มัจฉาว่ายคลุมฟ้า เหนือนภาหลายพันลี้
หิมะขาวครอบคลุมปฐี ธวัลธรณีตราบชั่วกาลนาน
ไอเย็นคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆพร้อมกับพลังที่กดดันภาพของัที่นอนนิ่งอยู่ในก้อนน้ำแข็งเริ่มร้าวตามพลังที่กดทับไม่นานก็เปล่งแสงเจิดจ้าก่อนจะพุ่งตัวออกมาแล้วว่ายมุดหายลงไปในน้ำที่เย็นเยือกแต่ก็ยังมองเห็นแสงสว่างที่เกล็ดของมันแผ่ออกมาได้อย่างชัดเจน หมายความว่ามันแค่โดนรบกวนจากคุนเผิงแต่ไม่ได้ถูกสังหารแต่อย่างใด
ฟู่ว...
ข้าถอนหายใจยาวๆก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วพบว่าน้ำในบ่อจับตัวกันเป็แข็งอีกครั้งจึงพยายามลุกขึ้นไปตักเนื้อปลาหลีฮื้อหลงหลิงที่ต้มไว้มากิน ตรงข้างบ่อน้ำพุร้อนหลังจากกินเสร็จก็ลังเลเล็กน้อยจึงตัดสินใจกินโสมโลหิตเข้าไปคำหนึ่งเพื่อเพิ่มพลังลมปราณภายในร่างกายและเปลี่ยนไปอีกบ่อหนึ่งเพื่อฝึกฝนต่อ
ผ่านไปสิบนาทีน้ำในบ่อนั้นก็แข็งอีกแล้ว!
หลังจากนั้นข้าก็เปลี่ยนเป็บ่อที่สี่ ห้า หกและเจ็ด ผ่านไปไม่นานบ่อน้ำพุร้อนทั้งแปดบ่อก็ถูกข้าทำให้แข็งไปแล้วกว่าเจ็ดบ่อเสียงของพี่เสวียนยินดังขึ้นอยู่ไม่ไกลท่ามกลางไอหมอก “เสี่ยวเชวียนร่างกายของเ้าคงจะรับไม่ไหวแล้วล่ะ เอาเป็ว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อนรีบขึ้นมากินข้าวกินปลาแล้วค่อยว่ากันใหม่ วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน”
“อืม...”
สาวงามแต่ละคนเดินออกมาจากไอหมอกก่อนที่ซูเหยียนจะเห็นข้านั่งตัวเปียกอยู่จึงพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ“เ้ารีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
“เอ่อ อย่างนั้นก็ได้”
คนรับใช้ผู้ชายนำข้าไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้งเมื่อข้าเปลี่ยนมาใส่ชุดตอนมาเรียบร้อยแล้ว เขาจึงพูดขึ้น “ท่านชาย เชิญมาทางนี้ขอรับทางเราได้เตรียมอาหารค่ำไว้รอแล้ว”
“ขอบใจมาก”
“ไม่ต้องเกรงใจขอรับ”
อาหารมากมายละลานตาจัดวางอยู่บนโต๊ะยาวในห้องรับแขกโดยพันธมิตรนักปราชญ์ขาวของตระกูลซูเป็ตระกูลเดียวที่อยู่ในระดับจักรพรรดิซึ่งมีทั้งทหารและเงินทองเหลือล้นจึงได้เป็ตระกูลซูถึงทุกวันนี้แม้แต่ตระกูลถังแห่งเขตเหนืออย่างดินแดนกาฬวาตก็ไม่สามารถต่อกรได้ด้วยเหตุนี้อาหารสำหรับต้อนรับเทพศาสตราวุธอย่างปู้เสวียนยินและซูเหยียนซึ่งเป็คุณหนูใหญ่ถึงได้มากมายตระการตาขนาดนี้
หลังจากนั่งลงแล้วกลิ่นหอมๆ ก็ลอยมาแตะจมูกจนข้าแทบจะอดใจรอไม่ไหวแล้ว
ในตอนนี้เองซูเหยียนและตั้นไถเหยาที่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยก็ผลักประตูเข้ามานางทั้งสองอยู่ในชุดกระโปรงที่สะอาดตาแถมยังดูมีสกุลสูงศักดิ์และสง่างามอีกด้วย
ซูเหยียนที่เห็นข้านั่งอยู่ก็ว่าพลางยิ้มขึ้น “ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรขนาดนั้นดูแล้วไม่เหมือนเ้าคนกินจุอย่างเ้าเลยสักนิด”
พอนางพูดมาแบบนี้ข้าก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อยเหมือนกัน
ไม่นานพี่เสวียนยินกับสวี่ลู่ก็เข้ามาซึ่งท่านผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ทั้งสองต่างก็เปลี่ยนชุดเหมือนดอกบัวที่ขาวบริสุทธิ์กำลังแย้มบานแล้วเหมือนกันโดยเฉพาะที่เสวียนยินเพราะเดิมทีนางก็สวยอยู่แล้วยิ่งมาใส่ชุดแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ดูสวยขึ้นไปอีก
นางนั่งลงข้างตัวของข้าก่อนจะพูดขึ้น “ฝึกไปถึงไหนแล้ว?”
