ตระกูลจั๋วแห่งเมืองตงหลิง หลังจากงานรื่นเริงผ่านไปก็กลับคืนสู่ความสงบดังปกติ
งานแต่งระหว่างตระกูลซีโหลวกับตระกูลจั๋วไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ที่เมืองชายแดนมากนัก โดยเฉพาะหลังจากข่าวที่จั๋วฟู่ไห่แขนขาดแพร่กระจายออกไป แต่ก็มีการเคลื่อนไหวลับๆ เกิดขึ้นมากมาย
“หวั่นเอ๋อร์ ่นี้อวิ๋นเซียนเป็อย่างไรบ้าง?”
ในห้องตำรา จั๋วฟู่ไห่เรียกบุตรสาวมาถามไถ่สถานการณ์ของจั๋วอวิ๋นเซียน
จั๋วอวี้หวั่นส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้มขมขื่น “น้องชายกับน้องสะใภ้แยกกันอยู่ ต่างคนต่างใช้ชีวิต ในเวลาปกติก็ไม่ได้พูดคุยกัน...”
นางลังเลเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง จากนั้นทนไม่ไหวกล่าวว่า “ท่านพ่อ อาจจะเพราะข้าคิดมากเกินไป แต่น้องสะใภ้แต่งเข้ามาหลายวันแล้ว กลับไม่เคยเป็ฝ่ายไปหาน้องชายเลย ข้ารู้สึกว่าท่าทางของน้องสะใภ้ค่อนข้างเ็าไปเสียหน่อย”
จั๋วอวี้หวั่นตำหนิเล็กน้อย ถึงแม้อายุของจั๋วอวิ๋นเซียนกับซีโหลวรั่วเมิ่งจะยังน้อย มิอาจอยู่อย่างสามีภรรยาได้ แต่มารยาทที่พึงมีไม่ควรขาด อย่างน้อยซีโหลวรั่วเมิ่งในฐานะที่เป็ภรรยา นางควรอยู่ข้างกายจั๋วอวิ๋นเซียนถึงจะถูก
“เฮ้อ!”
จั๋วฟู่ไห่ถอนหายใจ เขาโบกมือพลางกล่าวว่า “เื่นี้จะไปโทษคุณหนูรั่วเมิ่งไม่ได้ นิสัยของน้องชายเ้า เ้าเองก็รู้ดี เขามีความคิดเป็ผู้ใหญ่เกินไป กดดันตัวเองเกินไป แม้แต่ตอนข้าพูดคุยกับเขาก็มิอาจเห็นเขาเป็เด็กได้ ยิ่งไม่ต้องพูดเื่จะให้คุณหนูรั่วเมิ่งพูดคุยกับเขา...ข้ารู้สึกว่าในฐานะที่อวิ๋นเซียนเป็บุรุษ เื่เช่นนี้เขาควรเป็ฝ่ายเริ่มก่อน”
หลังจากครุ่นคิดดูแล้ว จั๋วฟู่ไห่ตัดสินใจให้บุตรสาวไปเรียกจั๋วอวิ๋นเซียนมา เขาต้องพูดคุยกับบุตรชาย
……
ผ่านไปพักหนึ่ง จั๋วอวิ๋นเซียนถูกพี่สาวลากมาที่ห้องตำรา
“ท่านพ่อ มีเื่อันใดหรือ?”
น้ำเสียงของจั๋วอวิ๋นเซียนแหบแห้ง ทั้งยังแฝงด้วยความเหนื่อยล้า
หลายวันมานี้เขาเข้าฌานทำสมาธิไม่หลับไม่นอน แทบจะไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่อึดใจเดียว สภาพของเขาจึงดูย่ำแย่มาก
“อวิ๋นเซียน นี่ลูก...”
