บทที่ 104 เป็หรือตาย
“โฮก!!!”
ราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิตขัดขืนอย่างรุนแรงและคำรามเสียงดัง มันถูกัทองรัดแน่น อีกฝ่ายพ่นลมหายใจน้ำค้างแข็งออกมา ไอหมอกเย็นๆ แผ่กระจายไปรอบๆ แม้แต่อากาศก็กลายเป็น้ำแข็งแล้วร่วงหล่นลงสู่พื้น
ราชันย์ราชสีห์วิ่งพล่านไปทั่วและกระแทกตัวลงกับพื้นอีกหลายครั้ง ก่อให้เกิดหลุมขนาดใหญ่หลายแห่งในพื้นที่รกร้างแห่งนี้ ทำให้สัตว์ปีศาจตัวอื่นๆ กลัวจนล่าถอยไปไกล ด้วยกลัวว่าตนจะโดนลูกหลงไปด้วย
“แค่กแค่ก... โฮก!! ราชันย์ราชสีห์หรือ? ดูสิว่าเ้าจะรอดตายจากข้าไหม!”
ดวงตาของัทองดุร้าย มันเปิดปากแล้วพ่นเืสกปรกออกมาสองสามคำ ลำตัวที่ยืดยาวกระชับขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าเกล็ดจำนวนมากจะร่วงหล่น เนื้อหนังเปรอะเปื้อนไปด้วยเื แต่มันก็ไม่ได้ผ่อนแรงที่รัดราชันย์ราชสีห์ลง
“โฮก! ข้า... ข้าราชันย์ราชสีห์ก็จะคอยดูว่าใครจะตายก่อน!!”
ด้วยเสียงคำรามอันน่ากลัว ราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิตก็โกรธมากจนกระโจนขึ้นสู่ท้องฟ้าและพุ่งตัวลงมากระแทกพื้นด้วยพลังอันมหาศาลอีกครั้งเพื่อโจมตีัทอง
ัปีศาจตัวนี้ฉลาดแกมโกง เมื่อรู้ว่าสิ่งที่อันตรายที่สุดของราชันย์ราชสีห์คือเขี้ยวโลหิตคู่นั้น มันจึงเลือกใช้วิธีการอันไร้ยางอายนี้ รัดลำตัวของราชันย์ราชสีห์เอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้กัดมัน
ความจริงแล้ว ในบรรดาสัตว์อสูรทั้งสอง พลังต่อสู้ของัทองนั้นด้อยกว่าของราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิตอยู่เล็กน้อย แต่ด้วยกลยุทธ์นี้ ทั้งสองจึงต่อสู้อย่างหนักจนไม่สามารถบอกผู้ชนะได้
ตอนนี้พวกมันเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ความแข็งแกร่งค่อยๆ ลดลง ทั้งคู่กำลังแข่งกันว่าใครจะอยู่ได้นานกว่ากัน
ผู้ที่ชนะในท้ายที่สุด จะได้รับวัตถุิญญาอันล้ำค่าแห่งใต้หล้า นั่นคือิญญาไฟศักดิ์สิทธิ์
“ฮู...โฮก...”
ราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิตที่ดิ้นมานานก็เริ่มเหนื่อย มันยืนตัวตรงบนพื้น หายใจไม่ออก และะโด้วยความโกรธ “เ้า... แน่จริงก็ลงมา มาดูว่าข้าจะกัดเ้าให้ตายได้ไหม จับข้าไว้... ก็ไม่มีประโยชน์! โฮก!!”
“ข้าไม่ลงไป ก็มาดูกันว่าราชสีห์ไร้เขี้ยวโลหิตเช่นเ้าจะทำอะไรได้บ้าง…” น้ำเสียงของัทองดูน่ากลัว พลังของมันเริ่มเอื่อยช้า ดวงตาข้างหนึ่งบวมตุ่ย าเ็ทั่วทั้งตัว
เมื่อสักครู่นี้ มันถูกกระแทกลงกับพื้นนับไม่ถ้วน แน่นอนว่าร่างกายของมันก็แทบจะทนไม่ไหวจนไอเป็เื
“โฮก! สารเลว! ข้าจะขย้ำเ้าให้ตาย!” ราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิตคำรามอีกครั้ง กระโจนไปรอบๆ กลิ้งไปกลิ้งมาจนฝุ่นทรายฟุ้งตลบ
มันโกรธมาก ในฐานะาาแห่งสัตว์ปีศาจ ตอนนี้มันกลับตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดี ทนไม่ได้ น่าหงุดหงิดเกินไปแล้ว!
