ลู่หยวนฮวาก้าวเดินไปตามเส้นทางเล็ก ๆ ที่เลียบไปกับแนวป่าทึบ ความเงียบสงัดของป่าโอบล้อมนางราวกับกำแพงที่หนาทึบ ต้นไม้สูงใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมท้องฟ้าเหนือศีรษะ ปิดกั้นแสงอาทิตย์ให้เลือนลางรางจากท้องฟ้าสีครึ้ม ทำให้ป่าแห่งนี้ดูมืดสลัวไปทุกทิศทาง ทว่าบรรยากาศนี้กลับทำให้นางรู้สึกสงบใจ รู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ไม่มีกฎเกณฑ์ของมนุษย์มาคอยขีดเส้นไว้
การตัดสินใจเดินทางเลี่ยงเมืองิอี้ในครั้งนี้เป็สิ่งที่ลู่หยวนฮวาคิดมาอย่างรอบคอบ ในเมืองิอี้เป็ที่รู้กันว่าตระกูลลู่ของนางถูกกล่าวขานถึงตำนานคำสาปที่เล่นงานพวกเขามาอย่างยาวนาน
ชาวเมืองหวาดกลัวตระกูลลู่ เพราะเชื่อว่าสายเืของพวกเขานำพาความหายนะและโชคร้ายไปทุกหนแห่ง
ความเชื่อเ่าั้ไม่ได้เป็เพียงคำลือแต่อย่างใด หญิงสาวที่เกิดในตระกูลลู่เมื่อแต่งงานออกไปก็ไม่เคยมีใครพบความสุขได้ยืนยาว พวกนางมักจะนำความตายมาสู่คนรักเสมอ คล้ายกับดวงชะตากินสามี ไม่ว่าจะเป็โรคภัย ภัยธรรมชาติ หรืออุบัติเหตุ หากใครได้เป็คู่ครองกับคนตระกูลลู่ ชีวิตก็มักจะจบลงอย่างน่าสลด นั่นเป็เหตุผลว่าทำไมชาวเมืองิอี้ถึงรังเกียจและหวาดกลัวนางยิ่งนัก
ด้วยเหตุนี้ ลู่หยวนฮวาจึงเลือกที่จะเลี่ยงเส้นทางที่ผ่านเมือง แม้ทางป่าที่นางเดินจะเต็มไปด้วยอันตรายจากสัตว์ป่าและความไม่แน่นอน แต่นางกลับรู้สึกว่ามันปลอดภัยกว่าการเดินผ่านหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยสายตาเ็าที่จ้องมองมา ด้วยความเชื่อและความหวาดกลัวที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
ในระหว่างทางที่นางเดินอยู่ นางเหลือบไปเห็นสมุนไพรสีเขียวสดที่ขึ้นอยู่ริมทาง นางหยุดเท้าชั่วครู่ ก่อนจะคุกเข่าลงเพื่อเก็บมันขึ้นมาตรวจสอบ นางใช้ปลายนิ้วบรรจงขยี้ใบเล็กน้อยเพื่อตรวจสอบความชื้นและกลิ่นหอมที่เป็เอกลักษณ์ สมุนไพรนี้มีสรรพคุณที่ใช้รักษาาแและช่วยบรรเทาความเ็ป หญิงสาวเพ่งสมาธิไปที่การเก็บสมุนไพร โดยไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังจ้องมองนางจากระยะไกล
ทันใดนั้น ความเงียบสงัดของป่าก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่ดังใกล้เข้ามา ลู่หยวนฮวาหยุดมือกลางคัน หูของนางได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงหัวเราะเบา ๆ ที่ห่างไกลจากความเป็มิตร นางเงี่ยหูฟังและค่อย ๆ หันไปตามเสียงนั้น
ใจของนางเต้นรัวขึ้นเมื่อมองเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดผ้าหยาบกร้าน พวกเขากำลังเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาของพวกเขาจับจ้องมาที่นางด้วยสายตาโลมเลียและท่าทางที่ดูหื่นกระหาย
"โฉมสะคราญเช่นเ้า ใยจึงมาเดินเล่นในป่าแห่งนี้เพียงลำพัง?" หนึ่งในพวกเขาถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงเจตนาร้ายอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มที่บิดเบี้ยวบนใบหน้าของเขายิ่งทำให้นางตระหนักว่านี่ไม่ใช่การหยอกล้อธรรมดา
พวกเขาขยับฝีเท้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ลู่หยวนฮวาหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ นางรู้สึกได้ว่าความตึงเครียดเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
ลู่หยวนฮวาล้วงมือเข้าไปในถุงย่ามเล็กๆ ที่นางพกติดตัวตลอดเวลา ภายในถุงนั้นเต็มไปด้วยสมุนไพรที่นางเตรียมไว้สำหรับการรักษาโรคและการบรรเทาอาการเจ็บป่วย แต่นางก็ได้เตรียมมันไว้สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ด้วย นางใช้ผงสมุนไพรที่บดละเอียดที่สามารถทำให้ผู้ที่สูดดมเกิดอาการระคายเคืองตาและไม่สามารถมองเห็นชั่วคราวได้
เมื่อพวกโจรคนหนึ่งย่างเท้าเข้ามาใกล้นางมากขึ้น นางไม่รอช้า ผงสมุนไพรในมือของนางถูกโยนออกไปอย่างรวดเร็ว ผงนั้นกระจายไปในอากาศและเข้าตาของพวกโจร เสียงร้องด้วยความเ็ปดังขึ้นขณะที่พวกเขาพยายามขยี้ตาอย่างบ้าคลั่ง
“บัดซบ! เ้ามันนังตัวดี!” หนึ่งในพวกโจระโออกมาด้วยความโกรธ ขณะที่พวกเขาพยายามถอยหลังเพราะอาการระคายเคืองตา ลู่หยวนฮวารู้ว่านี่คือโอกาสที่นางจะหนี
