“พี่สะใภ้! เจียงต้าเกอ หงหนิง พวกท่านมาแล้วหรือ...เชิญเข้ามาเลย!” หวางกุ้ยเซียงได้ยินเสียงรถล่อจากนอกบ้านก็วิ่งออกมาดู
หลิวซื่อกับหวงซื่อออกจากครัวมาต้อนรับเช่นกัน หวางฟู่กุ้ยรับเชือกบังเหียนจากมือเจียงหงหย่วนและไปผูกล่อ
“หวั่นชิว เ้าไปนั่งที่ห้องกุ้ยเซียงก่อนเถิด ประเดี๋ยวก็ได้กินแล้ว” หลิวซื่อหยุดหลินหวั่นชิวที่อยากไปช่วยในครัว หวางกุ้ยเซียงดึงตัวนางไว้เช่นกัน
หลินหวั่นชิวจึงไม่ปฏิเสธ ตามหวางกุ้ยเซียงเข้าห้อง
เมื่อเข้ามาในห้อง หวางกุ้ยเซียงนำผ้าเช็ดหน้าที่ตัวเองปักออกมาให้ดู จากนั้นให้ดูดอกไม้ลูกปัดที่เพิ่งทำเสร็จ
หลินหวั่นชิวแนะนำนางว่า “ถ้าเ้ารู้จักสตรีสาวที่ปักเย็บเก่งก็รับผ้าเช็ดหน้ามาขายต่อได้เช่นกัน ขอแค่คุณภาพดี ข้าก็ขายได้ทั้งนั้น ดอกไม้ลูกปัดเองก็ด้วย เ้าเชิญคนมาทำด้วยได้ ไม่ต้องพูดสิ่งใดเยอะ ได้ดอกละหนึ่งทองแดง ร้อยดอกก็ได้ร้อยเหรียญทองแดง”
แม้จะมีห้องหัตถการเสียนอวี๋ที่ผลิตดอกไม้ผ้าดอกไม้ลูกปัดได้อย่างง่ายดาย แต่หลินหวั่นชิวอยากให้คนที่มีความสัมพันธ์ดีกับตัวเองมีโอกาสหาเงินมากกว่า
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร” หวางกุ้ยเซียงไม่เห็นด้วย “หากจะมีผู้ใดได้ก็ควรเป็ท่าน ท่านรับซื้อของข้าได้ก็รับซื้อของผู้อื่นได้เช่นกัน”
แม่นางคนนี้นิสัยดีมาก
หลินหวั่นชิวอยากพูดเหลือเกินว่า แม่นาง ข้าไม่สนใจเงินเล็กน้อยแค่นี้!
“ข้าไม่มีเวลามาสนใจเื่พวกนี้” หลินหวั่นชิวตอบ “อย่างไรข้าก็แค่แนะนำดู หากเ้ารู้สึกว่าเข้าท่าก็ลองทำ รู้สึกว่าไม่เข้าท่าก็ไม่ต้อง”
สร้างเป็โรงงานหัตถกรรม!
ในยุคปัจจุบันมีให้พบเห็นได้ทั่วไป ไม่ว่าจะโทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ เครื่องสำอาง ของใช้ในชีวิตในประจำวัน มียี่ห้อใหญ่ยี่ห้อใดบ้างที่ไม่ใช้โรงงาน?
