ขณะนั้นขุนนางใหญ่ผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบคะแนนของ 128 คนเดินออกมาจากเจดีย์เชื่อมฟ้า ทำทุกคนเงียบกริบ พวกเขารู้ว่าถึงเวลาประกาศผลแล้ว
“งานชุมนุมหวงปั่งในปีนี้ มีทั้งหมด 128 คนที่เข้าร่วมการบุกฝ่าเจดีย์เชื่อมฟ้า บัดนี้ข้าจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านการทดสอบ หากไม่มีชื่อใครก็หมายความว่าตกรอบ” ขุนนางใหญ่ผู้นั้นกวาดตามองทั้ง 128 คนด้วยความตื่นเต้น
“อันดับที่ 40 เฉียนิ อันที่ 39 โจวหลง...”
ชื่อแล้วชื่อเล่าดังออกจากปากของขุนนางใหญ่ผู้นั้น ส่วนผู้ที่ได้ยินชื่อตนต่างก็ดีใจและไปยืนเข้าแถวของผู้ผ่านเข้ารอบ แต่ผู้ที่ไม่ได้ยินชื่อตนต่างก็เป็กังวล มีเพียงอัจฉริยะเ่าั้ที่ยังคงมั่นใจ
ไม่นาน 30 อันดับแรกก็ประกาศจนจบ ซึ่งอวิ๋นเจี๋ยและนี่จ้านเทียนก็อยู่ในนี้เช่นกัน ตบะอย่างพวกเขาคว้าคะแนนเช่นนี้มาได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
“อันดับที่ 10 หวงชง อันดับที่ 9 จี๋หลิน” จากนั้นขุนนางใหญ่ผู้นั้นประกาศอันดับที่ 9 และ 10 ออกมา สองคนนี้มาจากสำนักศึกษาเสินเจียงและหอชิงหลง จู่ ๆ คนของทั้งสองกองกำลังต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจ
“ไม่เห็นมีชื่อเย่เฟิงสักที เขาคงไม่เข้ารอบ 40 คนหรอกกระมัง!” พลันเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน ทำให้ผู้คนหันไปมองเย่เฟิง ดูเหมือนจะสนใจกับอันดับของเย่เฟิงมาก แต่เย่เฟิงไม่สนใจสายตาของคนเหล่านี้ เขารอด้วยความสงบนิ่งเพราะมีเพียงตัวเขาที่รู้ว่าอันดับของตนจะอยู่ที่เท่าไร
“อันดับที่ 8 ิเสวียน อันดับที่ 7 หลงเซ่าเจี๋ย อันดับที่ 6 เจียงเซิ่งหลิง” ขุนนางใหญ่ผู้นั้นประกาศอีกสามชื่อ เมื่อเจียงเซิ่งหลิงได้ยินก็เผยสีหน้าไม่สู้ดี ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าตัวเองจะเข้าห้าอันดับแรกได้ แต่บัดนี้กลับได้เพียงอันดับที่ 6 ซึ่งไม่ถึงเป้าที่เขาตั้งไว้
“อันดับที่ 5 มู่เยี่ยน อันดับที่ 4 ต้าเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ อันดับที่ 3 จ้าวซิง อันดับที่ 2 โอวหยางเจิน”
ตอนที่เจียงเซิ่งหลิงและเหล่าผู้ฝึกยุทธ์สำนักจื่อจี๋รู้สึกไม่ดี ขุนนางใหญ่ผู้นั้นก็ได้ประกาศรายชื่ออันดับที่ 5 ถึง 2 นี่ทำให้ผู้คนกะพริบตาปริบ ๆ แต่เมื่อมู่เยี่ยนได้ยินว่าตนอยู่อันดับที่ 5 ใบหน้าที่เผยความได้ใจก็พลันเปลี่ยนไปแข็งทื่อเล็กน้อย เขาคิดว่าตนแสดงฝีมือในเจดีย์เชื่อมฟ้าได้ดีและผ่านด่านตลอด เดิมทีคิดว่าจะเข้าสามอันดับแรกได้ แต่บัดนี้กลับได้เพียงอันดับที่ 5 มาครอง
อย่างไรก็ตามอันดับสุดท้ายของงานชุมนุมหวงปั่งจะออกมาหลังจากรอบที่สามนั้นก็คือการประลองฝีมือสิ้นสุดลง ตราบใดที่เขาเฉิดฉายบนเวทีประลองก็อาจจะคว้าอันดับดี ๆ มาครองได้
บัดนี้รายชื่อของอัจฉริยะถูกประกาศออกมาหมดแล้ว เช่นนั้นผู้สร้างสถิติใหม่ผู้นั้นเป็ใคร?