ไม่รอช้า หญิงสาวหันหลังกลับและเริ่มวิ่งทันที ขณะที่ฝีเท้าของนางกระแทกพื้นดิน เสียงของพวกโจรก็ยังคงดังตามหลังมาเรื่อย ๆ พวกเขายังคงไม่ยอมแพ้และไล่ตามนางอย่างไม่ลดละ
ทางป่าที่นางวิ่งไปเต็มไปด้วยความยากลำบาก รากไม้ที่โผล่ขึ้นมาและก้อนหินที่กระจัดกระจายทำให้การวิ่งของนางไม่ง่ายอย่างที่คิด ลู่หยวนฮวารู้สึกว่าลมหายใจของนางเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเสียงฝีเท้าของพวกโจรใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวพยายามที่จะเร่งความเร็วแต่กลับสะดุดเข้ากับก้อนหินที่ซ่อนอยู่ใต้พงหญ้า ร่างของนางเซเสียหลักก่อนจะล้มลงกับพื้นอย่างแรง ความเ็ปจากข้อเท้าทำให้นางรู้สึกว่าการหนีครั้งนี้อาจจะจบลงที่ความล้มเหลว
นางพยายามดันตัวเองขึ้นมายืนอีกครั้ง แต่ไม่ทันไรพวกโจรก็ตามมาทันและล้อมรอบร่างบางไว้ รอยยิ้มเย้ยหยันที่ปรากฏบนใบหน้าของพวกมันทำให้นางรู้สึกถึงความสิ้นหวัง พวกมันค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ ลู่หยวนฮวารู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของพวกเขา ความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของนาง แต่ก่อนที่นางจะได้ทำอะไร เสียงกีบม้าก็ดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ลู่หยวนฮวาหันขวับไปตามเสียงนั้น นางเห็นกองทหารในชุดเกราะสีเงินส่องแสงวับวาวเข้ามาใกล้ เสียงกีบม้าที่กระแทกพื้นดินดังกึกก้องไปทั่วป่า เสียงใบไม้และลมที่เคยครอบคลุมป่ากลับถูกกลบด้วยเสียงดังของการมาถึงของกองทัพ
ก่อนที่นางจะทันตั้งตัว ชายคนหนึ่งในชุดเกราะสีเงินะโลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วและมั่นคง ราวกับราชสีห์ที่พร้อมปกป้องเหยื่อจากฝูงหมาป่า
ในขณะที่ชายหนุ่มผู้นั้นเข้ามาใกล้ ลู่หยวนฮวาที่กำลังจะล้มลงอีกครั้งก็ถูกประคองขึ้นมาอย่างนุ่มนวล แขนแข็งแกร่งของชายหนุ่มรับตัวนางไว้อย่างมั่นคง นางเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจและสับสน
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของชายหนุ่มผู้นั้นสบกับดวงตาของลู่หยวนฮวา ่เวลานั้นราวกับทุกสิ่งหยุดนิ่งไปชั่วขณะ แรงดึงดูดบางอย่างทำให้นางไม่สามารถละสายตาจากเขาได้
“ท่าน...ท่านเป็ใคร?” ลู่หยวนฮวาถามออกมาเบา ๆ นางยังคงสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็ใคร
ชายหนุ่มไม่ตอบในทันที เขาเพียงแค่ประคองนางขึ้นมาอย่างนุ่มนวล ริมฝีปากของเขาเม้มแน่นเป็เส้นตรง ขณะที่ดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ดวงตานีนิล๕งามของนางด้วยความสงสัย
ในขณะเดียวกัน พวกโจรที่ล้อมรอบก็เริ่มถอยหลัง ท่าทีของพวกมันเปลี่ยนไปเมื่อเห็นชายหนุ่มในชุดเกราะที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของพวกเขา พวกมันรู้ดีว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนที่พวกมันจะสามารถต่อกรได้ง่ายๆ
"ถอยไป ก่อนที่ข้าจะลงมือกับมดปลวกอย่างพวกเ้าด้วยตัวเอง" ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและเด็ดขาด น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
พวกโจรที่ล้อมรอบลู่หยวนฮวาหยุดชะงัก ดวงตาของพวกมันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเมื่อพบว่าคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคือชายหนุ่มที่ดูแข็งแกร่งและน่าเกรงขามเกินกว่าจะต่อต้าน พวกมันค่อยๆ ถอยหลังด้วยท่าทางที่ระแวดระวัง ทิ้งระยะห่างจากทั้งคู่ ก่อนจะล่าถอยไปในที่สุดโดยไม่มีใครกล้าหันกลับมามอง
เมื่อพวกโจรลับหายไปจากสายตา ลู่หยวนฮวายืนมองชายหนุ่มผู้ช่วยชีวิตนางด้วยความทึ่ง ดวงตาของนางยังคงจับจ้องไปที่เขา หัวใจเต้นแรงด้วยความประหลาดใจและความรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้ง นางไม่คาดคิดว่าจะมีผู้ใดเข้ามาช่วยนางในเวลาที่นางตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้ ความรู้สึกอุ่นใจที่ชายหนุ่มมอบให้นาง เป็สิ่งที่นางไม่เคยััมาก่อน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้