"พ่อ... พ่อมาได้ยังไง..." หลี่จิงจิงอุทานเสียงค่อย
สิ้นเสียงของหลี่จิงจิง ลุงหลี่ที่นั่งสูบบุหรี่อยู่หน้าบันไดก็หันมามองลูกสาวของเขา พลางเก็บซากบุหรี่ลงกระเป๋าเงียบๆ
"เพราะว่าไม่ไว้ใจก็เลยมาดูนี่ไงล่ะ" ลุงหลี่ยิ้มให้หลี่จิงจิงพลางเหลือบมองไปที่หยางเฉินพร้อมกล่าวว่า
"หยางน้อย อ่าไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"
หยางเฉินเห็นลุงหลี่มีท่าทางที่ไม่ค่อยสบายใจก็เข้าใจได้ในทันที เขายิ้มและกล่าวว่า
"ใช่ครับ ่นี้ผมไม่ค่อยว่าง เลยไม่ได้ไปเจอลุงที่ตลาดเลย"
ลุงหลี่พยักหน้าสายตาจ้องมองออกไปอย่างลังเลอยู่ระหว่างหลี่จิงจิงและหยางเฉิน "แล้ว... เธอสองคนไปไหนกันมาล่ะ?"
"พ่อพี่หยางพาฉันไปซื้อชุดเฟอร์นิเจอร์น่ะค่ะ" หลี่จิงจิงอธิบาย
ลุงหลี่ถอนหายใจ
"จิงจิงพ่อไม่ได้ว่าอะไรลูกหรอกนะ แต่วันนี้แม่ของลูกอารมณ์ไม่ดีมากๆ ถ้าลูกจะย้ายออกจากบ้านก็ไม่มีปัญหาแต่ลูกจะแกล้งทำเป็ปล่อยผ่านคำพูดของแม่ไม่ได้ การแต่งงานไม่ใช่เื่ล้อเล่นนะ"
หลี่จิงจิงก้มหน้าลง ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
หยางเฉินรู้ว่าคำพูดเ่าั้อันที่จริงกำลังพูดถึงเขาแต่เขาก็ไม่อาจทำอย่างไรกับเื่นี้ได้
"หยางน้อย อย่าถือสาที่ข้าพูดมากเลยนะ จิงจิงยังเป็เด็กสาวอยู่ อนาคตของเธอยังอีกยาวไกล" ลุงหลี่พูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่สบายใจว่า
"ข้าได้ยินจิงจิงบอกว่าเอ็งแต่งงานแล้ว ข้าว่าเอ็งควรจะสนใจคนของตัวเองมากกว่าหากยังคงใกล้ชิดอยู่อย่างนี้ข้าเกรงว่ามันจะไม่ควร"
หยางเฉินเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้เป็อย่างดีและเมื่อมองไปยังหลี่จิงจิงที่ยังคงก้มหน้าอยู่หัวใจของเขาก็รู้สึกขมขื่นขึ้นทันมาที
หากลองคิดในฐานะคนเป็พ่อแล้วใครจะยอมให้ลูกสาวคนเดียวไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายที่แต่งงานแล้วได้
สถานการณ์ตอนนี้การอยู่ให้ห่างจากหลี่จิงจิงจึงเป็สิ่งที่ดีต่อคนทุกฝ่าย
"จิงจิง พี่ไปก่อนนะดูจากระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่แล้ว พี่ว่ามันค่อนข้างปลอดภัยเชียวล่ะฟังพ่อเธอพูดเถอะ แล้วก็อย่าปล่อยให้คุณนายหลี่เป็ห่วง” หยางเฉินกล่าว
