เมื่อถึง่เวลาหนึ่งคนเรามักจะหวาดระแวงกับเื่เื่หนึ่งขึ้นมา แม้แต่ตัวเองก็ยากที่จะเข้าใจมันได้เช่นกัน
อย่างเช่นในตอนนี้ ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าเขา เซี่ยเจิงและเซี่ยเจิงอีกคน ความสัมพันธ์ของทั้งสามคนเปลี่ยนไปอย่างประหลาด
พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ ตราบใดที่คนเราไม่ได้ตาบอด พวกเขาก็จะมองเห็นว่าเซี่ยเจิงยังมีใจให้เซี่ยเจิงอยู่ ไม่เช่นนั้นทันทีที่เลิกเรียนคาบเรียนตัวตัวเองภาคค่ำเธอก็คงจะไม่รีบวิ่งร่าอย่างมีความสุขเพื่อมาขอให้เขาไปงานเลี้ยงวันเกิดของตัวเองเช่นนี้ ทั้งที่จริงแล้วเพียงส่งข้อความมายังได้เลย
ส่วนเื่ของเขากับเซี่ยเจิงนั้นได้จบลงไปนานแล้ว ความรู้สึกที่ยังปล่อยวางไม่ได้สำหรับชวีเสี่ยวปอแล้ว ยิ่งเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ หากจะพูดในแบบของเขาก็คือ “ฉันจะมัวแต่อืดอาดยืดยาดอยู่แบบนี้ได้ยังกัน”
แต่ทว่า ความรู้สึกที่ไม่มีความสุขนี้มันกลับคือเื่จริง
ซึ่งมันก็ทำให้ชวีเสี่ยวปอรู้สึกคาดไม่ถึงมากเช่นกัน
เขาอยากที่จะหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลมาอธิบายความรู้สึกที่เป็อยู่เช่นนี้ แต่น่าเสียดายที่มันไม่มี
แค่รู้สึกไม่มีความสุข รู้สึกไม่มีความสุขเพียงเท่านั้น
ไม่ใช่แค่ว่าตัวเองไม่อยากไป แต่เขาก็ไม่อยากให้เซี่ยเจิงไปด้วย
แล้วตัวเองมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้เซี่ยเจิงไปด้วยล่ะ?
เห็นได้ชัดว่าไม่มี
ดังนั้นจึงรู้สึกไม่มีความสุขเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าเป็ตัว
“นายนี่ไม่ได้เื่เอาซะเลยนะ” เซี่ยเจิงมองเขาด้วยท่าทางที่กำลังครุ่นคิด “นายยังไม่กล้าเท่าผู้หญิงเขาเลย นายอย่าทำแบบที่ว่าพอสารภาพรักไม่สำเร็จแม้แต่เพื่อนก็เป็ไม่ได้สิ”
“มันก็ไม่ถึงขนาดนั้น” ชวีเสี่ยวปอเดินไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ “แต่ฉันแค่รู้สึกอารมณ์ไม่ดี นายจะมาสนใจคนอารมณ์ไม่ดีทำไมเนี่ย? ”
“เธอพูดแล้วว่า” เซี่ยเจิงรีบเดินขึ้นไปสองก้าวให้ตามเขาทัน จากนั้นก็จับไหล่ชวีเสี่ยวปอไว้ “เป็งานปาร์ตี้ นอกจากเราสองคนแล้วยังมีคนอื่นอีก นายจะคิดอะไรเยอะแยะเล่า? ”
“ใครคิดเยอะฮะ” ชวีเสี่ยวปอทำเสียงจิ๊ปาก “โอเค ไปก็ไป ก็แค่ไปกินข้าวมื้อเดียวเองไม่ใช่หรือไง? ”
