ตกกลางคืน
เฉียวรุ่ยมองหลิ่วเทียนฉีที่รั้นจะอยู่ในห้องตน ไม่ยอมจากไปแล้วย่นจมูก “ดึกมากแล้ว ทำไม ทำไมเ้ายังไม่กลับไปนอนอีกเล่า? วันพรุ่งนี้ต้องเก็บตัวฝึกฝนมิใช่หรือ?”
“ไม่อยากกลับไปนอนเลย กลับไปข้าก็ไม่ได้เจอเ้าแล้ว!” หลิ่วเทียนฉีมองคนข้างกาย เอ่ยอย่างน้อยใจ
“เ้า ทำไมเ้าถึงติดข้าเช่นนี้!” เฉียวรุ่ยชำเลืองมองบุรุษที่ตัดใจจากไปไม่ลง ส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ
“แล้วเ้าไม่ชอบให้ข้าติดเ้าหรือ?” หลิ่วเทียนฉีโอบไหล่เฉียวรุ่ย กะพริบตาปริบๆ ใส่อีกฝ่าย
“ก็ ก็ไม่ใช่หรอก!” หากเทียนฉีไม่ติดเขา นั่นบ่งบอกว่าเทียนฉีไม่ชอบเขาแล้วไม่ใช่หรือ? ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เขา้า
“ฮ่าๆๆ ถ้าเช่นนั้น เตียงครึ่งหนึ่งของเ้า ยกให้ข้าได้ไหม?” ใครบางคนเอ่ยต่อ ได้คืบจะเอาศอกจริง
“นอน นอนด้วยกันหรือ?” เฉียวรุ่ยหน้าแดง มองอีกฝ่ายพลางถามเสียงเบา
“อืม ข้ากอดเ้านอน ดีไหม?”
เผชิญกับสายตาอ่อนโยนของบุรุษ เฉียวรุ่ยก็พยักหน้าเล็กน้อย “ก็ ก็ได้!”
“งั้นมา ข้าถอดเสื้อให้เ้า!” หลิ่วเทียนฉีพูดพลางดึงเขาขึ้นจากเก้าอี้
“อืม!” เฉียวรุ่ยยืนอยู่กับที่ไม่ปฏิเสธ ยกมุมปากยิ้มตาหยี มองคู่หมั้นถอดเสื้อผ้าให้
“เสร็จแล้ว!” หลิ่วเทียนฉีถอดเสื้อตัวนอกกับเสื้อตัวกลางของเฉียวรุ่ยไปแขวนไว้บนราวแขวนเสื้อ ก่อนจูงมืออีกฝ่ายเข้าด้านใน แต่ถูกเฉียวรุ่ยหยุดไว้
“ข้าถอดเสื้อให้เ้าบ้าง!”
“เอาสิ!” เห็นเฉียวรุ่ยพูดด้วยสีหน้าตั้งใจ หลิ่วเทียนฉีก็พยักหน้าตอบรับ
เฉียวรุ่ยเลียนแบบเขา ปลดสายคาดเอวเขาอย่างเงอะงะเล็กน้อย “เฮ้อ คนรวยเช่นพวกเ้านี่ยุ่งยากจริง แค่สวมเสื้อผ้ายังต้องสวมมากชั้นปานนี้เชียว!”
ได้ยินเสียงบ่น หลิ่วเทียนฉีก็ส่ายศีรษะ หลุดหัวเราะ “ไม่ใช่พวกเ้า เป็พวกเราต่างหาก!”
ได้ยินคำแย้ง เฉียวรุ่ยก็อึ้งไปนิดหนึ่ง ค่อยๆ หน้าแดงขึ้น ก้มศีรษะลงถอดเสื้อให้หลิ่วเทียนฉีต่อ
“ขอบคุณภรรยา!” เฉียวรุ่ยหยอกเย้าเสียงเบาประโยคหนึ่ง โอบคนรักไปขึ้นเตียงด้วยกัน
หลังเป่าโคมไฟดับ ปล่อยม่านหน้าต่างลง ทั้งสองก็นอนลงเงียบๆ
เฉียวรุ่ยนอนหน้าแดงอยู่ในอ้อมแขนของหลิ่วเทียนฉี แต่โชคดีที่ในห้องมืดสนิท บุรุษข้างกายจึงมองไม่เห็น
“รีบนอนเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” หลิ่วเทียนฉีจูบหน้าผากเฉียวรุ่ยเบาๆ ทีหนึ่ง เสียงของเขาท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงบฟังดูอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด
“อืม เ้าก็รีบนอนเถอะ วันพรุ่งนี้ต้องเก็บตัวฝึกฝนแล้วนี่?”
“อืม!”
……...
เช้าตรู่ วันรุ่งขึ้น
เฉียวรุ่ยตื่นขึ้นมา ข้างกายก็ไม่มีเงาของหลิ่วเทียนฉีแล้ว พอไม่ได้เห็นอีกฝ่ายเป็สิ่งแรกพลันรู้สึกเศร้าเหมือนสูญเสียบางสิ่งอยู่นิดๆ เขาเตรียมลงจากเตียงแล้วเหลือบไปเห็นบนโต๊ะมีขวดกระเบื้องกับยันต์วิเศษมากมายวางอยู่!
เมื่อลงมาแล้ว สวมรองเท้าเสร็จก็วิ่งไปหน้าโต๊ะ ด้านข้างขวดกระเบื้องน้อยสิบกว่าขวดพบจดหมายฉบับหนึ่ง
เฉียวรุ่ยเปิดจดหมายออกอ่านอย่างละเอียด
‘เสี่ยวรุ่ย สามีจะไปเก็บตัวฝึกฝนแล้ว เ้าอยู่บ้านเป็เด็กดีรอข้านะ ของที่บรรจุอยู่ในขวดกระเบื้องสิบสองขวดนั่นคือน้ำพุบรรณมาศ มีฤทธิ์ช่วยฝึกฝน ทุกวันตอนเ้าอาบน้ำให้หยดลงไปในถังอาบน้ำเพื่อดูดซับนะ นอกจากนี้ ข้ายังเตรียมยันต์โจมตีขั้นสองไว้ให้เ้าป้องกันตัวอีกเจ็ดสิบแปดแผ่น หากศิลาทิพย์ที่ตัวเ้าใช้จ่ายไม่พอก็ขายบางส่วนแลกศิลาทิพย์มาฝึกฝนได้ เ้าต้องดูแลตัวเองดีๆ เล่า! พบอันตรายก็ขอท่านพ่อให้คุ้มครองนะ!’
หลังอ่านจบ เฉียวรุ่ยก็แนบจดหมายไว้กับอก อดส่งเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้ ในหัวใจรู้สึกถึงความหวานละมุนซาบซ่าน
“จริงๆ เลย แค่เก็บตัวฝึกฝนเท่านั้น ไม่ใช่ออกจากบ้านไปไกลเสียหน่อย จะเขียนจดหมายทำไมเล่า!” ปากบ่นแต่ในใจหวานชื่น เฉียวรุ่ยพับจดหมายอย่างระมัดระวัง เก็บไว้ในแหวนมิติของตน
หลังหยิบขวดกระเบื้องน้อยบนโต๊ะขึ้นมาดูทีละขวด เขาก็เก็บไปอย่างเบิกบานใจแล้วหยิบยันต์วิเศษขึ้นมาดูต่อ มองทีละแผ่นและค่อยเก็บเข้าไปด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข