จริงๆ แล้วเหยาเชียนเชียนก็รู้ได้โดยที่ไม่ต้องให้ผู้ใดบอก เพียงโทษขโมยแผนที่จัดวางกำลังคุ้มกันนครหลวงเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอให้ปะาชีวิตอวี่เหลียนเอ๋อร์แล้ว ในคราแรกนางถือสาหากเด็กคนหนึ่งต้องมาตายไปทั้งอย่างนี้ แต่ผู้ใดเล่าจะคิดว่าเื่ราวจะเป็เช่นนี้
เป่ยเหลียนโม่ปลอบใจนางอย่างเงียบๆ เหยาเชียนเชียนได้รับผลกระทบอย่างยิ่งจากเหตุการณ์นี้หลังจากนี้เขาจะสั่งให้คนตรวจสอบคนรอบตัวนางให้ละเอียดก่อนจึงจะสามารถเก็บไว้ข้างตัวต่อไปได้
“เปิ่นหวังเก็บอวี่เหลียนเอ๋อร์ไว้ไม่ได้ แต่ก่อนที่นางจะตาย เปิ่นหวังยังมีเื่อยากถามนาง”
ในคุกใต้ดินอันมืดมิดนั้นเงียบสงัดเสียจนได้ยินเพียงเสียงน้ำหยดเท่านั้น ไม่มีผู้ใดรู้ว่าด้านล่างของจวนชิงผิงอ๋องจะมีคุกใต้ดินขนาดใหญ่อยู่
อวี่เหลียนเอ๋อร์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าก็อดที่จะเหยียดมุมปากขึ้นมาไม่ได้
“ท่านอ๋องเสด็จมาแล้ว น่าเสียดายที่เหลียนเอ๋อร์ไม่สามารถยืนขึ้นคารวะท่านอ๋องได้”
เป่ยเหลียนโม่พินิจมองนางเงียบๆ องครักษ์เงาไปสืบเื่ของสตรีผู้นี้มาแล้ว น่าเสียดายที่พวกเขาสืบมาได้เพียงว่านางเป็บุตรของเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง แม้ว่าจะเป็เพียงบุตรบุญธรรม ทว่าแท้จริงแล้วทำอะไรเขาก็รู้แจ้งได้อยู่ในใจ
ไกลจากนครหลวงออกไปร้อยแปดสิบลี้ หากไม่ใช่เพราะถูกคนจงใจพามา นางก็ไม่อาจคิดริเริ่มทำสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง
“เปิ่นหวังถามเ้า ผู้ใดอยู่เื้ัเื่นี้?”
อวี่เหลียนเอ๋อร์หัวเราะเบาๆ และส่ายหัว “ไม่มีผู้ใดบงการเพคะ ทั้งหมดนี้เหลียนเอ๋อร์ล้วนทำตามความ้าของตัวเองเท่านั้น”
นางเงยหน้าขึ้น มองเป่ยเหลียนโม่ั้แ่หัวจรดเท้าอย่างละเอียด จากนั้นก็แย้มยิ้มบางๆ
“ท่านอ๋อง จริงๆ แล้วสิ่งที่เหลียนเอ๋อร์กระทำไป สำหรับพระองค์ก็ไม่ใช่โทษที่ไม่อาจอภัยได้กระมัง ทุกคนในนครหลวงแห่งนี้ล้วนรู้กันดีว่าเหยาเชียนเชียนพัวพันกับองค์ชายสามมาหลายปีแล้ว แม้ว่าพระองค์จะมีท่าทีลุ่มหลงต่อหน้าผู้อื่น ทว่าความจริงแล้วท่านอ๋องมีไมตรีต่อสตรีผู้นั้นจริงหรือ?”
