เยว่เฟิงเกอไม่เข้าใจจริงๆ เมื่อคืนม่อหลิงหานยังดีๆ อยู่เลย คนบอกให้นางค้างแรมที่เรือนหานโยวด้วยซ้ำ
กระทั่งตอนเช้าก็ยังดีๆ เหมือนกัน คนมาหานางเองถึงที่
เหตุใดหลังจากเข้าวังไป เพียงกลับออกมาก็กลายเป็เช่นนี้?
สำหรับเื่ที่นางต้องไปถอนพิษให้ฮองเฮา เขาเองก็รู้ั้แ่แรก แล้วประโยคที่ว่านางสวมหมวกเขียวให้เขานี้ไปนำมาจากไหนอีก?
เขาคงไม่ได้กำลังหลอกใช้นางอยู่ตลอดด้วยเห็นว่ามีวิชาแพทย์สูงส่ง เนื่องจากเขาเองก็ถูกคนวางยาพิษจึงตั้งใจเข้าใกล้นาง รอจนนางถอนพิษให้สำเร็จถึงได้หาข้ออ้างสลัดนางทิ้ง
เหตุการณ์ทั้งหลายเหมือนเป็การพิสูจน์ว่าม่อหลิงหานกำลังทำเช่นนี้อยู่จริงๆ
ในใจยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เยว่เฟิงเกอยิ้มเย็น กล่าวว่า “ม่อหลิงหาน เ้าสังหารลาเมื่อเสร็จงานโม่แป้ง [1] ใช่หรือไม่ ข้าถอนพิษในร่างให้เ้าแล้ว สำหรับเ้า ตัวข้านี้นับว่าไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว จึงสรรหาข้อหาเลวทรามมาให้ข้า เพื่อจะได้ให้ข้าไสหัวไปโดยเร็วใช่หรือไม่? ได้ ม่อหลิงหาน เ้าฟังให้ดีๆ ข้าจะหย่ากับเ้าเดี๋ยวนี้ ชาตินี้ข้าไม่อยากเห็นหน้าเ้าอีก”
ตอนที่เยว่เฟิงเกอพูดคำว่าหย่าออกมา หัวใจของม่อหลิงหานพลันเจ็บแปลบเหมือนมีอะไรมาเสียดแทง
มิคาดเยว่เฟิงเกอจะพูดคำว่าหย่าออกมา
ในตอนที่ม่อหลิงหานกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรบ้าง ด้านในก็มีเสียงสนทนาระหว่างชิงจื่อและเยว่เฟิงเกอดังลอดออกมา
“พระชายา อย่าตรัสเื่หย่าขึ้นมาง่ายๆ สิเพคะ เช่นนี้จะเป็การทำร้ายจิตใจท่านอ๋องนะเพคะ” ชิงจื่อมองเยว่เฟิงเกอด้วยสีหน้ากังวล กลัวว่าผู้เป็นายจะหย่าจริงๆ
เยว่เฟิงเกอยิ้มเย็น กล่าวว่า “ข้าทำร้ายจิตใจเขา? ช่างน่าขำยิ่งนัก ใจของเขาเ็า บ่มอย่างไรก็ไม่อุ่น เขาจะเ็ปเพราะข้าได้อย่างไร”
“พระชายา หม่อมฉันเห็นว่าท่านอ๋องจริงใจต่อพระองค์จริงๆ นะเพคะ ระหว่างพวกท่านต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่ ถ้าอย่างไรพระองค์ลองเปิดใจคุยกับท่านอ๋องให้ชัดเจนเถิดเพคะ อย่าได้หย่ากันเป็อันขาดนะเพคะ” ชิงจื่อเห็นว่าเยว่เฟิงเกอตั้งท่าจะหย่าท่านอ๋องแล้วจริงๆ นางก็ใจนหน้าซีดขาว หัวใจกระเด้งกระดอนขึ้นมา
สิ่งที่ชิงจื่อกังวลก็คือ พระชายาของนางจะหย่ากับท่านอ๋อง ไม่ว่าอย่างไรก็จะให้ทำเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นผลสุดท้ายย่อมจะเป็พระชายาเองที่ไม่มีที่ให้ไปแล้ว
