กู่ไห่และหลงหว่านชิงได้อธิบายเื่ราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ให้กับเหล่าเถ้าแก่ของจวนสกุลกู่ฟัง ก่อนออกเดินทางไปพร้อมหลงหว่านชิง
กู่ไห่พากู่ฉิน ซ่างกวนเหิน กลุ่มคนโฉด และพ่อค้าจวนสกุลกู่บางคนมาควบคุมเรือเหาะ เพื่อมุ่งหน้าไปยังสำนักหมู่ตาน
หลงหว่านชิงล้างหน้าล้างตาตนเองจนสะอาดสะอ้าน เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แต่แววตางดงามคู่นั้น กลับเต็มไปด้วยความร้อนรน องครักษ์ทั้งสาม ยังคงยืนอยู่ข้างๆ อย่างนอบน้อม
“ท่านถังจู่ พวกเราจะไปที่สำนักหมู่ตาน ส่วนซ่างกวนเหินและคนของข้า จะขอยืมเรือเหาะของท่าน ไปส่งอาหารและเสบียงที่อื่นต่อ” กู่ไห่อธิบายให้หญิงสาวเข้าใจ
“ไม่เป็ไร! เ้าเอาไปใช้ได้ เรือเหาะคือสิ่งที่จำเป็ ซึ่งเ้าจะต้องใช้ในยามนี้” หลงหว่านชิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
กู่ไห่พยักหน้า
ตอนนี้ทั้งห้าแคว้นได้ยอมจำนนต่อจวนสกุลกู่แล้ว ทว่าคงมีสิ่งที่ต้องจัดการอีกมากมาย จึงทำให้บางเื่ต้องหยุดชะงักไปชั่วขณะ
เดิมที กู่ฉินจะต้องอยู่เพื่อคอยดูแลสถานการณ์โดยรวม แต่เขากลับร้องขอที่จะตามมาซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกู่ไห่ต้องยอมให้ติดตามมาด้วยเช่นนี้
แม้ว่าจวนสกุลกู่จะเป็เพียงจวนหลังเดียว แต่กู่ไห่ก็มั่นใจในความสามารถของพ่อค้าของสกุลกู่ ดังนั้น ทุกคนจึงถูกมอบหมายหน้าที่กันอย่างเท่าเทียมตามศักยภาพ หากทุกคนทำตามขั้นตอนที่เขากำชับเอาไว้อย่างเคร่งครัด จะทำให้งานหลายๆ อย่างสามารถดำเนินต่อไปได้ แม้เขาจะไม่อยู่ดูแลก็ตาม
“ถังจู่ โปรดอธิบายสถานการณ์ของพวกท่านที่เกิดขึ้นในสำนักหมู่ตาน มาอย่างละเอียดอีกสักครั้งได้หรือไม่?” กู่ไห่มองหลงหว่านชิง
“วันนั้น พวกเราไปเยือนสำนักหมู่ตานด้วยกัน พบว่าภายในสำนักนั้นย่ำแย่มาก เหลือศิษย์เพียงสิบกว่าคนเท่านั้น ทั้งยังดูตื่นตระหนกและหวาดกลัว
พวกข้าจึงเข้าไปสอบถาม ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับยอดเขาหมู่ตาน เหตุใดถึงมีดอกโบตั๋นั์ปรากฏขึ้นมา ถึงรู้ว่ากลุ่มศิษย์สำนักหมู่ตานที่นำโดยหัวหน้าสำนักหมู่ตาน ได้พากันเข้าไปสำรวจมัน แล้วก็ไม่กลับออกมาอีกเลย”
“ท่ามกลางดอกโบตั๋นั์ มีเสียงของัคำรามดังสะท้านไปทั่วบริเวณ เราทุกคนคิดว่ามันน่ามาจากชีพจรั หลังจากคิดเื่นี้กันอยู่ครู่หนึ่ง หลี่ฮ่าวหรานจึงส่งคนออกไปสำรวจ และพบว่าไม่มีอันตรายใดๆ พบเพียงท่านผู้เฒ่าเท่านั้น” หลงหว่านชิงกล่าว พลางยิ้มอย่างขมขื่น