“ปัง ปัง ปัง——”
ยามนี้ สัตว์อสูรทั้งสองกระโจนขึ้นฟ้าอีกครั้งด้วยพลังอันท่วมท้น ทรายสีเหลืองกระจัดกระจาย แต่เห็นได้ชัดว่าพลังไม่ได้น่ากลัวเหมือนก่อนหน้า
สัตว์อสูรตัวใหญ่สองตัวต่อสู้กันมานาน พวกมันเองก็ใกล้จะหมดแรงแล้ว
“ัทองทำให้ราชันย์ราชสีห์หมดแรงและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเอาชีวิตเข้าแลก เ้าเล่ห์จริงๆ!” มู่หรงซินยืนอยู่ในเกราะอากาศ มองดูสัตว์อสูรทั้งสองอย่างกระตือรือร้นและพูดด้วยความดูถูก
“ัปีศาจคงรู้ว่าตัวเองไม่อาจเอาชนะราชันย์ราชสีห์แบบตัวต่อตัวได้จึงใช้กลยุทธ์นี้ นี่ก็คล้ายกับการต่อสู้ระหว่างมนุษย์นักรบ หาก้าเอาชนะผู้แข็งแกร่ง ผู้อ่อนแออย่างพวกเราต้องทุ่มสุดตัว”
“มิฉะนั้น แม้ว่าพวกมันจะมีความแข็งแกร่งพอๆ กัน แต่ก็มีแนวโน้มที่จะพ่ายแพ้ ัปีศาจตัวนี้ฉลาดมาก” ฉู่อวิ๋นวิเคราะห์ช้าๆ ด้วยดวงตาจริงจัง
เขามองดูสนามรบที่วุ่นวายอยู่ตรงหน้า ในใจคิดเพียง้าคว้าิญญาไฟศักดิ์สิทธิ์ วัตถุิญญานี้มีความสำคัญต่อเขามาก มันอาจทำให้ระดับพลังยุทธ์ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวะโ!
แต่สัตว์อสูรตัวใหญ่สองตัวนี้กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด แม้ว่าพวกมันจะได้รับาเ็สาหัส แต่ก็ยังแข็งแกร่งเกินไปสำหรับฉู่อวิ๋น หากเขาผลีผลามรีบวิ่งไปที่เสาศักดิ์สิทธิ์ ถ้าถูกเห็นเข้าชีวิตน้อยๆ นี่ก็ไม่อาจรักษาได้
ก่อนจะถูกบดขยี้ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ทักษะวิชาใดๆ ก็ล้วนไร้ประโยชน์
“น่าโมโหนัก! หรือข้าทำได้เพียงยืนดูอยู่เฉยๆ เช่นนี้หรือ?” ฉู่อวิ๋นกัดฟันด้วยความรู้สึกโกรธ
ตอนนี้ชะตากรรมของเขาเกี่ยวพันกับสัตว์อสูรทั้งสองตัว
เป็หรือตายไม่ใช่สิ่งที่เขากำหนด
“ตูม--!”
ทันใดนั้น ราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิตก็คลุ้มคลั่ง ร่างกายที่ถูกลำตัวยาวเฟื้อยของัทองรัดพันไว้วิ่งมาที่เกราะอากาศ พร้อมกับแรงกดดันแสนอันตราย
“โฮก!”
ราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิตคำราม มันไม่คิดรักชีวิต เหวี่ยงร่างของตนและัทองไปที่เกราะอากาศสีทอง พุ่งเข้าโจมตีเขาและกระเด็นออกไปพร้อมกับัทอง
สัตว์อสูรตัวใหญ่ทั้งสองได้รับาเ็สาหัส พวกมันกระอักเป็เื ลมหายใจแปรเปลี่ยนเป็เชื่องช้า
ในเวลาเดียวกัน เสียงของแรงกระแทกนั้นทรงพลังและหนวกหูจนทั้งฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินต่างถูกผลักจนเซล้มลงกับพื้น
“เจ็บ... คุณหนูเช่นข้าเจ็บยิ่งนัก! ไม่คิดว่าต่อให้จะมีเกราะอากาศกั้นอยู่ แต่ผลกระทบจากพลังของสัตว์อสูรทั้งสองจะยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!” มู่หรงซินลุกขึ้นนั่ง นวดบั้นท้ายด้วยน้ำตาไหลอาบ ก้มหน้าลงด้วยความเ็ป
“พวกมันเป็สัตว์อสูรระดับสูง เทียบเท่ากับนักรบที่อยู่สูงกว่าระดับเจ็ดของขั้นมหาสมุทร ย่อมทรงพลัง!” ฉู่อวิ๋นลุกขึ้นยืน มองตรงไปข้างหน้าและกำหมัดแน่น
มู่หรงซินรู้สึกหมดหนทาง ถอนหายใจและพูดว่า “เกรงว่าต่อให้ท่านพ่อของข้ามาก็คงไม่อาจจัดการกับสัตว์อสูรทั้งสองตัวนี้ได้ เฮ้อ... หวังว่าเกราะอากาศนี่จะช่วยได้นะ...”