“อันดับที่ 1 เย่เฟิง!” แต่ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าอันดับที่ 1 ตกเป็ของใคร จู่ ๆ ขุนนางใหญ่ผู้นั้นก็ประกาศรายชื่อของอันดับที่ 1 ออกมา
“อันดับที่ 1 เย่เฟิง เป็ไปได้อย่างไร ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม? อันดับที่ 1 จะตกเป็ของเด็กนั่นที่อยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 7 ได้เยี่ยงไร? นี่จะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”
เมื่อชื่อของเย่เฟิงประกาศออกมาเป็คนสุดท้าย เหล่าผู้คนต่างต้องตัวสั่นสะท้าน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก แม้แต่มู่เยี่ยน คนของตระกูลมู่ สำนักศึกษาเสินเจียง หอชิงหลง สำนักอี่เทียน และกองกำลังอื่น ๆ ต่างก็หน้าแข็งทื่อ ผลลัพธ์เช่นนี้เกินความคาดหมายของพวกเขาไปมาก
ผู้าุโเฉียน องค์ชายใหญ่จ้าวหยาง และจ่านเฉินต่างตะลึงงัน พวกเขามองเย่เฟิงด้วยสายตาตื่นใ
แต่องค์ชายรองจ้าวเยี่ยและองค์หญิงจ้าวซินอี๋กลับเผยสีหน้าปลื้มปีติ โดยเฉพาะจ้าวซินอี๋ รอยยิ้มของนางราวกับบุปผาเบ่งบานก็ไม่ปาน แต่หากบอกว่าใครอับอายขายหน้าที่สุดก็คงไม่พ้นคนของจวนเซิ่งอ๋อง ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่าผู้สร้างสถิติใหม่ผู้นั้นเป็จ้าวซิงอ๋องเล็กของพวกเขา จึงแสดงความยินดีอย่างเอิกเกริก แม้กระทั่งเหล่าขุนนางก็มาร่วมแสดงความยินดีกับเซิ่งอ๋องไม่ขาดสาย แต่บัดนี้อันดับที่ 1 หาใช่อ๋องเล็กของจวนเซิ่งอ๋องไม่ แต่กลับเป็ของเย่เฟิง เื่นี้ทำให้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์จวนเซิ่งอ๋องรู้สึกอับอายขายหน้าเป็ที่สุด
“อันดับที่ 1 เป็ของเขา!”
สีหน้าของเซิ่งอ๋องต้องขาวซีดขณะมองเย่เฟิง แม้ไม่เอ่ยถึงบุญคุณความแค้นระหว่างเซิ่งอ๋องกับตระกูลเย่ แต่เพียงแค่เื่นี้ก็ทำให้เซิ่งอ๋องเกลียดเย่เฟิงมาก ๆ เขาคิดว่าเย่เฟิงทำให้จวนเซิ่งอ๋องเป็ตัวตลก ถูกผู้คนหัวเราะเยาะ
ทางฝั่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ทุกคนต่างเืเดือดพล่าน เหล่าผู้าุโมองเย่เฟิงด้วยสายตาชื่นชม อัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักยุทธ์ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังจริง ๆ ก่อนหน้านี้กองกำลังอื่น ๆ ต่างหัวเราะเยาะสำนักยุทธ์เทียนเสวียน แต่บัดนี้การกระทำของตนเองกลับตบหน้าคนเ่าั้จนได้ยินเสียงดังฟังชัด
ั้แ่สมัยโบราณกาลมา ถือว่าหาได้น้อยนักที่จะมีคนบุกฝ่าไปถึงชั้นที่ 9 ของเจดีย์เชื่อมฟ้า แม้แต่องค์ชายใหญ่จ้าวหยางอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรจ้าวก็ยังทำเื่เช่นนี้ไม่ได้
“ใต้เท้า ท่านบอกว่าเย่เฟิงได้อันดับที่ 1 ในการบุกฝ่าเจดีย์เขื่อมฟ้ารอบที่สอง เช่นนั้นข้าอยากรู้คะแนนการบุกฝ่าของเย่เฟิง” ขณะนั้นผู้ชนะคนหนึ่งดูเหมือนจะไม่เชื่อ จึงอยากรู้ว่าเย่เฟิงฝ่าด่านในเจดีย์เชื่อมฟ้าได้จริง ๆ หรือไม่
“ผ่านด่านทั้งหมด เขาผ่านทุกด่านจนไปถึงชั้นที่ 9 ทั้งหมด!” ขุนนางใหญ่ผู้นั้นกล่าวด้วยท่าทีหวั่นไหว เขาดูแลงานชุมนุมหวงปั่งมาหลายสิบครั้ง แต่นี่เป็ครั้งแรกที่มีสัตว์ประหลาดเช่นเย่เฟิงปรากฏตัว