นางมองเป่ยเหลียนโม่อย่างมั่นใจ ชิงผิงอ๋องและองค์ชายสามไม่ลงรอยกันมาั้แ่ไหนแต่ไร และนี่ไม่ใช่ความลับที่สลักสำคัญอะไรนัก
เขาสู่ขอสตรีขององค์ชายสามด้วยเหตุผลบางอย่าง ผู้ใดเล่าจะเชื่อว่าเขารักเหยาเชียนเชียนจากใจจริง แม้ว่าพวกเขาจะแสดงออกว่ารักใคร่กันต่อหน้าผู้อื่น แต่ก็หลอกได้เพียงเหล่าคนเขลาที่ไม่รู้ความเท่านั้น
“ท่านอ๋อง พระองค์คงไม่ได้เชื่อว่าเหยาเชียนเชียนจะยอมละทิ้งองค์ชายสาม และเปลี่ยนใจมาสวามิภักดิ์ต่อพระองค์จริงๆ หรอกกระมัง” นางหัวเราะเย้ยหยัน “ล้วนเป็สตรีด้วยกัน หม่อมฉันรู้จักนางดี ความสัมพันธ์อันยาวนาน ไหนเลยเพียงบอกว่าจะตัดก็ตัดได้ ยามนี้ที่นางทำดีต่อพระองค์ก็เป็เพียงแผนรับมือชั่วคราวเท่านั้น”
เป่ยเหลียนโม่มีสีหน้าสงบอยู่เสมอราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจสิ่งที่นางพูดเลย เมื่ออวี่เหลียนเอ๋อร์มองมาที่เขาอย่างได้ใจอีกครั้ง เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า
“ยี่สิบสามปีที่แล้ว บุตรของครอบครัวชาวนาครอบครัวหนึ่งได้หายตัวไป และั้แ่นั้นมาบนโลกใบนี้ก็มีสตรีที่ไม่สามารถเติบโตได้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน เดิมทีเ้าเป็บุตรสาวบุญธรรมของพ่อค้าสกุลหลิวผู้ร่ำรวยในแถบชานเมือง ทว่าเมื่อครึ่งเดือนก่อนหน้ากลับถูกคนซื้อตัวไป”
รอยยิ้มของอวี่เหลียนเอ๋อร์ชะงักไปชั่วครู่ เขากล่าวได้ถูกต้อง ชิงผิงอ๋องไปสืบเื่ของนางมาแล้ว และสืบได้ค่อนข้างละเอียดเลยทีเดียว
แต่แล้วอย่างไรเล่า สุดท้ายเขาก็ยังรีบร้อนมาถามนางอยู่ดี จนถึงยามนี้เขาก็ยังสืบหาคนที่อยู่เื้ัไม่พบ
“เปิ่นหวังเพียงแค่สงสัยนิดหน่อย ด้วยสถานะเช่นเ้ายังมีสิ่งใดให้ยึดมั่นได้อีก อย่าบอกว่าทำเพื่อเงิน เหตุผลประเภทนี้ไร้สาระเกินไป เพราะเ้าไม่ยอมปริปาก ข้าจึงสั่งให้คนไปสืบ"
สำหรับคนเช่นอวี่เหลียนเอ๋อร์ที่ไร้ความหวัง เมื่อยี่สิบปีที่แล้วคนเ่าั้คงต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่อยากจะสนับสนุน ซึ่งอาจเป็สิ่งที่พวกเขาไม่สามารถปล่อยมือได้ เป่ยเหลียนโม่เหลือบมองนาง
“ถ้าเ้ายอมสารภาพคนที่อยู่เื้ั เปิ่นหวังอาจจะสามารถช่วยสนองความปรารถนาของเ้าได้”
แววชั่วร้ายสายหนึ่งวูบไหวในดวงตาของอวี่เหลียนเอ๋อร์และหายวับไปในทันที นางก้มศีรษะลงเล็กน้อย ทำให้มองเห็นอารมณ์ในดวงตาของนางได้ยาก
“เพียงเพื่อสตรีที่ไม่ได้รักพระองค์เลย หรือเพื่อความร่วมมืออันไม่น่าพึงพอใจนัก ไม่คิดเลยว่าท่านอ๋องจะยอมทำถึงขั้นที่ยอมให้สัญญากับคนที่กำลังจะตายอย่างหม่อมฉัน พระองค์ไม่รู้สึกเสียเกียรติของตนเองเลยจริงๆ หรือเพคะ?”