“เอ๊ะ! นี่...เกิดอะไรขึ้น!?”
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกัน เกราะอากาศสีทองก็ค่อยๆ จางลง รอยแตกเมื่อครู่ค่อยๆ ร้าวกระจายไปยังบริเวณที่เกิดการปะทะ ทำให้ทั้งคู่หวาดกลัวขึ้นมา
ฉู่อวิ๋นรีบดึงเสี่ยวหวงออกมาจากอ้อมแขนแล้วถามอย่างเป็กังวล “เ้าหนู ทำไมเกราะอากาศนี่ถึงมีรอยแตกได้? เ้าซ่อมได้หรือไม่?”
“จิ๊ด…” เสี่ยวหวงพึมพำ ดูกระสับกระส่าย
ทันใดนั้น มันก็เปิดเปลือกตาที่หย่อนยานให้เบิกโพลง ดวงตาของมันหมองคล้ำ ลำตัวกลมๆ ของมันก็ขยับไปซ้ายขวาเพื่อแสดงการปฏิเสธ
“แย่แล้ว เสี่ยวหวงหมดพลังไปแล้ว เกราะอากาศกำลังจะพังลงแล้ว!” ฉู่อวิ๋นใ แต่เขาก็ยังวางเสี่ยวหวงไว้ในอ้อมแขนเบาๆ เ้าหนูนี่พยายามอย่างเต็มที่แล้ว และตอนนี้พวกเขาต้องพึ่งตัวเอง!
“เราจะทำอย่างไรดี? ข้างหลังยังมีสัตว์ปีศาจอีกเป็เบือ เราหันหลังกลับไปไม่ได้แล้ว!” มู่หรงซินหันกลับไปมองก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นสัตว์ปีศาจกำลังจะเคลื่อนไหว
“ตอนนี้สัตว์อสูรสองตัวนั่นกำลังต่อสู้กัน รีบไปข้างหน้ากันเถอะ!” ฉู่อวิ๋นสบมองมาด้วยสายตาที่จริงจัง และตัดสินใจรีบวิ่งไปยังทิศทางของเสาศักดิ์สิทธิ์ สัญชาตญาณบอกเขาว่าตราบใดที่พวกเขาไปถึงที่นั่น พวกเขาทั้งคู่ก็จะปลอดภัย
“ตกลง!” มู่หรงซินไม่พูดอะไรและพยักหน้าทันที นางเชื่อในสิ่งที่ฉู่อวิ๋นพูดอย่างเต็มใจ
“แกร๊ก——”
“ตูม--”
ด้วยเสียงแตกร้าว เกราะอากาศก็แตกสลายลง ในเวลาเดียวกัน ฉู่อวิ๋นก็จับมือของมู่หรงซินทันที แล้วก้าวไปข้างหน้าด้วยก้าวเงาบินอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิตยังสู้อยู่กับัทอง นี่เป็โอกาสอันดียิ่งในการหลบหนี!
“ฟุ่บ——”
เงาภาพสองร่างผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว ความเร็วที่เรียกได้ว่าเร็วที่สุดนับั้แ่เกิดมา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาใช้กำลังทั้งหมดเพื่อการนี้ แม้แต่พลังปราณก็เพิ่มสูงขึ้น
นี่คือ่เวลาเป็ตาย หากช้าลงสักก้าวก็อาจจะตายอยู่ที่นี่
“ฟุ่บ-”
เสาศักดิ์สิทธิ์อยู่ห่างจากพวกเขาไม่ไกลแล้ว เหลือเพียงร้อยหมี่เท่านั้น
“ฟุ่บ-แต่ก-แต่ก-แต่ก-”
เสียงฝีเท้ายังคงดำเนินต่อไป สัตว์อสูรเองก็กระโจนขึ้นไปบนท้องฟ้า แท่นบูชาก็เข้าใกล้มากขึ้น ภาพของิญญาไฟศักดิ์สิทธิ์ขยายใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น และใหญ่ขึ้น...
