สตรีผู้หนึ่งเดินเข้ามาในเรือนพักของมู่เฟิง
นางสวมใส่ชุดกระโปรงสีน้ำเงิน โดยที่ร่างกายท่อนบนถูกปกปิดเอาไว้อย่างมิดชิด ส่วนท่อนล่างถูกคลุมด้วยกระโปรงที่ยาวเพียงเข่าเท่านั้น เผยให้เห็นน่องขาเรียวยาวอันสมส่วน เรียกได้ว่าเป็สัดส่วนทองคำที่สมบูรณ์แบบเลยทีเดียว
ผมยาวสีดำขลับถูกมัดรวบเป็หางม้าไว้ด้านหลัง มันกวัดแกว่งไปมาตามการเคลื่อนไหว ดวงตากลมโตคู่สวยดูทรงพลังเป็อย่างยิ่ง ทว่าเวลานี้มันกลับเผยให้เห็นร่องรอยของความคุกรุ่น ผิวขาวเนียนละเอียดของนางดูสุขภาพดี มือเรียวยาวข้างนั้นกำลังถือแส้หนังพร้อมย่างเท้าเข้ามา
หลังมู่ชิงได้เห็นสตรีผู้นี้ เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือใคร เด็กหนุ่มจึงกล่าวเรียกพี่มู่หลิงออกมาด้วยน้ำเสียงเคารพยำเกรง
หญิงสาวผู้นี้คือบุตรสาวของมู่เฉินนามว่ามู่หลิงเอ๋อร์อายุสิบเก้าปี ในตอนที่นางอายุครบสิบแปดปี นางได้เข้าเรียนในสำนักศึกษาของราชวงศ์ในเมืองหลวง เวลานี้วรยุทธ์ของนางอยู่ในระดับจื่อฝู่ขั้นสี่แล้ว นอกจากนี้นางยังได้ชื่อว่าเป็เด็กสาวอัจฉริยะของตระกูลมู่อีกด้วย
ด้วยรูปร่างและหน้าตาที่ถูกจัดได้ว่างดงามไร้ที่ติ ประกอบกับพร์ในการฝึกฝนที่ไม่ธรรมดาของนาง ในทุกปีจะมีแม่สื่อจำนวนไม่น้อยเข้าออกตระกูลมู่เพื่อทาบทามและสู่ขอนาง แต่เนื่องจากมู่หลิงเอ๋อร์เป็สตรีอารมณ์ร้ายอีกทั้งยังปากจัด นอกจากนี้นางยังเคยทุบตีบรรดาชายหนุ่มที่มาตามจีบจนได้าแกลับไปไม่น้อย ทำให้นับจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับองค์หญิงตัวน้อยของตระกูลมู่ผู้นี้อีก
“พี่หลิงเอ๋อร์”
เมื่อมู่เฟิงเห็นหญิงสาว เขาก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา
“มู่ชิง เ้าทำอะไร?”
มู่หลิงเอ๋อร์เดินอาดๆ เข้ามาพร้อมชี้นิ้วไปยังมู่ชิง ท่าทางของนางดูดุร้ายราวกับแม่เสือ
“พี่มู่หลิง ข้าเพียงหยอกล้อกับพวกมู่เฟิงตามประสาพี่น้องเท่านั้น ตอนนี้ไม่มีเื่อะไรแล้ว ข้าต้องขอตัวก่อน”
มู่ชิงกล่าวอธิบาย ก่อนจะรีบร้อนพาบ่าวรับใช้อีกสามคนจากไปอย่างรวดเร็ว
ทางด้านมู่ขวงกำลังพยายามหยัดกายลุกขึ้นจากพื้นเช่นกัน จมูกของเขามีรอยฟกช้ำ นอกจากนี้ใบหน้าของเขายังบวมเป่ง มู่เฟิงรีบเข้าไปช่วยพยุงเด็กหนุ่มขึ้นมา เมื่อเห็นร่องรอยาแของอีกฝ่าย แววตาของมู่เฟิงก็ลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะ
"มู่ขวง เ้าไม่เป็อะไรนะ"
มู่หลิงเอ๋อร์เอ่ยถามด้วยความเป็ห่วง
“ไม่ ข้าไม่เป็ไรแล้ว ขอบคุณท่านพี่มู่หลิงมาก”
มู่ขวงกล่าวขอบคุณ ในขณะที่มู่หลิงเอ๋อร์นำขวดยาที่ทำจากหยกขาวขนาดเล็กออกมา นางจัดการเทของเหลวสีเขียวที่บรรจุอยู่ภายในขวดออกและทาลงบนใบหน้าของมู่ขวง เด็กหนุ่มััได้ถึงไอเย็นจากมัน จากนั้นไม่นานความเจ็บจากาแก็พลันหายไป เห็นได้ชัดว่าประสิทธิภาพของยาตัวนี้ดีมากเพียงใด
“ท่านกลับมาได้อย่างไร?”