เป่ยเหลียนโม่ยกยิ้มมุมปาก “หวังเฟยเป็ภรรยาของเปิ่นหวัง เปิ่นหวังจะไม่ได้รักนางได้อย่างไร”
‘ภรรยา’ อย่างนั้นหรือ อวี่เหลียนเอ๋อร์ยิ้มประชดประชัน นางไม่สนใจที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาของผู้อื่น แต่หากสามารถทำให้มีคนเป็ทุกข์เพิ่มขึ้นในโลกได้อีกหนึ่งคน เหตุใดนางจะไม่ยินดีกระทำเล่า
“ท่านอ๋องทรงพระปรีชาเช่นนี้ ไม่คิดเลยว่าจะเลอะเลือนกับเื่ประเภทนี้ พระองค์ไม่กล่าวถึงอย่างอื่น จดหมายเ่าั้หม่อมฉันไม่ได้ปลอมขึ้นมาเอง แต่หวังเฟยเหนียงเหนี่ยงผู้นั้นเป็คนเขียนถึงองค์ชายสามด้วยตัวเองทั้งหมดก่อนที่จะแต่งงาน พระองค์ไม่ทรงถือสาเลยจริงๆ หรือเพคะ?”
เกรงว่าคงเป็ไปไม่ได้กระมัง
ไม่มีบุรุษคนใดยอมปล่อยให้ภรรยาของตนเองเอาแต่คะนึงหาชายอื่น นับประสาอะไรกับผู้มีฐานะสูงส่งอย่างเป่ยเหลียนโม่เล่า ศักดิ์ศรีและความสง่าของเขาไม่อาจท้าทายได้
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่พัวพันกับหวังเฟยของเขาก็คือพี่ชายผู้น่ารำคาญของเขาเองด้วย หากจะบอกว่าไม่ถือสาอะไรเลยก็คงเป็เพียงลมปากเท่านั้น
“ท่านอ๋อง พระองค์น่าจะอ่านจดหมายพวกนั้นทั้งหมดแล้ว” อวี่เหลียนเอ๋อร์มองเข้าไปในดวงตาของเป่ยเหลียนโม่ และยิ้มอย่างเบิกบานยิ่งขึ้นราวกับดอกไม้กินคนที่เตรียมจะสังหารอย่างโเี้ เพลิดเพลินกับความสุขสมอันมาจากลมหายใจที่ติดขัดของเหยื่อ
“ภายในจดหมายคือความจริงใจของหวังเฟยเหนียงเหนี่ยง ทุกถ้อยคำคือความรักที่นางมีต่อองค์ชายสาม หากท่านอ๋องอ่านแล้วไม่มีความรู้สึกไม่พอใจสักเล็กน้อยเลย เช่นนั้นคิดดูแล้วพระองค์ก็คงไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีต่อหวังเฟยเหนียงเหนี่ยงมากนัก”
ั์ตาดำทั้งสองของเป่ยเหลียนโม่สงบและเรียบนิ่ง ไม่ว่านางจะหัวเราะตามอำเภอใจมากเพียงใด เขาก็ยังคงเงียบ อย่างมากที่สุดก็แค่มองนางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เสียงหัวเราะของอวี่เหลียนเอ๋อร์ดังสะท้อนอยู่ภายในคุกใต้ดิน แต่สุดท้ายนางก็หัวเราะไม่ออกเสียเอง
น่าเบื่อเหลือเกิน อวี่เหลียนเอ๋อร์หุบยิ้ม นางไม่สามารถยั่วโทสะของชิงผิงอ๋องได้เลยแม้แต่น้อย ชายผู้นี้เ็าและเืเย็นเกินไป คำกล่าวของนางราวกับถูกโยนลงไปในแอ่งโคลน หลังจากระลอกคลื่นน้ำหยุดนิ่งแล้วก็กลับมาเงียบเหงาไร้เสียงอีกครั้ง
“พูดจบแล้วหรือ?”