หลินหวั่นชิวแค่แนะนำหวางกุ้ยเซียงเท่านั้น บังคับกดหัววัวที่ไม่ดื่มน้ำให้ดื่มน้ำอย่างไรก็เปล่าประโยชน์ นางบังคับให้ผู้อื่นหาเงินไม่ได้
“ได้ ข้าจะลองคิดดูเ้าค่ะ” จะหาคนมาทำงานไม่ใช่จะเอาผู้ใดก็ได้ ต้องเชื่อถือได้ด้วย
ที่นางปฏิเสธเพราะไม่อยากแย่งช่องทางหาเงินของหลินหวั่นชิว แต่เมื่อหลินหวั่นชิวบอกว่าไม่มีเวลาหาคน นางจึงสามารถพิจารณาได้
แต่ยังไม่ต้องรีบ ไว้ผ่าน่นี้ไปก่อนค่อยว่ากัน
“จริงสิ อย่าให้จ้าวหงฮวายืมวัสดุที่ข้าให้เ้านะ” หลินหวั่นชิวกำชับหวางกุ้ยเซียงหนึ่งประโยค
“เพราะเหตุใดเ้าคะ?” หวางกุ้ยเซียงถาม แม้จ้าวหงฮวาจะไม่เคยมายืม แต่นางก็สงสัย
หลิวหวั่นชิว “ยืมกันไปยืมกันมาข้าคิดบัญชีไม่ถูก หากนางใช้หมดแล้วก็ให้มาข้า ถึงอย่างไรต่อไปนี้ข้าก็กลับมาอยู่ที่หมู่บ้านแล้ว”
หวางกุ้ยเซียงรับปาก “อื้ม ข้าจำไว้แล้วเ้าค่ะพี่สะใภ้”
“อันนี้ข้าให้เ้า เป็ลวดลายที่ข้าออกแบบใหม่ เ้าทำตามคู่มือ ส่วนพวกนี้คือลูกปัดชุดใหม่ เ้าเก็บให้ดี” หลินหวั่นชิวเปิดห่อผ้าที่ตัวเองถือเข้ามาให้หวางกุ้ยเซียงดู หวางกุ้ยเซียงรีบดึงไส้ตะเกียงให้สว่างขึ้น จุดตะเกียงเพิ่มอีกดวงมาวางบนโต๊ะเพื่อดูอย่างละเอียด
“ช่างงดงามยิ่งนัก!” นางเปิดคู่มือดูแล้วร้องชื่นชม จากนั้นหยิบลูกปัดมาดูทีละแบบ ยิ่งดูตาก็ยิ่งเป็ประกาย
“ลูกปัดพวกนี้เ้าช่วยเก็บไว้เองเถิด พวกมันค่อนข้างแพง ต้องรักษาให้ดี” หลินหวั่นชิวกำชับ
หวางกุ้ยเซียงห่อลูกปัดกลับที่เดิมอย่างระมัดระวัง นำไปเก็บในตู้และลงกุญแจ “วางไว้ได้เ้าค่ะ ข้าจะระวัง”
“ราคาของดอกไม้ผ้ากับดอกไม้ลูกปัดชุดเก่ายังเหมือนเดิม แต่ข้าจะให้ราคาดอกไม้ลูกปัดที่ทำจากวัสดุรอบนี้ดอกละยี่สิบอีแปะ เ้าอย่าเพิ่งปฏิเสธ วัสดุยิ่งแพง ความเสี่ยงที่เ้าต้องแบกรับก็ยิ่งสูง ค่าแรงที่ให้จึงเพิ่ม เ้าสามารถหาคนมาทำดอกไม้จากวัสดุชุดเก่าได้ แต่วัสดุรอบนี้เ้าต้องทำด้วยตัวเอง แน่นอนว่าท่านแม่และพี่สะใภ้เ้าก็เชื่อถือได้เช่นกัน”
หรือก็คือหมายความว่า มอบวัสดุชุดใหม่ให้ได้แค่คนที่ไว้ใจเท่านั้น
หวางกุ้ยเซียงพยักหน้าอย่างเป็จริงเป็จัง “วางใจเถิดเ้าค่ะพี่สะใภ้! ข้าจะระวัง!”
หลินหวั่นชิวยิ้ม “หากเ้าเป็คนทำ ข้าย่อมวางใจอยู่แล้ว”
วัสดุที่นางมอบให้หวางกุ้ยเซียงครั้งนี้มีผลึกแก้วประดิษฐ์ระดับสูงเป็จำนวนมาก ทั้งสีและการเจียระไนล้วนดีหมด ขนาดซื้อจากเสียนอวี๋ก็ยังราคาไม่ถูก
แต่แน่นอนว่าเทียบกับราคาที่นางเตรียมขายแล้วก็เป็ต้นทุนที่ถูกอยู่ดี
“หวั่นชิว กุ้ยเซียง กินข้าวได้แล้ว” หวงซื่อมาตามทั้งคู่ไปกินข้าว ทุกคนกินข้าวในห้องโถง ในห้องโถงมีกระถางจุดฟืน อบอุ่นมาก
ยังคงแยกโต๊ะบุรุษและสตรีเช่นเดิม
เมื่อมีเงินก็ความเป็อยู่ดีขึ้น หลิวซื่อเองก็ใจกว้าง ทำกับข้าวมาเต็มทั้งสองโต๊ะ
ทอด ย่าง ผัด ตุ๋น มีหมด
“ท่านป้า ท่านจะเกรงใจเกินไปแล้วเ้าค่ะ” หลินหวั่นชิวเห็นอาหารบนโต๊ะก็พูด “วันพรุ่งมีข้าวปลาอาหารสมบูรณ์ วันนี้กินแบบง่ายๆ ก็พอแล้วเ้าค่ะ”
หลิวซื่อยิ้ม “วันนี้เป็วันล่าปา ไม่ใช่ทุกวันที่จะมีเงินมีทอง จะไม่ให้ป้าจัดอย่างเหมาะสมเสียหน่อยหรือ? รีบกินเถิด ไม่ต้องเกรงใจ”
หวงซื่อพูดเช่นกัน “นั่นสิ หวั่นชิว ปีนี้ครอบครัวเรามีกินก็เพราะพึ่งพวกเ้า!”
