ภายใต้ผืนฟ้ายามค่ำที่ปกคลุมด้วยแสงจันทร์อันเรืองรอง สายลมเย็นพัดพาเอาความเงียบงันมาสถิตยังลานโล่งริมทะเลสาบ บรรยากาศรอบกายช่างเงียบสงัดราวกับว่าโลกทั้งใบหยุดหมุน กาลเวลาเองก็เหมือนถูกแช่แข็ง ไม่อาจเคลื่อนไหวไปข้างหน้าในความเงียบงันนั้น มีเพียง สองร่าง ที่ยืนเผชิญหน้ากันอยู่…
เซี่ยนเยวี่ยหลานหญิงสูงศักดิ์แห่งตระกูลเซี่ย สตรีผู้เย่อหยิ่งในเกียรติและศักดิ์ศรียืนจ้องมองเด็กสาวปริศนาที่ปรากฏตัวอย่างลี้ลับตรงหน้าด้วยสายตาที่ไม่อาจละไปได้นางควรจะะโเรียกบ่าวควรจะสั่งให้คุมตัวหญิงสาวผู้นี้ทันทีหากแต่… ไม่เลย
หัวใจของนางกลับเต้นแรงราวกับรัวกลองในอกความรู้สึกบางอย่างที่นางหลงลืมไปนานปี… กำลังตีตื้นขึ้นมาอุ่นวาบที่อกปนกับความหนาวเย็นที่ชอนไชไปทั่วร่างมันไม่ใช่ความหวาดกลัว แต่มันคือ... ความรู้สึกโหยหา
“เหตุใดข้าถึงรู้สึกเช่นนี้...?” แม้แต่ตนเองก็ไม่อาจเข้าใจนางผู้ยึดมั่นในกฎเกณฑ์ ยึดถือความสงบเรียบร้อยบัดนี้กลับปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาใกล้ถึงเพียงนี้โดยไร้ซึ่งคำสั่งห้ามปราม...ไร้ซึ่งอคติหญิงสาวสวมหน้ากากสีเงินยืนนิ่ง ไม่พูดจาแต่ความเยือกเย็นรอบกายกลับกดทับบรรยากาศราวกับพายุหิมะจะมาเยือนไป๋เสวี่ยหรงนางมิได้เร่งร้อนมิได้แสดงอารมณ์โกรธเกรี้ยวจิตใจของนางสงบนิ่งแต่เยือกเย็นเสียยิ่งกว่าน้ำแข็งพันปีนางมองสตรีตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉยผู้หญิงคนนี้คือผู้ให้กำเนิดนางคือสตรีที่เลือกจะรักษาหน้าตระกูล…ยอมสละเืเนื้อของตัวเองเพื่อเกียรติอันว่างเปล่ามือขาวดุจหยกของนางค่อย ๆ ยกขึ้นแตะที่หน้ากากเสียงลมหายใจของเซี่ยนเยวี่ยหลานเริ่มหนักหน่วงเมื่อหญิงสาวตรงหน้าค่อย ๆ ปลดหน้ากาก ออกจากใบหน้าเมื่อหน้ากากถูกถอดออก…เซี่ยนเยวี่ยหลานถึงกับตัวแข็งทื่อแววตาเบิกกว้าง ลมหายใจสะดุดอย่างรุนแรงริมฝีปากนั้นอ้าออก แต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา
ใบหน้าของเด็กสาวตรงหน้า...งดงามอ่อนเยาว์แต่กลับละม้ายคล้ายกับใบหน้าของนางในยามวัยสาว...ยิ่งกว่าภาพสะท้อนในกระจกเสียอีก “เ้าเป็ใครกันแน่...”เสียงเอ่ยถามนั้นแ่เบาและสั่นเครือดวงตาสั่นระริก ร่างกายสั่นเทาคำตอบจากอีกฝ่าย…คือคำตอกย้ำที่ร้ายแรงที่สุด
“ข้ามันก็เป็เพียงแค่สายเื... ที่ไม่มีใคร้า” เสียงนั้นเ็า… แต่ทิ่มแทงราวกับคมเข็มแววตาของเซี่ยนเยวี่ยหลานราวกับแตกสลายหัวใจของนางสั่นะเือย่างไม่เคยเป็มาก่อนในชั่วขณะที่นางกำลังจะก้าวเข้าไปหาร่างของไป๋เสวี่ยหรง ค่อย ๆ จางหายไปราวกับละอองหิมะ
