หลังจากส่งเจิ้งซวี่เหยาออกจากห้อง หมี่หลันเยว่แทบจะะโขึ้นเตียงด้วยความดีใจ เธอรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง ถ้ารู้ว่าเจิ้งซวี่เหยาจะนำข่าวดีเช่นนี้มาให้ เธอคงไม่ต้องร้อนใจจนเกินเหตุตอนกินอาหารเย็น จนทำให้พี่ชายเป็ห่วง เมื่อคิดได้ดังนั้น หมี่หลันเยว่ก็รีบลุกจากเตียงอีกครั้ง แล้วตรงไปยังห้องของพี่ชาย
วันรุ่งขึ้น พวกเขาไม่ได้รีบร้อนไปดูร้านค้ากันแต่เช้าตรู่ เพราะต่างคนต่างก็มีแผนการในใจเหมือนกัน คือต้องไม่แสดงออกว่ากระวนกระวายใจ ให้ฝ่ายตรงข้ามร้อนรนก่อน ส่วนในใจจะร้อนรุ่มแค่ไหน ก็มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่รู้
แม่เจิ้งมองดูเด็กๆ ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความใจเย็น ในใจก็ผ่อนคลายลงบ้าง เธอกังวลว่าเด็กพวกนี้จะใจร้อนจนเกินไป จนทำให้เสียเื่ก่อน แล้วความหวังดีของเธอคงสูญเปล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะกังวลไปเองเสียแล้ว พวกนี้เป็พวกเจนโลกที่ผ่านอะไรมาเยอะจริงๆ
เมื่อคิดถึงพวกเจนโลกที่อายุแค่สิบกว่าปี รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแม่เจิ้ง ทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย โดยเฉพาะหมี่หลันเยว่ที่ถูกมองเป็พิเศษ เธอยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเอง ราวกับกลัวว่าจะมีอะไรผิดปกติ
"ป้าไม่ได้หัวเราะพวกเธอนะ พวกเธอจะตื่นเต้นอะไรกันนักหนา"
แม่เจิ้งหัวเราะเมื่อเห็นเด็กๆ มองหน้ากันไปมา เธอไม่คิดว่าเื่ใหญ่แบบนี้ พวกเด็กๆ จะไม่ตื่นเต้น แต่สีหน้าของเธอกลับทำให้พวกเขาตื่นเต้นแทน
"เอาล่ะๆ พวกเรายื้อกันมาพอสมควรแล้ว ตอนนี้ก็ออกเดินทางกันเถอะ จะโอ้เอ้มากเกินไปก็ไม่ได้ เดี๋ยวเขาจะหาว่าพวกเราไม่จริงใจ"
แม่เจิ้งพูดจบ หมี่หลันเยว่และทุกคนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมเพรียงกัน เจิ้งซวี่เหยาก็ต้องตามไปด้วยอย่างแน่นอน
"ไม่ต้องนั่งรถไปหรอกใช่ไหม"
เมื่อเห็นรถสองคันจอดอยู่ในลานบ้าน แม่เจิ้งก็เดินตรงไปนั่งในรถคันแรกทันที หมี่หลันเยว่ลังเลเล็กน้อย เพราะสถานะของเธอไม่ควรนั่งรถ ทำให้ครอบครัวเจิ้งต้องลำบาก
"ทำไมจะไม่ต้องนั่งล่ะ วันนี้ต้องนั่งรถไป ไม่อย่างนั้นราคาอาจจะคุยกันไม่ดีนะ"
