ้วถังน้ำ และหน้าอกที่เปียกเหงื่อก็แนบอยู่กับหลังของเขา
หร่านซวี่จือขมวดคิ้วแน่น ชั่วพริบตาที่รู้สึกว่ามันไม่ปกติ
ท่าทางของเขาที่ดูกระตือรือร้นมากเกินไป
“ไม่ต้องครับ ขอบคุณพี่จ้าวมาก” หร่านซวี่จือขยับเท้าออก อยากจะดึงระยะห่างออกทันควัน แต่จ้าวผิงกลับคว้าแขนของหร่านซวี่จือไว้ เรี่ยวแรงนั้นไม่ได้เบานัก หร่านซวี่จือไม่ต้องดูก็รู้ว่าแขนตรงส่วนนั้นของตนเองแดงแค่ไหน
จ้าวผิงปริปากแล้วเผยรอยยิ้มออกมา ฝ่ามือของเขาแนบกับเอวของหร่านซวี่จือ ก่อนจะจับหร่านซวี่จือกดกับต้นไม้ แววตานั้นหยาดเยิ้มพร้อมกับจ้องมองสำรวจลงไปในใต้คอเสื้อที่เปียกชุ่มของเขา “เสื้อของเสี่ยวหลิงเปียกหมดแล้ว? ให้พี่ช่วยเช็ดดีไหม? ”
พูดจบมือก็เริ่มเลื้อยไปทั่ว
หร่านซวี่จือขมวดคิ้ว
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
ลวนลามทางเพศ?