เป่ยเหลียนโม่สืบเท้าเข้าไปอยู่ตรงหน้านาง และกดสายตาทอดมองลงไปที่นางราวกับูเาสูงที่ไม่มีผู้ใดสามารถทำให้สั่นไหวได้ หากเงยหน้าขึ้นไปมองมีแต่จะเกิดความรู้สึกยำเกรงเท่านั้น
“เปิ่นหวังไว้ชีวิตเ้า ไม่ใช่เพราะ้ารู้สิ่งใดจากปากเ้า เพียงแค่อยากตรวจสอบให้ชัดเจนก็เท่านั้น ผลลัพธ์ในยามท้าย ไม่ว่าเ้าจะพูดหรือไม่ สำหรับเปิ่นหวังมันก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก”
เป่ยเหลียนโม่สบตานางและแย้มยิ้มออกมาทันที
“แม้ว่าเปิ่นหวังจะไม่จำเป็ต้องอธิบายให้เ้าฟังมากมาย แต่เื่นี้เกี่ยวข้องกับการล้างมลทินให้หวังเฟย เปิ่นหวังจึงจำเป็ต้องกล่าวสักสองประโยค”
เขาลดศักดิ์ลงต่ำเพื่อโน้มตัวลงมา ในน้ำเสียงเจือความเบิกบานหลายส่วน
“คนนอกจะรับรู้ความอ่อนโยนของหวังเฟยได้อย่างไร เป็ดังที่เ้าว่า เปิ่นหวังและหวังเฟยรักกันต่อหน้าคนนอก แต่สำหรับคนในกลับรักกันลึกซึ้งยิ่งกว่า เื่ราวต่างๆ ในอดีตเปิ่นหวังไม่อาจลืมเลือนได้ แต่แล้วอย่างไรเล่า ยามนี้นางเป็ของเปิ่นหวัง หัวใจก็เป็ของเปิ่นหวังเช่นเดียวกัน การใส่ใจเื่ราวในอดีตที่รบกวนใจเ่าั้ มีแต่จะทำให้คนอย่างเ้ามีความสุขอย่างลับๆ เท่านั้น”
อวี่เหลียนเอ๋อร์รู้สึกทุกข์ใจ ดังนั้นนางจึงไม่อาจเห็นผู้อื่นมีความสุขและใช้ชีวิตอย่างราบรื่นได้ ทว่าคนที่ทุกข์ใจในโลกใบนี้จะมีเพียงนางคนเดียวได้อย่างไร หากทุกคนล้วนอาฆาตแค้นและก่อเื่ก่อราวเช่นนี้ แล้วจะมีดินแดนสุขาวดีอยู่ที่ใดได้อีก
ดวงตาของเป่ยเหลียนโม่เต็มไปด้วยความสุขยามที่เขานึกถึงเหยาเชียนเชียน สายตาเช่นนี้ทำให้อวี่เหลียนเอ๋อร์กระชับโซ่ตรวนแน่นด้วยความโกรธสุดขีด นางไม่เคยได้ััมันเลย ทว่าผู้อื่นกลับได้รับมันอย่างง่ายดาย โลกใบนี้ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
เหตุใดถึงต้องเป็นาง เป็นางที่ต้องแบกรับความเ็ปเหล่านี้ ทว่าผู้อื่นสามารถมีความสุขได้
“ชิงผิงอ๋อง หากหม่อมฉันแจ้งต่อพระองค์ว่าผู้ที่อยู่เื้ัเื่นี้คือคนที่พระองค์ไว้ใจมากที่สุด พระองค์จะทรงคิดเห็นอย่างไรเพคะ?”