แม้ว่าปากจะพูดออกไปเช่นนั้น แต่ในเมื่อตัดสินใจที่จะไปแล้วก็ต้องแสดงความจริงใจสักหน่อย
วันถัดมาก่อนเวลาพักกลางวัน ชวีเสี่ยวปอตัดสินใจแล้วว่าตอนพักกลางวันเขาจะไปซื้อของขวัญวันเกิดให้เซี่ยเจิง
“่นี้ผู้หญิงเขาชอบอะไรกันอะ? ” ชวีเสี่ยวปอเกาศีรษะอย่างรู้สึกติดไม่ตก
“ฉันคิดว่านายน่าจะรู้ดีกว่าฉันอีกนะ” เซี่ยเจิงชำเลืองมองไปบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของชวีเสี่ยวปออ ชวีเสี่ยวปอกำลังค้นหาคำว่า “ของขวัญวันเกิด” บนแอปพลิเคชันเถาเป่าอยู่ เพียงแต่ว่าของขวัญที่ไว้จีบสาวพวกนั้นช่างดูไม่เข้าตาเลยสักชิ้น
“ไปให้พ้น เมื่อก่อนที่ฉันให้ของเธอไปเธอก็ไม่เคยรับเลยสักอย่าง” ชวีเสี่ยวปอเกาศีรษะต่อ แล้วจึงพูดขึ้นมาว่า : “ตอนนี้พวกผู้หญิงคงจะชอบลิปสติกอะไรทำนองนี้ล่ะมั้ง? ครั้งก่อนฉันเห็นจ้าวชิวเจียโพสต์รูปเซตลิปสติกกล่องหนึ่งลงในโมเมนต์ของเพื่อน มันก็ดูดีอยู่นะ”
“ดีมันก็ดีอยู่หรอก แต่ว่าเธอคงจะไม่ได้ใช้น่ะสิ” เซี่ยเจิงคิดดูอยู่ครู่หนึ่ง “เธอไม่ได้แต่งหน้า”
“นายสังเกตซะละเอียดเชี่ยวนะ? ” ชวีเสี่ยวปอปัดหน้าจอมือถืออีกสองสามครั้ง แล้วจึงทำเสียงไม่พอใจออกมา
“จะหาเื่อีกแล้วใช่ไหมเนี่ย” เซี่ยเจิงยื่นมือไปกดปิดหน้าจอมือถือของชวีเสี่ยวปอ ทันใดนั้นเขาก็มองเห็นใบหน้าตัวเองที่เต็มไปด้วยความใแฝงไปด้วยความงุนงงผ่านหน้าจอมือถืออยู่หลายวินาที จากนั้นชวีเสี่ยวปอจึงหันหน้าไปหาเซี่ยเจิงทันที “เซี่ยเจิงฉันต่อยนายแน่ !”
“ไม่ต้องดูแล้ว ฉันซื้อเรียบร้อยแล้ว” เซี่ยเจิงพูด
“อะไรนะ? ” ชวีเสียวปอใ “นายซื้ออะไร? ”
“เมื่อเช้าตอนออกจากบ้านสั่งเค้กเอาไว้น่ะ” เซี่ยเจิงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดรูปเค้กให้ชวีเสี่ยวปอดู “อันนี้แหละ”
“พอได้อยู่” ชวีเสี่ยวปอชะโงกหน้าไปดู เค้กตกแต่งอย่างจัดเต็มอลังการ พอเห็นก็รู้เลยว่าต้องเป็แบบที่ผู้หญิงต้องชอบแน่ๆ “นี่ ถ้าเอาเค้กไปแค่ก้อนเดียวมันจะดูน่าเกลียดไปหน่อยหรือเปล่าอะ? ”
“โอะ” เซี่ยเจิงตั้งใจลากเสียงยาว “ไม่เหมือนเมื่อวานที่นายบอกไม่อยากไปละเหรอ? ”
“ถ้าไม่โดนต่อยสักวันนายก็จะรู้สึกไม่สบายตัวหรือไงฮะ” ชวีเสี่ยวปอต่อยไปบนตัวเซี่ยเจิงสองทีเพื่อแก้แค้นแทนตัวเอง : “แบบฉันนี่เรียกว่ามีมารยาท !”