เดิมทีจั๋วฟู่ไห่คิดจะพูดสักสองประโยค ทว่าคำพูดมาถึงปลายปากก็กลืนกลับเข้าไปอีกครั้ง
หลายวันมานี้จั๋วฟู่ไห่หาเบาะแสของสมบัติิญญางอกแขนใหม่จึงไม่ได้สนใจจั๋วอวิ๋นเซียนนัก ตอนนี้เมื่อเห็นจั๋วอวิ๋นเซียนซูบผอม ในใจของเขารู้สึกผิดไม่น้อย ทั้งยังปวดใจมากอีกด้วย
“อวิ๋นเซียน ลูกใช้สิ่งนี้เสีย...”
จั๋วฟู่ไห่หยิบกล่องหยกขนาดเท่าฝ่ามือออกมายื่นให้จั๋วอวิ๋นเซียน “เื่แต่งงาน พ่อรู้ว่าลูกไม่ชอบใจนัก แต่เพื่อความมั่นคงของตระกูลจั๋วและเพื่ออนาคตของเ้าแล้ว พ่อหวังว่าลูกจะเข้าใจ”
“ท่านพ่อ ข้าเข้าใจ ข้าไม่เป็ไร”
จั๋วอวิ๋นเซียนรับกล่องหยกมาและยืนนิ่งอยู่กับที่
“เ้าเป็เด็กดี”
จั๋วฟู่ไห่หัวเราะอย่างมีความสุข จากนั้นเปลี่ยนบทสนทนา “ครั้งที่แล้วตอนไปตลาดรั่วหยาง พ่อประมูลผลหยินหยางมาสองผล ผลของเ้าคือผลฉุนหยาง ส่วนผลฉุนหยินอยู่กับรั่วเมิ่ง พวกเ้ารักษามันเอาไว้ให้ดี รอตอนพวกเ้าทั้งสองบำเพ็ญคู่แล้ว ใช้ผลหยินหยางเป็ตัวชี้นำและใช้วิชาลับปรับสมดุลหยินหยาง ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถเติมเต็มิญญาที่ขาดหายของลูกได้”
“ผลฉุนหยาง...”
จั๋วอวิ๋นเซียนถือกล่องหยกเอาไว้ ซึ่งยังคงััได้ถึงความอบอุ่นของบิดา แต่เขาอดนึกถึงเื่ที่บิดาแขนขาดไม่ได้ จึงน้ำตาคลอเบ้า
จั๋วฟู่ไห่เข้าใจความคิดของบุตรจึงตบบ่าอีกฝ่ายพลางกล่าวว่า “บรรพบุรุษของเผ่ามนุษย์เคยกล่าวเอาไว้ ท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล บุรุษควรจะแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง...เ้าอย่าเข้มงวดกับตัวเอง หรือกดดันตัวเองมากเกินไป บุตรชายของข้าจั๋วฟู่ไห่ ถึงแม้เป็คนธรรมดา ก็ต้องเป็บุรุษที่ยอดเยี่ยม”
เมื่อได้รับกำลังใจจากบิดา จั๋วอวิ๋นเซียนก็พยักหน้า
ความรักของบิดาดุจภูผา มักให้ความรู้สึกที่หนักแน่น ในใจของจั๋วอวิ๋นเซียน ขอเพียงมีบิดา ฟ้าก็ไม่มีวันถล่มลงมา
……
ณ เรือนจื่อจู๋อันเงียบสงบและบรรยากาศสดชื่น
ซีโหลวรั่วเมิ่งเดินออกมาจากศาลาไม้ไผ่อย่างเชื่องช้า นางเดินมาข้างบ่อน้ำและโยนอาหารปลาลงไปให้ฝูงปลามาแย่งกันกิน โดยมีสาวใช้คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกาย
ผ่านไปไม่นาน สาวใช้ชุดเขียวคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ราวกับมีเื่เร่งด่วน
“คุณหนู...”