ต่างก็กล่าวกันว่าบุตรสาวที่แต่งออกไปแล้วเปรียบได้ดังน้ำที่ถูกสาดออกไป ดังนั้น พระชายาแต่งมาอยู่แคว้นเป่ยชวนก็นับเป็ชาวเป่ยชวนแล้ว
หากหย่าขาดกับท่านอ๋อง พวกนางย่อมต้องระเห็จไปจากจวนอ๋อง
แต่ในโลกใบนี้ เมื่อสตรีแต่งออกมาแล้วล้วนจะเป็คนของฝั่งบุรุษ หากว่าบุรุษผู้เป็คู่ชีวิตตายจาก สตรีอาจสามารถแต่งงานใหม่ได้ แต่หากว่าหย่าร้างกับบุรุษ นั่นย่อมจะต่างไป ไม่มีใครกล้ายอมรับสตรีนางนั้นแล้ว
ต่อให้คนคนนี้จะเป็ถึงพระชายา ก็คงไม่มีใครกล้าทนรับแรงกดดันจากการด่าทอในการรับพระชายาคนนี้ไปเป็ภรรยา
ชิงจื่อร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว ดูจากท่าทีแล้วเหมือนพระชายาจะถูกท่านอ๋องทำให้โกรธจัดเสียแล้ว
เยว่เฟิงเกอยิ้มเย็น กล่าวว่า “ระหว่างพวกเรายังจะมีความเข้าใจผิดใดได้ ต่อให้เข้าใจผิดจริง ก็เป็เขาที่เข้าใจข้าผิด ไม่ใช่ข้าที่เข้าใจเขาผิด”
เยว่เฟิงเกอพูดประโยคนี้จบ ก็เฝ้าฟังเสียงการเคลื่อนไหวด้านนอก นางได้ยินเพียงเสียงหายใจฮึดฮัด คล้ายว่าม่อหลิงหานกำลังฝืนความอัดอั้นในใจอยู่
นางเตะประตูอีกครั้ง กล่าวด้วยความโมโห “ม่อหลิงหาน ในเมื่อเ้าอยากจะสังหารลาเมื่อเสร็จงานโม่แป้งเพียงนี้ อยากจะเตะข้าออกไปให้พ้นทาง เช่นนั้นข้าก็จะทำตามความปรารถนาของเ้า ข้าจะไปเขียนหนังสือหย่าเดี๋ยวนี้ เ้าแค่รอลงนามในหนังสือนั้นเป็พอ” พูดจบก็ไม่คิดสนใจม่อหลิงหานอีก นางหมุนกายเดินเข้าไปในเรือน
ม่อหลิงหานได้ยินเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ ห่างไกลออกไปก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้น เขารู้ดีว่าเยว่เฟิงเกอเป็คนพูดได้ทำได้ หากว่านางบอกว่าจะไปเขียนหนังสือหย่า แน่นอนว่านางต้องไปเขียนจริงๆ
ในตอนนี้ม่อหลิงหานไม่ได้โกรธแล้ว แต่เป็เสียใจแทน
เขาไม่เคยคิดจะหย่ากับเยว่เฟิงเกอ ต่อให้เป็เมื่อก่อนที่เขาไม่เห็นเยว่เฟิงเกออยู่ในสายตา ก็ยังไม่เคยคิดหย่ากับเยว่เฟิงเกอ
เขารู้ หากเขาหย่ากับเยว่เฟิงเกอ คนที่จะต้องทนทุกข์ในอนาคตก็คือตัวเยว่เฟิงเกอเอง
ชื่อเสียงของคนผู้หนึ่งสำคัญมาก ยิ่งกับสตรีด้วยแล้วเรียกได้ว่าสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของพวกนาง
เมื่อก่อนเขาไม่อยากหย่าร้างกับเยว่เฟิงเกอ ตอนนี้ยิ่งไม่อยาก
เมื่อถานอี้และเฉียวเฟยเห็นว่าม่อหลิงหานยังยืนนิ่งอยู่หน้าประตูอย่างไม่มีท่าทีจะขยับ กลับเป็ฝ่ายทนมองไม่ได้อีก พวกเขาออกมาจากมุมลับ
“ท่านอ๋อง รีบเข้าไปคุยกับพระชายาให้ชัดเจนเถิดพ่ะย่ะค่ะ จะหย่าไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ” ถานอี้พูด ต่อให้จะต้องโดนด่า อย่างไรก็ต้องกลั้นใจกล่าวออกไป