“ท่านผู้เฒ่า?” กู่ไห่สะดุ้งเล็กน้อย เมื่อได้ยินเช่นนั้น
“น่าจะเป็หุ่นเชิดที่เขาทิ้งเอาไว้ ท่านผู้เฒ่าได้วางหมากล้อมเป็ตายเอาไว้สองกระดาน หากไม่เล่น ก็จะกลายเป็เม็ดหมากบนกระดานหมากล้อมแห่งความตาย! ส่วนหุ่นเชิด จะรอเล่นหมากล้อมแห่งชีวิตกับคนที่เข้าไป นอกเหนือจากนี้ ข้าเองก็ไม่รู้!” แววตาของหลงหว่านชิงฉายแววสับสน
“หมากล้อมเป็ตาย?” กู่ไห่เอ่ยอย่างสงสัย
“ครั้งแรก ที่ก้าวเข้าสู่กระดานหมากล้อม พวกข้าได้ประลองหมากกับท่านผู้เฒ่า แต่เมื่อเราแพ้ ก็ถูกบดขยี้เป็ผุยผง จึงไม่มีใครกล้าลงไปเล่น ในเวลานั้นเรา้าที่จะถอยกลับ แต่ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ดอกโบตั๋นั์ เราก็ไม่อาจก้าวออกมาได้อีก
เมื่อพวกข้าถอนตัว กลับกลายเป็ว่าถูกผลักเข้าไปในหุบเหวของหมากล้อมแห่งความตาย เพียงพริบตา ทุกคนก็กลายเป็เม็ดหมากกันไปหมด ท่านไต้ซือหลิวเหนียนช่วยข้าเอาไว้ ใช้พลังทั้งหมดปกป้องข้าด้วยแหวนั และผลักออกจากหุบเหว ข้าจึงเป็เพียงคนเดียวที่หนีรอดมาได้” หลงหว่านเล่าเสียงสั่นเครือ อย่างโศกเศร้า
“แหวนั?” กู่ไห่ถามด้วยความสงสัย
หลงหว่านชิงหยิบแหวนทองคำออกมา นี่เป็สมบัติของราชวงศ์ซ่ง ที่ตนได้รับจากท่านไต้ซือหลิวเหนียน ก่อนที่เขาจะสิ้นท่า
“ท่านไต้ซือหลิวเหนียนเคยกล่าวไว้ว่า แหวนันี้ เป็สมบัติที่ท่านผู้เฒ่าเคยหลอมขึ้นมา ดังนั้นนี่อาจเป็เหตุผลที่ข้าหนีรอดมาได้” หลงหว่านชิงตอบ พลางยิ้มอย่างขมขื่น
“ท่านเห็นพวกเขากลายเป็เม็ดหมากล้อมอย่างนั้นหรือ?” กู่ไห่ถามด้วยความกังขา
“ใช่! พวกเขาทั้งหมดกลายเป็เม็ดหมาก บ้างเป็เม็ดหมากสีขาว บ้างก็เป็เม็ดหมากสีดำ... ที่เ้าบอกว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ เป็เช่นนั้นจริงๆ หรือ?” หลงหว่านชิงถามอย่างหวาดหวั่น
“อย่ากังวลเลย... ผู้ใต้บังคับบัญชาสามพันคนของข้า ก็เคยกลายเป็รูปปั้นหินเช่นกัน แต่ทุกคนก็ยังอยู่ดี มิใช่หรือ?” กู่ไห่ปลอบโยน
หลงหว่านชิงเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนพยักหน้า
“ในเมื่อเป็เช่นนั้น แล้วเหตุใดท่านจึงปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานหลายเดือน กว่าจะมาที่จวนข้าได้?” กู่ไห่ถามด้วยความเคลือบแคลงใจ
นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ั้แ่การต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่สำนักติงหลง
“ข้า... ข้าถูกไล่ล่าหลังจากนั้น แต่สุดท้ายก็หนีมาได้” หลงหว่านชิงเอ่ยเสียงแ่
“ถูกไล่ล่า?” กู่ไห่ถามอย่างแปลกใจ มีใครกล้าตามล่าหลงหว่านชิงอีกอย่างนั้นหรือ?