นางยิ้มอย่างโเี้ พยายามหาความเศร้าโศกและความตระหนกบนใบหน้าของเป่ยเหลียนโม่ ทว่ายังคงล้มเหลว
ชายหนุ่มหมุนตัวเดินออกจากประตูห้องขังไป น้ำเสียงของเขาแ่ราวกับเพิ่งได้รับฟังเื่ที่ไม่สลักสำคัญอะไรเลย
“คนที่เปิ่นหวังไว้วางใจมากที่สุด แม้แต่เปิ่นหวังเองก็ยังไม่รู้ แล้วเ้าหมายถึงผู้ใดเล่า”
เขายกมุมปากขึ้นแล้วผินใบหน้ามองไปยังอวี่เหลียนเอ๋อร์ที่กำลังจะแตกสลาย
“จริงๆ แล้วคนที่คิดว่าตนมีความชอบธรรมเช่นเ้าไม่มีความจำเป็ต้องเก็บไว้ แต่เปิ่นหวังได้ยินมาว่าเ้ายังมีน้องชายที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อเห็นแก่หวังเฟย เปิ่นหวังจะให้ทางรอดแก่เขา ชาติหน้าก็ฉลาดสักหน่อยเล่า อย่าได้ถูกผู้อื่นหลอกลวงอีก”
อวี่เหลียนเอ๋อร์มองชายหนุ่มเดินจากไปไกลอย่างเหม่อลอย น้องชายอย่างนั้นหรือ ญาติที่ยังเหลืออยู่เพียงคนเดียวของนาง ชิงผิงอ๋องจะตามหาเขาพบจริงๆ หรือ?
นางยิ้มเศร้า หากเขาทำได้ นางก็คงไม่ต้องทำอะไรแทนคนผู้นั้นั้แ่แรก
แต่ไม่ว่าจะทำหรือไม่ทำก็ล้วนไม่ต่างกัน ชีวิตนี้ของนางแตกสลายไปนานแล้ว น้องชายเป็กำลังใจเพียงอย่างเดียวของนางในการเอาชีวิตรอดไปวันๆ ชาตินี้นางไม่เคยขอให้ความสุขคงอยู่แม้เพียงครู่เดียว แต่หวังว่าชาติหน้านางจะได้เป็ดังที่ชิงผิงอ๋องกล่าวไว้ อย่าได้ถูกผู้ใดหลอกลวงอีกเลย
“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ” นางลากโซ่และค่อยๆ คุกเข่าลง ก่อนจะค้อมคำนับอย่างจริงจัง “ชีวิตของคนต่ำชีวิตหนึ่ง ทำได้เพียงอวยพรให้ท่านอ๋องและหวังเฟยรักกันตลอดไป ขอให้สุขสบายและมีความสุขเพคะ”
สายลมพัดผ่านที่แห่งนี้ และพัดพาเอาเสียงร้องไห้ออกไปด้วย
เป่ยเหลียนโม่มุ่งออกจากจวนไปยังสถานที่ซึ่งเจริญรุ่งเรืองที่สุดในตลาด และคงไม่พ้นไปจากเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานเคล้าไปกับเสียงเครื่องดนตรีประเภทสายและเป่าของหอเพียวเซียง
ซั่งกวนหลิงระงับความยินดีไว้ในใจ และรอจนกระทั่งเหลือเพียงนางและเป่ยเหลียนโม่อยู่ในห้อง จากนั้นจึงคุกเข่าลงอย่างแสดงความเคารพ
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”
หลังจากชิงผิงอ๋องมีเหยาเชียนเชียนเป็หวังเฟย เขาก็มาพบนางที่นี่น้อยลง หากมีธุระก็จะให้องครักษ์เงาเป็ผู้ส่งสาส์นแทน และจะเสด็จมาด้วยพระองค์เองต่อเมื่อมีเหตุจำเป็เพียงครั้งคราวเท่านั้น
ซั่งกวนหลิงเงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวัง นางอยากจะจดจำทุกอย่างเกี่ยวกับอีกฝ่ายและสลักลึกลงไปในใจ หลังจากการพบกันครั้งนี้ นางไม่รู้ว่าครั้งต่อไปจะเป็เมื่อใด