ข้านึกอยู่พักหนึ่งก่อนจะบอกไป “ตอนนี้ในนิมิตของข้าขณะใช้ตาทิพย์มองเ้าปลาที่ชื่อว่าคุนเผิงปรากฏตัวออกมาแล้วัที่อยู่ในผลึกน้ำแข็งก็พุ่งหายลับลงไปในทะเลแล้วเหมือนกัน”
“อ้อ...”
นางได้ยินจึงพูดด้วยความดีใจ“แสดงว่าเ้าพัฒนาไปเร็วเหมือนกันนี่ เอาเถอะน่าทุกครั้งที่เ้าเคลื่อนพลังจะเป็การเพิ่มพลังให้ัที่หายลับเข้าไปในทะเลตัวนั้นด้วยและเมื่อไรที่มันมีพลังมากพอก็จะทะยานขึ้นมาเพื่อตัดสินแพ้ชนะกับคุนเผิงเองเมื่อถึงตอนนั้นเ้าก็จะบรรลุขั้นที่แปดแล้วล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ลองใหม่ข้าเชื่อว่าเ้าต้องทำได้!”
“อืม! ข้าก็เชื่อแบบนั้น”
“เอาล่ะอาหารค่ำเริ่มขึ้นแล้วมากินข้าวกันก่อนดีกว่า” ซูเหยียนพูดเชิญในฐานะเ้าบ้าน
ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังหิวไม่แพ้กันจึงรีบกินอย่างรวดเร็ว
...
หลังจากกินข้าวเสร็จในตอนค่ำเราทุกคนจึงออกมารับแสงจันทร์ในยามค่ำคืน แต่ยังไม่ถึงสี่ทุ่มพ่อบ้านคนเดิมก็เดินเข้ามาอย่างรีบร้อนแล้วจะก้มลงกระซิบข้างหูของซูเหยียนก่อนนางจะชะงักไปพักใหญ่ “นี่ท่านพ่อยังไม่กลับไปอีกเหรอ?”
“ขอรับ” พ่อบ้านพยักหน้า
“อืมถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้าไปดูหน่อยแล้วกัน”
ซูเหยียนผละออกไปไม่นานก็กลับมาก่อนจะคุยกันไปเรื่อยเปื่อยแต่พ่อบ้านคนนั้นก็เดินกลับเข้ามาแล้วกระซิบข้างหูอีกครั้ง “คุณชายปู้อี้เชวียนนายของข้า้าจะพบท่านเป็การส่วนตัวขอรับ”
“ท่านเสนาบดี้าจะพบข้า?” ข้าถามอย่างสงสัย
“ขอรับ”
พี่เสวียนยินที่อยู่ข้างๆขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น “ท่านลุงลู่ทำไมท่านเสนาบดีซูซีเฉิงถึงอยากจะพบเสี่ยวเชวียนของข้าเป็การส่วนตัวหรือว่ามีความลับอะไรที่ไม่สามารถบอกให้คนอื่นรับรู้ได้?”