เจิ้งซวี่เหยาผลักหมี่หลันเยว่เบาๆ จากด้านหลัง เพื่อส่งสัญญาณให้เธอนั่งรถก่อน หมี่หลันเยว่จึงจำใจตามแม่เจิ้งขึ้นรถไป เจิ้งซวี่เหยานั่งข้างหมี่หลันเยว่ที่เบาะหลัง
หมี่หลันหยางและพี่น้องอีกสามคนนั่งรถอีกคัน รถออกจากประตูใหญ่ที่กว้างขวางของบ้านสี่ประสานของสกุลเจิ้ง ไม่เลี้ยวไปไหนมาไหนมากนัก ก็ขึ้นสู่ถนนสายหลักของเมืองหลวงปักกิ่งแล้ว เห็นได้ชัดว่าทำเลที่ตั้งของบ้านสี่ประสานสกุลเจิ้งนั้นดีมากๆ ในเมืองหลวงปักกิ่ง เกือบจะอยู่ใจกลางเมืองเลยทีเดียว
"หลันเยว่ แม่ฉันบอกกับป้าิ่ว่า ที่บ้านเธอไม่ค่อยพอใจกับการซื้อขายครั้งนี้ แต่แม่เห็นแก่ความสัมพันธ์กับป้าิ่ เลยช่วยเป็คนกลางให้เป็พิเศษ ผู้ใหญ่ที่บ้านเธอจึงยอมให้พวกเธอมาดูกัน ถ้าขนาดนั่งรถยังไม่มีปัญญา ป้าิ่คงคิดว่าพวกเธอไม่ได้จริงจังแล้ว เขาก็คงไม่ยอมลดราคาให้"
"สำหรับคนที่ไม่ได้ตั้งใจมาทำธุรกิจอย่างจริงใจ ใครจะบอกราคาต่ำสุดของตัวเองกันล่ะ หลันเยว่ เธอเป็คนฉลาด ทำไมถึงได้สับสนในตอนนี้ แม่ฉันเตรียมรถให้พวกเรา ไม่ได้แค่้าอวดร่ำอวดรวย ตอนนี้รถคันนี้คือสิ่งที่ช่วยยกระดับฐานะของเธอ ดังนั้นตอนนั้นเธอต้องแสดงความกล้าหาญหน่อยนะ"
"ขอโทษค่ะ ฉันคิดผิดไปเอง ขอบคุณคุณป้าค่ะ"
หมี่หลันเยว่ส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการดิ้นรนด้วยตัวเอง ตอนนี้มีคนช่วยคิดเื่ต่างๆ ให้เธอเสร็จสรรพ เธอแค่ต้องทำตามแผนที่วางไว้ เธอกลับไม่ค่อยคุ้นชิน
"ไม่ต้องขอบคุณหรอก เื่เล็กน้อยแค่นี้จะขอบคุณทำไม เธอไม่ต้องเกรงใจป้าหรอก"
แม่เจิ้งมองลูกชายที่พูดจาไม่กี่คำก็ทำให้หมี่หลันเยว่เข้าใจได้ในทันที อดไม่ได้ที่จะมองลูกชายผ่านกระจกมองหลัง แล้วถอนหายใจในใจ 'เราเกิดมาไม่ทันกัน'
เหมือนจะไม่ได้ขับรถไปไกลนัก คนขับรถก็จอดรถแล้ว หมี่หลันเยว่คิดในใจว่า ดูท่าทางเธอจะเดาถูกแล้ว บ้านสี่ประสานของสกุลเจิ้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงมาถึงร้านค้าในใจกลางเมืองได้เร็วขนาดนี้ไม่ได้ บ้านแบบนี้ ผ่านไปสิบกว่าปี ราคาคงพุ่งไปถึงขนาดไหนแล้วก็ไม่รู้
"หลันเยว่ ลงมาเถอะ พวกเรามาถึงแล้ว"
เจิ้งซวี่เหยากระซิบรายงานหมี่หลันเยว่เบาๆ แล้วรีบลงจากรถอย่างรวดเร็ว วิ่งไปที่ฝั่งที่นั่งข้างคนขับของแม่เจิ้ง ช่วยแม่เจิ้งเปิดประตูรถ ใบหน้าของแม่เจิ้งยิ้มเหมือนดอกไม้ มีลูกชายคนโตแบบนี้ดีจริงๆ