“เดี๋ยว... อย่าเพิ่งไป!” เสียงะโของนางดังก้องแต่มือของนาง…คว้าได้เพียงสายลมเซี่ยนเยวี่ยหลานยืนนิ่งงัน ราวกับถูกสาปนางรู้สึกเหมือนทั้งโลกพังทลายรู้สึกเหมือนบางสิ่งในใจถูกฉีกขาดสิ่งที่นางละทิ้งไปเมื่อยี่สิบปีก่อนบัดนี้ได้ย้อนกลับมา… และแผดเผานางจากภายใน
"เป็ไปไม่ได้… มันจะเป็ไปได้อย่างไร…"
เซี่ยนเยวี่ยหลาน พึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ มือของนางกำแน่นแนบอก ราวกับพยายามยื้อความจริงบางอย่างไม่ให้ไหลทะลักออกมาจากความทรงจำภาพใบหน้าของหญิงสาวเมื่อครู่นั้นยังคงตราตรึงอยู่ภายในหัวของนางอย่างไม่อาจลบเลือน…ดวงตาเรียวคม ผิวพรรณขาวดุจหิมะโครงหน้าที่หากย้อนเวลากลับไปยี่สิบปีก่อน มันช่างเหมือนกับใบหน้าของนางยามสาว…มากเกินไป... เกินกว่าจะเป็เพียงแค่เื่บังเอิญ
"เ้าเป็ใครกันแน่… หรือว่า… ไม่… เป็ไปไม่ได้…" เซี่ยนเยวี่ยหลานพยายามปฏิเสธแต่หัวใจของนางกลับเต้นรัวจนแทบะเินางััได้... ได้ยินเสียงสะท้อนบางอย่างจากสายเืของตนเองมันกรีดร้อง…มันร่ำไห้…และแล้ว…ความทรงจำที่ถูกฝังลึกมาเนิ่นนานก็ค่อย ๆ ปะทุขึ้นมาราวกับเปลวไฟใต้เถ้าถ่าน
ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน…ภายใต้พายุหิมะที่โหมกระหน่ำไม่ขาดสาย ณ หุบเขาด้านหลังตระกูลเซี่ยเซี่ยนเยวี่ยหลานในวัยสาวอุ้มเด็กทารกตัวน้อยห่อตัวด้วยผ้าหนาแน่นมือของนางสั่นเทา ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาและความลังเลเด็กในอ้อมแขนของนางไม่ได้ร้องไห้ แต่จ้องมองด้วยแววตาใสแจ๋วราวกับเข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
"เ้าคงไม่เข้าใจ... แม่ขอโทษ...เพื่อรักษาตำแหน่ง เพื่อไม่ให้ข้าถูกทอดทิ้ง เพื่อไม่ให้ข้าต้องกลายเป็ฮูหยินไร้ค่า…" เสียงของนางแทบจะกลืนไปกับเสียงพายุทารกน้อยถูกวางไว้บนผืนหิมะขาวโพลนในวินาทีนั้น… เซี่ยนเยวี่ยหลานหันหลังให้ลูกของตนเองเดินจากไปทั้งน้ำตาไม่หันกลับมาแม้เพียงครั้งเดียวและั้แ่วันนั้นเป็ต้นมา…นางพยายามลืม ลืมให้หมด ลืมว่าเคยมีลูกสาวแต่ในค่ำคืนนี้… ความจริงกลับมาเคาะประตูใจของนางอีกครั้ง
"เ้า… ยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ เหรอ…" เสียงกระซิบของนางแ่เบาราวกับจะหลุดลอยไปกับสายลมหยาดน้ำตาของนางไหลรินอย่างไม่อาจควบคุม
ไป๋เสวี่ยหรงที่แต่เดิมตั้งใจจะจากไปหลังจากเผชิญหน้ากับผู้ให้กำเนิดด้วยความเ็า แต่บรรยากาศอันหยิ่งทะนงของงานเลี้ยง กลับทำให้นางหยุดฝีเท้าและหันมาสังเกตการณ์แทน ราวกับ์กำลังเชื้อเชิญให้โอกาสในการ “ทักทาย” ตระกูลที่ทอดทิ้งนางไป ได้เดินทางมาถึงอีกครั้งเสียงของผู้นำตระกูล เซี่ยเหวินเทียน ดังกังวานขึ้นท่ามกลางสายตาผู้คนจำนวนมาก