สาวใช้ชุดเขียวกำลังจะเอ่ยปาก ซีโหลวรั่วเมิ่งกลับยกมือหยุดอีกฝ่ายไว้
สาวใช้อีกสองคนมองหน้ากัน แล้วจากไปอย่างว่าง่าย
……
เมื่อสาวใช้สองคนเดินออกไปแล้ว สาวใช้ชุดเขียวจึงกล่าวว่า “คุณหนู บุตรเขย...”
“หุบปาก!”
ซีโหลวรั่วเมิ่งเค้นเสียงเ็า “บุตรเขยอะไรกัน ใครคือบุตรเขย? ถ้าเ้าพูดจาไร้สาระอีก ข้าจะส่งเ้ากลับหุบเขาซีซาน!”
“ขะ...ขออภัยคุณหนู! ข้าผิดไปแล้ว...”
สาวใช้ชุดเขียวหน้าถอดสี รีบคุกเข่าขอร้อง นางคือสาวใช้ส่วนตัวของซีโหลวรั่วเมิ่ง รู้เื่ของคุณหนูมาไม่น้อย ถ้าหมดคุณค่าเมื่อใด หลังจากกลับไปซีซานต้องมีจุดจบที่เลวร้ายแน่
เมื่อนึกถึงคำกล่าวของบิดา ซีโหลวรั่วเมิ่งสูดลมหายใจเข้า ค่อยๆ สงบอารมณ์ “พอแล้ว ลุกขึ้นเถอะ เ้าคือสาวใช้ของตระกูลซีโหลว อย่าทำท่าทางลนลานเช่นนี้”
“ทราบแล้ว”
สาวใช้ลุกขึ้นสงบอารมณ์ เมื่อครู่นางใกับคำพูดของคุณหนูจริงๆ
ซีโหลวรั่วเมิ่งกล่าวเตือน “ครั้งนี้ไม่เป็ไร ถึงแม้ข้าจะแต่งเข้าตระกูลจั๋ว แต่ข้าไม่ได้ชื่นชอบสถานะนี้ ถ้าอยู่ต่อหน้าคนอื่นเ้าเรียกเขาว่าบุตรเขยก็ไม่เป็ไร แต่ถ้าอยู่กันสองคนข้าไม่ชอบคำเรียกเช่นนี้ เ้า...เข้าใจหรือไม่?”
“ขะ...เข้าใจแล้ว...ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!”
สาวใช้ชุดเขียวรีบพยักหน้า คิดในใจว่าต้องระมัดระวังให้มากขึ้น
ซีโหลวรั่วเมิ่งโยนอาหารปลาอีกครั้ง นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแ่เบา “พูดมา ข้าให้เ้าไปจับตามองจั๋วอวิ๋นเซียน เ้าพบอะไรบ้าง?”
สาวใช้ชุดเขียวกล่าว “เรียนคุณหนู ส่วนใหญ่ล้วนเป็อย่างที่เขาเล่าลือกัน นายน้อยตระกูลจั๋วคนนี้ชอบเก็บตัวเงียบ ปกติมักอยู่ในห้องคนเดียว แม้แต่ทานข้าวหรือเข้าห้องน้ำล้วนอยู่แต่ในห้อง น้อยครั้งที่จะออกมา...ได้ยินว่าเขาหลงใหลอยู่ในมิติมายาสุญญตา”
“มิติมายาสุญญตาหรือ?”