“อืม! เขาเป็คนตาบอด... ใช่แล้ว! ยังมีชายตาเดียวอีกคนหนึ่ง!” หลงหว่านชิงเอ่ย เมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“คนตาบอด? ชายตาเดียว?” กู่ไห่เลิกคิ้วขึ้น
กู่ฉินที่อยู่ด้านข้าง รีบค้นหาบางสิ่งอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็พบภาพวาดสองภาพ จึงมอบมันให้กับกู่ไห่
“ใช่ๆ! พวกเขานี่ละ” หลงหว่านชิงเบิกตากว้าง พร้อมพูดอย่างใ
“หลี่เหว่ย เว่ยหยาง?” กู่ไห่ขมวดคิ้วแน่น
“หลี่เหว่ย? อดีตหัวหน้าพรรคต้าเฟิง? เขาตายไปแล้วมิใช่หรือ?” หลงหว่านชิงพยายามนึกทบทวน
“ใช่แล้ว! เว่ยหยางเป็อาจารย์ของหลี่เหว่ยและเิไท่ น่าจะเป็เว่ยหยาง ที่ปลุกหลี่เหว่ยขึ้นมา พวกเขาตามล่าท่านอย่างนั้นหรือ?” กู่ไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อืม! ดูเหมือนจะ้าข้อมูลเกี่ยวกับดอกโบตั๋นั์จากข้า” หลงหว่านชิงย้อนคิด
“เว่ยหยาง? เหอะ! ช่างระแวดระวังตัวนัก เพราะรู้ว่าชีพจรัยังอยู่ที่นี่ พวกเขาจึงไม่กล้าเข้าไปข้างใน” กู่ไห่แค่นเสียง พลางขมวดคิ้วแน่น
“เช่นนั้น เว่ยหยางน่าจะมาเฝ้าที่นี่มานานแล้ว แต่เพราะดอกโบตั๋นั์มีเพียงทางเข้า ไร้ซึ่งทางออก พวกเขาจึงกังวล เมื่อเห็นท่านถังจู่ออกมาได้ จึงอยากรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านในกระมัง?” กู่ฉินกล่าวตามที่ตนคิด
“คงจะเป็เช่นนั้น!” หลงหว่านชิงพยักหน้า
เรือเหาะบินอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงสำนักหมู่ตาน
ฟึ่บ!
เรือเหาะลงจอดที่ยอดเขา
กู่ไห่ กู่ฉิน คนโฉดอีกประมาณสิบคน หลงหว่านชิงและองครักษ์ทั้งสาม พากันะโลงจากเรือเหาะ
ฟิ้ว!
ซ่างกวนเหินบังคับเรือเหาะ ให้จากไปอย่างรวดเร็ว
“ดอกโบตั๋นั์บานสะพรั่ง? ทั้งๆ ที่ไม่กี่เดือนก่อน มันยังเป็แค่ดอกตูม” หลงหว่านชิงกล่าวอย่างพิศวง
บนูเายอดตัดนั้น มีดอกโบตั๋นขนาดใหญ่ ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางราวสามพันฉื่อ[1]เบ่งบานอยู่้า ท้องฟ้าเหนือดอกไม้มีมวลเมฆปกคลุมเอาไว้
ตรงบริเวณเกสรดอกไม้ มีหมอกจางๆ จึงสามารถมองเห็นกระดานหมากล้อมขนาดใหญ่สองกระดาน หนึ่งมีสีดำและอีกหนึ่งเป็สีขาว
ด้านหน้ากระดานหมากล้อมสีขาว ดูเหมือนจะมีชายชราผมขาวผิวซีดเผือดนั่งอยู่
ส่วนบริเวณกระดานหมากล้อมสีดำ ราวกับเป็หลุมดำขนาดใหญ่ ซึ่งพวกเขาก็เห็นมันได้ไม่ชัดเจนเท่าใดนัก
มีตัวอักษรสีทองแปดตัวที่ขอบดอกโบตั๋น “หมากล้อมแห่งชีวิต และหมากล้อมแห่งความตาย แล้วแต่โชคชะตาของแต่ละคน!”