“พวกท่านทั้งหลาย ย่อมทราบดีว่า เซี่ยเฟิงจวิ้น บุตรชายของข้านั้น มีพร์ล้นฟ้าเพียงใด! เขาคือัในหมู่มนุษย์ เป็ความหวัง เป็เกียรติสูงสุดของตระกูลเซี่ยเรา!” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอิ่มเอิบสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจไม่ต่างจากเทพเ้าที่กำลังกล่าวสดุดีมงคลแก่ทายาทแห่ง์จากนั้นจึงหันไปโบกมือเล็กน้อยท่าทางเชิญชวนเย้ยหยัน
“ข้าคิดว่าวันนี้นับว่าเป็วาระมงคลไม่น้อย ใยไม่ให้เฟิงจวิ้น แสดงฝีมือให้ผู้คนได้ประจักษ์?” เขามองไปยังหมู่ชนรุ่นหลังที่เข้าร่วมงาน บรรดาลูกหลานของตระกูลอื่น ๆ พากันหลบสายตา ไม่มีใครกล้าก้าวออกมาเสียงเงียบงันชั่วขณะถูกทำลายด้วยเสียงหัวเราะของขุนนางผู้หนึ่ง
“ฮ่าฮ่า! ท่านเซี่ยเหวินเทียน ช่างมีอารมณ์ขันนัก บุตรชายของท่านเปรียบได้กับัผู้กำลังจะโบยบินสู่์ ใครเล่าจะกล้าท้าทาย? ประลองกับเขาเท่ากับขอความอัปยศแก่ตน!” คำพูดนั้นได้รับเสียงหัวเราะรับจากแเื่อีกหลายคน บางคนแม้จะไม่พูดอะไร แต่ในใจล้วนเห็นด้วยเซี่ยเฟิงจวิ้นก้าวออกมากลางลาน รอยยิ้มของเขาช่างเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ หยิ่งผยอง และภาคภูมิในตัวเอง
“ขอบคุณท่านพ่อ... ลูกจะไม่ทำให้ผิดหวัง!” ผู้นำตระกูลพยักหน้า ก่อนจะหันกลับไปยังแขกในงานอีกครั้ง
“หากไม่มีผู้ใดกล้า ข้าคงต้องขออภัยที่ไม่สามารถมอบการประลองให้พวกท่านได้ชม” แต่ก่อนที่งานเลี้ยงจะกลับสู่ความรื่นเริงสายลมเย็นเยียบก็พลันพัดผ่านเสียงฝีเท้าแ่เบาดังขึ้นท่ามกลางลานอันเงียบงันสตรีนางหนึ่งปรากฏตัวขึ้นจากความมืด เงาร่างของนางสง่างามราวกับเทพธิดานางสวมอาภรณ์เรียบหรูแต่สูงศักดิ์ หน้ากากสีเงินขาวลายหิมะปิดบังใบหน้า ดวงตาคมลึกของนางจ้องตรงไปยังเซี่ยเฟิงจวิ้นโดยไม่หลบเลี่ยงความเงียบเข้าปกคลุมงานเลี้ยงในชั่วพริบตาสายตาทุกคู่หันไปจับจ้องยังหญิงสาวปริศนาแม้แต่เซี่ยเหวินเทียนที่อยู่สูงสุดในงาน ยังต้องขมวดคิ้วด้วยความระแวง
“นางเป็ใคร…?” แม้จะไร้ชื่อ ไร้แซ่ ไร้คำกล่าวอ้างถึงฐานะ แต่เพียงการย่างกรายของนางเพียงก้าวเดียวบรรยากาศทั้งงานก็บังเกิดความเยือกเย็นราวกับกลางเหมันต์ไป๋เสวี่ยหรงที่สวมหน้ากากไว้ มองตรงไปยังบุรุษที่ถูกยกย่องว่าเป็ "ดวงใจของตระกูลเซี่ย" ด้วยดวงตาเรียบนิ่งและเมื่อสายลมสงบ… นางก็กล่าวเพียงประโยคเดียว
“หากยังไม่มีใครกล้าประลอง… ข้าขออาสา” พริบตานั้นงานเลี้ยงก็หยุดลงเสียงซุบซิบดังขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่ความมั่นใจบนใบหน้าของเซี่ยเฟิงจวิ้นเปลี่ยนเป็รอยยิ้มดูแคลนในขณะที่ไป๋เสวี่ยหรงสายเืที่พวกเขาเคยโยนทิ้งกลางหิมะกำลังก้าวเท้าขึ้นสู่เวทีแห่งการล้างอายของเงาอดีต...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้