ห้าสิบหมี่
ยี่สิบหมี่
สิบหมี่...
เมื่อใกล้จะถึง ฉู่อวิ๋นที่วิ่งนำอยู่ก็เผยสีหน้าประหลาดใจ
“ตึง!”
ในยามนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน!
ด้านหน้ามีเงาดำขนาดใหญ่ตกลงมาจากที่สูง ฝุ่นควันตลบอบอวล ดูดุร้ายและสง่างาม
นั่นคือราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิตที่มีัทองพันอยู่รอบตัว
“มนุษย์เอ๋ย! พวกเ้าคิดว่าใช้กลอุบายเล็กๆ นั่นก็จะซ่อนตัวจากข้าได้หรือ? โฮก! น่าขัน! ข้ารับรู้ว่าพวกเ้าอยู่ในเกราะประหลาดนั่นมานานแล้ว!” ราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิตจ้องมองที่พื้นด้วยดวงตาเบิกกว้าง ฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินที่อยู่บนพื้นตัวเล็กจ้อยและไร้ซึ่งพลังไปในทันที
“ตึง--”
ทันทีที่แรงกดดันของสัตว์อสูรระดับสูงถูกปลดปล่อยออกมา ทั้งสองคนก็ไม่สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงอีก พวกเขาถูกกดลงกับพื้น เหงื่อออกมาก หัวใจเต้นแรงจนเจ็บหน้าอก
“แข็งแกร่งมาก! สมกับที่เป็าาสัตว์ปีศาจ!” ฉู่อวิ๋นกัดฟัน เหงื่อกาฬไหลอาบ พยายามต้านทานแรงกดดันอันทรงพลังนี้
แต่ในยามนี้ พลังทั้งหมดในร่างกายของเขาคล้ายหนืดเหนียว ยากจะต่อกร!
“แมลงตัวจ้อย ในเมื่อพวกเ้าพาตัวเองมาส่งถึงที่ข้าก็จะไม่เกรงใจ แม้ว่าเนื้อหนังอันล้ำค่าของพวกเ้าจะไม่โอชานัก แต่ก็นับเป็ยาบำรุงกำลัง สามารถเสริมกำลังให้ข้าสังหารเ้างูเหม็นนี่ได้”
“โดยเฉพาะเ้า เด็กน้อย รสชาติของเืเ้านั้นคุ้นเคยยิ่งนัก คล้ายว่าข้าจะเคยลิ้มลองมาก่อน!”
ราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิตอ้าปากกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคมคู่หนึ่ง มัน้ากัดฉู่อวิ๋นก่อน ดูดซับแก่นพลังปราณและเืของเขามาบำรุงร่างกายและฟื้นฟูความแข็งแกร่ง
“เ้าสิงโตปากเหม็นเน่า! อยากฆ่าข้า?! มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”
เมื่อได้ยินคำพูดของราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิต ฉู่อวิ๋นก็จำได้ทันทีว่าคนของเขาถูกมันกัดตาย ดวงตาคมกริบจ้องมองมันด้วยความโกรธ ทันใดนั้น จุดตันเถียนของเขาก็ร้อนขึ้น พลังปราณก็ฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง!
“ย๊าก--!!”
ฉู่อวิ๋นะโเสียงดัง ยกกระบี่ชื่อยวนขึ้นฟันในทันที ก่อให้เกิดรุ้งดาวตกพุ่งออกมา
นี่คือ่เวลาเป็ตาย กระบวนท่าดาราร่วงไร้รอยได้ใส่ความหวังทั้งหมดของเขาลงไป ทั้งความเร็วและพลัง นับได้เป็จุดสูงสุดที่เคยใช้มันมา!
“ควั่บ——”
สายรุ้งศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกมาอย่างฉับพลัน ราวกับัที่ส่องประกายผ่านท้องฟ้า มันรวดเร็วจนประหลาดใจ ้าฟันให้โดนาแบนหัวของราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิต
“ทักษะแมลงเม่า!”