“หมากล้อมแห่งชีวิต หมากล้อมแห่งความตาย?” กู่ไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
บนกระดานหมากล้อมสีขาว ตรงข้ามกับชายชราผมขาว ปรากฏตัวอักษรสีทองขนาดใหญ่ ‘ชีวิต’ แม้ว่าจะผ่านหมอกหนา แต่ก็ส่องแสงเป็ประกาย
บนกระดานหมากล้อมสีดำ ก็ปรากฏตัวอักษรสีทองขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน ‘ความตาย’
บัดนี้ บนยอดเขารอบๆ สำนักหมู่ตาน ได้ถูกกลุ่มผู้ฝึกตนจำนวนมากที่มาจากทั่วสารทิศ เข้ายึดครองพื้นที่เสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม เหล่าผู้ฝึกตน ต่างก็ทำได้แค่มองดูดอกโบตั๋นขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้มัน เพียงมองสถานที่ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจเท่านั้น
“โฮก!”
ภายในดอกโบตั๋น มีเสียงคำรามของัดังออกมา
“เสียงของชีพจรั?” ดวงตาของกู่ฉินเป็ประกาย
หลงหว่านชิงมองดอกโบตั๋นั์ที่อยู่ไกลออกไป ด้วยสีหน้าหวาดวิตก กู่ไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เพราะเมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้น สายตาของเหล่าผู้ฝึกตนทั้งหลาย ก็พลันหันขวับกลับมามองทันที
“นี่มัน… เ้ามารร้ายกู่ไห่!” คนที่อยู่ห่างออกไป จำเขาได้
“แล้วนั่นก็ท่านถังจู่แห่งอี้ผิน หลงหว่านชิง? เป็คนเดียวที่สามารถหนีออกมาจากดอกโบตั๋นได้?” ใครคนหนึ่งกล่าวอย่างประหลาดใจ
“กู่ไห่? กู่ไห่อยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ? เขาสามารถแก้ค่ายกลหมากยี่สิบเก้าเส้นได้!”
“กู่ไห่เคยปลดผนึกกลหมากที่สำนักติงหลงมาแล้ว เขาจะสามารถแก้มันได้หรือไม่?”
สายตาของผู้ฝึกตนทั้งหลายพลันค่อยๆ เปลี่ยนไป
กู่ไห่เหลือบมองไปรอบตัว รับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ ััได้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ คิดจะทำการบางอย่างแน่
“ฮึ่ม! เ้ารนหาที่ตายเสียแล้ว!” ทันใดนั้น ก็มีเสียงหนึ่งะโขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว ดังมาจากดอกโบตั๋น ในบริเวณกระดานหมากล้อมแห่งความตาย
“นี่มัน... เสียงของเิไท่?” กู่ไห่เอ่ย พลางเลิกคิ้ว
“เิไท่ก็เข้าไปข้างในด้วยอย่างนั้นหรือ?” หลงหว่านชิงถาม อย่างประหลาดใจ
“เิไท่... คืนเยว่เหยามาเดี๋ยวนี้!” อีกเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาจากกระดานหมากล้อมแห่งความตาย
“หลี่เหว่ย?” กู่ไห่ขมวดคิ้วหนัก
“หลี่เหว่ยและเว่ยหยางก็เข้าไปแล้วหรือ?” กู่ฉินแสดงความสงสัย
“อั่ก! เิไท่ เ้ากับข้าคงต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!... เว่ยหยาง ข้าไปทำให้เ้าขุ่นเคืองใจั้แ่เมื่อใด?... ย๊าก!” เสียงคำรามดังออกมาอีกครั้ง
“อสูรทะเลั ฟู่เสวี่ย?” กู่ไห่จ้องมองกระดานหมากล้อมแห่งความตายที่อยู่ไกลออกไป รู้สึกได้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ เริ่มซับซ้อนมากขึ้นทุกที