หลี่จิงจิง ขณะนี้ขอบตาแดงเล็กน้อยเธอกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"ฉันเข้าใจแล้ว"
หยางเฉินไม่พูดมากอีกหลังจากกล่าวร่ำลาลุงหลี่แล้ว เขาก็เดินออกจากอะพาร์ตเมนต์ทันที
เมื่อกลับเข้ามาที่บริษัทหยางเฉินก็เห็นทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับงานตรงหน้าของตัวเอง่นี้เหล่าสาวๆ ต้องวุ่นอยู่กับงานไม่เว้นแต่ละวัน บางคนกำลังจัดเตรียมเอกสารมือเป็ระวิง ในขณะที่บางคนกำลังถือสายคุยกับลูกค้าอย่างเมามัน
แม้หยางเฉินจะรู้สึกว่าบรรยากาศในที่ทำงานตอนนี้ไม่เลวนัก แต่เขาก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาเล็กน้อยที่มีเขาเป็คนเดียวที่ว่าง
ในขณะที่กำลังจะเปิดคอมเพื่อเล่นเกมนั้นจ้าวหงเยี่ยนก็นำเอกสารมาวางไว้ตรงหน้าของหยางเฉินพร้อมกล่าวขึ้นว่า
"หยางเฉินช่วยนำเอกสารนี่ไปส่งให้พี่ิอวี้หน่อย ฉันจะรีบออกไปหาลูกค้าก่อน ขอบคุณมาก!"
พูดจบจ้าวหงเยี่ยนก็สาวเท้ายาวๆ รีบออกไปจากออฟฟิศทันที
หยางเฉินยิ้มเงียบๆ พลางหยิบเอกสารขึ้นมาแล้วเดินไปเคาะประตูห้องของหลิวิอวี้
"เข้ามาได้"
หยางเฉินเปิดประตูเข้าไปหลังจากที่โม่เชี่ยนนีย้ายออกไปแล้ว นี่เป็ครั้งแรกที่เขาเข้ามาในห้องนี้
หลิวิอวี้ซึ่งง่วนอยู่กับการรัวคีย์บอร์ดคล้ายกำลังเล่นเกมMOBA เมื่อเห็นหยางเฉินเดินเข้ามาก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาแต่เธอก็ยิ้มให้เขาเล็กน้อย
"พอดีหงเอี้ยนต้องออกไปหาลูกค้า เธอเลยฝากเอกสารให้ผมนำมาให้คุณน่ะครับ" หยางเฉินวางเอกสารลงบนโต๊ะ
หลิวิอวี้พยักหน้าตอบรับ
"ขอบคุณ"
หยางเฉินเห็นเธอกำลังยุ่งอยู่จึงหันหลังเตรียมตัวจะจากไปแต่ทันใดนั้นหลิวิอวี้ก็ะโขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน
"หยางเฉินช่วยฉันหน่อยได้ไหม?" หลิวิอวี้เอ่ยถาม
"แน่นอนผมว่างที่สุดในบริษัทอยู่แล้ว"หยางเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"่บ่ายนี้ฉันว่าจะไปตรวจสอบความคืบหน้าของสถานที่เดินแบบหน่อยน่ะทางเราให้ตงหัวกรุ๊ป เป็คนจัดการสถานที่ให้ นายมากับฉันหน่อยได้หรือเปล่า?"