มู่เฟิงเอ่ยถาม เวลานี้นางควรจะอยู่ที่สำนักศึกษาไม่ใช่หรือ
“ทำไม ข้าแวะมาดูเ้าไม่ดีหรือ”
มู่หลิงเอ๋อร์จ้องมองเขา เมื่อเห็นมู่เฟิงหมดคำจะพูดนางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
มู่เฟิงและมู่หลิงเอ๋อร์สนิทสนมกันเป็อย่างดี สามารถกล่าวได้ว่าระหว่างพวกเขานั้นเป็เหมือนพี่น้องที่คลานตามกันออกมา
"เอาละ หลังจากทายานี่แล้ว อีกไม่นานอาการบวมของเ้าก็จะหายไป"
มู่หลิงเอ๋อร์หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือตัวเอง ขณะกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณท่านพี่หลิงเอ๋อร์มาก เช่นนั้นพวกท่านคุยกันไปเถอะ ข้าขอตัวกลับก่อน”
มู่ขวงแสดงท่าทีเอียงอาย เขาเกาหัวขณะกล่าวลา และจากไปด้วยด้วยใบหน้าที่กำลังขึ้นสีแดงก่ำ มู่เฟิงเดินออกไปส่งเขาก่อนจะเดินกลับเข้ามา
"ข้าได้ยินมาว่าเส้นลมปราณและวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ของเ้าถูกทำลาย นี่เป็เื่จริงหรือไม่?"
มู่หลิงเอ๋อร์กัดริมฝีปากของตัวเอง นางจ้องหน้ามู่เฟิงก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแ่เบา
มู่เฟิงพยักหน้าอย่างใจเย็น ดวงตาคู่สวยของมู่หลิงเอ๋อร์พลันเปลี่ยนเป็แดงก่ำขึ้นมาทันที นางเดินเข้าไปสวมกอดมู่เฟิงหมายจะปลอบโยนผู้เป็น้อง
เมื่อััได้ถึงอ้อมกอดที่นุ่มนวลและแสนอ่อนโยนจากหญิงสาว รวมถึงกลิ่นกายหอมจากตัวของนาง คลื่นแห่งความอบอุ่นก็ได้ไหลผ่านหัวใจของมู่เฟิงราวกับกำลังได้รับปลอบประโลมทำให้หัวใจดวงนี้ของเขาอบอุ่นขึ้นมาทันใด
มู่หลิงเอ๋อร์สะอื้นไห้พร้อมกับโอบกอดเด็กหนุ่มให้แน่นขึ้น ท่านอารองของนางต้องจบชีวิตลง กระทั่งวรยุทธ์ของเด็กหนุ่มยังถูกทำลาย นอกจากนี้นางยังได้ยินข่าวมาว่าตระกูลอวิ๋นเพิ่งขอถอนหมั้น นางไม่รู้เลยว่าความเ็ปที่อยู่ภายในใจของเด็กหนุ่มนั้นจะมากมายเพียงใด
เมื่อคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ หัวใจของมู่หลิงเอ๋อร์ก็ยิ่งเ็ปราวกับว่ามันกำลังถูกมีดกรีด
“ท่านพี่ ข้าไม่เป็ไร อย่าร้องไห้เลย ข้ายังสบายดี เวลาท่านร้องไห้ ท่านดูน่าเกลียดมาก หากพวกคนที่ไล่ตามขอความรักจากท่านได้มาเห็นภาพนี้เกรงว่าคงรีบปล่อยวางจากท่านในทันที”
มู่เฟิงกล่าวปลอบหญิงสาวพร้อมกับพูดจาหยอกล้อไปด้วย
อึก!