“ผ่านด่านทั้งหมด แกร่งมาก!” ผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างก็เืเดือดพล่านอีกครั้ง พวกเขาไม่คาดคิดว่าพลังของเย่เฟิงจะแปลกพิลึกเช่นนี้ การผ่านด่านทั้งหมดและบุกฝ่าชั้นที่ 9 ได้แบ่งออกเป็สองแิ แต่มีเพียงคนเ่าั้ที่บุกฝ่าเจดีย์เชื่อมฟ้าที่รู้เื่นี้เป็อย่างดี
กล้ามเนื้อบนใบหน้าขององค์ชายใหญ่จ้าวหยางกระตุกวูบขณะมองเย่เฟิงด้วยสายตาอิจฉาริษยา
“เสด็จพี่ อย่างที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้ ทุกสิ่งทุกอย่างอาจมีบางเื่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด แต่ท่านไม่เชื่อเอง และคิดว่าข้าดูถูกเสด็จพี่ บัดนี้คำพูดของข้าเป็จริงแล้ว ข้าพูดได้เพียงว่าบัดนี้ท่านมิใช่อันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรจ้าวเพียงหนึ่งเดียวแล้ว” องค์ชายรองจ้าวเยี่ยกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอันอบอุ่น แต่เห็นชัดว่าเป็ถ้อยคำถากถาง แต่พอเป็จ้าวเยี่ยที่พูดมันออกไป ดูเหมือนจะไม่ร้ายแรงเช่นนั้น
“น้องรองคงไม่คิดว่าเขาที่อยู่ขั้นรวมชี่จะสามารถแทนตำแหน่งของข้าได้หรอกกระมัง!”
จ้าวหยางได้ยินเช่นนั้นย่อมรู้สึกไม่พอใจ แต่เขากลับไม่โมโห จู่ ๆ จ้าวเยี่ยพูดขึ้นว่า “ย่อมไม่ใช่แน่นอน ทุกอย่างล้วนมีคำว่าถ้าหาก”
เมื่อกล่าวจบ จ้าวเยี่ยเพียงระบายยิ้มและไม่พูดอะไรต่อ
การแข่งขันทั้งสองรอบของงานชุมนุมหวงปั่งล้วนถูกเย่เฟิงทำลายสถิติ ทำให้นามของเขาเป็ที่กล่าวถึงของผู้คน ถึงอย่างไรผู้คนไม่คิดว่าการที่ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 7 สามารถเฉิดฉายในการแข่งขันทั้งสองรอบบนเวทีในงานชุมนุมหวงปั่งได้นั้นมันไม่ใช่เื่บังเอิญ
“เอาล่ะ ทุกคนพักสักสองชั่วยาม การทดสอบรอบสุดท้ายจะเกิดขึ้นในอีกสองชั่วยาม” ขุนนางใหญ่ผู้ดำเนินการผู้นั้นกล่าวกับทุกคน
หลังจากจบการแข่งขันนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ที่เข้าร่วมส่วนใหญ่ต่างเหนื่อยล้าหมดเรี่ยวแรง จำต้องใช้เวลาสักระยะในการฟื้นฟูพลัง เพื่อให้พลังกลับมาเต็มเปี่ยมเช่นเดิม
ในระหว่างการบุกฝ่าเจดีย์เชื่อมฟ้า เย่เฟิงผลาญพลังหยวนไปมหาศาล ดังนั้นเขาจึงไขว้ขานั่งลงขัดสมาธิอย่างไม่รีรอและเริ่มปรับลมหายใจ ส่วนอีก 39 คนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายต่างก็ทำเช่นเดียวกัน
หนึ่งชั่วยามผ่านไป ด้วยความช่วยเหลือจากฤทธิ์ยาสองเม็ด เย่เฟิงจึงฟื้นคืนสู่สภาพเดิม เต็มเปี่ยมด้วยพลัง แต่เขากลับเร่งรีบลุกขึ้น ก่อนหน้านี้ตบะของเย่เฟิงอยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 7 และผ่านการขัดเกลาจากการบุกฝ่าเจดีย์เชื่อมฟ้า ไม่นึกว่าจะทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายคล้ายจะทะลวงขั้นพลัง จากนั้นเย่เฟิงกลืนยาเพิ่มพูนตบะลงท้อง พลันฤทธิ์ยาไหลเวียนไปทั่วร่างกาย บำรุงเส้นเืเส้นเอ็นของเขา