แม้ว่าหลิวิอวี้จะนั่งแท่นในตำแหน่งหัวหน้าแผนกแต่ตอนนี้เธอยังไม่มีรถเป็ของตัวเอง และมักจะใช้บริการรถแท็กซี่อยู่บ่อยๆ
แม้หยางเฉินจะไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมเธอจึงชวนเขาแต่การออกไปขับรถเล่นก็คงจะดีกว่าการนั่งเบื่ออยู่ที่บริษัท
หลิวิอวี้พาหยางเฉินไปยังสถานที่จัดแสดงงานออทั่มแฟชั่นโชว์ ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติและศูนย์แสดงสินค้าแห่งประเทศจีน
เมื่อมาถึงพวกเขาก็เห็นหัวหน้าโครงการแห่งตงซิ่งกรุ๊ป จางิ ยืนรออยู่หน้าประตูทางเข้าแล้วเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เมื่อมองโดยรวมแล้วเขาเป็คนที่ดูดีคนหนึ่ง
เมื่อจางิสังเกตเห็นหลิวิอวี้ แววตาของเขาก็ฉายอารมณ์ของความตื่นเต้นออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อเห็นคนที่มาด้วยเป็หยางเฉินสายตาของเขาก็ปรากฏความผิดปกติขึ้นเล็กน้อย
หลิวิอวี้ส่งลอบสัญญาณให้หยางเฉินได้รับรู้ทันทีหยางเฉินเห็นดังนั้นก็คลายสงสัยแล้วว่าทำไมเธอถึงชวนเขามาด้วย
"คุณหลิวช่างเป็มืออาชีพจริงๆมาที่นี่เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยด้วยตัวเอง" จางิกล่าวพลางยื่นมือออกมาหน้าหลิวิอวี้
หลิวิอวี้เค้นรอยยิ้มและจับมือกับจางิเล็กน้อย
"งานแสดงแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ จะต้องไม่เกิดความผิดพลาด เพราะงานนี้สำคัญกับพวกเรามากหากฉันไม่มาดูด้วยตัวเองคงไม่อาจนอนหลับได้สนิท"
จางิเมื่อมองดูหยางเฉินใบหน้าของเขาก็ยิ่งกระตุกแต่เขาก็ฝืนยิ้มกว้างออกมาและเชิญหยางเฉินกับหลิวิอวี้เดินเข้าไปในสถานที่จัดงานทันที
เมื่อเดินเข้ามาในศูนย์กลางของงานด้วยแสงและสีที่ฉายออกมานั้นทำให้รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในฉากของฉากภาพยนตร์และมีเหล่านางแบบนายแบบกำลังซ้อมเดินแบบกันอยู่บนรันเวย์
เนื่องจากบริษัทโมเดลลิ่งเป็นางแบบอินเตอร์นางแบบที่จะมาเดินในงานนี้จึงเป็ชาวตะวันตกเสียเป็ส่วนใหญ่ซึ่งหยางเฉินคุ้นเคยเป็อย่างดี
จางิรู้ตัวว่าวันนี้มีโอกาสเพียงน้อยนิดในการใกล้ชิดกับหลิวิอวี้ เพราะมีมารหัวขนอย่างหยางเฉินอยู่ด้วย ดังนั้นเขาจึงยิ้มกว้างพร้อมกล่าวขึ้นว่า
"ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรนะครับไฟและแสงของงานค่อนข้างออกมาสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว"
"ไม่ต้องเปลี่ยนตัวนางแบบหรอกหรือครับ" หยางเฉินถาม
หลิวิอวี้เผยรอยยิ้มแปลกพร้อมกล่าว
"เปลี่ยนทำไมดูจากสายตาของนาย จุดประสงค์คงไม่ใช่เื่ดีเท่าไร"