หลังจากช่วยแม่ลงจากรถแล้ว เจิ้งซวี่เหยา้าจะไปช่วยหมี่หลันเยว่ต่อ หมี่หลันเยว่ลงจากรถด้วยตัวเองแล้ว เธอสวมชุดกระโปรงผ้าฝ้ายลายดอกไม้เล็กๆ สีชมพูอ่อน ถึงแม้จะไม่ใช่ผ้าไหมแท้หรือลูกไม้ราคาแพง แต่เมื่อสวมใส่บนตัวหมี่หลันเยว่ ก็มีกลิ่นอายความสง่างามที่โดดเด่นออกมา
แม่เจิ้งตบมือลูกชายเบาๆ
"ไปกันเถอะ พวกเราเข้าไปข้างในกัน อย่าปล่อยให้ป้าิ่รอนาน"
แล้วหันกลับไปเรียกหนุ่มๆ ทั้งสี่คนที่ลงจากรถตามหลังมา
"เด็กๆ พวกเราเข้าไปข้างในกัน"
หมี่หลันหยางและคนอื่นๆ เดินตามหลังแม่เจิ้งเข้าไปในร้านค้าที่อยู่ตรงหน้า ผลักประตูเข้าไป พื้นที่ที่เปิดโล่งในร้านค้า ทำให้หมี่หลันเยว่รู้สึกพอใจเป็อย่างแรก เธอรู้สึกกลัวจริงๆ ว่ามันจะเป็หน้าร้านที่เล็กจนน่าสงสาร
"นี่คือป้าิ่ หลันเยว่ เข้าไปทักทายสิ"
หมี่หลันเยว่รีบเดินไปที่โต๊ะ ทักทายผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าหรูหราด้านในอย่างสนิทสนม
"สวัสดีค่ะ ป้าิ่ หนูชื่อหมี่หลันเยว่ค่ะ"
หมี่หลันเยว่มีใบหน้าที่งดงาม กิริยาท่าทางสง่างาม และสุภาพอ่อนโยน ทำให้ได้รับความชื่นชมจากป้าิ่ในทันที เป็เด็กสาวที่สดใสน่ารักจริงๆ
"หลันเยว่ สวัสดีจ้ะ!"
พาสาวหลันเยว่ไปนั่งที่พักผ่อน แล้วเรียกหนุ่มๆ ที่อยู่ด้านหลัง
"มานั่งกันให้หมด อาจจะเบียดกันหน่อย แต่ที่นี่ไม่เหมือนอยู่บ้าน พวกเธอช่วยๆ กันหน่อยนะ"
การแต่งกายของหนุ่มๆ ดูไม่แพงมากนัก แต่ก็ดูดีมี เห็นได้ชัดว่าในการเลือกเสื้อผ้า พวกเขาก็มีรสนิยมอยู่บ้าง
ความประทับใจแรกพบนี้ ทำให้หมี่หลันเยว่และคณะได้คะแนนไปไม่น้อย สิ่งที่หมี่หลันหยางและคนอื่นๆ สวมใส่นั้น เป็เสื้อผ้าตัวเด่นของห้องเสื้อหลันเยว่ใน่ฤดูร้อน เพียงแต่ครอบครัวเจิ้งซวี่เหยายังไม่รู้เท่านั้นเอง ถ้ารู้ว่าสิ่งที่พวกเขาสวมใส่นั้น เป็เสื้อผ้าที่มาจากโรงงานของตัวเอง พวกเขาคงใจริงๆ
"พี่เจิ้ง พี่ก็มานั่งด้วยกันสิ ทำไมถึงยืนอยู่ห่างขนาดนั้น"
ป้าิ่ดูเหมือนจะเป็ผู้หญิงที่มีความสามารถรอบด้าน เมื่อเห็นว่าแม่เจิ้งยังยืนอยู่ ก็รีบกวักมือเรียกให้เธอมา เพราะเธอเป็คนกลางที่ช่วยประสานงาน บางทีเขาอาจจะช่วยเธอได้บ้าง พูดอะไรได้บ้าง
จริงๆ แล้วแม่เจิ้งไม่อยากจะเข้ามายุ่งเกี่ยวต่อไป เพราะในใจแม่เจิ้งรู้สึกว่าเด็กสาวหมี่หลันเยว่คนนี้คงจะไม่เสียเปรียบอะไร ส่วนเสี่ยวิ่ที่ขายร้านนั้น ก็เป็เพื่อนในวงสังคมชั้นสูงของเธอเหมือนกัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็คนรู้จัก การไม่เข้าไปเกี่ยวข้องน่าจะดีกว่า