ทันใดนั้นเก้าวัชรหุนหยวนเกิดโคจรเองในร่างกายของเย่เฟิง พลังหุนหยวนควบแน่น ก่อนต้าโจวเทียนจะโคจรไปทั่วกาย
“ฟึ่บ!” เสียงหนึ่งพลันดังขึ้น นาทีต่อมาแสงสีเหลืองอ่อนเข้าปกคลุมร่างเย่เฟิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิ
“หมอนี่ทำอะไรน่ะ?” ขณะนั้นมีผู้คนจำนวนไม่น้อยสังเกตเห็นสถานการณ์ทางด้านเย่เฟิง เมื่อพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับเย่เฟิงต่างก็แอบใ
“ถ้าข้าดูไม่ผิด เขากำลังทะลวงขั้นพลัง!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งอุทานด้วยความใ
“ไม่นึกว่าจะทะลวงขั้นพลังในระหว่างงานชุมนุมหวงปั่ง พร์ของเย่เฟิงผู้นี้จะวิปริตเกินไปแล้ว!” ผู้คนเริ่มสังเกตเห็นสัญญาณการทะลวงขั้นพลังของเย่เฟิง จึงอุทานด้วยความใ
เืภายในร่างกายของเย่เฟิงเริ่มส่งเสียงราวกับเดือดพล่าน ด้วยการชำระล้างจากพลังหุนหยวนอย่างต่อเนื่อง ตบะของเย่เฟิงจึงบรรลุขั้นรวมชี่ที่ 8 ทีละนิด ๆ จนในที่สุดแสงรอบกายเย่เฟิงก็จางหาย เสียงร้องภายในกายพลันเงียบสงบ จากนั้นเขาค่อย ๆ เก็บพลังและลุกขึ้นยืน เขารู้สึกว่าในกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังหยวนและพละกำลัง รู้สึกสดชื่นจนมิอาจอธิบายออกมาได้
ใช่ เย่เฟิงทะลวงแล้ว ตบะของเขาเลื่อนเป็ขั้นรวมชี่ที่ 8 ซึ่งหลังจากทะลวงขั้นพลังแล้วความสามารถทุกด้านของเย่เฟิงก็เปลี่ยนไปแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม การยกระดับนี้มีหลายด้าน แบ่งออกเป็พลัง ความเร็ว ความทนทาน การป้องกัน และพลังจิต
ก่อนหน้านี้หนึ่งหมัดของเย่เฟิงะเิพลังถึงแสนจิน แต่หลังจากทะลวงขั้นพลัง หนึ่งหมัดของเขาสามารถะเิพลังได้ถึง 120,000 จิน พลังเช่นนี้เหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 เรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัว แม้จะไม่ใช้พลังหยวน หมัดของเย่เฟิงก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 1 ทั่วไปจะต้านทานได้ ซึ่งระหว่างขั้นรวมชี่และขั้นยุทธ์แท้มีสันเขากั้นอยู่ แต่สันเขานี้กลับไร้ตัวตนเมื่ออยู่เบื้องหน้าเย่เฟิง
เมื่อมู่เยี่ยน เจียงเซิ่งหลิง และเหล่าคนที่อยากจัดการเย่เฟิงเห็นเย่เฟิงทะลวงขั้นพลังต่างก็เผยสีหน้าดูไม่ได้
“เอาล่ะ เวลามีไม่มาก ประลองฝีมือรอบสุดท้ายเริ่ม ณ บัดนี้!” ขณะเดียวกันที่บนอัฒจันทร์หลัก ขุนนางใหญ่ผู้ดำเนินการพลันลืมตาขึ้น ก่อนจะกล่าวเช่นนั้น
เมื่อผู้ฝึกยุทธ์เ่าั้ที่กำลังฟื้นฟูพลังได้ยินต่างก็ลุกขึ้นยืน พวกเขารู้ว่างานชุมนุมหวงปั่งที่แท้จริงกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว
“รอบที่สามประลองฝีมือมีทั้งหมด 40 คนที่เข้าร่วม ก่อนอื่นทุกคนต้องจับสลาก ทุกสองคนที่จับสลากได้เหมือนกันจะต้องประลองฝีมือ ผู้ชนะเข้ารอบ ผู้แพ้ตกรอบ การจับสลากนี้แบ่งออกเป็สองรอบ ผู้ที่ยังคงอยู่หลังผ่านไปสองรอบจะเป็หนึ่งในสิบอันดับแรกของงานชุมนุมหวงปั่ง”
ขุนนางใหญ่ผู้นั้นอธิบายกฎของการประลองฝีมือให้กับทุกคน ต่อจากนั้น 40 คนเริ่มจับสลาก ไม่นานการประลองรอบแรกก็เปิดฉากขึ้น