เพราะมีดอกไม้ลูกปัด นางหาเงินส่วนตัวมาได้ไม่น้อย
และเพราะสร้างบ้านให้ตระกูลเจียง ครอบครัวพวกนางได้เงินมาก้อนโตเช่นกัน
“เ้าค่ะ เช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจแล้ว!” หลินหวั่นชิวใช้ตะเกียบคีบซาลาเปาไส้เต้าหู้มากิน กินแล้วชมหลิวซื่อว่าฝีมือดี
อาหารมื้อนี้ผ่านไปอย่างรื่นเริงสุขสันต์
หลิวซื่อกับหวงซื่อเก็บโต๊ะ หวางทงเป่าพูดกับหลินหวั่นชิวว่า “สะใภ้หลานชายคนโต ข้าพิจารณาเื่ที่เ้าบอกฟู่กุ้ยก่อนหน้านี้แล้วรู้สึกว่าทำได้ ข้าวางแผนไว้ว่าหากเป็เช่นนี้ ให้โหย่วกุ้ยอยู่ที่นี่ ข้ากับฟู่กุ้ยเป็คนไป เ้าดูแล้วเข้าท่าดีหรือไม่?”
แต่เจียงหงหย่วนกลับพูดว่า “ท่านลุง ท่านอยู่ต่อที่นี่เสียดีกว่า ให้โหย่วกุ้ยเกอกับฟู่กุ้ยไป หากพี่สะใภ้จะตามไปด้วยย่อมได้เช่นกัน เพราะถึงอย่างไรคนทำงานก็ต้องมีคนทำอาหารให้กิน ท่านอยู่ต่อที่นี่ ข้ายังมีเื่ต้องรบกวนท่าน”
หลินหวั่นชิวถามเช่นกัน “ท่านลุงหวาง จัดการตามนี้ได้หรือไม่เ้าคะ?”
หวางโหย่วกุ้ยกลัวพ่อตัวเองไม่เห็นด้วย รีบพูดว่า “ได้สิ เหตุใดจะไม่ได้ ท่านพ่อ ท่านอยู่ที่นี่เถิด ข้าจะพาแม่โก่วจื่อไป หาเงินกลับมาสร้างบ้าน ฟู่กุ้ยเองก็ถึงวัยต้องแต่งงานแล้ว อีกสองปีต้องส่งโก่วหวาเรียนหนังสือเช่นกัน เรียนหนังสือต้องใช้เงินเยอะ”
เดิมทีเขาอยากออกไปหาเงินนอกบ้าน แต่ท่านพ่อบอกให้เขาอยู่ที่นี่ เขาจึงต้องอยู่ที่นี่อย่างไม่เต็มใจ แต่เมื่อตอนนี้เจียงหงหย่วนกับหลินหวั่นชิวต่างอยากให้เขาไป เขาย่อมไม่อยากทิ้งโอกาสนี้
เสียก็แต่ที่หวงซื่อห่วงลูกทั้งสอง
หลิวซื่อพอจะมองออก นางพูดกับหวงซื่อว่า “หากเ้าอยากไปกับเหล่าต้าก็จงไปอย่างสบายใจเถิด ที่บ้านมีพวกข้าสองคนอยู่ จะช่วยดูแลโก่วหวากับอิงจื่อเป็อย่างดีแน่”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้