เฉียวเฟยเห็นด้วยอย่างยิ่ง ท่านอ๋องของพวกเขาถูกวางยาพิษ และเป็พระชายาที่ช่วยรักษาให้ ตอนนี้เหลือแค่พิษไฟหนาวอีกส่วนหนึ่ง ขอแค่คืนนี้ท่านอ๋องกินยาพิษส่วนที่เหลือ อีกไม่นานพิษในร่างท่านอ๋องก็จะถูกขจัดหมดไป
หากว่าท่านอ๋องทรงหย่ากับพระชายาเอาตอนนี้ เช่นนั้นพระชายาจะต้องเสียพระทัยเพียงใด อีกทั้ง จารีตประเพณีที่แสนเคร่งครัดนั่น การหย่าร้างกันจะไม่เท่ากับว่าท่านอ๋องของพวกเขากำลังทำร้ายพระชายาหรือ
ถึงตอนนั้นจะไม่ใช่ว่าท่านอ๋องเป็คนลืมบุญคุณคนหรือ
เฉียวเฟยเองก็กล่าวบ้าง “ท่านอ๋อง ไม่แน่ระหว่างพระองค์กับพระชายาอาจจะมีความเข้าใจผิดอะไรกัน ทรงเข้าไปพูดคุยกับพระชายาให้ชัดเจน ขจัดความเข้าใจผิดนี้ร่วมกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนนี้เองม่อหลิงหานถึงได้คิดขึ้นมาว่า หรือว่าระหว่างพวกเขาจะเป็ความเข้าใจผิดจริงๆ ? แต่เขาเห็นกับตาว่าเยว่เฟิงเกอกับม่อเสวียนเช่อเดินตามกันออกมาจากตำหนักคุนิ ยิ่งกว่านั้น นางยังดูอารมณ์ดีมากด้วย
นางไม่ได้อารมณ์ดีเพราะได้พบกับม่อเสวียนเช่อหรือ?
ม่อหลิงหานขมวดคิ้วแน่น แต่ยังคงยืนนิ่งอยู่เช่นเดิม
ขณะที่ถานอี้กับเฉียวเฟยต่างร้อนใจจนหัวใจบีบรัด พวกเขาสองคนสบตากันไปทีหนึ่ง ก่อนจะพร้อมใจกันคุกเข่าลงตรงหน้าม่อหลิงหาน
“ท่านอ๋อง รีบเข้าไปหาพระชายาเถอะพ่ะย่ะค่ะ ไม่แน่ตอนนี้พระชายาอาจจะกำลังเขียนหนังสือหย่าอยู่จริงๆ ก็ได้”
เมื่อนึกถึงว่าตอนนี้เยว่เฟิงเกออาจจะกำลังเขียนหนังสือหย่าอยู่ ม่อหลิงหานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป รีบปลดกุญแจลงแล้วผลักประตู เดินเข้าไปด้านใน
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้อง สิ่งแรกที่เห็นก็คือภาพเยว่เฟิงเกอที่กำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะ นางกางกระดาษออกตรงหน้า ในมือถือพู่กัน กำลังขีดเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษ
ม่อหลิงหานเห็นเช่นนี้ ก็ร้อนใจยิ่งแล้ว
ทางด้านชิงจื่อ นางเห็นว่าม่อหลิงหานเข้ามา ก็กำลังจะพูดอะไร แต่กลับถูกสายตาเ็าของม่อหลิงหานหยุดไว้
ม่อหลิงหานโบกมือ ชิงจื่อจึงไปจากเรือนแห่งนี้ทันทีพร้อมปิดประตูให้คนทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน
ม่อหลิงหานเดินก้าวยาวๆ เข้าไป แย่งหนังสือหย่าตรงหน้าเยว่เฟิงเกอมาทันที
เพราะเมื่อครู่เยว่เฟิงเกอกำลังมุ่งมั่นอยู่กับการเขียนหนังสือหย่า จึงไม่ได้ยินแม้แต่เสียงฝีเท้าของม่อหลิงหาน