ลุงลู่ยิ้มเป็การตอบรับก่อนจะตอบไป “ท่านเทพศาสตราวุธคิดมากไปแล้วขอรับคุณชายปู้อี้เชวียนเป็ถึงหนึ่งในเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณหนูใหญ่ขณะอยู่ในสำนักหมื่นิญญาดังนั้น...นิสัยนายของข้าท่านคงจะรู้ดีว่าท่านมักจะติดตามคนที่เข้ามาทำความรู้จักกับคุณหนูใหญ่เป็ประจำจึงอยากให้ท่านเทพศาสตราวุธวางใจได้เพราะนายของข้าไม่มีทางทำร้ายหรือทำให้คุณชายปู้อี้เชวียนลำบากใจแน่นอนขอรับ”
ปู้เสวียนยินแสยะยิ้มก่อนจะพูดขึ้น “ฮึ...เสี่ยวเชวียนเ้าไปเถอะ แล้วถ้าอีกห้านาทีเ้ายังไม่กลับ ข้าจะตามไปแบบไม่ต้องรับเชิญถ้าเกิดมีเื่อะไรเดี๋ยวข้าจะช่วยจัดการเอง”
ลุงลู่ชะงักไปแล้วพูดบอก “ท่านเทพศาสตราวุธนายท่านของข้าไม่ได้เชิญท่าน...”
“ก็บอกแล้วไงว่าจะไปแบบไม่ต้องเชิญถ้านายของเ้าเชิญจะถือว่าไปแบบไม่ได้รับเชิญได้อย่างไร?...พวกเ้าไปได้แล้ว”
“เอ่อ...ขอรับ...”
ข้าลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปพร้อมกับลุงลู่พอเข้ามาในห้องรับแขกก็เดินตามทางไปอีกสามนาทีก็มาถึงสวนหย่อมอีกฝั่งถือว่าตำหนักแห่งนี้กว้างเอาการอยู่เหมือนกันท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องสลัวยังมีแสงไฟกะพริบเป็ครั้งคราวภายในป่าของตำหนักข้าใช้วิชาที่ฝึกมามองเข้าไปก็พบว่ามีจอมยุทธ์ฝีมือดีจำนวนไม่น้อยซ่อนตัวอยู่ภายในซึ่งขั้นต่ำน่าจะอยู่ในขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์ในใต้หล้ามีไม่กี่คนที่บำเพ็ญจนถึงขั้นที่สูงอย่างขั้นผู้พิทักษ์นึกไม่ถึงเลยว่าตระกูลซูจะนำคนที่หายากแบบนี้มาเป็องครักษ์ประจำบ้านดูเหมือนว่าในแผ่นดินใหญ่หลงหลิงจะมีเพียงไม่กี่ตระกูลที่สามารถทำแบบนี้ได้
“เชิญทางนี้ขอรับ คุณชายปู้”
ลุงลู่ที่ทำหน้าไร้พิษภัยพูดขึ้น แต่จริงๆแล้วข้าพอจะดูออกว่าอย่างน้อยๆ เขาน่าจะอยู่ในขั้นผู้พิทักษ์ระดับพิภพไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางมาเป็พ่อบ้านในตำหนักนี้ได้แน่นอน
เดินผ่านสวนหย่อมนั่นไปก็มาถึงห้องดื่มชาที่กว้างโอ่อ่าโดยด้านในมีเพียงชุดดื่มชาและคนที่นั่งอยู่ด้วยใบหน้าสงบเยือกเย็นในชุดเทพศาสตราถึงแม้เขาจะกำลังรินชาแต่ใบหน้านั้นยังคงไม่เปลี่ยนไปแถมยังให้ความรู้สึกที่น่าเกรงขามบวกกับจอมยุทธ์ยอดฝีมือที่แฝงตัวอยู่ในเงาทำให้เขามีท่าทีที่ผ่อนคลายเหมือนมีการเตรียมการไว้อย่างดีแล้ว
ซูซีเฉิงหนึ่งในเทพศาสตราวุธที่เป็ถึงหัวหน้าของพันธมิตรนักปราชญ์ขาวและเสนาบดีแห่งสหพันธ์หลงหลิง
บุคคลซึ่งเป็ที่เล่าขานในใต้หล้ากำลังนั่งอยู่ตัวเป็ๆตรงหน้าเมื่อก่อนข้าไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าชั่วชีวิตนี้จะได้พบผู้ชายที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดได้
เขาปรายตามองข้าก่อนจะพูดขึ้น “เ้าคือปู้อี้เชวียนสินะนั่งแล้วลองชิมชาที่ข้าเอามาจากดินแดนของพันธมิตรนักปราชญ์ขาวดูสักหน่อยสิ”
“ขอบคุณท่านเสนาบดีมากขอรับ”
ข้าโค้งคำนับก่อนจะนั่งลงตรงหน้าส่วนลุงลู่ก็ยืนอยู่ข้างๆพร้อมกับหนึ่งในองครักษ์โลหิตัอย่างท่านลุงหลงเดินเข้ามายืนอยู่อีกฝั่งแบบไม่ได้พูดอะไรด้วยเช่นกัน
“ได้ยินว่าเ้าถือโอกาสมาแช่บ่อน้ำพุร้อนเพื่อฝึกฝนวิชาลมหายใจัขั้นที่แปดอย่างาเทพัคุนใช่ไหม?”