"ฉันก็แค่ชื่นชม และเพลิดเพลินไปกับสิ่งสวยงามเท่านั้นเองมันเป็ปกติของผู้ชายอยู่แล้ว"
"ฉันก็หวังว่าจะเป็อย่างนั้นหรือฉันมองนายผิดไป"หลิวิอวี้ทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ "ฉันไม่เชื่อหมาป่าเ้าเล่ห์หรอกนะฉันยอมรับแค่สิงโตเท่านั้น”
หยางเฉินยิ้มพลางกล่าวว่า
"ถึงแม้ว่าผมจะเป็สิงโตแต่ผมก็ไม่ใช่สิงโตที่อยู่ในกรง"
หลิวิอวี้หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยหัวข้อสนทนานี้ค่อนข้างคลุมเครือ
"บางทีฉันก็อิจฉานางแบบเหล่านี้นะพวกเธอมักจะเดินด้วยความมั่นใจ"
"อกเล็กอย่างนั้นมีอะไรให้อิจฉากัน"หยางเฉินพึมพำ
"อกเล็ก?" หลิวิอวี้หัวเราะออกมา
"เหตุผลที่พวกเธอหน้าอกเล็กก็เพื่อให้สามารถใส่เสื้อผ้าได้หลากหลายต่างหาก"
"มีแต่กระดูก จับไปก็รู้สึกเหมือนไม่ได้จับ"ความสนใจของหยางเฉินมีเพียงน้อยนิดเท่านั้น
"นายพูดเหมือนเคยจับมาแล้วงั้นล่ะ" หลิวิอวี้แสดงออกด้วยสายตาดูถูก
หยางเฉินยิ้ม ไม่เพียงแค่เคยแต่ยังนับไม่ถ้วนด้วยต่างหาก แน่นอนว่าหยางเฉินไม่สามารถพูดคำเหล่านี้ออกมาได้
"อันที่จริงฉันไม่ได้อิจฉาในงานของพวกเธอหรอกฉันอิจฉาชีวิตที่พวกเธอสามารถแสดงเสน่ห์ของผู้หญิงอย่างเราออกมาได้อย่างอิสระต่างหาก..." หลิวิอวี้ค่อนข้างหลงใหลในการเดินแบบ "ฉันพูดกับคุณมากเกินไปแล้วอีกไม่กี่ปีข้างหน้าอายุของฉันก็จะขึ้นเลขสามแต่ฉันยังไม่เคยมีโอกาสแต่งชุดเซ็กซี่แบบนั้นเลยไม่ต้องพูดถึงเื่ความรักของหนุ่มสาว..."
"คุณเคยบอกผมว่าคุณเคยมีแฟนเมื่อนานมาแล้วใช่หรือเปล่า" หยางเฉินจำได้ว่าหลิวิอวี้ เคยพูดกับเขาเื่ที่แฟนไปเกณฑ์ทหาร และยังคงไม่ได้กลับมา
หลิวิอวี้เผยรอยยิ้มเศร้าออกมา
"ใช่... ฉันเคยมีแฟนตอนอยู่มหาวิทยาลัยหลังจากที่เขาเข้าเกณฑ์ทหาร เขาก็ไม่ได้ติดต่อฉันมาอีกเลยเพื่อนของฉันบางคนบอกว่าเขาทรยศฉันและมีผู้หญิงคนใหม่ไปแล้วแต่ฉันกลัวว่าหากเขากลับมาแล้วเห็นฉันกับผู้ชายคนอื่น เขาคงรู้สึกแย่มากดังนั้นฉันจึงยังไม่คิดจะหาแฟน อันที่จริงจนถึงตอนนี้บางครั้งฉันก็ยังคงคิดถึงเขาเหมือนกับเขาไม่ได้หายไปไหน... ฉันดูโง่มากใช่มั้ยล่ะ?"
หยางเฉินเห็นหลิวิอวี้ยังสาวยังสวยและไม่ควรจะยืดติดกับเื่ในอดีต แต่นั่นก็เป็เื่ของแต่ละบุคคล ดังนั้นหยางเฉินจึงเอ่ยขึ้นว่า
"คุณคิดดีแล้วงั้นเหรอ?"
"ใช่..." หลิวิอวี้เผยรอยยิ้มจาง "แล้วอีกเื่หนึ่ง"
หลิวิอวี้มองดูนาฬิกาสักครู่ก่อนเอ่ยขึ้นมาว่า
"เห็นนายช่วยขับรถพาฉันมาที่นี่ฉันเลยกะว่าจะเลี้ยงข้าวนายสักหน่อย"
"ที่ไหน?" หยางเฉินรู้สึกหิวขึ้นมาทันที
"ที่เดิม!!!" หลิวิอวี้กล่าวพลางขยิบตาเป็นัยให้หยางเฉิน