"พวกเธอคุยกันเองเถอะ วันนี้ฉันมาเป็พยานเท่านั้น จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย"
เมื่อเธอพูดแบบนี้ ป้าิ่ก็เข้าใจว่า เธอคงช่วยใครก็ไม่ได้ งั้นก็ไม่ช่วยใครเลย แต่เมื่อพี่เจิ้งพูดเช่นนี้ เธอก็รู้สึกวางใจขึ้นมา เพราะอีกฝ่ายก็เป็เพื่อนกัน การที่พี่เจิ้งยังอุตส่าห์พาคนมาคุยกับเธอ ก็แสดงว่าในใจของพี่เจิ้ง เพื่อนอย่างเธอก็สำคัญมาก
"ค่ะ พี่เจิ้ง พี่นั่งเล่นอยู่แถวนั้นก่อนนะคะ เดี๋ยวตอนเที่ยงฉันจะเตรียมอาหารให้"
ป้าิ่โบกมือให้พนักงานยกเครื่องดื่มไปให้พี่เจิ้ง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จึงวางใจนั่งลง เพียงแต่สาวน้อยที่อายุสิบกว่าปีที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้น ยังเด็กเกินไป ทำให้ในใจของเธอรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย
"หลันเยว่ ผู้ใหญ่ที่บ้านเธอคงไม่ได้ตั้งใจจะซื้อร้านค้าแห่งนี้ใช่ไหมจ๊ะ ร้านค้าของป้าเปิดมาเกือบห้าปีแล้ว ผลประกอบการก็ดีมาตลอด ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถอยู่มาได้นานขนาดนี้ แต่เธอคงจะได้ยินพี่เจิ้งบอกกับที่บ้านเธอแล้วว่า ป้ากำลังจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ที่นี่คงไม่สามารถดูแลได้แล้ว"
ในเมื่ออีกฝ่ายส่งสาวน้อยมา ก็แสดงว่าคงไม่ได้้าร้านค้านี้มากนัก เมื่อมีความคิดเช่นนี้อยู่ในใจ ป้าิ่ก็ตัดสินใจพูดความจริงออกไปตรงๆ เพื่อดูท่าทีของสาวน้อย ถ้าตั้งใจจะซื้อ ก็ค่อยคุยกันอย่างจริงใจ ถ้าแค่มาดูลาดเลา ก็คงต้องล้มเลิกไป จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาก
"เป็อย่างนี้นี่เองค่ะ ป้าิ่คะ หนูอยากจะเปิดร้านค้าด้วยตัวเอง ทำธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ ผู้ใหญ่ที่บ้านก็ไม่ได้ว่าอะไร บอกว่าตราบใดที่หนูหาร้านค้าที่ถูกใจได้ ก็ไม่เป็ไร นี่ก็บังเอิญ ป้าเจิ้งก็ช่วยหนูประสานงานเื่ของคุณป้า"
หมี่หลันเยว่เผยรอยยิ้มที่จริงใจมากยิ่งขึ้น
"ป้าิ่ ถ้าจะบอกว่านี่ก็เป็โชคชะตา หนูอยากจะเปิดร้านของตัวเองจริง ถ้าคุณป้าก็ตั้งใจจะขายจริงๆ พวกเราสองคนก็มาคุยกันอย่างจริงใจค่ะ"
เธอฟังออกว่าป้าิ่้าจะบอกความจริง ถ้า้าซื้อจริงๆ ทั้งสองคนก็มาคุยกันดีๆ ถ้าไม่มีความจริงใจ ก็ไม่ต้องคุยกันให้เสียเวลา ดังนั้นเธอจึงพูดอย่างจริงใจ เพื่อให้ป้าิ่รู้ว่า ถึงแม้ที่บ้านจะไม่เต็มใจนัก แต่ก็ไม่ได้ห้าม ตราบใดที่เธอสามารถตกลงได้ ก็จะเป็ไปตามความ้าของทั้งสองฝ่าย
"ดีมาก สาวน้อยมีความกล้าหาญเช่นนี้ดีจริงๆ ป้าชอบ พื้นที่ของร้านค้าแห่งนี้เธอก็เห็นแล้ว ไม่ใช่ร้านค้าเล็กๆ ที่ไม่สามารถวางอะไรได้ ทำเลที่ตั้งก็ไม่ต้องพูดถึง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงปักกิ่ง แถมตึกที่ตั้งอยู่ก็เป็อาคารการค้าหลักที่สำคัญที่สุดของปักกิ่ง"
"ป้าก็จะไม่โก่งราคา เธอเองก็ไม่ต้องต่อราคา ป้าจะไม่โกหกเธอ สาวน้อย เดิมทีป้าไม่ได้คิดว่าจะต้องรีบร้อนย้ายออกขนาดนี้ ดังนั้นจึงตั้งใจจะเรียกราคาสูงหน่อย แล้วค่อยๆ ขายออกไป แต่แผนการไม่มีอะไรแน่นอน ตอนนี้ป้าก็ไม่อยากจะให้ร้านค้ามาทำให้การเดินทางของป้าต้องล่าช้า"
"ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็เป็คนที่พี่เจิ้งแนะนำมา เห็นได้ชัดว่าพี่เจิ้งกับที่บ้านของเธอไม่ใช่คนอื่นคนไกล ดังนั้นเมื่อมีความสัมพันธ์เช่นนี้แล้ว พวกเราก็ไม่ต้องทำอะไรที่ไม่จริงใจอีกต่อไป ตอนนั้นป้าซื้อร้านค้าแห่งนี้มาด้วยเงินหนึ่งหมื่น ป้าเปิดมาห้าปีแล้ว ตอนนี้้าขายออกไปด้วยราคาสองหมื่น สาวน้อย เธอคิดว่ารับไหวไหม"
คนที่อยู่รอบๆ ต่างก็สูดหายใจเข้าปอดด้วยความใ ไม่ต้องพูดถึงเฉียนหย่งจิ้นและหลินเผิงเฟย แม้แต่แม่เจิ้งและเจิ้งซวี่เหยา ก็ไม่คิดว่าป้าิ่จะบอกราคาออกมาสูงขนาดนี้ จริงๆ แล้วมันสูงเกินไป การซื้อวิลล่าที่มีพื้นที่กว่าพันตารางเมตร อาจจะไม่ต้องใช้ราคาสูงขนาดนี้ด้วยซ้ำ
"ป้าิ่คะ หนูฟังออกว่าคุณป้าเป็คนตรงไปตรงมา ในเมื่อบอกว่าจะไม่โก่งราคา แต่ราคาที่คุณป้าบอกมาก็สูงเกินไปจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงอะไรอื่นเลย ร้านค้าแถวๆ นี้ก็มีเหมือนกัน หนูพอจะรู้ราคามาบ้าง ถึงแม้คุณป้าจะ้าขายเงินที่เพิ่มขึ้นใน่ห้าปี แต่ราคานี้มันไม่สมเหตุสมผลเลย"
สีหน้าของป้าิ่แดงขึ้นเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าสาวน้อยคนนี้จะฉลาดเฉลียวขนาดนี้
"ป้าิ่คะ หนูจะไม่พูดอะไรอื่น ร้านค้านี้ถึงแม้จะบอกว่าทำเลที่ตั้งดี แต่ในปักกิ่งก็ไม่ใช่มีแค่ที่เดียว แถมหนูก็ไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้น แต่หนูก็ไม่ได้มาป่วนด้วย ดังนั้นตราบใดที่คุณป้าให้ราคาที่สมเหตุสมผล หนูรับรองว่าจะไม่ลังเลเลยสักนิด จะไม่ทำให้คุณป้าต้องผิดหวังอย่างแน่นอนค่ะ"