“งั้นก็ซื้อดอกไม้อีกสักช่อเป็ไง” เซี่ยเจิงหัวเราะพร้อมทั้งรับทั้งสองหมัดนั้นไว้ “ตอนไปเอาเค้กก็ซื้อดอกไม้จากร้านนั้นไปด้วยเลย”
ก่อนเลิกเรียนใน่เย็นเซี่ยเจิงส่งโลเคชั่นสถานที่จัดงานปาร์ตี้มาให้ก่อนล่วงหน้า ั้แ่หลังจากที่ต้วนเหล่ยเกิดเื่ขึ้นครั้งก่อน โรงเรียนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็ล้วนมีการตรวจตรากันอย่างเข้มงวด ไม่ให้นักเรียนจับกลุ่มกันหลายๆ คนอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน ดังนั้นเซี่ยเจิงจึงให้พวกเขาตรงไปที่ร้านอาหารได้เลย
แต่พวกเขาทั้งคู่ต้องไปเอาเค้กด้วยพอดี จึงไม่ได้รีบร้อนอะไร โดยเฉพาะเมื่อเห็นดอกไม้ที่ถูกจัดวางไว้เต็มร้าน ชวีเสี่ยวปอก็หยิบๆ เลือกๆ อย่างรู้สึกสนใจ
ส่วนพนักงานในร้านที่เป็เด็กสาววัยรุ่นก็คอยเดินตามชวีเสี่ยวปอเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับดอกไม้ต่างๆ แม้ว่าชวีเสี่ยวปอจะจำไม่ได้เลยก็ตาม
“เลือกเสร็จหรือยัง? ” เซี่ยเจิงเดินมา ในมือถือก็ถือเค้กที่ใส่กล่องเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
“ฉันเลือกจนตาลายไปหมดแล้ว” ชวีเสี่ยวปอชี้ไปยังดอกไม้ที่ถูกจัดวางไว้เป็กองๆ “มันสวยทุกดอกเลย”
“เป็โรคกลัวที่จะต้องเลือกเหรอคะ? ” พี่พนักงานหัวเราะออกมา “คุณน้องจะเอาไปให้ใครคะ? เดี๋ยวพี่ช่วยแนะนำให้ค่ะ”
“เพื่อนนักเรียน เป็ผู้หญิง งานฉลองวันเกิดครับ” ชวีเสี่ยวปออธิบายสถานการณ์ไปอย่างคร่าวๆ
“แบบนี้ก็ได้คะ” พี่พนักงานชี้ไปยังดอกไม้ช่อหนึ่งที่ห่อเอาไว้เรียบร้อยแล้ว “ดอกไลเซนทัสจับเข้าคู่กับดอกทานตะวัน แบบนี้ขายดีมากเลยนะคะ เด็กผู้หญิงเขาชอบกัน”
“งั้นก็เอาช่อนี้นะ? ” ชวีเสี่ยวปอหันไปมองเซี่ยเจิง เป็เชิงว่าจะถามความเห็นจากเขา
“ได้ ดูสดใสมาก” เซี่ยเจิงพยักหน้า
ตอนที่ถือดอกไม้ออกมา ชวีเสี่ยวปอรู้สึกไม่ค่อยชินสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่กล้าบอกเซี่ยเจิง อันที่จริงครั้งนี้เป็ครั้งแรกเลยที่เขาซื้อดอกไม้ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาเคยอยากจะซื้ออยู่เหมือนกัน แต่เขามักจะรู้สึกว่าการกอดช่อดอกไม้เอาไว้แบบนี้มันดูติ๊งต๊องมากเลยทีเดียว
จะติ๊งต๊องก็เพราะไม่รู้ว่าคนที่จะเอาไปให้เขาจะรับหรือเปล่านี่สิ
แต่วันนี้ไม่เหมือนกัน ต่อให้จะเป็คนติ๊งต๊องก็มีเซี่ยเจิงเป็เป็เพื่อนด้วย
การซื้อดอกไม่ทำให้เสียเวลาไปไม่น้อยเลย ทั้งสองคนจึงรีบเรียกรถ และตรงไปยังที่หมายทันที