เป่ยเหลียนโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาซ่อนเร้นจนเกือบจะเป็ความโหยหาของนางทำให้เขารู้สึกอึดอัด อีกทั้งบนโต๊ะยังกรุ่นกลิ่นหอมที่ชวนให้รู้สึกเลี่ยน เขายกกาน้ำชาขึ้นและเททิ้งจนหมด ปล่อยให้ทั้งห้องเงียบสงัด
“เปิ่นหวังจะพาตัวน้องชายของเหลียนเอ๋อร์ไป” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เ้าไปนำตัวเขามา ให้เขาตามเปิ่นหวังกลับจวน”
คำพูดนับพันนับหมื่นของซั่งกวนหลิงถูกทำให้ชะงักด้วยประโยคนั้นและพลันหน้าถอดสี นางบีบปลายนิ้วที่สั่นระริกและเค้นเสียงกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ขอเวลาให้หลิงเอ๋อร์หน่อยได้หรือไม่ หลิงเอ๋อร์...หลิงเอ๋อร์จะสืบหาที่อยู่ของเขาให้พบโดยเร็วที่สุดเพคะ”
แววตาคมปลาบของเป่ยเหลียนโม่มองไปยังนาง ราวกับชิ้นส่วนของใบมีดน้ำแข็งที่ปกคลุมไปด้วยความเย็นเยียบโปรยปรายลงมาเฉือนผิวเนื้อของนาง ทำให้นางไม่มีแม้แต่ช่องว่างให้ซ่อนตัว
“เ้าอยู่กับเปิ่นหวังมานานมากน้อยเพียงใดแล้ว ควรจะรู้ว่าสิ่งที่เปิ่นหวังเกลียดที่สุดคือคนที่อวดฉลาด หมากที่กระทำโดยพลการมีจุดจบเพียงอย่างเดียว ยังต้องให้เปิ่นหวังเตือนเ้าอีกหรือ?”
ซั่งกวนหลิงคุกเข่าลงตัวแข็งทื่อ นางปิดบังเขาไม่ได้จริงๆ ด้วย ในสายตาของเขา สิ่งที่นางทำนั้นทั้งต่ำช้าและน่าขัน แต่นางทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อชิงผิงอ๋อง ต่อให้มีโอกาสอีกครั้ง นางก็ยังจะเลือกทำแบบเดียวกัน
“สตรีผู้นั้นไม่คู่ควรที่จะอยู่เคียงข้างท่านอ๋อง นางมีความสัมพันธ์กับองค์ชายสาม ทว่าท่านอ๋องกลับเบนความสนใจไปให้นางมากเกินไป ซึ่งไม่เป็ผลดีต่องานส่วนรวมเลยนะเพคะ หลิงเอ๋อร์ไม่อาจทนมองนางทำลายท่านอ๋องไปต่อหน้าต่อตาได้ หากท่านอ๋อง้าลงโทษหลิงเอ๋อร์ด้วยเหตุนี้ หลิงเอ๋อร์ก็ยินดีรับโทษเพคะ”
ชิงผิงอ๋องช่วยชีวิตนางไว้ ดังนั้นนางจึง้าตอบแทนกลับคืน แต่นางก็ทนไม่ได้
“ท่านอ๋อง หลิงเอ๋อร์ติดตามพระองค์มาหลายปี หวังเพียงว่าพระองค์จะไม่ถูกผู้อื่นหลอก หากเืของหลิงเอ๋อร์สามารถช่วยให้ท่านอ๋องตาสว่างได้ เช่นนั้นหลิงเอ๋อร์ก็ยินดีเป็อย่างยิ่งเพคะ”
เป่ยเหลียนโม่เหลือบมองนางด้วยสายตาเรียบเฉย และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สูงขึ้นเล็กน้อย “จริงหรือ?”
กริชอันแหลมคมถูกขว้างลงตรงหน้าของซั่งกวนหลิง แสงเย็นสะท้อนเข้าดวงตาของนางพร้อมกับเสียงเ็าของเป่ยเหลียนโม่ที่ดังก้องอยู่ข้างหู
“เช่นนั้นก็ทำให้เปิ่นหวังดูหน่อยว่าเ้ายินดีมากเพียงใด”