“เหตุใด ถึงไม่มีเสียงของท่านไต้ซือ?” หลงหว่านชิงพูดอย่างวิตก
“ท่านถังจู่ อย่าห่วงเลย แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในนั้น แต่อย่างน้อยก็พิสูจน์ได้ว่า การเข้าสู่หมากล้อมแห่งความตาย ก็ใช่ว่าจะตายมิใช่หรือ? ด้วยความสามารถของท่านไต้ซือหลิวเนียน ต้องไม่เป็อะไรแน่!” กู่ไห่กล่าว ้าปลอบโยนหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ซึ่งกำลังหวั่นใจ
“ใช่แล้ว! ท่านไต้ซือจะต้องไม่เป็อะไร” ดวงตาของหลงหว่านชิงเต็มไปด้วยความหวัง ทว่า ยังคงหลงเหลือความกังวลในแววตาคู่งาม
“พ่อบุญธรรม มีบางอย่างผิดปกติ ตอนนี้ผู้ฝึกตนที่อยู่โดยรอบ กำลังมองมาทางพวกเราอย่างไม่เป็มิตรนัก!” กู่ฉินเลิกคิ้วอย่างเคร่งเครียด
กู่ไห่เหลือบมองไปรอบบริเวณ ตามคาด ผู้ฝึกตนบางคนก็เริ่มที่จะดึงกระบี่ประจำตัว และเดินมาทางพวกเขาอย่างเตรียมพร้อม ต่อสถานการณ์ที่อาจจะเกิดการนองเืขึ้น
เมื่อกวาดตาประเมินดู คาดว่าจำนวนผู้ฝึกตนที่กำลังรุมล้อมพวกเขา อย่างน้อยๆ ก็คงมีสักห้าหมื่นคนเห็นจะได้!
“พวกเขารู้ว่าข้าสามารถแก้หมากได้ จึง้าที่จะจับตัวข้า เพื่อบังคับให้ช่วยพรรคพวกของเขาอย่างนั้นหรือ?” กู่ไห่กล่าว พลางยิ้มเยาะ
“อืม!” กู่ฉินพยักหน้า
“กู่ไห่… พวกเราเข้าไปข้างในเถอะ!” หลงหว่านชิงเอ่ย ขณะมองตามกู่ไห่
“ได้! ไปกันเถอะ... กลหมากยี่สิบเก้าเส้นระดับสูง ข้าก็อยากจะเห็นมันสักครั้ง” ดวงตาของกู่ไห่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ขอบคุณเ้ามาก” หลงหว่านชิงพูดอย่างจริงใจ
“ท่านถังจู่ ไม่จำเป็ต้องทำเช่นนี้” กู่ไห่เอ่ย พลางยกยิ้ม
“ข้าคิดว่ากู่ฉินควรที่จะอยู่ข้างนอก เผื่อเกิดเหตุพลาดพลั้ง เขาจะได้ปลอดภัย” หลงหว่านชิงบอกอย่างกังวล
“ไม่จำเป็! ท่านถังจู่ ข้าคิดว่าน่าจะดีกว่า หากติดตามพ่อบุญธรรมเข้าไปข้างในด้วย ท่านลองมองไปรอบๆู สิ เห็นหรือไม่? พวกเขาคิดจะจับข้ากับพ่อบุญธรรม” กู่ฉินอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“ได้!” หลงหว่านชิงพยักหน้า
กลุ่มคนทั้งสิบหก ก้าวตรงไปยังดอกโบตั๋นั์บนยอดเขา
ตลอดทาง เมื่อเดินผ่านผู้ฝึกตน ก็มักจะได้รับสายตาแปลกๆ ที่มองกลับมา จึงรู้สึกกังวลไม่น้อย ขณะย่างเท้าไปตามเส้นทางเบื้องหน้า
ในที่สุด เมื่อเดินมาได้ครึ่งทาง ก็มีกลุ่มผู้ฝึกตนสามสิบคน ะโออกมาปิดกั้นเส้นทางของกู่ไห่
“ท่านกู่ กำลังจะเข้าไปในดอกโบตั๋นนี้หรือ?”
“ให้พวกเราเข้าไปพร้อมท่าน ดีหรือไม่?”
“ใช่! พวกข้าสามารถปกป้องท่านได้นะ”
ทุกคนค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ย ช่างฟังดูสุภาพและนอบน้อม ทว่าในมือนั้น กลับถือกระบี่เอาไว้แน่น บนใบหน้าเผยให้เห็นความเ็า
--------------------------------------
[1] สามพันฉื่อ เท่ากับ หนึ่งกิโลเมตรโดยประมาณ