แต่อนที่กระบี่จะถึงตัว ราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิตก็มองมาที่เขาอย่างเ็า
มันยกอุ้งเท้าขึ้นทุบรุ้งกระบี่อันใหญ่จนสลายเป็ชิ้นๆ ด้วยการขยับตัวอย่างสบายๆ จากนั้น ก่อนที่แรงที่เหลือของการโจมตีจะหมดลงก็มีเสียงคำรามและลมแรงกระโชกพุ่งเข้าใส่ฉู่อวิ๋น
“ตึง--”
ด้วยเสียงดังลั่น ฉู่อวิ๋นก็ถูกโจมตีเข้าที่ร่างกาย แม้ว่าเขาจะยกกระบี่ชื่อยวนขึ้นมากันได้ทัน แต่ก็ยังคงกระอักเืออกมา ทั้งอวัยวะภายในตันห้า[1]กลวงหก[2]และกระดูกทั้งหมดในร่างกายของเขาคล้ายถูกทำลาย
“ตูม--”
ครู่ต่อมา ก็มีร่างหนึ่งกระเด็นออกไป เป็ฉู่อวิ๋นที่กำลังจะตาย ร่างกายเต็มไปด้วยเื เขาล้มลงกับพื้นอย่างแรง ฝุ่นฟุ้งตลบ ไม่ทราบเป็ตาย
“ฉู่อวิ๋น——!!!”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ มู่หรงซินก็หน้าซีดและร่ำไห้ออกมาอย่างน่าเวทนา ดวงตาของนางสั่นไหว น้ำตาก็ไหลพรากออกมาทันที หัวใจของนางเ็ปมาก เ็ปเหลือเกิน
การโจมตีจากสัตว์อสูรระดับสูงนี้ไม่ใช่เื่เล็ก แม้ว่าราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิตจะาเ็สาหัส แต่เพียงอุ้งเท้าเดียวก็ส่งฉู่อวิ๋นให้กระเด็นไปไกลกว่าพันหมี่ ช่างโเี้ยิ่งนัก!
หากนักรบขอบเขตควบแน่นพลังปราณกระเด็นไปไกลเช่นนั้น ร่างกายก็จะบอบช้ำ จนแทบไม่มีโอกาสรอดชีวิต
ในยามนี้ เมื่อมองดูฉู่อวิ๋นที่ไม่ขยับเขยื้อนจากระยะไกล มู่หรงซินก็ทรุดตัวลง นางดูเศร้าโศก น้ำตาไหลอาบใบหน้างดงาม ทรุดนั่งลงบนพื้นราวไร้จิติญญา
“เหอะ! แรงเท่ามด แต่พอเทียบกับสาวน้อยคนนี้ เนื้ออันล้ำค่าของเด็กคนนั้นคงจะบำรุงข้ามากกว่ามากกว่า กินเขาก่อนแล้วกัน” ราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิตจ้องมองมู่หรงซินด้วยความดูถูก จากนั้นก็หันหลังกลับและเดินตรงไปทางฉู่อวิ๋น
“ซืด——! เ้าไม่มีทางทำสำเร็จแน่!”
ัทองเปล่งปรายแสงอันดุร้าย บิดลำตัวพันรอบร่างราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิอย่างแ่า หากมันสามารถกลืนกินเนืุ้์อันล้ำค่าได้สำเร็จ สถานการณ์ที่สมดุลนี้ก็จะพังทลาย และมันก็จะตายเช่นกัน!
แต่ราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิตหนังหนานัก ด้านหนึ่งก็ยังคงรับมือกับการรัดคอของัทอง อีกด้านหนึ่งก็ค่อยๆ เดินไปหาฉู่อวิ๋นทีละก้าว
ทีละก้าว...
ระยะห่างใกล้ขั้นเรื่อยๆ ฉู่อวิ๋นกำลังตกอยู่ในอันตราย
----------
[1] อวัยวะภายในตันทั้งห้า ได้แก่ ตับ หัวใจ ม้าม ปอด และไต มีหน้าที่สร้างและเก็บสารอาหารที่จำเป็ แต่ไม่ทำหน้าที่กำจัด สะสมสารจำเป็ของชีวิตและควบคุมการไหลเวียนของพลังลมปราณและเื
[2] อวัยวะภายในกลวงทั้งหก ได้แก่ ถุงน้ำดี ลำไส้เล็ก กระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ กระเพาะปัสสาวะ และซานเจียว ทำหน้าที่เกี่ยวกับการย่อย ดูดซึมและขับถ่าย