ซีโหลวรั่วเมิ่งกล่าวอย่างดูแคลน “มิติมายาสุญญตาคือซากปรักหักพังของวิถีเซียนโบราณ ถ้าไม่ใช่เพราะในซากโบราณสถานมีค่ายกลอักขระที่ยังพอมีค่าให้ศึกษาอยู่บ้าง ใครจะไปสถานที่แบบนั้นกัน! คนธรรมดาที่มิอาจควบรวมตราประทับได้ ไปที่นั่นก็ไร้ประโยชน์”
ในความเป็จริงแล้วเป็เหมือนที่ซีโหลวรั่วเมิ่งกล่าว ในสายตาของผู้บำเพ็ญเซียนมากมาย มิติมายาสุญญตาเป็เพียงสถานที่รกร้าง อัจฉริยะที่แท้จริงล้วนบำเพ็ญตนอย่างยากลำบาก มีเพียงคนธรรมดาอย่างจั๋วอวิ๋นเซียนถึงจะหลงใหลอยู่กับมิติมายาสุญญตา
สาวใช้ชุดเขียวเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้รีบกล่าวเตือนว่า “คุณหนู ่นี้ได้ยินมาว่ามิติมายาสุญญตากำลังฟื้นตื่น ซากโบราณสถานไม่น้อยเริ่มฟื้นฟูกลับมา”
“อืม เื่นี้ข้าก็ได้ยินมาบ้างแล้ว”
ซีโหลวรั่วเมิ่งขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “ถ้ามิติมายาสุญญตาสามารถฟื้นฟูได้ สำหรับแผ่นดินเซียนฉยงแล้วมีนัยสำคัญมาก แม้กระทั่งสถานการณ์ของขั้วอำนาจต่างๆ ก็เปลี่ยนตามไปด้วย ไม่แน่ว่าขั้วอำนาจมากมายอาจจะเริ่มเข้าไปเตรียมการในนั้นแล้ว”
สาวใช้ชุดเขียวก้มหน้าเงียบกริบ เื่ใหญ่เช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่นางควรพูดแทรก
“หลายวันมานี้ข้ายุ่งเกินไป ดูท่าข้าควรหาเวลาเข้าไปััการเปลี่ยนแปลงของมิติมายาสุญญตาบ้างแล้ว”
ซีโหลวรั่วเมิ่งพึมพำ สายตาเป็ประกาย
จากนั้นสาวใช้ชุดเขียวกล่าวเสริมว่า “ใช่แล้วคุณหนู เมื่อครู่คุณหนูใหญ่ตระกูลจั๋วนำจั๋วอวิ๋นเซียนออกจากห้องด้วยตนเอง จากนั้นก็เข้าไปที่ห้องตำราของผู้นำตระกูล...แต่พวกเขาพูดคุยเื่อะไรนั้น ข้าน้อยยังไม่ทราบ”
ซีโหลวรั่วเมิ่งกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “ดูท่าคนตระกูลจั๋วจะไม่พอใจข้าแล้ว”
“คุณหนูเช่นนั้นพวกเราควรรับมืออย่างไร?”
“ไม่ต้องสนใจ ข้าตัดสินใจเองได้”
เมื่อให้อาหารปลาเสร็จ ซีโหลวรั่วเมิ่งก็หันหน้าเดินจากไป
……
เมื่อกลับมาที่ห้อง จั๋วอวิ๋นเซียนถือผลฉุนหยางเอาไว้เงียบๆ
ถ้าหากว่าเมื่อก่อนเขาอยากบำเพ็ญเซียนเพื่อชีวิตนิรันดร์ มีอิสรเสรี หลุดพ้นข้อผูกมัด เช่นนั้นหลังจากวันนี้เป็ต้นไป ชีวิตของเขาจะมีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นอีกอย่างก็คือการปกป้องคนที่ตัวเองรักที่สุด
“ข้าจะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวัง!”
จั๋วอวิ๋นเซียนหลับตาลง จิตใจจมอยู่ในทะเลแห่งจิตสำนึก
เข้าฌานทำสมาธิ ส่องสว่างธารดารา
การวิวัฒนาการจิตทำให้ร่างกายของจั๋วอวิ๋นเซียนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าคว่ำดิน โดยเฉพาะแสงดาราสว่างไสวสายนั้นช่วยหล่อเลี้ยงิญญาของเขาพร้อมมอบความหวังอันไร้สิ้นสุดให้กับเขา