เมื่อถูกม่อหลิงหานแย่งกระดาษไป นางก็ใจนร้องออกมา และยิ่งเห็นว่าผู้มาคือม่อหลิงหาน นางก็ยิ่งโกรธ ยื่นมือไปด้วยตั้งใจจะแย่งหนังสือหย่ากลับมาให้ได้
ม่อหลิงหานยกหนังสือหย่าขึ้นสูง ต่อให้เยว่เฟิงเกอจะะโอย่างไรก็แย่งมาไม่ได้ นางโกรธจนชกหมัดใส่ม่อหลิงหานไปทีหนึ่งด้วยแรงมือเทียบเท่ากับกำลังชกศัตรูตัวเอง และถึงแม้ม่อหลิงหานจะถูกชกไปหนึ่งหมัด เขาก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะตอนนี้สมาธิเขาจดจ่ออยู่เพียงหนังสือหย่าในมือเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าบนกระดาษแผ่นนั้นเขียนว่าเยว่เฟิงเกอจะหย่าร้างกับม่อหลิงหาน ฉับพลันนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก
“พระชายาจะหย่ากับเปิ่นหวางจริงหรือ? ” ม่อหลิงหานยังกกกอดความหวังสุดท้ายไว้ เอ่ยถาม
เขาหวังอยากให้เยว่เฟิงเกอส่ายหน้าแล้วบอกว่านางไม่อยากหย่า แต่กลับได้ยินนางแน่วแน่กล่าววาจาทำร้ายจิตใจคน “นี่ไม่ใช่สิ่งที่ท่านอ๋องอยากจะเห็นมาตลอดหรอกหรือ? ท่านในฐานะอ๋องคงไม่คิดลดตัวลงมาเขียนหนังสือหย่า เช่นนั้นข้าเขียนให้ก็ได้ ท่านแค่ลงนาม้าเป็พอ”
เยว่เฟิงเกอพูดพลางถอยหลังไปหนึ่งก้าว
สีหน้าห่างเหินของนางยิ่งทำให้ม่อหลิงหานปวดแปลบในใจ สายตาที่ใช้มองนางจึงแฝงแววเศร้าสร้อยโดยไม่รู้ตัว
“หากว่าเปิ่นหวางไม่อยากหย่าเล่า? ” เสียงของม่อหลิงหานแหบแห้งยิ่งนัก เขารู้สึกเหมือนด้านในมีอะไรติดขัดที่ทำให้หายใจไม่ออก
เยว่เฟิงเกอทำเป็มองไม่เห็นความเศร้าสร้อยในสายตาเขา นางส่งเสียงหึเ็า “เมื่อครู่ท่านอ๋องไม่ได้คิดจะขังข้าไว้ที่นี่ชั่วชีวิตหรือ เช่นนี้จะต่างอันใดกับหย่าร้างเล่า ก็แค่อาจจะดูดีในสายตาคนนอก เพราะพวกเขาคงคิดว่าเราสองสามีภรรยายังรักใคร่กัน แต่ในความเป็จริง ระหว่างสองเราไม่เคยมีความรักต่อกันมาก่อน”
ทุกคำพูดของเยว่เฟิงเกอคล้ายมีดแหลมที่ทิ่มแทงหัวใจม่อหลิงหานครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาอดทนความเ็ปในใจ สีหน้าเ็ากล่าวว่า “ต่อให้เปิ่นหวางจะขังเ้าไว้ชั่วชีวิต ก็ไม่มีทางหย่ากับเ้า ชั่วชีวิตนี้เ้าอย่าได้คิดเื่นี้อีก”
ม่อหลิงหานพูดจบ ก็ขยำขยี้จนหนังสือหย่าฉบับนั้นแหลกละเอียดคามือ
เขาหมุนกาย เดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับ
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] สังหารลาเมื่อเสร็จงานโม่แป้ง(卸磨杀驴)ตรงกับสำนวนที่ว่าเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล