กล่าวคือ หลังจากผ่านขั้นที่ยี่สิบแล้ว เมื่อเสร็จสิ้นการทดสอบระดับโหยงเจ่อ ผู้เข้าทดสอบจะได้รับตราประทับโหยงเจ่อ จากนั้นถึงจะนับว่าเป็ระดับโหยงเจ่อ และมีคุณสมบัติพอจะอัปเกรดระดับขั้นต่อไปได้
หากไม่อย่างนั้น เ้าก็จะติดอยู่ในขั้นที่ยี่สิบตลอดไป และไม่สามารถอัปเกรดระดับได้
เป็ต้น...
รวมถึงระดับของสัตว์อสูรด้วย ก็ใช้วิธีนี้ในการแบ่งระดับเช่นกัน
สัตว์อสูรขั้นที่สิบ ไม่ใช่สัตว์อสูรระดับโหยงเจ่อ
สำหรับพี่น้องตระกูลอิ้งขั้นที่สิบห้า ก็ไม่ใช่เื่ยากอะไรที่จะทำภารกิจให้สำเร็จ
พี่น้องตระกูลอิ้งใช้เวลาไม่นานนัก ก็สามารถสังหารหมาป่าขั้นสิบได้สิบสามตัว และยังได้เขี้ยวหมาป่ามาอีกสิบซี่
นี่คือหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาทำสำเร็จ
แต่ขณะที่พวกเขาสองคนกำลังจะเดินต่อเข้าไปในป่าลึก เพื่อเตรียมตัวทำภารกิจให้สำเร็จนั้น
เสียงคำรามก็ดังออกมาจากส่วนลึกของป่า
“โฮก.... !”
“นี่คือเสียงคำรามของเสือเมฆาดำ” อิ้งเสวี่ยฟังออกทันทีเมื่อได้ยินเสียงคำรามดังสนั่นว่ามันมาจากสัตว์อสูรใด
เสือเมฆาดำเป็หนึ่งในสัตว์อสูรที่ดุร้ายมากในป่าอวิ๋นอู้
ตราบใดที่มันกลายเป็เสือเมฆาดำโตเต็มวัย อย่างน้อยมันก็เป็สัตว์อสูรขั้นที่สามสิบขึ้น
สัตว์อสูรเช่นนี้ ไม่ใช่คนอย่างพวกเขาที่แม้แต่ตราประทับระดับโหยงเจ่อก็ยังไม่มีจะจัดการกับมันได้
เป็อย่างที่คิดเอาไว้ ในส่วนลึกของป่า มีเงามากมายพุ่งออกมา
เบื้องหน้านั้นก็คือคนสี่คนที่กำลังหนีหัวซุกหัวซุนอย่างบ้าคลั่ง
ด้านหลังเป็พยัคฆ์ร้ายที่มีขนสีดำสนิทราวกับเมฆดำ
“เคอิหล่าง !”
“อิ้งเสวี่ย!”
เมื่อคนทั้งห้าที่วิ่งหนีเตลิดและพี่น้องตระกูลอิ้งเห็นหน้ากัน พวกเขาก็จำอีกฝ่ายได้ทันที
ระหว่างเคอิหล่างและอิ้งเสวี่ย ความจริงแล้วก็ไม่ถูกกันเท่าไรนัก
แต่ใน่เวลาวิกฤตแบบนี้ เคอิหล่างก็ไม่สนใจศักดิ์ศรีของตัวเอง รีบร้องะโเสียงดัง “เสือเมฆาดำที่อยู่ข้างหลังมันยังไม่โตเต็มวัย เพิ่งจะขั้นที่ยี่สิบเอ็ดเท่านั้น ถ้านางมาร่วมมือกับข้า จะต้องจัดการมันได้อย่างแน่นอน”
เมื่ออิ้งเสวี่ยเพ่งมองแวบเดียว ก็เห็นเสือเมฆาดำวิ่งตามมา บนร่างกายของมันนั้นมีาแไม่น้อย
แต่ขั้นที่ยี่สิบเอ็ด ยังไงมันก็เป็สัตว์อสูรระดับโหยงเจ่อแล้ว
“พี่ เรารีบหนีกันเถอะ” อิ้งเฟิงที่อยู่ข้างๆ พูดเกลี้ยกล่อม
“ไม่ ถ้าเราสามารถสังหารสัตว์อสูรระดับโหยงเจ่อได้ พวกเราจะต้องได้เข้าเรียนในชั้นเรียนอัจฉริยะแน่นอน” อิ้งเสวี่ยขมวดคิ้ว แล้วยกคทาในมือขึ้นมา
"เถาวัลย์พันเกี่ยว!"
พลังเวทย์หมุนวนเป็เกลียว เถาวัลย์หนาหลายเส้น พุ่งทะยานขึ้นมาจากพื้นดินและเลื้อยพันร่างของเสือเมฆาดำเอาไว้
ด้วยการหยุดยั้งของอิ้งเสวี่ย ทำให้เสือเมฆาดำต้องถูกบังคับให้หยุดชะงักลงทันที
เคอิหล่างและพรรคพวกต่างก็หยุดลงและหอบหายใจกันอย่างหนักหน่วง
เกราะหนังชั้นดีของเขาตอนนี้กลายเป็ชุดคล้ายคนขอทานสวมใส่ ทั้งตัวนั้นเต็มไปด้วยเื
แต่สามคนที่เหลือนั้น อยู่ในสภาพที่เลวร้ายยิ่งกว่าเคอิหล่าง
“เอายารักษาแผลออกมา ตราบใดที่พวกเรากำจัดเสือเมฆาดำตัวนี้ไปได้ พวกเราก็ไม่จำเป็ต้องไปล่าสัตว์อสูรตัวอื่นแล้ว” เคอิหล่างพูดไปพลางหยิบยาออกมาจากด้านในเสื้อ
เมื่อดึงฝาจุกออก เขาก็ยกขึ้นเทใส่ปากทันที
ส่วนสามคนที่เหลือ ก็หยิบยารักษาแผลออกมาดื่มเช่นกัน
ยานี้กำลังสร้างปฏิกิริยาในร่างกายของคนทั้งสี่ มันช่วยฟื้นฟูอาการาเ็ให้หายเร็วขึ้น
แต่หากอยากให้มันฟื้นฟูพลังการต่อสู้ในเวลาอันสั้น คงเป็ไปไม่ได้
“อิ้งเฟิง ไปล่อมันไว้ ข้าจะหาโอกาสจู่โจมมันอยู่ด้านหลัง” อิ้งเสวี่ยรักษาสภาพของเถาวัลย์ให้พันรอบตัวเสือเมฆาดำอย่างต่อเนื่อง และโบกสะบัดคทาไปด้วย
“วิชาเกราะทอง ดาบแหลมคม”
พลังเวทย์สองอย่างตกอยู่บนร่างของอิ้งเฟิง
อิ้งเฟิงยกดาบอัศวินในมือขึ้น พลังต่อสู้พลุ่งพล่านอยู่ในร่างและทะยานเข้าหาเสือเมฆาดำ
อิ้งเสวี่ยที่อยู่ด้านหลัง ยกคทาด้วยมือทั้งสองข้าง มองเสือเมฆาดำตัวนั้นด้วยสายตาแน่วแน่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้