ร้านอาหารที่เซี่ยเจิงเลือกคนค่อนข้างเยอะพอสมควร เมื่อเดินเข้ามายังห้องโถงใหญ่ของร้านชวีเสี่ยวปอเห็นว่ามีอยู่โต๊ะหนึ่งดื่มจนลงไปนอนแล้วสามคน ส่วนเซี่ยเจิงก็เดินไปแจ้งหมายเลขห้อง พนักงานจึงเดินนำพวกเขาไปขึ้นยัง้า
พอเปิดประตูเข้าไปชวีเสี่ยวปอรู้ได้เลยว่าอะไรคือ “คลื่นเสียงที่ดังสนั่นจนะเืลงมายังพื้น”
ในห้องอาหารแบบส่วนตัวนี้ราวกับว่ามีไก่โอ๊กที่บีบแล้วมีเสียงวางอยู่ประมาณหนึ่งร้อยตัวได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมื่อครู่พนักงานเห็นพวกเขาสองคนแล้วถึงได้เอาแต่ขมวดคิ้ว
“มาแล้วๆ มาแล้วๆ !” มีคนะโขึ้นมาเสียงดัง “หลบให้พวกเขาหน่อยสิ! ทำไมมีตาแต่ไม่มีแววขนาดนี้เนี่ย! ”
จากนั้นก็มีคนให้ห้องเสียสละที่นั่งข้างๆ เซี่ยเจิงให้เขาทั้งสองคนทันที
“สุขสันต์วันเกิด” ทั้งสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน เซี่ยเจิงวางเค้กลงบนโต๊ะ ส่วนชวีเสี่ยวปอก็ยื่นช่อดอกไม้ส่งไปให้
“ขอบคุณนะ !” เซี่ยเจิงรับเอาไว้ เนื่องจากเมื่อครู่เธอดื่มเหล้าไปนิดหน่อยจึงทำให้หน้าแดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสุขนั้นเป็เหมือนกับประกายไฟที่กำลังเริงระบำ มันช่างทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาไปได้เลย
ชวีเสี่ยวปอมองไปรอบๆ ครั้งหนึ่ง ในห้องนี้นอกจากเซี่ยเจิงแล้ว ก็มีผู้หญิงเพียงอีกแค่หนึ่งคนที่เขารู้จัก เธอเป็เพื่อนนักเรียนก่อนที่จะแยกห้องไป แต่ปกติแล้วเขาก็ไม่เคยคุยด้วยเลย
“พวกนายสองคนมาช้าต้องถูกลงโทษแก้วหนึ่ง”
นั่งก้นยังไม่ทันจะร้อนเลย ก็มีผู้หญิงผมยาวประบ่าคนหนึ่งก็ถือแก้วเขย่าไปมาพร้อมทั้งยื่นมาให้เขาทั้งสองคน “ใช่ไหม เซี่ยเจิง !”
“อ่า? ” เซี่ยเจิงมองเซี่ยเจิง “ไม่ต้องก็ได้”
“อุ๊ย” สาวผมยาวประบ่าคนนี้ช่างมีความสามารถในเปลี่ยนบรรยากาศเสียจริงๆ “ทำไมเหรอ? เป็ห่วงขึ้นมาแล้วเหรอ? ”
เห็นได้ชัดว่าคนในห้องนี้ล้วนรู้ว่าเซี่ยเจิงกำลังมีใจให้กับเซี่ยเจิงอยู่ เพราะหลังจากสิ้นเสียงของคนคนนั้น ทุกคนในห้องก็หันมามองเขาทั้งสองคน พร้อมทั้งะโแซวและหัวเราะออกมา
ยกเว้นชวีเสี่ยวปอ
“ดื่มก็ดื่ม” ชวีเสี่ยวปอลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงหยิบขวดเบียร์ขึ้นมาและใช้ตะเกียบเปิดฝาขวดอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเทใส่แก้วตัวเอง
“ฉันยอมรับการลงโทษ”