มู่หลิงเอ๋อร์ต่อยลงบนไหล่ของเด็กหนุ่ม ก่อนจะผลักเขาออก พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นสูง "เมื่อครู่เ้าว่าอะไรนะ? กล้าว่าข้าน่าเกลียดเชียวรึ!”
“ใคร ใครบังอาจมาว่าพี่สาวของข้าน่าเกลียดกัน? เดี๋ยวข้าจะไล่ทุบตีเ้าเด็กนั่นให้เอง พี่สาวของข้างดงามถึงเพียงนี้ยังกล้าหาว่านางน่าเกลียด เห็นทีคงเป็พวกตาบอด”
มู่เฟิงกล่าวขณะแสร้งมองไปรอบๆ และทำท่าทางเอาจริงเอาจัง เมื่อเห็นดังนั้นมู่หลิงเอ๋อร์ก็ะเิหัวเราะออกมา
"เอาละ พอได้แล้ว ความจริงตอนอยู่ในสำนักศึกษาข้าได้ยินมาว่าเส้นลมปราณของเ้าถูกทำลาย ข้าจึงลาพักเพื่อกลับมาดูเ้า ไม่มีวิธีทำให้มันฟื้นคืนกลับมาได้เลยหรือ?"
สีหน้าของมู่หลิงเอ๋อร์พลันเปลี่ยนเป็เศร้าซึมอีกครั้ง ใบหน้าของสตรีผู้นี้ช่างเปลี่ยนไปได้ทุกวินาทีจริงๆ
เนื่องจากการฟื้นคืนเส้นลมปราณด้วยวิธีการของเคล็ดวิชาชูร่าแห่งานั้นแปลกประหลาดเกินไป ดังนั้นมู่เฟิงจึงไม่สามารถเปิดเผยได้ เขาจึงไม่คิดบอกเล่าเื่นี้กับใคร "ท่านหมอยาบอกว่านอกจากยาครอบจักรวาลขั้นหกแล้วก็ไม่มีทางอื่นอีก"
“ยาครอบจักรวาลขั้นหก!”
มู่หลิงเอ๋อร์กลอกตาในทันที นางแทบจะเป็ลมหลังได้ฟังคำตอบ ลำพังเพียงยาขั้นสามหรือขั้นสี่ก็นับว่าหายากมากแล้ว ดังนั้นอย่าได้กล่าวถึงยาครอบจักรวาลขั้นหกเลย เกรงว่าทั่วทั้งอาณาจักรหนานหลิงแห่งนี้ยังไม่เคยมีปรากฏให้เห็นมาก่อน
“ท่านวางใจเถอะ ขอเพียงมีความมานะพยายาม ข้าเชื่อว่าถึงอย่างไรก็ต้องมีทางออก ข้ามีความรู้สึกว่าเส้นลมปราณของข้าต้องสามารถฟื้นคืนกลับมาได้แน่ น้องชายของท่านเป็ถึงอัจฉริยะเชียวนะ”
มู่เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ทั้งยังเป็รอยยิ้มที่ดูสดใสและบริสุทธิ์อย่างยิ่ง ไม่มีร่องรอยของความหดหู่หรือความเศร้าใจเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นดังนั้นภายในใจของมู่หลิงเอ๋อร์กลับยิ่งเ็ปราวกับถูกแทงด้วยคมมีด
์ช่างใจร้ายยิ่งนัก นับั้แ่เด็กเขาก็ไร้มารดาคอยดูแล มาตอนนี้กลับต้องสูญเสียบิดาไปอีกคน แม้แต่ความหวังที่จะแข็งแกร่งขึ้นยังถูกกีดกัน
“ช้าก่อน ข้าว่าบางทีนางอาจจะช่วยข้าได้!”
ฉับพลันนั้นดวงตาคู่สวยของมู่หลิงเอ๋อร์พลันเปล่งประกายขึ้นมาเมื่อนางนึกถึงใครบางคน หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น ก่อนหันไปมองทางมู่เฟิงและลอบตัดสินใจกับตัวเอง
มู่เฟิงไม่ได้พูดถึงเื่เส้นลมปราณอีกต่อไป เขาพูดคุยเื่อื่นกับมู่หลิงเอ๋อร์แทน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นางต้องเป็กังวลอีก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้