“ใช่ขอรับ” ข้าตอบรับก่อนจะพูดต่อ “การฝึกในขั้นาัคุนจะทำให้ร่างกายเข้าขั้นที่หนาวเย็นจนถึงขีดสุดข้าจึงต้องใช้พลังความร้อนจากธรรมชาติมาช่วยในการฝึกฝนขอรับต้องขอโทษท่านด้วยที่มารบกวนอย่างนี้...”
“ฮ่าๆๆ ไม่เป็ไร ไม่เป็ไร...” เขารินชาให้ข้าหนึ่งจอกก่อนจะว่าพลางยิ้ม “เ้าเป็ศิษย์ของสำนักหมื่นิญญาและยังเป็น้องชายของเทพศาสตราวุธปู้เสวียนยินทั้งยังเป็อนาคตที่มีประสิทธิภาพของสหพันธ์ดังนั้นข้าก็ต้องสนับสนุนการฝึกฝนของเ้าอยู่แล้ว อย่าว่าแต่บ่อน้ำพุร้อนนี่เลยเงินทองมากมายกว่านี้ข้าก็ให้ได้”
“ขอบคุณท่านเสนาบดีที่รักและเมตตามากขอรับ”
เขามองข้าแบบมีความในก่อนจะพูดขึ้น “ลองชิมดูหน่อยสิว่าชานี้รสชาติมันเป็อย่างไร?”
ข้ายกขึ้นจิบเล็กน้อยและใช้เวลาในการรับรสอยู่พักใหญ่ “มีความชุ่มชื่นอยู่ในรสฝาดและรสหวานหลังจากรสขม”
“ฮ่าๆๆ ไม่เลว”
ซูซีเฉิงพูดอย่างเรียบๆ “ชีวิตของคนเราก็เป็ดั่งรสชาที่มักจะมีความหวังอยู่ท่ามกลางความเหือดแห้งและฟ้าที่สวยงามหลังจากฝนตกแบบเทกระหน่ำได้ยินมาว่าเ้าถูกแผดเผาปราณิญญาในพิธีปลุกพลังแต่นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะฝึกฝนวิชาลมหายใจัจนถึงขั้นที่เจ็ดได้หรือไม่แน่อาจจะมีฝีมือดีกว่าพวกคนเก่งในห้าสำนักใหญ่เสียอีก มิน่าล่ะซูเหยียนของข้าถึงได้ดูชื่นชอบเ้านัก”
ข้าได้ยินก็รู้ทันทีว่าเขาหมายถึงอะไรก่อนจะพูดปฏิเสธ “ท่านเสนาบดีข้ากับซูเหยียนเป็เพียงเพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้นยังไม่ถึงจุดที่ท่านกำลังกังวลอยู่ ดังนั้น...”
ซูซีเฉิงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ฮ่าๆๆน้องชายของปู้เสวียนยินช่างไม่เหมือนใครจริงๆ เ้าเป็เด็กที่ฉลาดแต่ว่าสิ่งที่ข้ากังวลไม่ใช่เื่ความสัมพันธ์ของเ้ากับเสี่ยวเหยียนแต่เป็เื่ที่เ้าจะทำร้ายเสี่ยวเหยียนหรือเปล่ามากกว่า...”
ข้าขมวดคิ้วแน่นก่อนจะตอบไป “ไม่มีทางขอรับ!”
“แค่พูดปากเปล่าใครก็ทำได้” เขาวางจอกชาลงแล้วพูดต่อ “จริงๆ แล้ว...ข้ารู้ดีว่าเสี่ยวเหยียนแอบมีความรู้สึกดีๆให้เ้าอยู่บ้าง ดังนั้นขอแค่เ้ารับปากข้าเื่หนึ่งข้าก็จะไม่เข้าไปก้าวก่ายเื่ความสัมพันธ์ของพวกเ้าทั้งสอง”
“เื่อะไรขอรับ?”
เขาพูดขึ้นด้วยแววตาที่เป็ประกายพร้อมกับรอยยิ้ม “เข้ามาเป็หนึ่งในองครักษ์โลหิตัเพื่อเป็คนของพันธมิตรนักปราชญ์ขาวและจงรักภักดีต่อข้า...”
ข้าชะงักไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “ข้าว่ามันเร็วเกินและข้าเองก็ไม่ทันได้เตรียมใจที่สำคัญกว่านั้น ถ้าจะให้ข้าพูดตรงๆ คือข้ายังไม่ได้เตรียมใจจะภักดีต่อใคร...”
ลุงหลงที่ยืนอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วเข้มพลางพูดปราม “ปู้อี้เชวียนเ้าอย่าทำตัวเป็คนหัวแข็งที่ต้องใช้กำลังถึงจะยอมจำนน...”
ข้าเองก็ขมวดคิ้วเช่นกันแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
ซูซีเฉิงยังคงทำหน้าสงบเยือกเย็นเหมือนคิดไว้แล้วว่าข้าจะต้องตอบแบบนี้ “คนตระกูลปู้ก็เหมือนกันหมดขนาดว่าข้ายื่นข้อเสนอดีๆแก่พี่สาวของเ้าขนาดไหนก็ยังไม่ยอมจงรักภักดีต่อพันธมิตรนักปราชญ์ขาว แต่กลับยินยอมเป็เพียงรองเ้าสำนักธรรมดาๆอยู่ที่สำนักหมื่นิญญา เฮ้อ...นึกไม่ถึงว่าเ้าจะเหมือนกันอย่างนี้”
ข้าได้ยินแล้วพูดขึ้นเสียงเรียบ “ท่านเสนาบดีถึงแม้ข้าจะไม่ได้เข้าร่วมกับพันธมิตรนักปราชญ์ขาวแต่...แต่ถ้าทางสหพันธ์เกิดปัญหาข้าก็พร้อมจะช่วยอย่างสุดกำลัง และยังยินยอมที่จะคอยอารักขาซูเหยียนไม่ให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายนางได้และจะไม่ทำให้ใครต้องผิดหวัง...เพราะข้ากับพี่เสวียนยินต่างก็มีทัศนคติที่เหมือนกันคือชอบความเป็อิสระมากกว่าต้องยึดติดอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งดังนั้นขอให้ท่านเสนาบดีได้ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนว่าท่าน้าคนมีฝีมือหรือ้าแค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่งเท่านั้น”
ซูซีเฉิงส่ายหน้าก่อนจะยิ้มขึ้น “ช่างเถอะ ไม่ยอมก็ไม่ยอมข้าเองก็ไม่อยากจะบีบบังคับเ้า เพราะถ้าทำแบบนั้นจะทำให้พี่ของเ้าโมโหเสียเปล่าๆตอนนี้แผ่นดินใหญ่ต่างก็มีชื่อเสียงที่โด่งดังและเป็หนึ่งเดียวกันดังนั้นจะจงรักภักดีต่อใครก็เหมือนกับจงรักภักดีต่อแผ่นดินจอมยุทธ์ที่อยู่ในอันดับเทพศาสตราต่างก็แก่ตัวลงไปทุกวันอนาคตข้างหน้าของสหพันธ์ก็จะต้องพึ่งคนรุ่นใหม่อย่างพวกเ้าแล้วล่ะ”
“ขอรับ ท่านเสนาบดี!”
ในตอนนี้เองเงาของใครคนหนึ่งก็ไหววูบมาอยู่ข้างตัวของข้าก่อนจะปรากฏเป็รูปร่างและนั่นก็คือพี่เสวียนยินที่มาแบบไม่ต้องรับเชิญอย่างที่เคยบอกไว้นั่นเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้